วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

กระเทาะเปลือกไฟใต้ใครบงการ_ประกาศปลุกระดม


ประกาศ ปลุกระดม

การปลุกระดมระบาดไปทุกหัวระแหง แผ่นผ้าที่เขียนด้วยหมึกแดง และหมึกดำ จะถูกนำเอาไปแขวนไว้ทั่วไปหมด “ผมแปลไม่ออก” เดาเอาเองว่า น่าจะกล่าวหาสยามเอาปัตตานีมาเป็นเมืองขึ้น ผมได้ถ่ายภาพเอาไว้ด้วยมือ ๒ รูปด้วยกัน แผ่นหนึ่งเป็นหมึกแดง อีกแผ่นเป็นหมึกดำข้อความคล้ายกัน วิธีการปิดประกาศปลุก ระดมไม่เหมือนกัน

แผ่นที่ ๑ PATTANI TETAP MEROIKA SIAM MUSOHKITA
แผ่นที่ ๒ PATANI MEROIKA SEDARIAH SIAM MUSOHKITA

คำปรารภ

ด้วยความจำเป็นต้องอ้างชื่อ คุณอนันท์ จันทรัตน์ เจ้าของและบรรณาธิการ นสพ. มติไทย ตั้งอยู่ที่หาดใหญ่ ได้นำพาผมไปกราบหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดที่วัดช้างไห้ จังหวัดปัตตานี ในท่ามกลางบรรยากาศฆ่ารายวันคุกรุ่นตลอดเวลา ผมนั่งซึมที่หน้ารูปหล่อของหลวงปู่ นึกไม่ถึงเลยว่า วัดช้างให้ที่เคยเป็นดินแดนเสรีอาณาจักรบุญของชาวพุทธแต่ไหนแต่ไรมาจะกลายมาเป็นพื้นที่สีแดงไม่มีความปลอดภัยทั้งกลางวันและกลางคืน และนึกไม่ถึงเลยว่า ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ขณะที่ผมกับคุณอนันท์ จันทรัตน์ บก. มติไทย อยู่ในวัด ผมมองดูทหารหนุ่ม ๔-๕ คน ที่ตั้งบังเกอร์รักษาความปลอดภัย เห็นแล้วก็สงสาร ยืนเป็นเป้านิ่งดวงตาแม้จะมีความกล้าหาญแต่แฝงแววเหน็ดเหนื่อยอยู่ลึก ๆ ทหารทั้ง ๔-๕ นายจะทำอย่างไรได้ ก็ต้องยืนเป็นเป้านิ่งอยู่เช่นนั้น จนกว่าจะมีคนใหม่มาเปลี่ยนให้ออกเวร ยาม แล้วคนใหม่ก็มาเป็นเป้านิ่งแทน ช่างน่าสงสารยิ่งนัก แต่จะทำอย่างไรได้สถานการณ์มันเป็นเยี่ยงนี้แล้วมันจะบังคับให้ ทหารหาญต้อง อยู่ในสภาพเยี่ยงนี้ ไม่มีวิธีอื่นดีไปกว่านี้ ผมขออนุญาตถ่ายรูปคู่กับทหารหนุ่มเอาไว้ดูคุยกันไม่กี่ประโยค 

แต่มันกินใจเหลือเกิน ทหารบอกกับผมว่า โจรเห็นเรา แต่เราไม่เห็นโจร

ใช่ เราอยู่กลางแจ้ง โจรอยู่ในที่มืดและปะปนอยู่กับฝูงชน เราจึงตกเป็นเป้า

คำพูดของทหารหนุ่ม ทำให้ผมนึกถึงตอนสงครามเวียดนาม สมัยนั้นเวียตกงเป็นกองโจรกู้ชาติทำการรบนอกรูปแบบรบกับอเมริกัน แม้ว่าอเมริกันจะเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ มีทั้งรถถัง ปืน กระสุน เครื่องบินทั้งระเบิด บี ๕๒ มี นักรบคอหนังที่แสนจะเก่งกาจสามารถ 

ในที่สุด อเมริกันแพ้ยับเยิน สู้เวียตกงไม่ได้

แล้ววันนี้... ทหารไทยพากันไปแก้ปัญหาภาคใต้ กลายเป็นว่าไปสู้กับกองโจรไร้ที่ตั้ง โฉบเฉี่ยวเหมือนนินจา กองกำลังของพวกโจรไร้ร่องรอย ปะปนอยู่กับฝูงชน ใช้วิธีการรบแบบลอบกัด ดักซุ่มโจมตีแล้วฆ่า บางครั้งแอบไปยุยงชาวบ้านให้เกิดความเข้าใจผิด ดึงผู้หญิง คนชรา และเด็กเล็กให้มาเป็นม็อบล้อมกรอบตำรวจและ ทหารอีกด้วย พวกผู้หญิงเหล่านั้นทำหน้าที่แทนโจรได้อย่างเฉียบขาด ทหารตำรวจที่พบเข้ากับวิธีการเช่นนี้ไม่มีทางที่จะแก้ไขปัญหาได้มีแต่แพ้กับแพ้ เสียทีให้แก่โจร ปล่อยให้โจรก่อกวน ยั่วยุ โห่ฮาป่า ดาหน้าเข้ากดดัน ตัดต้นไม้ขวางทาง โรยตะปูเรือใบเจาะยางรถ สร้างความวุ่นวายด้วยพลังมวลชนที่พากันมามือเปล่า

มันเป็นสงครามนอกรูปแบบที่ไม่มีในตำรา ทหารตำรวจถึงกลายเป็นพวกไร้ความสามารถ ตกเป็นเบี้ยล่างของพวกโจรป่า ไม่แตกต่างจากทหารอเมริกันในเวียดนามที่แพ้ศึกเวียตกงอย่างไรก็อย่างนั้น ในขณะที่ทหาร ตำรวจเอาโจรไม่อยู่ แพ้ทางโจรไปทุกเรื่อง

ทว่า... ข่าวที่ออกมา กลายเป็นว่า รัฐบาลแก้มาถูกทางแล้ว รัฐบาลที่ว่าหมายถึง รัฐบาลพรรคไทยรักไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชิณวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลต่อมา ได้แก่ รัฐบาล “คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ” (คมช.) ซึ่งมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เอาความคิดแบบใหม่ถอดด้ามมาใช้ ไปประกาศขอโทษโจร

ถ้อยคำที่ใช้ขอโทษ ท่านขอโทษย้อนอดีตว่า “ขอโทษแทนรัฐบาลเก่าที่ได้ทำความผิดเอาไว้” หลังจากได้ ประกาศขอโทษแล้ว ก็ได้สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา ๙๒ คน เป็นการยื่นความสามานฉันท์ ไปให้ก่อน โดยหวังว่าโจรป่าจะเอื้ออารีย์สนองตอบด้วยการหยุดเข่นฆ่ารายวัน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประกาศโดยไม่ได้ถามว่าพวกโจรจะเอาด้วยหรือไม่

นายกรัฐมนตรีคิดขึ้นมาเอง แสดงจุดยืนให้โจรเห็นว่านายกรัฐมนตรีมีความเมตตา ต้องการ ให้การเข่นฆ่ายุติลง ท่านนายกรัฐมนตรีคงไม่รู้ดอกว่า ทฤษฎีของโจรกับทฤษฎีของนายกรัฐมนตรี ไม่เหมือนกัน ทฤษฎีของโจร ต้องใช้วิธีฆ่าเพื่อจะกดดันให้เป็นฝ่ายได้เปรียบตั้งแต่ได้เปรียบอ่อน ๆ ขึ้นไปจนถึงได้เปรียบขั้นสูงสุด คือชัยชนะ อีกประการหนึ่ง โจรไม่ได้ทำสงครามกับนายกรัฐมนตรีของไทยคนใดคนหนึ่งเป็นการเฉพาะ 

โจรทำสงครามกับประเทศไทย เพื่อการปกครองตนเอง หรือได้แยกดินแดนออกไปตั้งเป็นประเทศอีกประเทศหนึ่งตามอุดมการณ์ของเขาเช่นนี้แล้ว... โจรจะแคร์อะไรกับการขอโทษ

หลังจากนายกรัฐมนตรีได้ประกาศขอโทษไม่กี่วัน เหตุร้ายแทนที่จะลดลงกลับยิ่งรุนแรงขึ้นกว่าเดิม โจรวางระเบิดพระขณะออกบิณฑบาตล้มระเนระนาด ต่อมาก็ปิดล้อมตำรวจ ตชด. บังคับให้ย้ายฐานออกไป เรียกว่าขับไล่ไสส่งจึงจะถูก หลังจากนั้นไม่นาน ชาวพุทธอีก ๒ หมู่บ้านก็หนีตายไปพึ่งวัด พระเองก็ออกบิณฑบาตไม่ได้การปฏิบัติกิจทางศาสนาถูกจำกัดเนื้อที่ให้อยู่ในที่แคบ ๆ คือเฉพาะในวัดเท่านั้น

ถึงกระนั้น รัฐบาลชุด คมช. (คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ” สุดท้ายก็ออกข่าวแจ้งแก่ประชาชนว่าแก้ถูกทางแล้ว ซึ่งเป็นการออกข่าวในรูปแบบเดียวกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยทำมาแล้วตลอด ๕ ปี ให้หลัง เป็นการออกข่าวที่ไม่แตกต่างจากรัฐบาลพรรคไทยรักไทย เมื่อรัฐบาลบอกว่าแก้ถูกทาง สื่อทั้งหลายก็พากันเผยแพร่ข่าว ทำให้ชาวบ้านที่ตั้งบ้านเรือนอยู่คนละภาคใจเย็นไปทั่วประเทศ เพราะเชื่อว่าเหตุร้ายที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้กำลังจะสงบลงแต่บนความเป็นจริง มันไม่เป็นเช่นนั้น

เพราะว่าการกระทำของโจรไม่ได้สนองความเมตตาของรัฐบาล คมช. เลยแม้แต่นิด พวกโจรนั้น ถ้าฆ่ารายวันไม่ได้ ก็ต้องหาทางฆ่าในวันอื่น ถ้าไม่ได้ฆ่าก็ต้องเผา แล้วก็หว่านใบปลิวโจมตีทหารตำรวจ พร้อมกับยุยงชาวบ้านไม่ให้เข้าข้างรัฐบาล

โจรทำงานอย่างมีการวางแผน มีการประเมินผลโจรไม่ได้ฆ่าเล่นเพราะสนุกมือ แต่โจรกำลังทำสงคราม หากแต่สงครามที่พวกเขาทำมันเป็นสงคราม “นอกรูปแบบ” โดยใช้กระบวนการก่อการร้ายเป็นทฤษฎีในการทำสงคราม ถ้าโจรหยุดฆ่า ทิ้งระยะห่าง ๓-๔ วันนั้นเป็นกลลวงให้ฝ่ายทหาร ตำรวจ หลงกล คิดว่าโจรหมดท่าแล้ว แท้ที่จริงไม่ใช่เลย โจรไม่เคยหมดท่า โจรไม่กลัว เพราะโจรอยู่ในที่มืด ปะปนอยู่กับชาวบ้าน

อีกอย่างหนึ่ง... ถ้าโจรหยุดก่อกวน มันเป็นการหยุดชั่วขณะจิตห่างกันไม่เกิน ๒ วัน ไม่ได้หมายความว่าหยุดเลยหรือว่าถ้าหยุด... ก็ไม่ได้หมายความว่าเลิกก่อการร้าย...

เพราะคำว่าเลิกไม่มี โจรทำเยี่ยงนี้มาเนิ่นนาน แล้วจะเลิกได้อย่างไร ซึ่งมันจะเป็นคนละเรื่องกับที่รัฐบาลคิด มันเป็นคนละแนวทางกับที่รัฐบาลประกาศใครที่รู้จักโจรป่าพวกนี้ รู้แล้วจะเย็นยะเยือกเข้ากระดูก เหี้ยมโหดผิดมนุษย์ งูพิษที่ว่าร้าย ยังไม่ร้ายเท่าโจรปัตตานี โจรเขารู้กันในหมู่โจรป่าว่า ในสถานการณ์ขณะนี้กำลังเป็นนาทีทองของโจร ที่มีตำรวจ ทหารหลายพันคน ยืนเรียงรายให้ถูกระเบิดแสวงเครื่อง ถูกระเบิดรีโมท ถูกฆ่ากลางถนน มันเป็นนาทีทองที่จะสร้างความสยดสยองให้ปรากฏชัด

โจรป่าพวกนั้นรู้กันในหมู่โจรอีกเช่นกันว่า ใครฆ่าได้มาก คนนั้นคือยอดนักรบ โจรป่ารบนอกรูปแบบภายใต้การบัญญชาการที่แยบยลและแนบเนียนมีการประเมินผลทุกชั่วโมง ทุกวัน ทุกสัปดาห์

การประเมินผลครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ ที่ผู้เขียนไปสืบได้มา โจรบอกกล่าวเล่าความในหมู่โจรด้วยกันว่า ทหารและตำรวจกำลังประสพกับความหายนะชาวพุทธละทิ้งบ้านเรือน...มีวัดก็ทำพิธีกรรมทางศาสนาไม่ได้

มันหมายถึงความพ่ายแพ้ที่ไม่เคยมีมาก่อนแล้วตบท้ายด้วยข้อความว่าโจรป่าชนะไปแล้วขั้นหนึ่ง.. เป็นจุดเริ่มต้นของชัยชนะในการรบนอกรูปแบบ ต่อไปจะชนะมากกว่านี้... และจะชนะอย่างแท้จริงในที่สุด

เมื่อเป็นเช่นนี้ รัฐบาลของ คมช. (รัฐบาลคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ จะบอกว่าแก้ถูกทางแล้วอย่างไรก็ไม่มีทางชนะโจร เพราะว่าโจรเป็นฝ่ายปิดล้อมตั้งเครื่องกีดขวาง ไม่ให้ทหารและตำรวจเข้าไปในหมู่บ้านได้

หมู่บ้านใน ๓ จังหวัดชายแดนหลายหมู่บ้าน เริ่มกลายเป็นดินแดนปลอดอำนาจรัฐโจรได้เข้าไปจัดการระบบการปกครองแทนแล้วตั้งแต่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ เกือบทั่วทุกอำเภอใน ๓ จังหวัด บันได ๗ ขั้นที่โจรได้วางเอาไว้นั้น ก่อนจะถึงขั้นสุดท้าย โจรจะได้รับโบนัสจากการต่อสู้ ที่อาศัยการฆ่ารายวัน
จะกดดันให้รัฐบาลจำเป็นต้องประกาศจัดตั้งเขตพัฒนาพิเศษขึ้นใน ๓ จังหวัด เมื่อใดที่ฝ่ายโจรสามารถบังคับให้ รัฐบาลตกเป็นเบี้ยล่าง ตัดสินใจให้ ๓ จังหวัดได้คำว่าเขตพัฒนาพิเศษ มิใช่แต่จะทำให้กิจการหลายประเภทใน ๓ จังหวัดตกอยู่ในอิทธิพลโจรเท่านั้น ยังจะมีอิทธิพลทำให้เกิดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญใหม่อีกด้วย

นี้คือโบนัสของพวกโจรที่ขยันห่า ขยันเผา ขยันต่อต้านอำนาจรัฐ ถึงเวลานั้น คำว่า “การปกครองตนเอง” จะค่อย ๆ เป็นจริงใกล้เข้ามา ขณะนี้อำนาจรัฐของรัฐบาลมีอยู่น้อยนิดเหลืออยู่บนที่ทำงานของอำเภอ ศาลากลางจังหวัด ศาลพิจารณาคดี ตลาดร้านค้า และค่ายทหารที่มีทหารถือปืนรักษาการเท่านั้น นอกนั้นล้วนตกอยู่ในเขตอิทธิพลโจร มากบ้างน้อยบ้าง ตามแต่ดีกรีของสถานการณ์จะผลักดันให้เป็นไป ประเทศไทยที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อน ๔ มกราคม ๒๕๔๗ เรายังเข้าออกหมู่บ้านได้โดยไม่ยากนัก

หลังจากโจรก่อการร้ายปล้นปืนค่ายทหารพัฒนาเจาะไอร้องไม่นาน หมู่บ้านมากแห่งกลายเป็นหมู่บ้านปิด ทหารตำรวจ เข้าไปไม่ได้

ถึงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๙... หมู่บ้านเกือบทั้งหมดถูกโจรเข้าไปจัดระเบียบแทนรัฐบาลแล้วอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน บางหมู่บ้านห้ามร้องเพลงชาติเด็ดขาด บางหมู่บ้านไม่มีการแสดงความเคารพธงชาติ หลายหมู่บ้านชักธงปัตตานีขึ้นเสา แล้วร้องเพลงชาติปัตตานี

ในสถานการณ์เช่นนี้ ชาวบ้านทั้งหมดที่อยู่กับโจร มีอิสระใช้ชีวิตแบบคนไทยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเขา ยังคงท่องเที่ยวไปได้ทั่วประเทศ ส่งลูกหลานเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ ไปมาหาสู่กับญาติมิตรได้ตามปกติ ประหนึ่ง ๓ จังหวัดชายแดนไม่มีสงครามฆ่ารายวัน แต่คนไทยที่เป็นพุทธ หรือชาวบ้านที่นับถือพระพุทธศาสนาหมดสิทธิในหมุ่บ้านของตน พวกเขาต้องละทิ้งบ้านเรือน หนีตายเอาตัวรอด ทหาร ตำรวจ ก็เข้าไปในหมู่บ้านไม่ได้ สภาวะเช่นนี้ มันหมายถึงอำนาจรัฐใน ๓จังหวัดชายแดนแทบไม่มีเหลือแล้ว

ดังนั้น การที่รัฐบาลประกาศแล้วประกาศอีกว่ารัฐบาลแก้มาถูกทางแล้วที่แท้คือแก้ไม่ถูกทาง

ผมขอทบทวนเรื่องที่พวกโจรพากันทำ มีเข็มมุ่งอย่างไม่เปลี่ยนแปลงให้ท่านได้รับทราบอีกครั้ง ท่านจะได้เข้าถึงแก่นในที่เป็นมติของพวกโจร ถ้าหยุดก่อกวน... ไม่ได้หมายความว่าหยุดเลย

ถ้าหยุดเลย... ไม่ได้หมายความว่าเลิก เพราะคำว่าเลิกไม่มี โจรไม่มีวันเลิกล้มความตั้งใจเด็ดขาด

โจรทำสงครามนอกรูปแบบด้วยความสามารถ ไม่ใช่สุ่มเสี่ยงสมัครเล่น โจรไม่ใช่เด็กติดยาแล้วมารับจ้างก่อกวน โจรไม่ใช่พวกไร้ฝีมือจากสลัม แต่เป็นนักรบจบหลักสูตรจากต่างประเทศที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำสงครามนอกรูปแบบโดยเฉพาะ โจรได้รับการ “เทรน” ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทางด้านจิตใจนั้นได้ถูกหล่อหลอมประหนึ่งเป็นเหล็กกล้า พร้อมที่จะต่อสู้กับตำรวจและทหารอย่างก๋ากั่น สู้แล้วก็ประเมินผลทุกวันทันทีแล้วแจ้งหน่วยเหนือวิเคราะห์เจาะประเด็น มันเป็นโองการบัญชาให้ทำ ตามแผนการบันได ๗ ขั้น การทำให้คนพุทธทิ้งบ้านเรือน... เป็นโองการของกระบวนการโจรปัตตานี

การทำให้วัดประกาศไม่ออกบิณฑบาต... เป็นปกาศิตของโองการโจร พวกโจรทำให้ภาพของความพ่ายแพ้ของฝ่ายรัฐบาลปรากฏเป็นรูปธรรมได้เป็นครั้งแรกในรอบ ๔๐๐ ปี ซึ่งฝ่ายโจรเองประเมินผลออกมาว่าไม่น่าจะรวดเร็วเช่นนี้ แต่มันก็รวดเร็วเกินคาด ดังนั้น คนที่จะพูดว่าทำมาถูกทางแล้ว คือพวกโจรตะหากแล้วอย่างนี้ผมไม่รู้ว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี จะเอาวิธีไหนมาแก้

และ... หัวหน้าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ พล.อ.สนธิ บุญยรัตนกลิน ประธานคณะปฏิวัติ จะเอาการรบแบบไหนมาสู้กับโจรป่า จึงจะเอาชาวพุทธกลับคืนสู่บ้านช่องห้องหอเหมือนเดิมได้ และทำอย่างไรจึงจะทำให้วัดสามารถปฏิบัติกิจได้ตามปกติ คำปรารภนี้ จะถูกจารึกไว้ในหนังสือเล่มนี้ไปชั่วลูกชั่วหลาน คนที่รักชาติจะพากันหาอ่าน ไม่มากก็น้อย

ผมไม่ได้เขียนขึ้นมาเพื่อหวังผลทางการเมือง ไม่ใช่เขียนด่ากันเอง ผมไม่เคยเป็นนักการเมือง อีกอย่างหนึ่งถึงผมอยากเป็นนักการเมือง จะเป็นได้แค่ความอยาก แต่จะให้ใครเขาเลือกหรือมาเชิญมันเหมือนฝันกลางแดดผมหมดอายุที่จะคุย ยังเหลือแต่จะอยู่ดูโลกได้อีกสักกี่น้ำเชียว ไม่นานคงต้องจากโลกนี้ไป
ดังนั้น เรื่องที่เขียนทั้งหมด จึงเป็นเรื่องคอขาดบาดตายของประเทศ ผมขอยืนยันความเห็นของผมว่าการที่รัฐบาลประกาศว่าแก้มาถูกทางแล้ว นั้นคือความผิดพลาดของรัฐบาลอย่างใหญ่หลวง

เราไม่ต้องการให้เกิดความผิดพลาด จึงได้นำเสนอหนังสือเล่มนี้ ชื่อหนังสือคงจะทำให้ ท่านหัวเราะเยาะเอาว่า คนอย่างสอาด จันทร์ดี มีความรู้อะไรที่จะกะเทาะเปลือกไฟใต้ว่าใครเป็น คนบงการ ? ผมขอรับรองว่า ท่านจะไม่มีวันได้หัวเราะเยาะ

ตรงกันข้าม... ท่านจะร้องอ้อ... นึกไม่ถึง... นึกไม่ถึง... !!


ขอเรียนว่าผมมีเจตนาที่จะออกหนังสือเล่มนี้ให้ทันกับความอหังการของโจรปัตตานี และมีเจตนาที่จะเปิดประเด็นความผิดพลาดของรัฐบาลทุกรัฐบาลตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อหวังว่าจะได้รู้ว่าพวกเราดง่กันเองมี อะไรบ้าง แล้วก็หวังต่อไปว่า หนังสือเล่มนี้จะช่วยแคะผงออกจากตาให้ทันกับความเลวร้ายที่กำลังถูกโจรปัตตานี “กระทำ” ปู้ยี่ปู้ยำ

ผมปั่นต้นฉบับมาตั้งแต่วันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๔๙ ทันทีที่เขียนแล้วเสร็จ จะตีพิมพ์ทันที แต่มันจะช้าไปหรือเปล่า มันจะทันกับความห้าวหาญของพวกโจรป่าได้หรือ เราจะทำกันอย่างไร ในเมื่อโจรป่าโอหังบังอาจมากถึงขั้นนี้แล้ว

ผมเขียนคำปรารภนี้ยาวเฟื้อย ก็เพราะต้องการเข้าให้ถึงเนื้อหาสาระ เขียนชี้ให้เห็นว่าโจรไม่ใช่พวกมือสมัครเล่น โจรวางแผนมายาวนาน ซุ่มฝึกนักรบชั้นยอด หัวหน้าโจรมีขีดความสามารถระดับเป็นแม่ทัพบกของเอเชียได้อย่างสบาย ฝ่ายเราปรามาสฝีมือโจรต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ แท้ที่จริงแล้วท่าน ผู้บัญชาการกองทัพบกของเราและนายกรัฐมนตรีของเรา เทียบฝีมือกับโจรคนละชั้น

โจรพูดกันในหมู่โจรว่า นายกรัฐมนตรีของไทยมีคุณภาพเพียงน้อยนิด คิดว่าจิตใจไม่มีความคิดปฏิวัติ ดังจะเห็น ได้จากปัญหาแบ่งแยกดินแดน ปัญหารัฐปัตตานี เป็นปัญหาที่แก้ได้โดยไม่ยาก โจรตระหนักกันดีว่า ฝ่ายรัฐบาลคิดไม่ออกว่าจะแก้ปัญหาโจรปัตตานีอย่างไร

แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไม่มีความปราดเปรื่องในระบบประเทศของตนเองที่มีหลายชนเผ่า ไม่มีความรู้ที่จะจัดการหล่อหลอมให้คนเชื้อสายอื่นให้มาเป็นคนไทยภายใต้หลักการและความคิดที่แตกต่างกัน ดังจะเห็นได้คนไทยใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความเกลียดชังคนไทยเข้ากระดูกดำ ซึ่งเป็นการยืนยันให้เห็นความไม่รู้ที่รัฐบาลไทยทุกรัฐบาลล้มเหลวมาโดยตลอด

นอกจากไม่ปราดเปรื่องแล้ว ยังปล่อยให้เกิดการกบฏอีกด้วย แล้วรัฐบาลก็ตกเป็นเบี้ยล่างมาโดยตลอด ปล่อย ให้โจรอ้างเอาศาสนาอิสลามขึ้นมาขู่ก็อ่อนยวบ โจรตะโกนบอกว่าจะเอาอะไรเป็นประเคนให้ทันที อยากจะได้ อะไรเป็นได้หมด รัฐบาลทุกรัฐบาลไม่กล้าที่จะปฏิเสธ โจรรู้และเข้าใจในจุดอ่อนตรงนี้อย่างล้ำลึก ประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ ฝ่ายเรานั้น ไม่ได้ศึกษาปัญหามาก่อน รัฐบาลปล่อยปะละเลยต่อกระบวนทางความคิด ปล่อยให้พี่น้องเชื้อสายมลายูเป็นคนไทยตามธรรมชาติ โดยอ้างต่อสังคมโดยทั่วไปว่า ประเทศไทยไม่มีการแบ่งแยก จะนับถือศาสนาไหนก็เป็นคนไทยด้วยกัน 

รัฐบาลประเมินสถานการณ์ไปเอง

ครั้นเกิดเหตุร้ายขึ้น แทนที่จะใช้มูลฐานที่เป็นจริงเอามาแก้ปัญหา กลับสรุปปัญหาหนีสรุปหนีเบี่ยงเบนไปหาพวกติดยา เพราะไม่กล้าพูดความจริง

สรุปหนีไปหาการค้าของเถื่อนตามชายแดน สรุปหนีไปหาความยากจนเป็นเหตุ แล้วสรุปว่า ข้าราชการทหาร ตำรวจ ข่มเหงรังแกเขา ให้เลิกการกระทำแบบนั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม