วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554

คัมภีร์ 2000 ปี


พระคัมภีร์โบราณ(ธรรมเจดีย์)อันศักดิ์สิทธิ์ อายุเก่าแก่กว่า 2000ปี

 article

พระคัมภีร์
พระคัมภีร์พุทธศาสนาโบราณ(ธรรมเจดีย์) อันศักดิ์สิทธิ์ อายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี อันเชิยจากสถาบันอนุรักษ์สเคอเยน ราชอาณาจักรเนอร์เวย์ สู่ ราชอาณาจักรไทย ประระดิษฐาน ณ อาหารพิพิธภัณฑ์ทางพระพุทธศาสนาอำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ระหว่างวันที่  9 พฤศจิกายน2553 - 5 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา09.30 - 18.00 น
 แคว้นคันธาระ
หลังจากพระพุทธปรินิพาน 200 ปี พระเจ้าอโศกมหาราช ส่งพระอรหันต์มัชฌันติกะไปประกาศ พระพุทธศาสนา ณ แคว้นคันธาระดินแดนส่วน
หนึ่งในอัฟกานิสถานปัจจุบัน ที่เคยเจริญรุ่งเรืองด้วยพุทธศาสนา ด้านปฏิมากรรมเป็นบ่อเกิดการสร้างพระพุทธรูปแห่งแรกของโลกด้านคำสอน
มีการสังคยนา ร้อยกรองพระธรรมวินัย เป็นตัวอักษรในพุทธศตวรรษที่ 7 หลังจากการสังคายนานำโดยพระวาสุมิตร ณ วัด กุณฑลวันวิหาร เมืองชาลันธระ อุปถัมภ์โดยพระเจ้ากนิษกะมหาราช ดังปรากฏในบันทึกจดหมายเหตุของพระถังซำจั๋ง พระนักผจญภัยเดินทางใช้เวลา 19 ปี
อัญเชิญพระไตรปิฏกจากอินเดียสุ่จีนในพุทธศตวรรษ ที่ 12 ว่า
           " เบื้องต้นพระอริยสงฆ์ 500 รูป สังคายนาพระสูตร ซึ่งว่าอุปเทศศาสตร์หนึ่งแสนโศลก(บท) ต่อมาสังคายพระวินัย ซึ่งว่าวินัยภาษาศาสตร์หนึ่งแสนโศลก และสังคายนาพระอภิธรรมปิฏก ชื่อว่า อภิธรรมวิภาษาสาสตร์หนึ่งแสนโศก รวมเป็นสามแสนโศกเก้าล้านหกแสนคำ พระเจ้ากนิษกะมหาราชรบสั่งให้จารึกอรรถกถาเหล่านั้น"
 เส้นทางสายไหม
 หุบเขาบามิยัน ตั้งอยู่ห่างจากกรุงคาบูลเมืองหลวงอัฟกานิสสถาน ทางทิศตะวันตกประมาณ 205 ไมล์ ในอดีตเป็นเมืองตั้งอยู่บนเส้นทางสายไหม จุดแยกทางสู่จีน อินเดียว ตะวันออกกลาง และยุโรป มีการค้นพบศาสนาสถานทางศาสนาพุทธ และฮินดูเป็นจำนวนมากกว่า 1000 แห่ง เป็นหนึ่งในจุดศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนาในบริเวณนั้น ศาสนาสถานที่สำคัญที่สุดในบริเวณนี้คือพระพุทธรูปองค์ใหญ่ 5 องค์ องค์แรกสร้างในช่วง พ.ศ.1050 (ค.ศ.507) มีความสูง 38 เมตร และองค์ที่ 2 สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1097 ( ค.ศ.554) สูง 55 เมตรเป็น " พระพุทธรูปแกะสลักฝาผนังที่ใหญ่ที่สุดในโลก" ศิลปะเกรโก ศิลปะพระพุทธรูปยุคแรกที่เผยแพร่มาจากอารายธรรมกรีกโบราณ ซึ่งทั้งหมดนี้คาดกันว่าสร้างโดยพระเถระ และราชวงศ์แห่งราชวงศ์คุปตะแห่งอินเดีย ตามฝาถ้ำมีภาพวาด ซึ่งบ่งบอกถึงการฝสมฝสานของศิลปะคุปตะ ศิลปะคันธารราฐ และศิลปะเปอร์เซียได้อย่างชัดเจน เป็นต้นแบบของการสร้างพระพุทธรูปสบักจากหินล้วน เส้นทางสายไหมนอกจากจะเป็นเส้นทางค้าขายแล้วยังเป็นเส้นทางวัฒนธรรมด้วย พระสงฆ์จีนหลายรูปเดินทางตามเส้นทางสายไหมสู่อินเดีย พระถึงซำจั๋งได้เดินทางไปชมพูทวีปในปี พ.ศ. 1173 (ค.ศ.650) พระเถระได้เล่าว่าถึงบามิยันว่า มีพระพุทธรูปเหลืองอร่ามไปด้วยทองคำ และพระกว่า 1000 รูป จำวัดอยุ่ เสียงสวดมนต์ของพระสงฆ์ก้องกังวาลไปทั่วทั้งหุบเขา
ค้นพบตุ่มแตก
 สถาบันอนุรักษ์สเคอเยน ประเทศนอร์เวย์ เป็นที่รู้จักยอมรับในวงการนักโบราณคดี และภาษาศาสตร์ นานาชาติว่า เป็นสถาบันที่เก็บรักษาโบราณวัตถุชั้นนำของโลก ได้พบคัมภีร์พุทธศาสนา ในถ้ำบริเวณเทือกเขาบาบิยาน ตั้งอยู่ห่างประมาณ 2 กม จากพระพุทธรูปหินบามิยานองค์ใหญ่ สูง 5.5 เมตร ในอดีตดินแดนแถบนี้ชื่อว่าแคว้นคันธาระ นักโบราณคดีและภาษาศาสตร์นานาชาติใช้เวลา 12 ปีทำการชำระคัมภีร์โบราณ โดยได้สันนิษฐานสรุปว่า เป็นผลงานของพระอรหันต์ ที่ได้จารึกพระธรรมวินัยเป็นอักษร เหตุการณ์นี้เกินขึ้นในราวพุทธศวรรษที่ 6 หรือประมาณร่วม 2000 ปี ล่วงมาแล้ว
ม้วนคัมภีร์ตุ่มเดดซีของพุทธศาสนา
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2539 เจนส์ โบรกวิก ศาสตราจารย์ด้านโบราณคดีแห่งศุนย์การศึกษาก้าวหน้า ประเทศนอร์เวย์ ได้เข้าร่วมประชุมวิชาการที่เมืองไลเดน ประเทศเนเธอแลนด์ และมีผู้ร่วมประชุมคนหนึ่งได้เล่าให้ฟังว่า แซม ฟ๊อกก์ พ่อค้าของเก่าแห่งนคร ลอนดอน ได้ขายชิ้นส่วนเอกสารโบราณของพุทธศาสนาจำนวน 108 ชิ้น ให้แก่นักสะสมชาวนอร์เวย์ ชื่อ มาร์ติน สเคอยัน ( Martin Schoyen ) ผุ้อำนวยการและเจ้าของสถาบันอนุรักษ์สเคอเยน สิ่งที่ได้ฟังนั้นทำให้ เจนส์ โบรกวิก เกิดความสนใจอย่างมาก จึงได้ไปพบกับ มาร์ติน สเคอยัน เพื่อขอศึกษาเอกสารดังกล่าว มาร์ติน สเคอรยัน ก็ยินดีให้ความร่วมมือ และบอกเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้าที่ แซม ฟ็อกก์ จะขายเอกสารให้นั้น แซม ฟ็อกก์ ได้ติดต่อนักโบราณคดี ชื่อ ลอเร แซนเดอร์ ให้ช่วยอธิบายความเป็นมาของเอกสารนี้ ซึ่งเมื่อ ลอเร แซนเดอร์ นำไปวิเคราะห์ก็พบว่า เอกสารโบราณนั้นจารึกด้วยภาษาสันสกฤต ในช่วงราว พ.ศ. 540-940 เป็นคัมภีร์ในพุทธศาสนา ที่กล่าวถึงพระสูตรพระวินัย ตลอดจนจารึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งบางเรื่องก็เป็นที่ทราบกันดีอยุ่แล้ว แต่เอกสารอีกหลายชิ้น มีเรื่องราวที่ไม่เคยปรากฏให้โลกรู้มาก่อน และเรียกได้ว่าเป็นเอกสารสำคัญที่เก่าแก่ที่สุด ของพุทธศาสนาที่มีหลักฐานเหลืออยู่ เรียกม้วนคัมภีร์ตุ่มเดดซีของพระพุทธศาสนาค้นพบโดยมิคาดฝันมาก่อน
แดนสันติภาพ
หลังจากที่โปรเฟสเซอร์ เจนส์ โบรกวิก ได้รุ้ถึงที่มาของพระคัมภีร์พุทธแล้ว สถาบันอนุรักษ์สเคอยันก็ได้พยายาม " ขนย้าย " พระคัมภีร์ที่ยังเหลือตกค้างอยู่ในอัฟกานิสถาน ออกมาเก็บรักษาไว้ โดยใช้วิธีการทุกรูปแบบกระทั่งนำเอาออกมาได้เกือบหมด ในประเทศนอร์เวย์ ดินแดนสันติภาพ ก่อนหน้าที่พระพุทธรูปบามิยันจะถูกทำลายลง และอีกส่วนหนึ่งได้รับ หลังจากการระเบิดพระพุทธรูปแล้ว คัมภีร์ที่ทยอยนำมานั้น เมื่อรวมกันตั้งแต่ต้น แล้ว ปัจจุบันมีอยู่ราว 5000 ชิ้น ที่ยังเป็นรูปเป็นร่าง กล่าวคือเป็นชิ้นส่วนของแผ่นจารึกใบลาน เปลือกไม้และหนังแกะ ที่มีขนาดตั้งแต่ 2 ตารางเซนติเมตร ไปจนถึงเป็นแผ่นที่สมบูรณ์ นอกนั้นเป็นเศษอีกราว 8000 ชิ้น เมื่อได้รับชิ้นส่วนพระคัมภีร์มาแล้ว ทางสถาบันจะทำความสะอาด จัดเตรียมเก็บทำก๊อปปี้ และลงหมายเลขแต่ละชิ้นไว้ เพื่อทำการศึกษาค้นคว้าต่อไป
ผจญภัย
ช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 1600 ปี ของพระพุทธศาสนา ณ ดินแดนแห่งนี้ ได้พบเจอกับสงครามและการจู่โจมมาโดยตลอด เริ่มต้นด้วยการเสื่อมถอยของศาสนาพุทธ การมาถึงของศาสนาอิสลามในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13 ถึงแม้จะเป็นชนพื้นเมืองชาวมุสลิมกลุ่มหนึ่งคือชาวฮาซารัส ได้ปกป้องศาสถานแห่งนี้มาก็ตาม การทำลายและการบุกรุกโจรกรรมวัตถุต่างๆเกิดขึ้นเป็นประจำ ขุมพลนักรบเจงกิสข่านได้ยกทัพบุกดินแดนแห่งนี้ แต่ไม่ได้ทำลายพระพุทธรูปบามิยัน สหภาพโซเวียต นำทหารเข้าบุกเข้าโจมตีอัฟกานีสถานตามมาด้วยสงครามอัฟกัน การสู้รบแย่งอำนาจระหว่างชนต่างๆเพื่อช่วงชิงอำนาจ
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2544 พระพุทธรูปแห่งบามิยันได้ถูกทหารตาลีบันใช้เวลา 6 วันระเบิดทำลาย ด้วยเหตุผลว่า การเคารพรูปเคารพนั้น ผิดหลักศาสนาอิสลาม สมาคมโลกและองค์การสหประชาชาติได้ขอร้องระงับการทำลายมรดกโลก แต่ไม่สามารถยับยั้งได้ การทำลายพระพุทธรูปยืนหน้าผา อายุ 1500 ปี องค์แรกของโลก ได้ส่งผลกระทบกระเทือน ต่อจิตใจของคนทั่วโลกอย่างมาก ช่วงกลางปี พ.ศ. 2544 ทหารอเมริกันและพันธมิตร เดินทางเข้าไปประจำการในอัฟานิสถานด้วยอาวุธนานาชนิด การต่อสู้ระหว่างตาลิบัน และทหารนานาชาตไดมีสืบเนื่องต่อมาถึงทุกวันนี้
ชำระ (วิจัย) คัมภีร์
การ " ชำระ"  สังคายนาพระคัมภีร์ที่ได้มานี้ จัดเป็นงานใหญ่ที่ต้องอาศัยผุ้รู้จริงจำนวนมาก การติดต่อประสานงานระหว่างองค์กรและมหาวิทยาลัยต่างๆ ทางสถาบันอนุรักษ์ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2540 โดยมีการสัมนาครั้งแรกเดือน พฤศิกายน 2540 และท้ายสุดครั้งที่สี่ เมื่อเดอืนพฤษภาคม 2542 ที่เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น โดยมีการเชิญนักโบราณคดีนานาชาติมาร่วมงาน และการประชุมย่อยนับครั้งไม่ถ้วน ได้มีการจัดพิมพ์เผยแพร่บางเรื่องที่ได้แปล และเรียบเรียงเสร็จแล้ว เช่น เรื่องจังกีสูตร มหาปรินิพพานสูตร ประปาฎิโมกข์ ประวัติพระพุทธองค์ สร้างคุณประโยชน์ในด้านวิชาการโบราณคดี และภาษาศาสตร์โลกอย่างยิ่ง
ปาฏิหารย์แห่งคำสอน
สถาบันอนุรักษ์สเคอเยน ประเทศนอร์เวย์ ได้อนุรักษ์ธรรมเจดีย์คัมภีร์โบราณเก่าแก่ที่สุดในโลกนี้ไว้ ด้วยเหตุผลว่า คำสอนในพุทธศาสนาสร้างสันติภาพ ให้สังคมโลกอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขตลอดมา ตลอดระยะเวลาร่วม 2000 ปี ที่ผ่านมา อนุสาสนีปาฏิหารย์ ความอัศจรรย์แห่งคำสอนที่จารึกไว้บนใบลาน เปลือกไม้ และหนังสัตว์ ที่รอดพันภัยอันตราย ไม่สูญสิ้นไปกับภัยธรรมชาติและสงคราม สถิตเป็นหลักฐานสำคัญประวัติศาสตร์พุทธศาสนา การบันทึกคำสอนจากท่องจำสู่การเขียนจารึก ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นพระไตรปิฎก (พระ คำยกย่อง แปลว่าประเสริฐ +ไตร แปลว่ สาม +ปิฎก แปลว่าคัมภีร์ รวมแล้วแปลว่า คัมภีร์สามอันประเสริฐ) สือต่อมาถึงปัจจุบันจึงนับว่าเป็นความโชคดีของชาวพุทธทั่วโลกโดยแท้
     พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าว่าเป็นที่พึ่ง
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าว่าเป็นที่พึ่ง
     เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เม โหตุ สัพพะทา
ด้วยการกล่าวสัจจะวาจานั้น ขอความสุขสวัสดี จงมีแก่ข้าพเจ้าทุกเมื่อ
     สัพเพ สัตตา เอวรา อัพยาปัชฌา อะนิฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ 
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวร อย่าได้เบียดเบียนอย่าได้มีความทุกข์กายใจ จงมีความสุขการสุขใจ รักษาต้นให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิดฯ
พระพุทธวจนะก่อนปรินิพพาน
เมื่อ 2553 ปีล่วงมาแล้ว ก่อนเสด็จดับขันธ์พระพุทธเจ้า ทรงตรัสกับสาวกทั้งหลาย เรื่องการสร้างสถูปบรรจะพระบรมสารีริกธาตุเรียกว่า ธาตุเจดีย์สถานประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนาและปรินิพพาน ที่เหล่าสาวกพุทธบริษัททั้งหลาย ควรเดินทางไปปลงธรรมสังเวช เรียกว่า บริโภคเจดีย์ และทรงตรัสกับพระอานนท์ พระพุทธอุปฐาก ถึงอานาคตแห่งพระพุทธศาสนา ซึ่งจัดเป็นธรรมเจดีย์ว่า
 " โย โว มะยา ธัมโม จะ วินะโย จะ เทสิโต ปัญญัตโต โสโว มะมัจจะเยนะสัตถา "
  ดูกรอานนท์ ธรรมและวินัย ที่เรา (ตถาคต) แสดงไว้แล้ว บัญญัติไว้แล้ว จักเป็นศาสดาของพวกเธอ เมื่อเรา (ตถาคต) ล่วงลับไปแล้ว
(มหาปรินิพพานสูตร)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม