วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554

อย่าทำลายพระพุทธรูป

อย่าทำลายพระพุทธรูป
วันจันทร์ที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔
ได้พัก  10  วัน  พนักงานทั้งบริษัทจึงบินไปพักรักษาความเหนื่อยกันที่กรุงอัมมาน ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน  ผมขึ้นมาที่ที่ทำการสายการบินเมื่อวานนี้  จึงมีแต่ความเหงา  ว่างเปล่าเหมือนสายการบินร้าง  กลับไปเมืองไทยดีกว่า
ผู้อ่านท่านที่เคารพครับ  ทุกสายการบินทุกเที่ยวจากเดลีที่จะมาลงกรุงเทพฯ  เต็มหมด  ผมจึงต้องซื้อตั๋วใหม่ไปลงกรุงกาฐมาณฑุ  ราชอาณาจักรเนปาล  และหาซื้อตั๋วของสายการบินไทยต่อมากรุงเทพฯ  อีกที
ระหว่างนั่งรอเครื่องที่จะไปกาฐมาณฑุ  ที่สนามบินเดลีไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ควันไฟพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้าเบื้องหน้า  รถดับเพลิงวิ่งกันให้วุ่นวายไปหมด
เช่นกันกับที่สนามบินดอนเมืองของไทยในวันถัดมา  มีเครื่องบินของการบินไทยเกิดระเบิดขึ้นเหมือนกัน  ที่อินเดียเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา  คิดว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุแน่ แต่ที่เมืองไทย  ฟังข่าวแล้วน่าสงสัยครับ  เท่าที่ทราบเหตุการณ์ในเวลานี้  ก็มีเหตุเป็นไปได้ว่าน่าจะมาจากการวางแผนร้าย?
วันนี้เป็นวันตรุษอิสลาม  หรือวันขึ้นปีใหม่ของอิสลาม  ซึ่งวันเริ่มต้นของอิสลามไม่ได้ถือเอาวันที่ท่านศาสดา (ศ็อลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  เดินทางออกจากนครมักกะฮฺ  หรือวันที่ท่านศาสดาเดินทางถึงนครมะดีนะฮฺ
แต่ถือตามเดือนเริ่มต้นที่ชาวอาหรับใช้อยู่เดิม  คือเดือนมุฮัรรอม  เป็นเดือนเริ่มต้นของปี  คือ  วันที่  1  เดือนมุฮัรรอม
ตรุษอิสลามปีนี้  มีสิ่งที่ไม่สบายใจสำหรับพวกเราชาวพุทธ  ผู้อ่านท่านทั้งหลายก็คงจะทราบว่า  ในขณะนี้  มุลเลาะฮฺ  มุฮัมมัด  โอมาร์  ผู้นำมุสลิมขวาจัด  มีคำสั่งให้ทำลายรูปปั้นเคารพสักการะต่างๆ  ภายในรัฐอิสลามอัฟกานิสถาน  ซึ่งการกระทำดังกล่าว  เป็นการทำลายจิตใจชาวพุทธมากที่สุด  เพราะรูปปั้นเคารพที่ถูกสั่งให้ทำลายทิ้งนั้น  เป็นพระพุทธรูปหินแกะสลักใหญ่ที่สุดในโลก  และมีประวัติอันยาวนานมามากกว่า 2,000 ปี
นอกจากจะเป็นสิ่งสักการะของชาวพุทธแล้ว  พระพุทธรูปหินแกะสลักนี้  ยังเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของมนุษยชาติทั้งมวล  เป็นสมบัติทางอารยธรรมของมนุษย์ทุกผู้ทุกนามที่อุบัติขึ้นมาบนโลก
ทุกตรอกซอกมุมไม่ว่าจะไปที่ไหนๆ  ก็จึงมีเสียงวิงวอนรัฐบาลอัฟกานิสถานให้รักษาพระพุทธรูปดังไปทั่ว  ไม่เฉพาะจากชาวพุทธเท่านั้นในอินเดียที่ผมเพิ่งกลับมา  พวกฮินดู  คริสต์  แม้แต่ผู้นับถือศาสนาอิสลามเหมือนกับพวกทาลีบัน  ก็อ้อนวอนให้ช่วยกันรักษาไว้
ผู้อ่านบางท่านที่ไม่ใช่มุสลิมอาจจะสงสัยว่า  ทำไมพวกทาลีบันจะต้องทำลายพระพุทธรูปด้วย?  เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ
ตามคำสอนของศาสนาอิสลามนั้น  ถือว่า  เมื่อผู้ใดเป็นมุสลิม  ก็คือเป็นผู้นอบน้อมต่ออัลลอฮฺ  (ซุบฮานะฮูวะตะอาลา)  เพียงองค์เดียว  ไม่จำเป็นที่ผู้นั้นจะต้องไปแสวงหาที่พึ่งจากที่อื่น  ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มีอยู่ในจักรวาลอย่าง  พระอาทิตย์ พระจันทร์  ดารา  ภูเขา  แม่น้ำ  ก้อนหิน  ต้นไม้  จอมปลวก  ฯลฯ  หรือแม้แต่สิ่งต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง  เช่น  รูปปั้น  รูปภาพ  ผ้ายันต์  หรือแม้แต่ปลัดขิก

พวกทาลีบันวินิจฉัยว่า  พระพุทธรูปหินแกะสลักเป็นรูปที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง  ดังนั้น จึงต้องทำลาย  โดยไม่คำนึงถึงจิตใจของมนุษย์ด้วยกัน  ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมโลกศาสนิกอื่น  
พวกทาลีบันลืมไปว่า  โลกนั้นประกอบไปด้วยกลุ่มชนที่แตกต่างกันทางวัฒนธรรม  ซึ่งมาจากปัจจัยต่างกัน  ทั้งเรื่องเชื้อชาติศาสนา
แต่ละประเทศต้องมีทั้งวัฒนธรรมหลักและวัฒนธรรมรอง  ถ้าทั้งสองวัฒนธรรมพยายามทำความเข้าใจกัน  ก็อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข  แต่ถ้าวัฒนธรรมใหญ่ในสังคมประกาศว่า  ในดินแดนนี้จะมีแต่วัฒนธรรมประจำชาติ  อันเป็นวัฒนธรรมหลักของสังคมเท่านั้น  อย่างในอัฟกานิสถาน  บ้านเมืองนั้นก็ไม่มีความสุข
ถ้าในเมืองไทยเกิดมีผู้นำรัฐบาลบ้าประกาศว่า  ดินแดนแผ่นดินนี้ให้มีแต่ศาสนาพุทธ  พูดได้แต่ภาษาไทย  ไม่ให้มีอนุวัฒนธรรมที่มีความแตกต่างไปจากวัฒนธรรมไทย  ซึ่งเป็นวัฒนธรรมใหญ่ในสังคม  ศาสนาอื่นห้ามมี  โบสถ์คริสต์ห้ามตั้ง  สุเหร่าของมุสลิมห้ามมีให้เห็น  สังคมนี้จะมีสภาพเป็นเช่นไร?
พวกเราชาวพุทธร่วมใจต่อต้านทาลีบันกันเต็มกำลัง  และก็ต้องขอขอบพระคุณพี่น้องจากศาสนิกอื่น  ทั้งฮินดู  คริสต์  อิสลาม  ฯลฯ  ที่ช่วยกันประท้วงตักเตือนรัฐบาลของอัฟกานิสถาน
โลกจะร้อนขึ้นอย่างแน่แท้  ถ้ารัฐบาลอัฟกานิสถานทำลายพระพุทธรูป
ตัวอย่างนี้จะทำให้มีความขัดแย้งทางศาสนาระลอกใหม่ไปทั่วโลก
  • นิติภูมิ  นวรัตน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม