วันอังคารที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2554

โจรก่อการร้ายกับอิสลาม


โจรก่อการร้ายกับอิสลาม
แท้ที่จริงแล้ว ศาสนาอิสลามไม่ได้เป็นต้นเหตุ ทำให้เกิดความบาดหมางระหว่างคนในชาติ ไม่ว่ากรณีใดๆ แม้แต่การที่ชาวพุทธต้องหนีตายไปพึ่งวัด ก็ไม่ได้เกิดจากอิสลาม
แท้ที่จริง พวกโจรปัตตานีสร้างกลลวงมายาวนาน จนปลุกให้อิสลามเป็นคนเหี้ยมโหดขึ้น มาช่วยเข่นฆ่าชาวพุทธ ภายใต้การบงการ คือ พวกโจร ความจริงมันเป็นเช่นนั้น
ต้นเหตุทั้งหมดเกิดจากปัญหาชนเผ่า แต่ถ้าพูดว่า เป็นปัญหาของชนเผ่า ก็จะเข้าใจยาก ทั้งนี้เนื่องจากประเทศไทย ไม่เคยเอาใจใส่ในปัญหาของชนเผ่าต่างๆ เลย เราแทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในประเทศไทยมีกี่ชนเผ่า มีเผ่าอะไรบ้าง ไม่รู้ว่าความคิดและความเชื่อของชนเผ่าเป็นอย่างไร
รัฐบาลผู้บริหารประเทศ ด้อยสติปัญญายาวนาน ปล่อยให้เรื่องของชนเผ่า เกิดการเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน ตัวอย่างเช่น ชนเผ่าไทยตั้งแต่เดิมนั้น มีความยากจนค่นแค้น ความเป็นอยู่อนาถา ไร้การศึกษา ไม่มีที่ทำกิน ไร้ที่อยู่อาศัยไร้ที่พึ่ง ตกอยู่ในฐานะผู้เสียเปรียบทางสังคม
สภาพชีวิตที่แท้จริงฟ้องอยู่ในตัวว่า ชนเผ่าไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบชนเผ่าอื่น
ชั้นวรรณะที่แท้จริงของคนไทย คือพลเมืองชั้นสอง !
นี่เป็นเรื่องของชนเผ่าไทยโดยแท้ ขนาดนี้ชนเผ่าอื่นกลับกล่าวหาไทยเอารัดเอาเปรียบ ชนเผ่าอื่นที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย มาพบเจ้าของประเทศที่มาอาการหลับๆ ตื่นๆ ชนเผ่าไทย จึงตกเป็นเหยื่อของคนที่ฉลาดกว่า
ยิ่งพระพุทธศาสนานั้น คนทีเข้ามาบวชล้วนแต่เป็นคนที่ยากจน การศึกษาก็น้อย จึงไม่รู้เท่าทันคนเผ่าอื่น ชนเผ่าอื่นเอาเปรียบเพียงใดก็ทนได้ เพราะว่ารัฐบาลนำพาให้ทนอยู่..ทนสู้..ชนเผ่าไทยเผชิญชะตากรรมมายาวนาน
ชนเผ่าอื่นนั้น เขาไม่ได้มีปัญหาเรื่องอาชีพ เขาไม่ได้ยากจนอนาถา เขาไม่มีความหนักใจที่จะอยู่กับคนไทย เพราะยังไงเสีย อยู่กับคนไทยง่ายกว่าอยู่กับพวกเดียวกันเสียด้วยซ้ำ แต่ที่เขาหนักใจนั้น หรือไม่มีความพึงพอใจทั้งหลายทั้งปวง เพราะเขาต้องการแยกตัวตั้งเป็นประเทศของตนเอง เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า "ซีเซสเชิน" (Secession) จึงได้เกิดการกบฏ การคิดกบฏนั้น เป็นได้ทั้งความคิดทางชนเผ่า และความมักใหญ่ใฝ่อำนาจ ต้องการเป็นหัวหน้าชนเผ่า หรือเป็นสุลต่านเสียเอง จึงคิดการใหญ่ เกิดการซ่องสุมกำลังผู้คน แล้วสร้างเงื่อนไขให้เกิดกรณีพิพาท เช่นการฆ่าพระไล่ล่าชาวพุทธ เผาบ้านเผาเรือน หาทางทำให้การต่อสู้ขึ้น จะได้หาเรื่องเอามาโวยวายตามความชำนิชำนาญในการปั้นเรื่องของพวกโจร
แต่...จนแล้วจนรอด ชาวพุทธก็ยังไม่ต่อสู้ป้องกันตัวเอง
โจรจึงโวยวายเรื่องเก่า หาว่าพุทธรังแก ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความจริง
เรื่องจริงของข้อขัดแย้งทั้งหมด เกิดจากการเป็นกบฏ หลังจากการกบฏก็มีการปราบปราม เมื่อถูกปราบปรามก็โวยวาย แล้วใช้คำว่า "ประเทศไทยรังแก" ก่อกระแสทำให้เกิดความบาดหมางขยายวงกว้างออกไป ยิ่งมีการตายเกิดขึ้น ยิ่งเป็นเงื่อนปมให้ยุ่งยากมากขึ้น
กรณีกรือเซะ และกรณีตากใบ คือวัตถุดิบชิ้นงามของพวกโจรก่อการร้าย
แต่...ถึงแม้จะกล่าวว่าปัญหาที่แท้จริงคือการกบฏ แต่ปัญหานี้เกิดมาจากความมักใหญ่ใฝ่สูง และเกิดมาจากความต้องการให้ชนเผ่าของตนแยกเป็นอิสระ โดยอาศัยความศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลาม เป็นประหนึ่งหอบังคับการ ทำให้โจรปัตตานีได้รับการสนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อม จึงสรุปได้ว่า ในที่สุดปัญหาทั้งปวงเกิดจากปัญหาชนเผ่าทั้งสิ้น
โจรก่อการร้าย มีใจต้องการปกครองตนเอง ไม่ต้องการขึ้นกับรัฐบาลที่ผู้บริหารไม่ใช่คนเชื้อชาติเดียวกัน โจรจึงประกาศต่อสู้กับรัฐบาล โดยประกาศออกมาว่า เป็นการต่อสู้กับรัฐบาลไทยการประกาศเช่นนี้ เป็นการยืนยันให้เห็นว่า ตัวเขาไม่อยากเป็นคนไทย ถ้าเขามีความรักในความเป็นคนไทย เขาจะไม่ใช้คำประกาศว่า ต่อสู้กับรัฐบาลไทย แต่เขาจะต่อสู้กับ "ตัวบุคคล" เช่น ประกาศว่าสู้กับรัฐบาลทักษิณ หรือสู้กับรัฐบาลหุ่นอะไรทำนองนั้น
ดูตัวอย่าง โจรก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ไม่เคยประกาศแม้แต่ครั้งเดียวว่าสู้กับรัฐบาลไทย แต่ ผกค. ประกาศว่า สู้กับรัฐบาลหุ่น ถนอม-ประภาส อย่างนี้เป็นต้น
ดังนั้น ตัวปัญหาที่แท้จริงไม่เกี่ยวกับศาสนาเลย
มันเกี่ยวกับปัญหาหัวใจฝักใฝ่เชื้อชาติเดิมของพวกตนทิ้งไม่ได้ตะหาก แต่ทำอย่างไร รัฐบาลไทยจึงจะยอมรับว่า ที่โจรยกเอาศาสนาอิสลามขึ้นมาอ้างเสมอนั้น เป็นยุทธการ "ลวง" ถามเช่นนี้แล้ว ก็อยากให้รัฐบาลรับรู้ความจริงต่อไปว่า ปัญหาของอิสลามดั้งเดิมที่เคยมี ก็ไม่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเลย ไม่ว่าจะเป็นสงครามครูเสดกี่ยุคกี่สมัยก็ตาม ล้วนไม่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเลย
เรื่องในอดีตที่ศาสนาบาดหมางกันอย่างร้ายกาจรุนแรง เป็นการบาดหมางระหว่างอิสลามกับคริสตัง จนมีการทำสงครามล้างเผ่าพันธุ์ ดังที่ทราบ
พุทธไม่เคยมีปัญหากับอิสลาม แล้วไฉนกลับกลายเป็นปัญหาระหว่างพุทธกับอิสลาม
กระนั้นก็ตาม แม้ว่าศาสนาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยก็ตาม แต่บัดนี้ พวกโจรได้ขมวดเรื่องศาสนาทั้งหมดเข้าเป็นก้อนเดียวกันเสียแล้ว จึงเป็นการยากที่จะแยกปัญหาโจรแบ่งแยกดินแดน ออกจากศาสนาอิสลามได้
ผมอยากยกเรื่องราว (ในเชิงซ้ำซากไปหน่อย) เอามาเล่าให้ฟัง จะได้เห็นปัญหานี้กระจ่างชัดมากขึ้น กล่าวคือโจรได้สร้างปัญหาขึ้นในศาสนา ทั้งศาสนาพุทธและศาสนาอิสลาม
ซึ่งเราก็รู้ดีว่า ความจริงนั้น ศาสนาไม่เคยมีปัญหา และเราก็รู้ต่อไปว่า มนุษย์ (หรือโจรปัตตานี) ตะหากพากันมีปัญหา
อีกประการหนึ่ง มนุษย์ (ขอนอกเรื่องว่า) ผู้เต็มไปด้วยอวิชชา มักจะต้องสร้างปัญหาให้กับสิ่งประเสริฐ ตัวอย่างเช่น การสนทนาระหว่างนักวิชาการ ผมได้ยินเสมอ เขาชอบพูดว่า " เรามาถกปัญหาธรรมะกันเถอะ....?" ผมได้ฟังแล้วก็สะอึก นึกไม่ออกว่า ธรรมะมีปัญหาตรงไหน ทำไมมนุษย์จึงจำเป็นต้องถกกับธรรมะว่ามีปัญหา เรื่องของเรื่องมันเป็นการใช้ภาษาที่ผิด ภาษาทีถูกต้องได้แก่ "เรามาถกเรื่องธรรมะกันเถอะ..." ตะหาก ซึ่งหมายถึงพวกที่มาถก ไม่มีความเข้าใจในธรรมะ ไม่รู้ว่าหลักธรรมข้อไหน สอนว่าอย่างไร จึงต้องมาถก....
เพราะฉะนั้น เรื่องของศาสนา ไม่ว่าจะเป็นศาสนาอิสลาม หรือพุทธ หรือคริสต์ ไม่เคยมีปัญหาด้วยประการทั้งปวง เนื้อแท้ของศาสนาคือการสร้างคนให้เป็นคน ชาติไหนมีศาสนาก็เพื่อจะอาศัยศาสนาเป็นร่มเงา สร้างความเจริญทางจิตใจ สร้างใจให้เกิดความเมตตาสงสารซึ่งกันและกัน และสุดท้ายถือว่าศาสนาคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด
แต่คนที่นับถือศาสนาเป็นผู้มีกิเลสหนา แล้วอาศัยศาสนาก่อปัญหาขึ้นมา
มีปัญหาเพราะไม่อยากให้มีศาสนาอื่นร่วมโลก ใช้ศาสนาเบียดเบียนคนอื่น
แท้ที่จริงมีปัญหา เพราะต้องการมีแต่ศาสนาของตนเพียงศาสนาเดียว บางคนชั่วร้ายถึงขั้นทึกทักเอาว่า ในโลกนี้ จะต้องมีศาสนาของตนคนเดียว เห็นคนอื่นที่ไม่ได้นับถือเหมือนตนเป็นพวกคนบาปไปจนหมด แล้วก็เข่นฆ่าคนอื่นอย่างไม่กลัวบาป ตรงกันข้ามกลับพูดว่าได้บุญ
ถ้าตัวเองถูกฆ่าบ้าง....จะยอมรับว่าคนอื่นที่ฆ่าเขาได้บุญไหมเล่า
ผมยกเอามากล่าวซ้ำซาก ก็เพื่อต้องการชี้ให้เห็นการกระทำของโจรก่อการร้าย ที่อ้างว่าพุทธรังแกอิสลาม และอ้างต่อไปว่า อิสลามไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น เขาอ้างได้อย่างมีอำนาจ เนื่องจากฝ่ายรัฐบาล "นิ่งเฉย" ไม่เคยที่จะแก้ข้อคิดเห็นที่ผิดพลาด
ถ้าจะแก้จริงๆ จะทำได้โดยไม่ยากเลย ผมลองคิดดูว่า ถ้าแก้ด้วยการออกค่าใช้จ่ายเหมาเครื่องบินให้คนกลางในโลกสัก 10 ลำ เชิญคนกลางทั่วโลกให้มาดู แล้วให้อยู่ฟรีกินฟรี 10 เดือน ให้คนกลางมาแอบสังเกตการณ์เอง จะทำใต้ดินแบบสันติบาล หรือจะด้อมๆ มองๆ ก็ได้ จะอยู่อย่างเปิดเผยก็ได้ ลงทุนเหมาลำให้คนทั้งหลายมาแอบดูว่าพุทธรังแกอิสลามจริงหรือ....แล้วจะได้เห็นด้วยตา เมื่อเห็นแล้ว คนเหล่านั้นจะเป็นผู้พิสูจน์ให้รู้ความจริง
ความคิดแบบนี้อาจจะดูโง่ไปหน่อย ถ้ากล้าทำ....จะเกิดภาพที่ชัดเจนอย่างแน่นอน
ทว่า....รัฐบาลไทยไม่คิดหาทางแก้ เอาแต่งมมะหรา ผวาโจรทุกกระบวนท่า
โจรว่ามาก็เต้นไปตามกระบอกเสียงของโจร เรื่องถึงได้เลวร้ายหนักข้อยิ่งขึ้น
ผมขอกล่าวต่อไปว่า ทุกเรื่องทุกวิธีการ โจรเอาศาสนามาเป็นทั้งทัพหน้าและทัพหลัง เป็นหน่วยจู่โจมทั้งทางการเมืองและทางสังคม และการเศรษฐกิจ เช่น ธนาคารอิสลาม แล้วรุกคืบเข้าสู่ฐานอำนาจอย่างเอาจริงเอาจัง โจรทำได้ผลทันตาเห็น อำนาจของอิสลาม กำลังจะกลายเป็นตัวแปร บังคับให้นักการเมืองพุทธที่ขาดสติสัมปชัญญะ ไม่มีความเข้าใจในความปรารถนาของพวกโจร จะพากันแห่ทำตามข้อเสนอของโจร เรียกว่าโจรจะขู่เอาอะไรก็ประเคนให้
กลเกมแบบนี้ โจรได้ชัยชนะ 2 ด้านในเวลาเดียวกัน
1. พวกโจรจะได้อำนาจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
2. ศาสนาอิสลาม จะกลายเป็นศาสนาประจำชาติไทยในทางพฤตินัย เป็นใหญ่ในแผ่นดินไทยตามแบบฉบับของต่างประเทศ โจรจะอาศัย "อิสลาม" ขู่เอาสิ่งที่ต้องการ
อิสลามฝ่ายที่หัวใจเป็นไทยจะไม่กล้าคัดค้าน คนพุทธเองก็หมดสิทธิแสดงความคิดเห็น ฝ่ายนักการเมืองจะพากันเงียบ....เพราะเงียบมานาน ไม่เคยมีนักการเมืองคนไหนออกมาเคลื่อนไหวเลย ดังจะเห็นได้ อิสลามประกาศฆ่าพุทธ ไม่เคยมีนักการเมืองคนไหนออกมาแสดงความเดือดร้อน
อาการสงบเช่นนี้ โจรยิ่งได้ใจ
โจรยิ่งจะอ้างศาสนาอิสลามหนักข้อยิ่งขึ้น เพราะทำแล้วได้ผล
เพื่อนที่ใต้เล่าให้ฟังว่าโจรจะสงบทันตาเห็นเมื่อใดก็ได้ ถ้าวันไหนพวกเขาได้ในสิ่งที่เขาต้องการ เพื่อนที่ใต้อีกเช่นกัน พูดว่าประเทศไทยเสียทีโจรจนป่นปี้ เพราะนึกว่าโจรมีจรรยาบรรณ คนที่นั่งบงการให้เกิดกบฏ รู้ดีว่าทัศนะคติของคนไทย เปิดช่องโหว่ตั้งแต่หัวถึงท้าย
คนที่บงการมีแน่ งานใหญ่โตขนาดนี้ ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ การทำในแต่ละขั้นตอน มีการวางแผนยุทธศาสตร์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว มีเครือข่ายด้วยเงินทุนเป็นหมื่นล้านบาทขึ้น มีกองกำลังจัดตั้งทั้งภายในและนอกประเทศ โจรปัตตานีไม่กระจอกเลย ไม่ว่ากรณีใดๆ
แต่ที่น่าอัศจรรย์ใจก็คือ เหตุไฉนทางฝ่ายรักษาความมั่นคงของประเทศ จึงพากันชะล่าใจปล่อยให้โจรเติบโตใหญ่จนถึงขั้นกล้าประมือกับรัฐบาล สิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยแสดงให้เห็นว่า มีหนอนบ่อนไส้ครอบงำลึกเข้าไปในองค์กรของรัฐ โดยเฉพาะ คือ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ
ผู้สันทัดกรณีบอกกับผู้เขียนว่า แม้แต่คนที่นั่งอยู่กับนายกรัฐมนตรี ก็มีใจเข้าข้างโจร
ในรัฐสภาก็มีหัวหน้าโจรใหญ่ปะปนอยู่หลายคน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม