วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

กระเทาะเปลือกไฟใต้ใครบงการ_บทที่ 21

บทที่ ๒๑ คีย์แมนโทน...แฉวิธีโจรจะยึดเมือง


............ผมโทรไปหา "คีย์แมนโทน" ซึ่งตอนนี้ ได้แยกย้ายกลับบ้านตั้งแต่ โรงแยกแก๊สก่อสร้างแล้วเสร็จใหม่ๆ ด้วยเหตุว่าผมยังคงติดต่อกับคีย์แมนโทนเป็นระยะ ทำให้ผมได้ทราบเรื่องราว ความดุเดือดเลือดพล่าน ของพวกโจรปัตตานี พอที่จะประมวลได้

ครั้งหลังสุด ผมยกหูโทรเมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ ผมบอกว่า ผมหางานรับเหมาใหม่ที่อำเภอจะนะ ห่างจากที่เดิม ๑๐ กม.ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง ซึ่งขณะนี้บริษัทชิโน-ไทย เป็นผู้รับเหมาใหญ่ รับต่อมาจากบริษัทเมรูเบนี (ญี่ปุ่น) มีบริษัทเล็กๆรับเหมาช่วงอีกหลายบริษัท โครงการนี้เป็นโครงการโรงงานไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต เขาอยากได้งานทำ จึงรับปากจะรีปไปพบผม

คีย์แมนโทนบอกให้ผมรอพบหน่อย เขาต้องการพบผมเพื่อจะหางานทำ จะไปพบผมที่อำเภอหาดใหญ่ เขาจะมี เวลาช่วงเช้าตั้งแต่ ๑๐.๐๐ น. ถึง ๑๔.๐๐ น แล้วจะรับกลับ ผมรับปากด้วยความดีใจที่จะได้พบโทน ตั้งใจจะต้องหาคำตอบ และจะต้องหางานให้เขาทำ ไม่เช่นนั้นก็จะทำให้เขาเกิดเข้าใจผิดว่า ผมอยากรู้เรื่องภาคใต้มากเกินไป

แต่ไม่นาน...หลังจากหนังสือเล่มนี้พิมพ์เผยแพร่...ถึงเวลานั้น จะไม่มีอะไรปิดบังอีกแล้ว...เขาต้องรู้ "ตัวจริง" ของผมจนได้ ผมนั่งรออยู่ห้องพัก ขณะนั่งรอ ผมได้เขียนต้นฉบับให้ นสพ. บ้านเมือง อีก ๒ ตอน เป็นเรื่อง "ยะลาวิกฤติ" กับเรื่องประวัติความเป็นมาของโจรปัตตานี แล้วผมก็ส่งให้ "คุณวิเชียร อินจนา" หน.บก.บ้านเมือง อีกไม่นาน คีย์แมนโทนก็โผล่เข้ามาในห้อง คีย์แมนโทนถามเรื่องงาน ผมบอกเขาว่า "คุณช้าง" นายช่างคนเดิม ทำงานอยู่โรงไฟฟ้า จะนะ เพิ่งจะลงมือ ถ้าโทนอยากทำงาน จะฝากให้ เขาบอกว่าเขาอยากทำ ผมจึงต่อโทรศัพท์ถึงคุณช้างที่โรงไฟฟ้า ฝากงานให้เขาทำได้โดยไม่ยาก

ผมถือโอกาสนั้นสอบถามเรื่องราวโจรปัตตานี เขาเล่าให้ฟังอย่างไม่ปิดบังเหมือนเช่นเคย โดยได้นำความน่า กลัวว่าจะเกิดเหตุรุนแรง

...เขาบอกว่าโจรก่อการร้ายได้ส้อง สุมกำลังผู้คนเอาไว้ แบ่งเป็น ๓ กลุ่ม กำหนดดีเดย์ก่อนสิ้นปี ๒๕๔๙ หรืออย่างช้า ต้นปี ๒๕๕๐

กลุ่มที่หนึ่ง เป็นหน่วยกล้าตาย จบวิทยายุทธ์มาจากต่างประเทศ ภายใต้การนำของหัวหน้าโจร ใช้ชื่อจัดตั้งว่า "ดอเยาะ" ดอเยาะรับบัญชามาจากสะแปอิง เจ้าของโรงเรียนธรรมวิทยา คนของดอเยาะส่วนหนึ่ง มาจากอาเจะห์ เป็นนักรบชั้นแนวหน้า ทั้งสองกองกำลัง มีการเตรียมพร้อมที่จะก่อความไม่สงบขั้นรุนแรง

กลุ่มที่สอง มีหัวหน้าโจรชื่อ "มะแซ อุเซ็ง" ค่าหัว ๕ ล้านบาท มะแซ อุเซ็ง มีอำนาจใหญ่โตมาก ถ้าพวกโจรปัตตานีได้รับชัยชนะ มะแซ อุเซ็ง จะได้รับตำแหน่ง ผบ.ทบ. และจะได้เป็นรัฐมนตรีว่า กระทรวงกลาโหม

กลุ่มที่สาม มีหัวหน้ามากมายหลายคน รวบรวมกองกำลังหญิงและเด็กเอาไว้ขึ้นยึดที่ทำการของรัฐ เช่น สถานีตำรวจ สถานีอนามัย โรงพยาบาล สำนักงาน อบต. ที่ว่าการอำเภอ ศาลากลางจังหวัด ศาล วัด ศาลาประชาคม มีเป้าหมายจะปิดล้อมค่ายทหาร และตำรวจ บังคับให้ยอมจำนน โจรจะบุกเข้ายึดพระราชวังทักษิณราชนิเวศน์ แล้วจะใช้เป็นที่ประกาศเอกราช....

คีย์แมนโทนบอกต่อไปว่า ถ้าแผนการต่างๆไม่สามารถไปสู่เป้าหมายได้ โจรปัตตานีจะใช้วิธีก่อกวนทำความเสียหายให้เกิดขึ้นจนทนไม่ไหว การฆ่าตัดคอ เผาดิบ หรือเอามีดเชือดให้เป็นคดีฮือฮา ทำลายความศรัทธา ของประชาชนว่า รัฐไม่มีความสามารถทำให้ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้สงบลงได้ จะทำให้เกิดความกดดันในรูปแบบต่างๆ หนักหน่วงยิ่งขึ้น

มีเรื่องจริงที่โจรทำได้แล้วในวันนี้ (๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๙) ได้แก่การยึดอำนาจรัฐได้สำเร็จ โจรสามารถควบคุมมวลชนได้ครบทุกพื้นที่ พวกข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และคนพุทธกลายเป็น "ตุ๊กตาไขลาน" เดินกะย่องกะแย่งเหมือนคนตายทั้งเป็น

เรื่องจริงอีกเรื่อง ได้แก่ ไม่มีใครรู้ว่า "หัวหน้าบงการใหญ่" อยู่เบื้องหลังคือใคร คีย์แมนโทน บอกว่า ฝ่ายราชการเพ่งเล็งไปที่สะแปอิง โรงเรียนธรรมวิทยา ว่าเป็นหัวหน้าโจรจะว่าสะแปอิงก็ใช่ เพราะว่าผู้ที่จะถูกเปิดตัวให้เป็นผู้นำสูงสุด ในวันประกาศตั้งรัฐปัตตานี ได้แก่ "สะแปอิง"อย่างแน่นอน สะแปอิง มีฐานะทางสังคมสร้างเอาไว้สูง ฝีก "นักรบ" เอาไว้มาก พวกนักรบของสะแปอิง เป็นนักเรียนนักศึกษาระดับเยาว์วัย สมัยหนึ่งเคยมีภาพหลุดรอดออกมาว่า เป็นภาพฝีกการรบในป่า หนังสือพิมพ์เอาไปลงข่าวฮือฮา

ต่อมาไม่กี่วัน..มีข่าวออกมาจากหน่วยเหนือว่า เป็นภาพนักเรียนแต่งแฟนซี ไม่ใช่เป็นภาพนักศึกษาฝีกอาวุธ...

แส่ดงให้เห็นว่า "ไส้ศึก" ทำงานสกัดกั้นเพื่อปกป้องพวกเขาอย่างได้ผล

อย่างไรก็ตาม มนต์ขลังที่จะได้ใครมาเป็นผู้นำของประเทศที่แท้จริงนั้น เป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง ตอนนั้น จะมีหัวหน้าใหญ่ "เบอร์ซาตู ชื้อ ดร.วัน กาเดร์" จากกัวลาลัมเปอร์ รวมทั้งหัวหน้าใหญ่จาก ซ่าอุดิอาระเบีย หรือ กลุ่มประเทศอาหรับทั้งหมด หรือต่อไปถึงหัวหน้าใหญ่ในประเทศสวีเดน อเมริกา และ ยุโรป จะพากันลงมติว่า จะเลือกใครมาเป็น " สุลต่านองค์แรก" รัชทายาทราชวงค์ที่แท้จริงของเชื้อสายสุลต่าน...ถูกเก็บเอาไว้ในความลี้ลับ เขาลือกันว่าประดาแกนนำต่างๆ รู้กันแล้วว่าเป็นใคร

คีย์แมนโทนบอกว่า ในเบื้องต้นนี้ ขั้นตอนที่สำคัญคือ กำลังอยู่ในข่วงของการเตรียมยึดเมืองให้เป็นที่เปิดเผย ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะยึดอย่างไร จึงจะทำให้เป็นที่เปิดเผยได้ สถานการณ์ในเวลานี้ จึงอยู่ในทาง ๒ ปัญหา

ปัญหาที่หนึ่ง - ขณะนี้โจรยึดอำนาจรัฐได้แล้วเกือบหมด แต่ยังไม่มีทางประกาศเปิดเผยได้


ปัญหาที่สอง - โจรกำลังวางแผนขั้นแตกหัก หาทาง "ยึดเมือง" แล้วประกาศแก่ชาวโลกได้

คีย์แมนโทนบอกว่า พวกแกนนำเขาคิดหาหนทางใน ๒ ปัญหานี้อยู่ อันหมายถึงประชาชน ยังคงไปไหนมาไหนได้สะดวก เพราะเป็นอิสลามอยู่ในกลุ่มแนวร่วมของโจรปัตตานี ลักษณะเช่นนี้แหละ ที่แสดงว่าโจรยึดเมืองได้แล้ว แต่เป็นที่รู้กันในหมู่ประชาชนเท่านั้น ยังไม่ได้ประกาศให้ชาวโลกรู้ พวกเขากำลังหาหนทางประกาศอยู่

โทนบอกว่าเขาสงสารและรู้สึกเห็นใจคนพุทธ แต่จะทำอย่างไรได้ มันใหญ่โตเกินไปที่คนอย่างเขาจะออกความเห็น ผมเดินลงมาส่งคีย์แมนโทนที่ลานจอดรถ เขาขับรถออกไปด้วยท่าทางสดชื่นแจ่มใส ไม่มีแววรับทุกข์อะไรเลย ตรงกันข้ามกับชาวหาดใหญ่ทั้งหลาย พากันตกอยู่ในอาการขรึมซึมเศร้าฝังลึก บางคนบอกกับผมว่า ชีวิตไม่ปลอดภัย ถ้าโจรปัตตานีได้ ๓ จังหวัด มันจะกระทบร้ายแรงถึง ๕ - ๖ จังหวัด ภูเก็ต เกาะสมุย เกาะสาหร่าย กาะลันตา...หรือเกาะตะรุเตา ฉิบหายหมด อ่าวไทย หรืออันดามัน...เสร็จมัน..

ผมบอกกับชาวหาดใหญ่ที่รักกันว่า...
เป็นไปไม่ได้ชาวหาดใหญ่ตอกกลับผมว่า...


รัฐบาลก็พูดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่มันกำลังจะเป็นไป 


เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผมเงียบอึ้งเลย...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม