วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

ถล่มฐานทหารระแงะตาย 6

ยอดตาย เจ็บ 6 โอ้ว.. ท่าน ผบ.ทบ. เรามาถูกทางแล้ว




19 มกราคม 2554 23:23 น.


       นราธิวาส - กลุ่มก่อความไม่สงบใช้อาวุธสงครามยิงถล่มฐานปฏิบัติการ ร้อย ร.1512 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสที่ 38 อ.ระแงะ จ.นราธิวาส และเกิดการปะทะ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 6 นาย และเสียชีวิตอีก 4 นาย ซึ่ง 1 ในผู้เสียชีวิตเป็น ผบ.ร้อย ร.1512

       วันนี้ (19 ม.ค.) เมื่อเวลา 19.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานีตำรวจภูธรระแงะได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิงใส่ฐานปฏิบัติการ ร้อย ร.1512 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสที่ 38 อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ทำให้เกิดปะทะกันขึ้น โดยคนร้ายกระจายเข้ามาจากทางด้านหลังฐานและยิงใส่เจ้าหน้าที่บริเวณฐาน หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังเข้าตรวจสอบ พร้อมทั้งจัดกำลังออกไล่ล่าคนร้ายทั้งทางบก และทางอากาศ รวมถึงมีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดไว้ตามเส้นทางต่างๆ

       จากการปะทะครั้งนี้ เป็นผลให้มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 6 นาย อาการสาหัส 3 นาย นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิต 4 นาย 1 ใน 4 นั้น คือร.อ.กฤต คำภีรญาณ ผบ.ร้อย ร.1512 สำหรับการสนธิกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุนั้น เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าวมีการตัดไฟฟ้าจากกลุ่มก่อความไม่สงบทำให้ไฟดับสนิท อีกทั้งคนร้ายได้มีการเผายางรถยนต์ไว้บนถนนสาย ม.6 ต.ตันหยงมัส และ ม.1 ต.เฉลิม เพื่อสกัดกั้นการติดตามของเจ้าหน้าที่

       ส่วนในพื้นที่บ้านตะโล๊ะแมเนาะ ต.ลูโบ๊ะสาวอ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส นั้นมีการแจ้งว่า กลุ่มก่อความไม่สงบได้ก่อกวนด้วยการลอบวางเพลิง ศาลาที่พักริมทางในหมู่บ้าน
******
20 มค. 2554 06:26 น. 








เมื่อเวลา 20.20 น.ที่ผ่านมา คนร้ายซึ่งมีประมาณ 10 คน ได้บุกเข้าไปหลังฐานปฎิบัติการร้อย ร.15121 ฉก.นราธิวาสที่ 38 ตั้งอยู่บ้านมะรือโบตก หมู่ 1 ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส แล้วเปิดฉากใช้อาวุธปืนสงครามยิงเข้าใส่ฐานปฎิบัติการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และเกิดการปะทะกัน ทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บ 6 นาย
ต่อมา ร.อ.กฤช คัมพีรญาณ ผบ.ร้อย ร.15121 ฉก.นราธิวาสที่ 38 หัวหน้าชุด ได้ประสานไปยัง พ.ท.ธนิต แสงจันทร์ ผบ.ฉก.นราธิวาสที่ 38 เพื่อขอกำลังเสริมเดินทางไปที่เกิดเหตุ แต่ต้องเจออุปสรรคเพราะคนร้ายได้โรยตะปูเรือใบและตัดต้นไม้เพื่อขวางทางเป็นระยะ ทำให้การเข้าไปช่วยเหลือทำได้ลำบากและล่าช้า จนต้องนำเฮลิคอปเตอร์มาสนับสนุน
ขณะเดียวกันกำลังทหารที่เข้ามาเสริมต้องคืบคลานเข้าไปช่วยเหลือนำคนเจ็บออกจากจุดปะทะนำตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์นำตัวส่งโรงพยาบาลระแงะ 4 นาย และโรงพยาบาล 2 นาย ซึ่งมีอาการสาหัส ท่ามกลางห่ากระสุนที่โจรใต้ยิงเข้าใส่ตลอดเวลา และล่าสุดโจรใต้ก็ยังยิงปะทะกับกองกำลังทหารอยู่ตลอดเวลา
สำหรับรายชื่อทหารที่เสียชีวิต 1. ร.อ.กฤช ถูกกระสุนยิงเข้าที่หน้าอกเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 2.สิบโท อับดุลเลาะห์ กาหยี ที่เหลืออีก 4 ราย ยังไม่ทราบรายชื่อ ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ 6 นาย คือ 1.พลทหารธันวา ยอดแก้ว 2.พลทหารอาริต บูดิง สารี 3.สิบเอกณัฐกิจ โพธิ์จันทร์ 4.จ่าสิบเอก จิตนะ นุตะมะ 5.พลทหารสุคน สามาบุตร 6.สิบเอกสุพล ชูศรี 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากคนร้ายปฏิบัติการยิงถล่มครั้งนี้แล้ว ได้แยกออกเป็นสองชุด โดยชุดที่ 1 ได้โปรยตะปูเรือใบและตัดต้นไม้ขวางเส้นทางสัญจร เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่จาก อ.รือเซาะ นำกำลังเข้ามาสนับสนุน ส่วนอีกชุดได้โปรยตะปูเรือใบและตัดต้นไม้ ไม่ให้เจ้าหน้าที่กองกำลังผสม จ.นราธิวาส เข้ามาสนับสนุนได้ โดยก่อนที่คนร้ายจะลงมือก่อเหตุได้ตัดกระแสไฟฟ้าภายในฐานที่มั่น จากนั้นได้ใช้อาวุธปืนยิงถล่มเจ้าหน้าที่ทันที จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ
***

ขอไว้อาลัยจากการไปของนายทหารกล้า : ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ ผบ.ร้อย ร.15121


ภาพจาก facebook ของ ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ


ขอไว้อาลัยจากการไปของ ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ ผบ.ร้อย ร.15121 หนึ่งในสี่นายทหารที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์คนร้ายลอบโจมตีฐานทหาร ร้อย ร.15121 ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อเวลาประมาณ 20.20 น วันที่ 19 ม.ค.2554 รวมทั้งจนท.อีก3นาย ได้แก่ ส.อ.เทวรัตน์ เทวา, ส.อ.อับดุลเลาะ ยะหยี และพลทหาร1นาย

เหตุการณ์นี้ ยังส่งผลให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บอีก 6 นาย ได้แก่ พลทหารธันวา ยอดแก้ว , พลทหารอาริต บูดิง สารี , ส.อ.ณัฐกิจ โพธิ์จันทร์ , จ.ส.อ.จิตนะ นุตะมะ , พลฯสุคน สามาบุตร , ส.อ.สุพล ชูศรี
"ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ" จบนายร้อยจปร./ ม.ราชฎัฐสวนดุสิต/ มัธยมวัดเบญจมบพิตร และเป็น นตท.38 รุ่นเดียวกับ"ผู้กองแคน"ร.ต.อ.ธรณิศ ศรีสุข

ขอให้ไปสู่สุขคตินะคะ
*********************
ข่่าวสด
คนร้ายบุกถล่มฐาน อ.ระแงะ ทหารดับ5

  เมื่อเวลา 19.30 น. ( 19 ม.ค. 54 )  เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานีตำรวจภูธรระแงะได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิงใส่ฐานปฏิบัติการ ร้อย ร.1512 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสที่ 38 อ.ระแงะ จ.นราธิวาส  ทำให้เกิดปะทะกันขึ้น โดยคนร้ายกระจายเข้ามาจากทางด้านหลังฐานและยิงใส่เจ้าหน้าที่บริเวณฐาน  หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังเข้าตรวจสอบ  พร้อมทั้งจัดกำลังออกไล่ล่าคนร้ายทั้งทางบกและทางอากาศ รวมถึงมีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดไว้ตามเส้นทางต่างๆ และจากการปะทะครั้งนี้ เป็นผลให้มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 6 นาย อาการสาหัส 3 นาย  นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตด้วย 5 ราย หนึ่งในนั้นรวมถึง ร.อ.กฤต คำภีรญาณ ผบ.ร้อยร.1512

 สำหรับการสนธิกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าวมีการตัดไฟฟ้าจากกลุ่มก่อความไม่สงบทำให้ไฟดับสนิท อีกทั้งคนร้ายได้มีการเผายางรถยนต์ไว้บนถนนสาย ม.6 ต. ตันหยงมัส  และ ม.1 ต.เฉลิม เพื่อสกัดกั้นการติดตามของเจ้าหน้าที่

 ส่วนในพื้นที่อื่นๆนั้นมีการแจ้งกลุ่มก่อความไม่สงบได้ก่อกวนด้วยการลอบวางเพลิงศาลาพักริมทางในหมู่บ้านตะโล๊ะแมเนาะ  ต.ลูโบ๊ะสาวอ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส
******************************

ผู้กองท่านนี้ เคยถล่มเครือข่ายใบกระท่อมในภาคใต้มาแล้ว

รวบเอเย่นต์ ค้าใบกระท่อม ของกลาง120กิโล

รวบเอเย่นต์ ค้าใบกระท่อม   ของกลาง120กิโล



ทหาร ฉก.นราธิวาส 38 รวบ 2 เอเย่นต์ค้าใบกระท่อมพร้อมของกลาง 120 กก.  ส่งลูกค้าในพื้นที่ อ.ศรีสาคร ไปต้มเป็นยาเสพติด  4 คูณ 100 ลักลอบขายให้โจ๋ หวั่นเอี่ยวโจรป่วนใต้


เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 8 พ.ย.  ขณะที่ ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ ผู้บังคับหมู่ ร้อย ร.15121 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 38 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทหารตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนถนนในหมู่บ้านมะรือโบตก หมู่ 9 ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ  มีรถยนต์เก๋งยี่ห้อมิตซูบิซิรุ่นแชมป์ สีเลือดหมู หมายเลขทะเบียน สฉ - 6774 กรุงเทพมหานคร ขับผ่านมาแบบมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น  พบบริเวณใต้เบาะนั่งคนขับและเบาะหลัง รวมทั้งฝาประตูทั้ง 4 บาน มีใบกระท่อมสดซุกซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก


เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุม คนขับคือ นายแพดี แมะเราะ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52/1 หมู่ 2 ต.กาเยาะมาตี อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส และนายฮัมดี หะมะ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45 หมู่ 2 ต.กาเยาะมาตี อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส  นั่งคู่กันมาที่เบาะหน้า มาสอบสวนและทำการตรวจค้นรถยนต์เก๋งคันดังกล่าวอย่างละเอียดอีกครั้ง





จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่พบของกลางเป็นใบกระท่อมสด รวม 120 กิโลกรัม พร้อมเงินสด 25,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ใบโอนเงินผ่านธนาคาร จำนวน 5 ใบ  มียอดเงินรวมกว่า 1 แสนบาท โดยนายแพดี เจ้าของรถให้การรับสารภาพว่าได้ไปซื้อใบกระท่อมในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ในราคากิโลกรัมละ 300 บาท เพื่อมาส่งต่อให้กับลูกค้าในพื้นที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส กิโลกรัมละ 650 บาท สำหรับนำไปต้มผสมเป็นยาเสพติด 4 คูณ 100 ลักลอบขายให้กับเยาวชนในพื้นที่


เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว 2 ผู้ต้องหาไปสอบสวนขยายผลที่ฐานปฏิบัติการหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 38 ว่ามีส่วนพัวพันกับกลุ่มเครือข่ายก่อความไม่สงบหรือไม่ ก่อนที่จะส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.ระแงะ ดำเนินคดีในข้อหามียาเสพติดประเภท5 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายต่อไป

**********************



เลิกชี้นำ   
เลิกก้าวก่าย   
เลิกปรีชา
เลิก ศอบต.
เลิกผลประโยชน์
เลิกฟังทฤษฏีนั่้งเทียนของนักวิชาการ
หุบปากราษฏรโกโรโกโส อดีตนายกปัญญาอ่อนระคุณ
เลิกเดินตามนโยบายนักการเมืองอัลกุลอาน
ศึกสงครามอยู่ในบ้านเรา
เลิกฟังฝรั่งตาน้ำข้าวเลิก
ฟังองกรแขกก่อการร้าย
รอบบ้านไทยที่เป็นพุทธทุกประเทศ รัฐบาลแม่งทะเลากับเขารอบบ้านหมด
แล้วไปจับมือแขกมาเล ให้มาฆ่าทหารรายวัน หยุดได้แล้ว


แล้วปล่อยให้แม่ทัพภาค ๔ ท่านแสดงฝีมือ
ไม่เกินสามเดือน เรียบโร๊ย........


หรือ


ส่งลูกน้อง ไปเดินลอยชาย ให้มันยิงเล่นเป็นเป้าปืนงานวัด
แล้วก็นั่งแดกงบประมาณกันไป ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน
กันไปเอาวันทวีคูณ 


ผมเป็นเพื่อนคุณนะครับ
ผมเห็นพวกคุณตายกันรายวัน ผมสงสาร สลดใจ
แต่เจ้านายพวกคุณ มันไม่มีหัวใจหรืองัย




*************************
1.45 แสนล้าน  ทำได้แค่นี้่


ใต้ป่วนครบ 3 จังหวัดรับต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 3 เดือนโดยยังไม่ยกเลิกเพิ่ม 2 อำเภอ ทั้งซุ่มโจมตีชุด รปภ.ครู บุกยิง อส.สุไหงโก-ลก สังหารโหดสาวใหญ่ไทยพุทธ เลขาฯสมช.ฟันธงกลุ่มก่อความไม่สงบเร่งก่อเหตุลอง “ของ-ท้าทาย” มั่นใจเดินถูกทาง แนะให้ดูกันยาวๆ  คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติต่ออายุการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงโดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในท้องที่ จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ยกเว้น อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ออกไปอีก 3 เดือน โดยที่ยังไม่ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพิ่มเติมใน อ.เบตง จ.ยะลา และ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ตามที่นายกรัฐมนตรีเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุม ครม.เมื่อวันอังคารที่ 18 ม.ค.2554 ว่า ครม.เห็นชอบให้ต่ออายุการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ออกไปอีก 3 เดือน ยกเว้น อ.แม่ลาน และเห็นชอบในแนวทางที่จะนำการพัฒนาและการอำนวยความยุติธรรมมาใช้ในพื้นที่เพื่อกลับมาสู่การใช้กฏหมายปกติในการดูแลสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่อื่นๆ ยกเว้น อ.แม่ลาน ขณะนี้ยังมีความจำเป็นที่ต้องต่ออายุการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไป แต่หากพื้นที่ไหนมีความพร้อม ก็จะเสนอให้ยกเลิกทันที
นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า การยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใน อ.เบตง กับ อ.สุคิรินนั้น ขณะนี้ยังรอรายละเอียดอยู่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ย้ำแล้วว่าต้องกลับไปสู่การใช้กฎหมายปกติให้มากที่สุด โดยต้องทยอยยกเลิกและประเมินสถานการณ์ตามความเหมาะสม
"แนวทางของรัฐบาลคือกลับไปใช้กฎหมายปกติ เพราะที่ผ่านมามีการใช้กฎหมายพิเศษเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถไปดูแลสถานการณ์ และรักษาความปลอดภัยให้ประชาชนได้ระดับหนึ่ง มีการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ แต่ผลกระทบคือมีการร้องเรียนจากประชาชน รัฐบาลจึงพยายามกลับไปสู่การใช้กฎหมายปกติ และไม่ให้กฎหมายมีผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ดำเนินการตามกฎหมาย" เลขาธิการ สมช.กล่าว
ชี้แก๊งป่วนใต้ลองของก่อเหตุป่วนไม่เลิก
นายถวิล กล่าวด้วยว่า ในระยะสั้นอาจมีคนต่อต้านและไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้บ้าง เพราะอาจมองภาพไม่ชัด แต่ฝ่ายความมั่นคงกับรัฐบาลมองว่าน่าจะเป็นแนวทางที่ถูกต้อง กลุ่มก่อความไม่สงบอาจจะท้าทาย แต่ระยะยาวหากรัฐบาลมีแนวทางที่ชัดเจนก็จะได้แนวร่วมจากประชาชน เพราะเราไม่ได้มุ่งก่อให้เกิดผลกระทบกับผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นการได้แนวร่วมกลับมา จะทำให้ผู้ก่อเหตุเสียมวลชน
"ส่วนการก่อเหตุที่ยังรุนแรงขึ้นนั้น อาจเป็นการลองของจากฝ่ายไม่เห็นด้วย และตอนนี้น้ำร้อนกับน้ำเย็นกำลังเจอกัน มันต้องดูกันยาวๆ” เลขาธิการ สมช.ระบุ
สำหรับการต่ออายุการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเว้น อ.แม่ลาน จ.ปัตตานีนั้น ครั้งนี้นับเป็นการต่ออายุครั้งที่ 22 หลังจากประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมาตั้งแต่กลางเดือน ก.ค.2548 หรือกว่า 5 ปี 7 เดือน
อดีต กอส.บอกต่อพ.ร.ก.ทำชาวบ้านสับสน
นายอัฮหมัดสมบูรณ์ บัวหลวง นักวิชาการด้านสันติวิธี และอดีตกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) กล่าวว่า การที่รัฐบาลต่ออายุการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีก 3 เดือน ถือเป็นสิ่งที่สวนทางกับท่าทีและข้อมูลของหน่วยงานที่รับผิดชอบพื้นที่ที่บอกว่าสถานการณ์กำลังคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะการต่ออายุเพื่อใช้กฎหมายพิเศษต่อไปคือการสะท้อนให้รู้สึกว่าเหตุการณ์ยังไม่สงบตามที่บางหน่วยกล่าวอ้าง
"รัฐบาลบอกว่าจะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพิ่มอีก 2 อำเภอ หลังจากเลิกนำร่องไปแล้วที่ อ.แม่ลาน แต่วันนี้กลับยังไม่ได้ยกเลิก ทำให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความรู้สึกสับสนว่าท้ายที่สุดแล้วสถานการณ์ดีขึ้นจริงหรือไม่" นายอัฮหมัดสมบูรณ์ กล่าว
อดีต กอส.กล่าวด้วยว่า การต่ออายุการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมาแล้วกว่า 20 ครั้ง เป็นสิ่งที่รัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคงต้องนำกลับไปคิดทบทวน เพราะยิ่งใช้กฎหมายพิเศษ ยิ่งเป็นการสร้างเงื่อนไขหรือปมทางความรู้สึกกับคนในพื้นที่ เป็นการเพิ่มช่องว่างระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน ที่สำคัญยังไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีประเทศไหนในโลกที่ต่ออายุการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยาวนานเท่าประเทศไทย

"สิ่งที่น่ากังวลคือกระบวนการยุติธรรมในพื้นที่จะมีความล่อแหลมมากขึ้น เพราะกฎหมายปกติไม่มีความศักดิ์สิทธิ์หลงเหลืออยู่แล้ว มีแต่จะใช้กฎหมายพิเศษเท่านั้น ทั้งยังสวนทางกับแนวทางการเมืองนำการทหารที่รัฐบาลประกาศอย่างชัดเจนด้วย” นายอัฮหมัดสมบูรณ์ กล่าว

โจมตีทหาร รปภ.ครู-จ่อยิง อส.คาบ้าน
ด้านสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 09.00 น. คนร้ายประมาณ 4-5 คน ใช้อาวุธปืนอาก้าซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลา 12 ขณะเดินทางกลับจากปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองครู โดยใช้รถจักรยานยนต์จำนวน 4 คัน เหตุเกิดบนถนนสายโกตาบารู-ท่าเรือ ท้องที่บ้านแบหอ หมู่ 1 ต.กาลอ อ.รามัน จ.ยะลา ทำให้ พลทหารนิฟาซี แมเร๊าะ อายุ 22 ปี ได้รับบาดเจ็บ
ช่วงเวลาใกล้เคียงกันที่ จ.นราธิวาส พ.ต.อ.นิตินัย หลังยาหน่าย ผู้กำกับการ สภ.สุไหงโก-ลก รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกยิงเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน (อส.) ประจำที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก ขณะพักผ่อนอยู่ในบ้านเลขที่ 82/3 ถนนเจริญเขต ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ ทราบชื่อคนเจ็บคือ นายอุดม ไชยสิทธิ์ อส.ประจำที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดจำนวน 3 นัด อาการสาหัส ญาติช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลแล้ว แต่ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
สอบสวนทราบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุมีจำนวน 4 คน ใช้รถจักรยานยนต์จำนวน 2 คันเป็นพาหนะ ขี่ไปจอดที่หน้าบ้านของนายอุดม เพื่อซื้อน้ำมันขวดเติมรถจักรยานยนต์ เมื่อนายอุดมเดินออกมาขายน้ำมัน คนร้ายได้ชักปืนพกยิงใส่ทันที ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
จ่อยิงสาวไทยพุทธดับต่อหน้าเพื่อนมุสลิม

เวลา 12.30 น.วันเดียวกัน พ.ต.ท.ชูชาติ ชินวงศ์ สารวัตรเวร สภ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุยิงกันบนถนนสายทุ่งยางแดง-รามัน ท้องที่หมู่ 3 บ้านเขาดิน ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง จึงรบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ สีดำ หมายเลขทะเบียน บงน 741 นราธิวาส จอดอยู่ข้างถนน และพบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม.จำนวน 1 ปลอกตกอยู่ จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐานส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ มีพลเมืองดีนำตัวส่งโรงพยาบาลทุ่งยางแดงแล้ว ทราบชื่อคือ นางจินดา เทพสุวรรณ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 หมู่ 3 ต.ปากู อาชีพเกษตรกร มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกขนาด 11 มม.เข้าที่ศีรษะ 1 นัด สุดท้ายทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตที่โรงพยาบาลสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นางจินดาได้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของ น.ส.มีด๊ะ อุเซ็ง อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน เพื่อไปซื้อของในตลาด แต่ระหว่างทางมีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกับ และบังคับให้จอด จากนั้นคนร้ายได้ชักอาวุธปืนพกขนาด 11 มม. จ่อยิง นางจินดา จนเสียชีวิต ส่วนนางมีด๊ะปลอดภัย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ เนื่องจากสามีของนางจินดาเคยถูกยิงเสียชีวิตมาแล้วเมื่อปี 2551

รัวกระสุนใส่ภารโรงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กหวิดสิ้นชื่อ


เวลา 15.50 น. พ.ต.ท.กฤษณะพงษ์ แพทย์สิทธิ์ สารวัตรสืบสวนสอบสวน สภ.รามัน จ.ยะลา รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้บาดเจ็บบนถนนในท้องที่ หมู่ 5 ต.กายูบอเกาะ อ.รามัน จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.นรินทร์ บูสะมัญ ผู้กำกับการ สภ.รามัน และเจ้าหน้าที่ทหาร


ทั้งที่จุดเกิดเหตุอยู่บนถนนสาย 4017 (รามัน-ตะโละหะลอ) พบกองเลือดและรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำอยู่ 1 คัน รวมทั้งปลอกกระสุนปืนอีก 4 ปลอก จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บคือ นายปัญญา สุขเพชร อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 140/1 หมู่ 5 ต.กายูบอเกาะ มีพลเมืองดีช่วยนำส่งโรงพยาบาลแล้ว โดยนายปัญญาถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกขนาด 11 มม.เข้าที่บริเวณลำตัวและแขนขวา อาการสาหัส แพทย์ต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลศูนย์ยะลา


สอบสวนทราบว่า นายปัญญาเป็นภารโรงประจำศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลกายูบอเกาะ ก่อนเกิดเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปรับลูกชายและหลานชายวัย 3-4 ขวบจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขึ้นซ้อนท้ายกลับไป แต่ระหว่างทางถูกคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ และใช้อาวุธปืนจ่อยิงนายปัญญาหลายนัดจนได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว ส่วนลูกชายและหลานชายปลอดภัย เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปว่าเป็นเหตุล้างแค้นส่วนตัวหรือการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม