วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554

สรุปข่าว

รวบมาได้ 1


 ที่ห้องรับรองกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคที่ 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี  พลโท.อุดมชัย  ธรรมสาโรรัตน์  แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคที่ 4 ส่วนหน้า ได้แถลงข่าวถึงผลการดำเนินการติดตามความคืบหน้าในการติดตามคนร้ายที่บุกฐานปฏิบัติการและสังหารเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 4 นาย และได้รับบาดเจ็บ 6 นาย  ส่วนอาวุธปืนที่คนร้ายขโมยไปนั้น แม่ทัพภาคที่ 4 เผยว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบที่แน่ชัดเพราะอาวุธปืนบางส่วนก็ถูกเพลิงไหม้จำนวนหนึ่ง และการเข้าปฏิบัติการของฝ่ายตรงข้ามในครั้งนี้ได้เตรียมการมาเป็นอย่างดี จึงสร้างความสูญเสียให้กับฝ่ายเจ้าหน้าที่

    พลโท.อุดมชัย  ธรรมสาโรรัตน์  แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผอ.กอ.รมน.ภาค 4 สน.  กล่าวว่า  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ก็เพราะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการอยู่ในที่แจ้ง ภายใต้กฎหมายการเมืองนำการทหาร ฝ่ายตรงกันข้ามปฏิบัติอยู่ในที่มืดไม่ยึดถือหลักกฎหมายย่อมมองเห็นช่องว่าง ของเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในที่แจ้งได้ตลอดเวลา เมื่อมีโอกาสจึงได้ปฏิบัติการกับฝ่ายทหารดังที่ได้ทราบกันแล้ว โดยกลุ่มคนร้ายได้เริ่มปฏิบัติการเข้าโจมตีทั้งด้านหน้าฐานและด้านหลังของฐานปฏิบัติการด้วยอาวุธปืนสงครามนา ๆ ชนิด และคนร้ายได้ดับไฟภายในฐานปฏิบัติการ จึงเกิดการยิงต่อสู้กันขึ้นประมาณ 30 นาที แล้วคนร้ายจึงได้ล่าถอยไป และได้สร้างความสูญเสียให้กับฝ่ายทหารโดยมีสิ่งของได้รับความเสียหายและอาวุธปืนส่วนหนึ่งหายไปและอีกส่วนก็ถูกเพลิงไหม้อยู่ภายในฐานปฏิบัติการ สำหรับการติดตามคนร้ายมาลงโทษนั้นจะต้องดำเนินการตามกฏหมายอย่างเคร่งครัดและนำตัวมาดำเนินคดีให้ได้  ซึ่งขณะนี้ได้มีการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว 1 ราย คาดว่าจะมีส่วนเชื่อมโยงกับเหตุการณ์บุกโจมตีฐานปฏิบัติการดังกล่าวอยู่ด้วย
    แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวอีกว่า  ตั้งแต่ตนเองได้มาเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 นั้น ก็ยังคงใช้นโยบายการเมืองนำการทหารภายใต้กรอบยุทธศาสตร์พระราชทาน”เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และนโยบายของผู้บัญชาการทหารบกอย่างเคร่งครัดและจริงจัง โดยเฉพาะนโยบายในเรื่องของการปฏิบัติในเรื่องของสิทธิมนุษย์ชนอย่างเคร่งครัด รวมถึงได้นำนโยบายเสริมสร้างสันติสุขบางส่วนนำมาประกอบที่จะให้ประชาชนส่วนหนึ่งที่ได้จับอาวุธมาต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐนั้นได้ทยอยออกมารายงานตัวเพื่อสร้างความเข้าใจกับฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐแล้วเป็นจำนวนมาก ดังนั้น กลุ่มก่อเหตุรุนแรงจึงต้องปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อสร้างความเชื่อถือจากฝ่ายรัฐบาล เมื่อเป็นเช่นนี้การปฏิบัติการที่รุนแรงจากฝ่ายตรงข้ามจึงเกิดขึ้น

***************************

ลอบบึ้มยะลา-ปัตตานี 
โจรป่วนหนัก 
ไล่ยิงชาวบ้านรายวัน 
ฝ่ายข่าวได้เบาะแสลึก  
M79 จ่อถล่มตร.-ทหาร

 สถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังเกิดเหตุร้ายรายวัน เมื่อวันที่ 22 มกราคม เวลา 07.20 น. ร.ต.ท.อัสลัม อาคุณซาดา ร้อยเวร สภ.เมือง จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณ 3 แยกสัญญาณไฟจราจรแยกเรือกอและ ริมถนนสายนราธิวาส-บ้านทอน เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.นันทเดช ย้อยนวล รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส พ.ต.ท.จันที แจ่มจันทร์ หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส น.ท.วิรัตน์ ตะโจปะรัง ผบ.ฉก.นราธิวาส 33 เจ้า หน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส รวม ทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

 วางบึ้มเมืองนราฯชาวบ้านเจ็บ1

 พบว่าที่บริเวณริมถนนมีหลุมลึก 2 ฟุต กว้าง 4 ฟุต และมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็กหนัก 5 ก.ก. จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ ตกกระจายเกลื่อนพื้นถนน ไม่ไกลจากกันนักที่บริเวณแยกไฟสัญญาณจราจร เจ้าหน้าที่พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า หมายเลขทะเบียน ขจค-201 นราธิวาส ล้มตะแคงอยู่ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บพลเมืองดีนำตัวส่งรักษาโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ทราบชื่อภายหลังคือ นายปรีชา ดอเลาะ อายุ 37 ปี ซึ่งประกอบอาชีพจำหน่ายเสื้อผ้ามือสอง ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณข้อเท้าขวาและขาขวา ได้รับบาดเจ็บสาหัส

 สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.นราธิวาส 33 จำนวน 6 นาย ขับรถจักรยานยนต์ 3 คัน ออกลาดตระเวนเส้นทางเพื่อรักษาความปลอดภัย มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในละแวกจุดเกิดเหตุ ได้ใช้โทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิดขณะเจ้าหน้าที่ขับรถผ่าน แต่ระเบิดทำงานช้านายปรีชา ซึ่งขับรถผ่านมาพอดี จึงถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บดังกล่าว

 ประกบยิง ผช.ผู้ใหญ่บ้าน

 ที่ จ.ปัตตานี พ.ต.อ.มนัส ศิกษมัต ผกก.สภ.เมือง จ.ปัตตานี รับแจ้งเกิดเหตุคนถูกยิงเสียชีวิตบนถนนสาย 410 ปัตตานี-ยะลา ใกล้กับมัสยิดบ้านกาฮง ม.4 ต.บาราเฮาะ อ.เมือง ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพชายนอนจมกองเลือดอยู่กลางถนน ทราบชื่อ นายแวฮิบรอเฮม มัตรูดิน อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/2 ม.4 ต.บาราเฮาะ อ.เมือง จ.ปัตตานี ตรวจสอบพบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม. ที่กลางหลัง 4 นัด ห่างจากผู้ตายประมาณ 50 เมตร พบรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย ล้มตะแคงอยู่ในพงหญ้าริมทาง

 จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายเป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ต.บาราเฮาะ ก่อนเกิดเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ ออกจากบ้าน เพื่อจะไปดื่มน้ำชาที่หน้าโรงเรียนบ้านกาฮง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ มีคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบชนิดตามประกบ และคนซ้อนท้ายได้ชักอาวุธปืนขนาด 11 มม. ออกมากระหน่ำยิงใส่กลางหลังทันที 4 นัด ก่อนจะหลบหนีไปอย่างลอยนวล

 โจรใต้ป่วนวางบึ้มที่สายบุรี

 ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สายบุรี รับแจ้งเหตุระเบิดที่หน้าองค์การโทรศัพท์อำเภอสายบุรี บริเวณเขตเทศบาลตำบลตะลุบัน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นได้ประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด(อีโอดี) ไปตรวจสอบ พบว่าลูกระเบิดทำงานไม่เต็มรูปแบบ จึงทำให้อนุภาพทำลายล้างไม่รุนแรงมาก

 นายลือชัย เจริญทรัพย์ นายอำเภอสายบุรี กล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ( 22 ม.ค. ) มีชาวบ้านแจ้งว่าพบวัตถุต้องสงสัยวางอยู่หน้าองค์การโทรศัพท์อำเภอสายบุรี เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการปิดกั้นบริเวณดังกล่าวไว้ เพื่อรอชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดมาตรวจสอบในวันรุ่งขึ้น แต่ระเบิดได้ทำงานเสียก่อน ทั้งนี้เชื่อว่าคนร้ายประสงค์ที่จะเอาชีวิตเจ้าหน้าที่ เพราะจุดดังกล่าวเป็นเส้นทางที่ต้องสัญจรผ่านเป็นประจำ

 "หน่วยข่าว"เชื่อโจรใต้เตรียมก่อเหตุ

 จากกรณีกลุ่มคนร้ายบุกยิงถล่ม ภายในฐานปฏิบัติการพระองค์ดำ สังกัดร้อย ร.15121 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 38 จนเป็นเหตุทำให้ทหารบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ก่อนจะชิงอาวุธปืนหลบหนีไปอีกหลายสิบกระบอกนั้น

 หน่วยข่าวด้านความมั่นคง ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระบุว่า ทางด้านการข่าวได้มีการวิเคราะห์และพุ่งเป้าไปยังกลุ่มก่อเหตุในเหตุการณ์นี้ว่า เป็นกลุ่มคนร้ายจำนวน 5 กลุ่ม จากหลายพื้นที่โดยเฉพาะกลุ่มจากพื้นที่ อ.เจาะไอร้อง อ.บาเจาะ อ.ระแงะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และ พื้นที่ ต.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา ซึ่งเป็นกลุ่มปฏิบัติการ ระดับคอมมานโด มีความชำนาญพิเศษด้านการรบแบบประชิดตัว ที่ผ่านการฝึกมาจากต่างประเทศ เช่นนายอัมรัน มิง นายยูโซ๊ะ โต๊ะลือเนาะ นายอับดุล พาเมลสาและ หรือโคเบ อินโด นายดุลละหะเล็ง ยามาสะกา หรืออีหม่ามฮาเล็ง จะกว๊ะ โดยมีแวอาลีคอบเตอร์ วาจิ เป็นผู้นำทีมในการบุกโจมตีในครั้งนี้ โดยมีกองกำลังที่ร่วมปฎิบัติการในครั้งนี้ประมาณ 50 คน และแกนนำทั้ง 5 รายนี้ มีหมายจับในคดีด้านความมั่นคงหลายคดี

 หวั่นยิงเอ็ม 79 ถล่ม ตร.-ทหาร

 หน่วยข่าวยังรายงานอีกว่า พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ ต.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา ได้นำเครื่องยิงลูกกระสุน เอ็ม 79 จำนวน 3 กระบอก มาให้สมาชิกในพื้นที่ โดยเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายมีแผนที่จะยิงเอ็ม 79 ใส่ฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ และสถานีตำรวจในพื้นที่ ต.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา นอกจากนั้นยังพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ได้มีการเคลื่อนย้ายอาวุธเข้ามาในพื้นที่ ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ซึ่งคาดว่าเป็นเครื่องยิงเอ็ม 79 เช่นกัน โดยเชื่อว่าคนร้ายมีแผน ที่จะก่อเหตุยิงถล่มฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ ในพื้นที่ ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา รวมทั้งสถานีตำรวจภูธรบันนังสตา ซึ่งอาจจะยิงใส่เข้าทางด้านหลัง และพบว่าในพื้นที่บันนังสตา มีกลุ่มแนวร่วม ที่ผ่านการฝึกใหม่พร้อมที่จะปฏิบัติการแล้วจำนวน 45 คน จึงขอแจ้งเตือนไปยัง 2 พื้นที่หลักๆดังกล่าวของ จ.ยะลา ให้เพิ่มความเข้มข้น ในการดูแลรักษาความปลอดภัย รวมทั้งการบุกเข้าชิงอาวุธปืนของกลุ่มคนร้ายด้วย

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.ชัยทัต อินทนูจิตร ผบก.ภ.จ.นราธิวาส ได้ระบุว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นฝีมือคนร้ายกลุ่มอาร์เคเค มีนายอับดุลเลาะ อาบู เป็นหัวหน้าชุดคอมมานโด ขณะนี้พนักงานสอบสวน กำลังเร่งรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ เพื่อใช้ในการขออนุมัติออกหมายจับนายอับดุลเลาะ และพวกอีก 5 คนภายใน 1-2 วันนี้

 แนะใช้ความผูกพันลดเหตุรุนแรง

 วันเดียวกันที่มูลนิธิรัฐบุรุษฯ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการศิลปะเพื่อเยาวชนถึงเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ว่า มูลนิธิรัฐบุรุษฯ อยากสร้างความรู้สึกที่ดี ความรู้สึกที่มีความเป็นพี่เป็นน้อง เป็นคนในชาติบ้านเมืองเดียวกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้ทุกคนมีความเข้าใจและผูกพัน จนนำไปสู่ การลดระดับความรุนแรงในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ได้ขอให้ทางมหาวิทยาลัยอิสลามที่ จ.ยะลา ทำโครงการวิจัยเพื่อประเมินผลของโครงการฯ เพื่อนำไปให้ส่วนราชการในพื้นที่เอาไปใช้ประโยชน์

 เมื่อถามถึงสถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.อ.สุรยุทธ์ ตอบสั้นๆว่า "ผมจะพูดถึงเฉพาะเรื่องของมูลนิธิฯเท่านั้น และผมคงไม่มีคำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางแก้ปัญหาสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เพราะผมไม่มีหน้าที่ในส่วนนั้น พ้นมาแล้วก็พ้นไป ไม่กลับไปทำอีก



**************************************

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาส ตรวจสอบหลุมระเบิดที่สามแยกสัญญาณไฟจราจรแยกเรือกอและริมถนนสายนราธิวาส-บ้านทอน ชาวบ้านบาดเจ็บสาหัส 1 ราย
พบหลุมลึก 2 ฟุต กว้าง 4 ฟุต และมีเศษชากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็กหนัก 5 กก. จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือตกกระจาย ส่งผลให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย



********************************************


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม