วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

บึ้มทหารเจ็บไฟหลายหมู่บ้านดับ


บึ้มทหารเจ็บไฟหลายหมู่บ้านดับ


เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 17 เม.ย. 
พ.ต.อ.สุธน สุขวิเศษ ผกก.สภ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส 
รับรายงานจาก ร.ต.ต.กวีพัฒน์ ไกรเพิ่ม ร้อยเวร พนักงานสอบสวนว่าเมื่อช่วงเวลา 21.30 น. วันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา มีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ ทำให้ทหารบาดเจ็บ 1 นาย บนถนนสายยานิง-เจาะไอร้อง บ้านยานิง หมู่ 2 ต.จวบ รุดไปตรวจสอบพบเศษชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องหนัก 5 กก. โทรศัพท์มือถือกระจายเกลื่อน บนถนนมีหลุมลึก 2 ฟุต กว้าง 4 ฟุต ส่วนคนเจ็บนำส่ง รพ.ทราบชื่อพลทหารจักรพงศ์ ทองฤทธิ์ อายุ 21 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส สอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุคนเจ็บพร้อมเพื่อนทหารรวม 7 นาย ขี่รถ จยย. ออกตระเวนมาตามเส้นทาง โดยพลทหารจักรพงศ์ขี่รถนำหน้ามาคนเดียว ส่วนเพื่อน ๆ ขี่ตามมาทางด้านหลัง พอมาถึงที่เกิดเหตุคนร้ายที่แอบซุ่มข้างทาง ได้กดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ ทำให้ระเบิดที่ฝังอยู่ใต้โคนเสาคอนกรีตกั้นทางโค้งริมถนน ระเบิดใส่พลทหารจักรพงศ์บาดเจ็บดังกล่าว

อีกราย พ.ต.ท.กรกช พันธรักษ์ สวส.สภ.ลำใหม่ อ.เมืองยะลา รับแจ้งมีคนร้ายวางระเบิดเสาไฟฟ้าจนพังหักหลายต้น บนถนนบ้านตาสา-จันเรียน บ้านตาสา หมู่ 3 ต.พร่อน ทำให้ไฟดับไปหลายหมู่บ้าน รุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบหม้อแปลงไฟฟ้าเสียหาย สายไฟกระเด็นขาดตกลงมาเกลื่อน เบื้องต้นเชื่อว่าผู้ก่อความไม่สงบ ได้แอบมาวางระเบิดทำลายหม้อแปลงไฟฟ้า เพื่อหวังให้ไฟดับหลายหมู่ บ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะประสานเจ้าหน้าที่การไฟฟ้ามาซ่อมแซมต่อไป.

เมื่ออัลเลาะห์ไม่ถูกกับเสาไฟฟ้า


ลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้าที่ยะลา หวังเอาชีวิตเจ้าหน้าที่

http://www.thairath.co.th/content/region/164536


คนร้ายลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้า 2 จุด ในพื้นที่ยะลา เจ้าหน้าที่คาดเป็นฝีมือของกลุ่มอาร์เคเค หวังลวงกดบึมซ้ำเจ้าหน้าที่ โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ... 

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 17 เม.ย. พ.ต.ท.กรกช พันธรักษ์ สารวัตรเวร สภ.ลำใหม่ อ.เมืองยะลา พร้อม พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ มัทยาท ผกก. เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จ.ยะลา เดินทางไปสอบสวนเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้าเป็นเหตุให้ไฟฟ้าดับหลายหมู่บ้าน ที่บ้านตาสา หมู่ 3 ต.พร่อน ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนระหว่างหมู่บ้านบ้านตาสา-จันเรียน บริเวณสวนยางพารา ก่อนถึงโรงเรียนบ้านตาสา ราว 200 เมตร พบเสาไฟฟ้าหมายเลข 33 หักโค่นล้มไปคาต้นยางพารา ส่วนหม้อแปลงที่ติดตั้งอยู่บนเสาไม่ได้รับความเสียหาย พบเศษกล่องเหล็กที่บรรจุดินระเบิดกระจัดกระจายเป็นวงกว้าง มีเศษชิ้นส่วนวงจรไฟฟ้าและแบตเตอรี่ จึงรวบรวมเก็บไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม บรรจุในกล่องเหล็ก ซึ่งคนร้ายนำมาผูกไว้ที่โคนเสาไฟฟ้า พร้อมจุดชนวนระเบิดด้วยแบตเตอรี่

เบื้องต้นทราบว่า เหตุเกิดเมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 16 เม.ย. โดยชาวบ้านได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นกึกก้องไปทั่วหลายหมู่บ้าน หลังจากนั้นไฟฟ้าได้ดับลง ชาวบ้านคิดว่าว่าหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านได้ตระเวนไปพบ จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ แต่ยังไม่รีบเดินทางเข้าไปทันทีเนื่องจากเกรงว่าจะเป็นกลลวงของพวกก่อความไม่สงบที่อาจลอบซุ่มโจมตี 

ส่วนสาเหตุเชื่อว่าเป็นการก่อกวนของแนวร่วมอาร์เคเค.ในพื้นที่ ที่ใช้เด็กซึ่งเป็นแนวร่วมกลุ่มใหม่ก่อเหตุ เพื่อทดสอบความกล้า เนื่องจากเกิดเหตุระเบิดหม้อแปลงไฟฟ้าในเวลาไล่เลี่ยกันอีกแห่งที่บ้านจาหนัน หมู่ 6 ตำบลเดียวกัน เป็นเหตุให้ไฟฟ้าดับไปหลายหมู่บ้าน แต่ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย.

แผ่นดินสูงขึ้นอีกหน่อย


จนท.ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 14 อำเภอยะหา ปะทะโจรใต้

ขณะเข้าปิดล้อมตรวจค้น ผลโจรเสียชีวิต 1 รา




เมื่อเวลา 17.00 น.วันนี้ ( 18 มี.ค. 54)  พ.ต.อ.สุริยา   ไชยโยธา  รอง ผบก.ภจว.ยะลา  พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูมิเพชร พิพัฒน์เพชรภูมิ  รอง ผบก.ภจว.ยะลา ทั้งสองนาย ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ จนท.ทหารหน่วยพาะกิจที่ 14 อำเภอยะหา เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุ หลังได้รับแจ้งว่ามีเหตุปะทะกับคนร้ายที่บริเวณบ้านกือยา ม.3 ต.ละแอ อ.ยะหา จ.ยะลา
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบศพคนร้ายสภาพนุ่งผ้าโสร่งผืนเดียว นอนเสียชีวิตอยู่ในคูน้ำหลังบ้านพักของตนเอง และในมือยังกำอาวุธปืนพกขนาด 11 มม.จำนวน 1 กระบอก  เจ้าหน้าที่จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้ระเบิดได้เข้าเครียร์พื้นที่ ก่อนที่จะอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา เข้าพิสูจน์ศพ 
จากการตรวจสอบทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายมะรูดิง เปาะแต อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/4 ม.4 ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา และพบว่าผู้เสียชีวิตมีหมายจับในคดีความมั่นคงหลายคดีในพื้นที่ สภ.ยะหา และ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา นอกจากนั้นแล้ว ยังพบว่าผู้ตายเป็นมือผลิตระเบิดและมือวางระเบิดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังต้องการตัว  โดยก่อนเกิดเหตุขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 14 ประจำอำเภอยะหา ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่ามีคนร้ายในคดีความมั่นคงเข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ทหารจึงนำกำลังเข้าปิดล้อมบ้านผู้ต้องสงสัย เมื่อคนร้ายเห็นเจ้าหน้าที่ได้กระโดดหลบหนีไปทางหลังบ้านและใช้อาวุธปืนประจำกายยิงเพื่อเปิดทางหนี แต่ก็ไปไม่รอดถูกยิงเสียชีวิตกระสุนถูกบริเวณศีรษะจำนวน 1 นัด และลำตัวอีก 2 นัด ส่งผลให้เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ


90 วันเราทำได้


โจรใต้กราดยิงถล่มสหกรณ์ชาวบ้านสาหัส 3 ราย ที่ อ.เมืองนรา


เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 15 เม.ย. 54 พ.ต.ท.ดุลยมาน แยนา สวญ. สภ.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงคราม เอ็ม.16 และอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 ม.ม. ยิงถล่มใส่ที่ทำการสหกรณ์ ต.โคกเคียน เหตุเกิดบริเวณใกล้วัดโคกเคียน หมู่ 1 ต.โคกเคียน อ.เมือง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 ราย

จึงสั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าที่บริเวณฝาผนังที่ทำการสหกรณ์มีร่องรอยถูกกระสุนปืนเป็นรูพรุน พร้อมด้วยกองเลือดจำนวนหนึ่ง และนอกจากนี้เจ้าหน้าที่พบบ้านพักเลขที่ 30/1 ซึ่งอยู่ติดกัน มีร่องรอยถูกกระสุนปืนที่ฝาผนังเป็นรูพรุนเช่นกัน และที่บนถนนเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนเอ็ม.16 และปลอกกระสุนปืนพกสั้นขนาด 9 ม.ม.ตกอยู่จำนวน 8 ปลอก จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บพลเมืองดีได้นำตัวส่งรักษา รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ ไปก่อนหน้าแล้ว

ทราบชื่อคือ 1.นางชุม แดงเผนิน 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30/1 หมู่ 1 ต.โคกเคียน มีบาดแผลถูกกระสุนปืนเอ็ม.16และอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 ม.ม. ที่บริเวณหัวไหล่และแผ่นหลัง 2 นัด 2.นายคะนึง เพชรพันธุ์ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/2 หมู่ 1 ต.โคกเคียน ถูกกระสุนปืนชนิดและขนาดเดียวกันที่บริเวณขาซ้าย 2 นัด และ 3.ด.ช.ณรงค์ศักดิ์ หน่อจันทร์หอม อายุ 14 ปี อยู่บ้านเลขที่ 125 หมู่ 1 ต.โคกเคียน มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนพกสั้นที่บริเวณหัวเข่าขวา 1 นัด ทั้ง 3 รายอาการสาหัสแพทย์ต้องทำการปฐมพยาบาลอย่างเร่งด่วน

จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุได้มีคนร้ายจำนวน 6 คน ขี่และซ้อนท้ายรถ จยย.จำนวน 3 คันมาจอดบนถนนหน้าที่ทำการสหกรณ์ จากนั้นคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายจำนวน 2 คน ได้ใช้อาวุธปืนเอ็ม.16 และอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 ม.ม.
ออกมากราดยิงใส่ที่ทำการสหกรณ์ในระหว่างที่นายคะนึง และ ด.ช.ณรงค์ศักดิ์ กำลังนั่งคุยกันอยู่ภายในสหกรณ์ได้รับบาดเจ็บ ส่วนคนร้ายอีก 1 คนได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 ม.ม.ยิงใส่นางชุม ที่กำลังเก็บของอยู่หน้าบ้านพักทำให้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 คน ก่อนที่คนร้ายจะรีบขี่รถ จยย.หลบหนีไป ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เพื่อข่มขู่และขับไล่ชาวไทยพุทธออกนอกพื้นที่
 

ชาวบ้านรวมพลัง ช่วยตนเอง


ชาวบ้านรวมพลัง ช่วยตนเอง

ชาวนราฯรวมพลังต่อต้านโจรใต้หลังยิงถล่มไทยพุทธตาย 1 เจ็บ 2


เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 16 เม.ย.54 ที่สนามกีฬา หมู่บ้านฮูแตทูวอ หมู่ 4 ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส นายเดชรัฐ สิมศิริ รอง ผวจ.นราธิวาส เป็นประธานในการรวมพลังของกลุ่มชาวบ้านทั้งไทยพุทธและมุสลิมในพื้นที่ ต.โคกเคียน รวม 13 หมู่บ้าน โดยมี น.อ.สมเกียรติ ผลประยูร ผบ.ฉก.นย.ภาคใต้ น.ท.วิรัตน์ ตะโจปะรัง ผบ.ฉก.นราธิวาส 33 เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในการแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ โดยการรวมพลังในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุกลุ่มคนร้าย 6 คน ขี่รถ จยย. 3 คัน เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกสั้น 9 มม.และเอ็ม 16 ยิงถล่มเข้าใส่ราษฎรไทยพุทธ บริเวณที่ทำการสหกรณ์ หมู่ 1 ต.โคกเคียน อ.เมือง ช่วงค่ำของวันที่ 15 เม.ย.54 ที่ผ่านมา ส่งผลให้นางชุม แดงเผนิน อายุ 70 ปี เสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย 


โดยชาวบ้านต่างถือป้ายผ้าที่เขียนข้อความ อาทิ เราชาว ต.โคกเคียน ไม่เห็นด้วยกับการก่อเหตุรุนแรง เราอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขตลอดมา เราไม่เอาด้วยกับเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น ขณะที่ชาวบ้านไทยพุทธต่างสวมใส่เสื้อผ้าชุดดำไว้ทุกข์ให้กับนางชุม ผู้เสียชีวิตอีกด้วย

ทางด้านนายเดชรัฐ รอง ผวจ.นราธิวาส กล่าวกับชาวบ้านว่า ขอให้ทุกคนซึ่งแม้จะนับถือศาสนาที่แตกต่างกัน แต่ที่ผ่านมาเคยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขเป็นเวลาหลายปี ไม่เคยมีเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนขวัญในพื้นที่นี้มาก่อน ขอให้ทุกคนรักกันและช่วยกันปกป้องรักษาแผ่นดินเกิดของตนเอง อย่าให้ใครเข้ามาแทรกแซงทำร้ายได้

ด้าน น.อ.สมเกียรติ ผบ.ฉก.นย.ภาคใต้ กล่าวในฐานะตัวแทนทหารว่า ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายครั้งแต่เจ้าหน้าที่ก็ได้รับความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ จนสามารถบุกจับกุมผู้ก่อเหตุและตรวจยึดของกลางได้เป็นจำนวนมากและหลายครั้งเช่นกัน สำหรับเหตุที่เกิดขึ้นนั้นไม่ว่าจะเป็นไทยพุทธหรือมุสลิมก็มีค่าเท่าเทียมกัน การแสดงพลังของทุกคนไม่จำเป็นต้องมีคนมามากแต่ขอให้ทุกคนมาด้วยใจ ขอให้ทุกคนลุกขึ้นสู้ ตนเองอยากฝากถึงผู้ไม่หวังดีว่าต่อไปพวกคุณจะไม่มีที่อยู่บนแผ่นดินนี้เพราะทุกคนไม่ต้อนรับพวกคุณ

ส่วนความคืบหน้าทางคดีล่าสุด เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนได้เบาะแสของกลุ่มคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุอย่างอุกอาจในครั้งนี้แล้ว พบว่าทั้ง 6 คนเป็นสมาชิกแนวร่วมระดับปฏิบัติการกลุ่มของนายมะดารี วาหลง ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีความมั่นคงนับสิบคดี ที่รับผิดชอบเคลื่อนไหวก่อเหตุในพื้นที่ อ.ยี่งอ และ อ.บาเจาะ โดยกลุ่มที่ลงมือก่อเหตุนี้เคยก่อเหตุยิงถล่มจุดตรวจปลักปลา อ.เมืองนราธิวาส เมื่อช่วงกลางปี 53 ที่ผ่านมาทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายรายเช่นกัน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังส่งชุดติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้ายในพื้นที่เขตรอยต่ออย่างต่อเนื่องแล้ว

ผบ.ทบ.ครับ ผู้ก่อการร้ายอยู่ภาคใต้ครับ


โจรใต้ยิงทหารพรานสาหัส 1 นายที่ อ.เมืองนราฯ

มื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 16 เม.ย. 54 พ.ต.ท.เปลี่ยน ชูสุวรรณ สารวัตรเวร สภ.ตันหยง อ.เมือง จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามตามประกบยิงเจ้าหน้าที่ทหารพราน สังกัด ร้อย ทพ.4616 กรมทหารพรานที่ 46 ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบนถนนในหมู่บ้านโคกสยา หมู่ 8 ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จึงสั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบเพียงรถ จยย.ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนล้มตะแคงอยู่ริมถนน พร้อมด้วยกองเลือดจำนวนหนึ่งตกอยู่ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บพลเมืองดีได้นำตัวส่งรักษา รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ ไปก่อนหน้าแล้วทราบชื่อคือ อส.ทพ.มูหาหมัดยากี อามะ อายุ 26 ปี มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ที่บริเวณต้นคอหลังทะลุปาก และแขนขวา รวม 3 นัด อาการสาหัส

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ อส.ทพ.มูหาหมัดยากี ได้ขี่รถ จยย.ออกจากฐานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.รือเสาะ ตามลำพังเพื่อเดินทางกลับบ้านพักที่ อ.เมืองนราฯ ในช่วงวันลาพักผ่อน เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายจำนวน 2 คน ขี่รถ จยย.ตามประกบไล่หลัง เมื่อสบโอกาสคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดออกมายิงใส่ จำนวน 3 นัดซ้อน จนรถเสียหลักล้มคว่ำ แล้วคนร้ายได้รีบขี่รถ จยย.หลบหนีไป ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า เป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่รายวัน

เอาพระทิ้งขยะ เอาคัมภีร์มรณะขึ้นหิ้ง

18 เมษา. 2554 15:54 น. 

พ.ต.ท.ทวีชัย พะยัติ ร้อยเวรสายตำรวจรถยนต์ และ พ.ต.ท. เอกชัย สีดำ สปว.สภ.เมืองสงขลา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีชาวบ้านได้พบพระพุทธรูปบูชาปรางต่างๆจำนวนมากซึ่งถูกนำใส่กระสอบมาทิ้งไว้ที่บริเวณกองขยะหลังโรงพยาบาลสงขลา และได้นำมามอบให้กับพระสำนักสงฆ์บ้านแหลมขวัญ ม. 8 ต.พะวง อ.เมืองสงขลา เก็บเอาไว้เพราะเกรงว่าอาจจะเป็นพระพุทธรูปที่ถูกขโมยมา 

หลังจากที่ตำรวจพระและชาวบ้านได้ร่วมกันตรวจสอบพระพุทธรูปดังกว่ามีจำนวนทั้งหมด 97 องค์ เป็นพระพุทธรูปปรางประจำวันเกิด ทั้งปรางนาคปรก ปรางสมาธิ ปราห้ามญาติ ปรามถวายเนตร ปราบไสยน์ญาติ ปรางอุ้มบาตร ปรางป่าเลไลย์และปรางพึง และเป็นพระพุทธรูปสภาพเก่าเนื้อโลหะและสัมฤทธิ์ เบื้องต้นตำรวจได้ทำการลงบันทึกรายละเอียดของพระทุกองค์ไว้เป็นหลักฐาน และนำไปเก็บไว้ที่ สภ.เมืองสงขลา เพื่อรอการตรวจสอบไปยังวัดหรือสำนักสงฆ์ต่างๆในพื้นที่ว่ามีพระพุทธรูปหายไปหรือไม่ เพราะเกรงว่าอาจจะเป็นพระพุทธรูปที่ถูกขโมยมา หรืออาจจะเป็นพระพุทธรูปที่ถูกรวบรวมนำมาทิ้งไว้ 

จากการสอบสวน นางจำลอง สุระคำแหง อายุ 59 ปี ชาวบ้านในต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งเป็นคนพบพระพุทธรูปดังกล่าว บอกว่า ขณะเกิดเหตุได้ขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างกลับจากส่งหลานไปโรงเรียน และสังเกตุเห็นกระสอบปุ๋ยจำนวนสองกระสอบถูกนำมาทิ้งไว้ใกล้กับกองขยะบริเวณป่าโหนดคลองวง ภายในซอย 4 ม. 4 ต.พะวง ซึ่งอยู่ด้านหลังโรงพยาบาลสงขลา จึงลงไปเปิดดูพบว่าภายในมีพระพุทธรูปจำนวนมากจึงได้นำใส่รถขับมาเก็บไว้ที่สำนักสงฆ์บ้านแหลมขวัญ เพราะแม้ว่าจะเป็นพระพุทธรูปที่ถูกขโมยมาหรือถูกนำมาทิ้งก็ไม่ควรที่จะมาอยู่ในกองขยะ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมและสะเทือนใจชาวพุทธ 

หมาลอบกัดที่ยะลาอีก

18 เมษา. 2554 10:19 น. 

ศูนย์รวมข่าว สภ.เมืองยะลา รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ หน้าร้านขายยาเอี่ยงไท้ไล้ ใกล้แขวงการทางยะลา ถ.สิโรรส อ.เมือง จ.ยะลา มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ที่เกิดเหตุ พบรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค 3 ประตู สีดำเทา ซึ่งคนร้ายนำวัตถุระเบิดใส่ไว้ในรถยนต์คันดังกล่าว สภาพรถพังยับเยิน ส่วนหมายเลขทะเบียน ที่พบในที่เกิดเหตุ เป็นป้าย บค. 5309 ยะลา 

นอกจากนั้น ยังพบรถยนต์อีซูซุดีแม็กซ์ของเจ้าหน้าที่ทหารพรานสังกัด ร้อยทพ. 4714 กรมทหารพรานที่ 47 หมายเลขทะเบียน บต. 4963 ปัตตานี สภาพพังยับเยินเช่นกันและภายในรถยนต์ยังพบร่างของเจ้าหน้าที่ทหารพราน เสียชีวิตอยู่ในรถ และยังมีรถยนต์รถจักรยานยนต์ของชาวบ้านที่ผ่านไปมาได้รับความเสียหายอีกหลายคัน 

สอบสวนทราบว่าขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารพรานชุดดังกล่าว โดยมีกำลัง 4-5 นาย ขับรถยนต์มาถึงบริเวณหน้าร้านขายยา ซึ่งมีรถยนต์เก๋งฮอนด้าซีวิค ซึ่งคนร้ายนำมาจอดไว้ตั้งแต่06.00 น. เมื่อเห็นรถยนต์เจ้าหน้าที่ผ่านมาคนร้ายได้กดชนวนระเบิดขึ้นทันที ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารพราน เสียชีวิต 1 ราย และมีชาวบ้าน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้รับบาดเจ็บ 23 ราย 

สำหรับรายชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บทราบชื่อแล้ว คือ 1 นายนพคุณ เบญจวรรณ์ 2 นายสาคร แสงสี 3 นายภิสุทธิ์ ภู่เจริญ 4 นางนงนุช กะทิจุม 5 นายณรงค์ รัตนนันท์รัศมี 6 นายจำนง เมาะอะ 7 อส.ทพ.สมัย โครตฌา 8 น.ส.แตะราะ โด 9 นางวันทนีย์ ภักดีพันธ์ 10 ด.ญ.นารีกาน สังวลีรัตน์ 11 นายสุรชัย ฤทธิราช 12 นายสุรินทร์ ดอเลาะ 13 นายอาหามะ ซา 14 น.ส.ภารดี หะรัตพันธ์ 15 น.ส.ซารีปะ จารง 16 อส.ทพ.สุภัสสร หอยสังข์ 17 น.ส.รอสดา บอมอดายอ 18 น.ส.นิภัสมะ อุเซ็ง 19 นางอุไร ทับดอง 20 นายสะมะแอ สะดียามู 21 นางนงนุช กสิวุฒิ 22 นางฮัมเสาะ วาเซ็ง และ 23 นางปราณี สุขาเขิน สำหรับทหารที่เสียชีวิตยังไม่ทราบชื่อ 

********************************
18 เมษา. 2554 13:06 น. 
นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุคาร์บอมในเขตเทศบาลนครยะลา ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานสังกัด ร้อยทพ. 4714 กรมทหารพรานที่ 47 เสียชีวิต 1 รายและมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ได้เร่งขยายผลโดยเฉพาะการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ตามจุดต่างๆทั่วเมือง เพื่อติดตามคนร้ายอย่างใกล้ชิด เป้าหมายของคนร้ายมีความชัดเจนในการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารที่ขับรถผ่านมาพอดี โดยเชื่อว่าคนร้ายอาจมีการสังเกตุการณ์และติดตามความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่มาระยะหนึ่งแล้ว จนมีความมั่นใจว่าในช่วงเวลาดังกล่าวจะต้องมีรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ขับผ่านมา ทำให้มีการเตรียมการวางแผนล่วงหน้าเพื่อนำรถยนต์ที่ซุกซ่อนวัตถุระเบิดเข้ามาจอดทิ้งไว้เพื่อรอจังหวะและเวลา ทำให้เกิดความสูญเสียเกิดขึ้น

สำหรับการเฝ้าระวังดูแลความปลอดภัยในพื้นที่เขตเทศบาลนครยะลาที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความเข้มงวด โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์จนควบคุมสถานการณ์ทำให้ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด กระทั่งคนร้ายยังฉวยโอกาสเข้ามาก่อเหตุหลังสิ้นสุดเทศกาล ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทุกฝ่ายได้มีการจัดวางระบบและจัดระเบียบพื้นที่ความปลอดภัยในเขตเทศบาลฯไว้อย่างเข้มงวดและมีประสิทธิภาพ โดยได้รับความร่วมมือทั้งจากเจ้าหน้าที่และประชนชนเป็นอย่างดี กระทั่งเหตุการณ์ครั้งนี้ พิสูจน์ให้เห็นว่าคนร้ายยังมีโอกาสที่เข้ามาลงมือก่อเหตุได้จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องปรับแผนและเพิ่มความตระหนัก ในการดูแลความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

****************************************

18 เมษา. 2554 15:27 น. 
นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ผวจ.ปัตตานี เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุระเบิดคาร์บอมในพื้นที่จ.ยะลา ทำให้ต้องเร่งปรับแผนรับมือสถานการณ์ความรุนแรงในช่วงหลังสงกรานต์อีกครั้ง เนื่องจากสอดรับกับสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดปัตตานีที่ก่อนหน้านี้ได้รับแจ้งเบาะแสกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่มีความพยายามเคลื่อนไหวก่อเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์เพื่อหวังสร้างสถานการณ์ความรุนแรง จึงได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงปูพรมและจัดโซนนิ่งพื้นที่เพื่อกำหนดพื้นที่การจัดกิจกรรมในวันสงกราน์เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด

กระทั่งเมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรมไปแล้วก็ยังพบว่าแนวร่วมกลุ่มดังกล่าวยังคงมีความพยายามเคลื่อนไหวอีก เบื้องต้นจึงได้ประสานและสั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงร่วมกันเฝ้าระวังพื้นที่ตลอดทั้งเดือนเม.ย.เพื่อป้องปรามและกดดันแนวร่วมไม่ให้มีโอกาสเเคลื่อนไหวก่อเหตุได้อีก 

โดยเฉพาะการเร่งตรวจสอบรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ซุกซ่อนวัตถุระเบิดไม่ให้เข้ามาในพื้นที่เขตเมือง เนื่องจากเชื่อว่าอาจเป็นหนึ่งในรูปแบบที่คนร้ายต้องการใช้เป็นรูปแบบการก่อเหตุหลักในช่วงนี้ 

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้เฝ้าระวังอย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะการเข้าไปเกาะติดทุกความเคลื่อนไหวของแนวร่วมและผู้ต้องสงสัยถึงบ้านเพื่อแจ้งเตือนและขอความร่วมมือครอบครัว ญาติพี่น้องให้เตือนและปราบบุตรหลานที่อาจเข้าไปมีส่วนร่วมในการก่อเหตุทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัวหยุดพฤติกรรมดังกล่าว 

นอกจากนี้ยังได้มีการวางแผนประสานงานร่วมกันอย่างบูรณาการของกองกำลังฝ่ายความมั่นคงเพื่อจัดวางระบบการทำงานร่วมกันทั้งพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อร่วมกันกดดันพื้นที่รอยต่อไม่ให้มีการเคลื่อนไหวเข้ามากบดานหลังก่อเหตุ



วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2554

เตรียมตัวรับกฏหมายใหม่เน้อ


กฎหมายใหม่ที่อ้างคำสอนของอิสลามออกแล้วจ้า

ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า "กฎหมายใหม่สำหรับสังคมไทยที่อ้างคำสอนศาสนาอิสลาม" ออกมากี่ฉบับแล้วก็ไม่ทราบจริงๆ พระคุณเจ้าท่านอาจจะทราบหรือนักกฎหมายหรือสมาชิกรัฐสภาก็ต้องทราบเพราะมันต้องผ่านสภา คือให้ศาสนิกอิสลามที่รับราชการสามารถแต่งกายตามหลักคำสอนได้ ได้ฟังจากรายการของๆ ท่านพลตรีทองขาว พ่วงรอดพันธ์เมื่อคืนนี้จ้า....

ที่รัฐอาเจะ รัฐบาลอินโดนิเซียกำลังกลุ้มใจมาก ทั้งๆที่เป็นมุสลิมซะส่วนใหญ่ยังไม่พอใจ เพื่อนเล่นออกกฎหมายอิสลามห้ามหญิงมีชู้ มิฉะนั้นจะโดนขว้างด้วยก้อนหิน...แหมคนไทยนะ ฟรีเซ้กมากเลย หญิงก็มีชู้ได้ ชายก็ยิ่งมีมากกว่า..ถ้ากฎหมายนี้ออกมา คนไทยพุทธไม่ยอมแน่นอน..เรื่องอื่นๆยอมได้ทุกเรื่อง คนไทยพุทธไม่มีแผ่นดินจะอยู่ใน ๓ จ.ภาคใต้ เราก็ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลยยย ในไม่ช้าเขาก็คงจะขอ "ศาลอิสลาม" ละจ๊ะ

ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า "กฎหมายใหม่สำหรับสังคมไทยที่อ้างคำสอนศาสนาอิสลาม" ออกมากี่ฉบับแล้วก็ไม่ทราบจริงๆ พระคุณเจ้าท่านอาจจะทราบหรือนักกฎหมายหรือสมาชิกรัฐสภาก็ต้องทราบเพราะมันต้องผ่านสภา คือให้ศาสนิกอิสลามที่รับราชการสามารถแต่งกายตามหลักคำสอนได้ ได้ฟังจากรายการของๆ ท่านพลตรีทองขาว พ่วงรอดพันธ์เมื่อคืนนี้จ้า....

ที่รัฐอาเจะ รัฐบาลอินโดนิเซียกำลังกลุ้มใจมาก ทั้งๆที่เป็นมุสลิมซะส่วนใหญ่ยังไม่พอใจ เพื่อนเล่นออกกฎหมายอิสลามห้ามหญิงมีชู้ มิฉะนั้นจะโดนขว้างด้วยก้อนหิน...แหมคนไทยนะ ฟรีเซ็กมากเลย หญิงก็มีชู้ได้ ชายก็ยิ่งมีมากกว่า..ถ้ากฎหมายนี้ออกมา คนไทยพุทธไม่ยอมแน่นอน..เรื่องอื่นๆยอมได้ทุกเรื่อง คนไทยพุทธไม่มีแผ่นดินจะอยู่ใน ๓ จ.ภาคใต้ เราก็ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลย ย ย ในไม่ช้าเขาก็คงจะขอ "ศาลอิสลาม" ละจ๊ะ

อันที่จริงในสี่จังหวัดภาคใต้ก็มีพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้กฏหมายอิสลามคือในเขตจ. ปัตตานี ยะลา นราธิวาสและสตูล มาตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๘๙ แล้วนั้น พวกเขาร้องว่า ยังไม่สอดคล้องกับสภาวะปัจจุบันของประเทศและของนา ๆประเทศที่มีอิสลามมิกชน...ประเทศไทยเป็นเมืองที่มีคนนับถือพระพุทธศาสนา ถึง ๙๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ยังไม่เคยขอร้องให้รัฐธรรมนูญไทยให้เอาหลักศาสนาพุทธมาเป็นกฏหมายศาสนาพุทธของศาลไทยเลย...ยังงี้แล้วยังจะมาว่า "คนพุทธทำร้ายคนส่วนน้อยของประเทศไทยได้อย่างไร"...(จากกรณี "จากนาลันทา สู่ ปัตตานี ขบวนการยึดครองประเทศไทย" กรณีวัดหนองจอก ออกอากาศทาง DDTV หรือคลื่น FM. 88.25 เมื่อวันที่ ๑๕ มี.ค. ๒๕๕๔) และทางวิทยุสถานีศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนา FM. ๑๐๔.๒๕ เวลา ๒๑.๐๐-๒๒.๐๐ น. จ.ศ. ต้องติดตามฟังเพราะนี่จะเป็นปัญหาใหญ่อีกปัญหาหนึ่งซึ่งยังไม่มีทางออกที่ดีและเหมาะสม...

ดูตัวอย่างประเทศดังต่อไปนี้ เอาแค่สัก ๒ ประเทศก็พอ
ประเทศซาอุดิอาระเบียประกาศว่า ศาสนาอิสลามเท่านั้นเป็นศาสนาประจำฃาติ และอีกหลาย ๆ ประเทศในแถบตะวันออกกลางห้ามคนต่างประเทศสวมเครื่องหมายทางศาสนเข้าประเทศโดยเด็ดขาด ค้นพ้บ "เควี้ยงหรือกระชากทิ้ง" ทันที (ถูกใจใครบางคน - มันจะบ้า !) บางประเทศคนในประไม่ว่าหญิงหรือชายจะแต่งงานกับคนต่างศาสนาโดยต้องโอนศาสนามาเป็นศาสนาอิสลามเท่านั้น ทางกระทรวงตปท.เขาจึงจะออกวีซ่าให้ แต่ถ้าอยู่กันเฉย ๆ นอกประเทศ (อาจจะ) ทำได้ แต่ห้าม "หญิงหรือชายคนนั้น" เข้าไปหา "ว่าที่สามีหรือภริยา" ในประทศนั้น ๆ นะ มี "โทษหนัก" ทีเดียว ...อ้อ ถ้าคนของเขาเปลี่ยนศาสนามีสิทธิไม่มีที่อยู่เพราะจะถูกรังควาญ ถ้ากลับบ้านเกิด "ตาย" อย่างเดียว ครอบครัวก็ไม่ปกป้องเสียด้วย มีแต่จะแจ้งความให้ตำรวจศาสนาทราบ (ใจร้ายและใจดำ มหาโหด !)

ประเทศไทยก็มิน้อยหน้า ชายหรือหญิงถ้าแต่งงานกันต้องเปลี่ยนศาสนาเดิมมาเป็นคนมุสลิมแล้วก็จะได้เงินจากกองทุน "ซะก๊าด" เลี้ยวชีพเสียด้วย (กองทุนเพื่อเพิ่มศาสนิกโดยตรง ๆ เลย ใครจะทำไม !) มิฉะนั้น "พ่อแม่จะได้รับบาป" เล่นเอาพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดได้แต่นอนร้องไห้คิดถึงลูกชาย/ลูกหญิง มันก็บาปเหมือนกันเพราะ "สร้างความทุกข์ให้แก่ผู้ให้กำเหนิด" ...คิดให้ดีก่อนจะเปลี่ยนศาสนาพุทธไปเป็นมุสลิมนะจ๊ะ

อันที่จริง น่าจะให้อิสระแก่พวกเขา ให้สิทธิในการตัดสินใจในการนับถือศาสนาด้วยตนเอง คือประสงค์จะเปลี่ยนศาสนาก็ด้วยตนเองหรือให้อยู่ด้วยกันโดยยอมรับสิทธิในการนับถือศาสนาของแต่ละคน อันนี้ถึงจะถือว่า "ศิวิไลย์" จ๊ะ

ประเทศมาเลเซียประกาศ ศาสนาประจำชาติคือศาสนาอิสลาม โรงแรมทุกโรงแรมในประเทศห้ามขายอาหารที่มีส่วนประกอบของหมูรวมทั้งบู๊ทหรือร้านอาหารในห้างต่าง ๆ ที่มีแผนก "แดกด่วนหรือFast Food" ยกเว้นบ่อนกาสิโนและร้านอาหารของ

คนจีนเท่านั้นคือถ้าไปเที่ยวมาเลย์และอยากจะกินอาหารที่ประกอบด้วยหมู ก็ต้องมาที่ร้านคนจีนเท่านั้น

ขออนุญาตเพิ่มเติมเพราะได้รับเอกสารมาชุดหนึ่งชื่อ ตอบปัญสารพัน "วิเคราะห์ วิจารณ์ ร่างพระราชบัญญัติการใช้กฏหมายอิสลามว่าด้วยครอบครัวมรดกและการพิจารณาคดี" โดย อ.ชำนาญ นิศารัตน์ นักกฏหมายและวุฒิอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ต้องขอยกย่องท่านว่าท่านทำงานนี้อย่างต่อเนื่อง

... ท่านติดตามข่าวอันเกี่ยวเนื่องด้วยกฏหมายต่าง ๆ ที่องค์กรต่าง ๆ ของมุสลิมพยายามจะขอให้รัฐบาลออกมาบังคับใช้ คือเดิมที่จะบังคับใช้ในชุมชนที่นับถือศ.อิสลาม แต่ต่อไปก็จะ "ขอ" ไปเรื่อย ๆ ไป ๆ มา ๆ ประเทศไทย (ใหญ่อุดมนี้) อาจจะต้องใช้กฏหมายศาสนามาเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญถ้าคนไทยพุทธยังนอนหลับ ทับสิทธิมองเห็นพวกเขาอย่าง "เข้าใจและเห็นอกเห็นใจ" อยู่ (โดยเฉพาะพวก NGO.- ออกเสียงว่า "โง่" = อวิชชา" วันหน้าจะ "รู้สึก" แต่ก็"สายไปเสียแล้ว" แล้วจะมาต่อว่า "ปู่ ย่า ตา ยายและพระภิกษุสงฆ์" เมินเฉยทำไม มาทำให้พวกเรามีแต่ "ความทุกข์"...ช่วยไม่ได้นะจ๊ะ ต้องไปโทษพวก NGO. เท่านั้น

ป่วนไปทั่ว สมุนลัทธิบ้าคลั่ง


ยิงทหารพราน เจ็บสาหัส 1 นาย

16 เมษา. 2554 16:56 น.

กลุ่มก่อความไม่สงบก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่ทหารพราน บาดเจ็บสาหัส 1 นายในพื้นที่ จ.นราธิวาส 

เมื่อเวลา 15.00 น. พ.ต.ท.เปลี่ยน ชูสุวรรณ สารวัตรเวร สภ.ตันหยง อ.เมือง จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามตามประกบยิง อส.ทพ.มูหาหมัดยากี อามะ อายุ 26 ปี เป็นอาสาสมัครทหารพรานกองร้อยที่ 4616 กรมทหารพรานที่ 46 ซึ่งตั้งฐานอยู่บ้านนาดา ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบนถนนในหมู่บ้านโคกสยา ม. 8 ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง ที่เกิดเหตุพบเพียงรถ จยย.ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนล้มตะแคงอยู่ริมถนน พร้อมด้วยกองเลือดจำนวนหนึ่งตกอยู่ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บพลเมืองดีได้นำตัวส่งรักษาโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ไปก่อนหน้าแล้ว โดยในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจสอบพบหลักฐานใดๆของคนร้าย 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปดูอาการ อส.ทพ.มูหาหมัดยากี ที่โรงพยาบาล ซึ่งมีบาดแผลถูกกระสุนปืนไม่ทราบชนิดและขนาดของคนร้ายที่บริเวณต้นคอหลังทะลุปาก และบริเวณแขนขวา รวม 3 นัด แพทย์ต้องช่วยเหลือชีวิตอย่างเร่งด่วน 
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ อส.ทพ.มูหาหมัดยากี ได้ขี่รถ จยย.ออกจากฐานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.รือเสาะตามลำพัง เพื่อเดินทางกลับบ้านพักในช่วงวันลาพักผ่อน เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายจำนวน 2 คน ขี่รถ จยย.ตามประกบไล่หลัง เมื่อสบโอกาสคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดออกมายิงใส่ จำนวน 3 นัดซ้อน จนรถเสียหลักล้มคว่ำ แล้วคนร้ายได้รีบขี่รถ จยย.หลบหนีไป ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า เป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่รายวัน 

************************************
อินโดฯยกระดับรปภ.ทั่วประเทศ
16 เมษา. 2554 16:39 น. 
ตำรวจอินโดนีเซีย ยกระดับการรักษาความปลอดภัยในสำนักงานตำรวจทั่วประเทศให้มากยิ่งขึ้น หลังเกิดเหตุระเบิดพลีชีพในมัสยิดในบริเวณชุมชนของตำรวจ ที่เมืองซิเรบัน จังหวัดชวาตะวันตกเมื่อวานนี้

จากการตรวจสอบเบื้องต้นของตำรวจพบว่า มือระเบิดพลีชีพรายนี้ คาดว่าเป็นผู้ชายวัยระหว่าง 25-35 ปี โดยตำรวจกำลังสืบสวนหาแรงจูงใจในการก่อเหตุ รวมถึงการเชื่อมโยงต่อกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ โดยขณะเกิดเหตุ คนร้ายซุกซ่อนระเบิดไว้ในตัว และทำการระเบิดขณะที่ตำรวจกำลังทำการละหมาดใหญ่ในวันศุกร์ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 30 คน รวมถึงหัวหน้าตำรวจของเมืองซิเรบันด้วย 

เหตุการณ์นี้ ถือเป็นการก่อเหตุระเบิดพลีชีพในมัสยิดครั้งแรกของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก และเป็นการก่อเหตุรุนแรงครั้งแรกในรอบ 2 ปี หลังเกิดระเบิดพลีชีพที่โรงแรมหรู 2 แห่งในกรุงจาการ์ต้า เมื่อปี 2552 ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งหมด 9 ราย รวมทั้งผู้ก่อเหตุ 2 ราย ทำให้อินโดนีเซียต้องยกระดับการรักษาความปลอดภัยต่อการโจมตีของกลุ่มก่อการร้าย 

ทางการอินโดนีเซีย กล่าวโทษว่า เหตุระเบิดในโรงแรม, ไนท์คลับ และสถานทูต ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 200 ราย เป็นฝีมือของกลุ่มเจมาห์ อิสลามิยา ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มอัลไกดา 

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=505117&lang=T&cat=
http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=505118&lang=T&cat=

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

ลัทธิบ้า ศาสดาบ๊องส์

พลีชีพ แล้วได้ขึ้นสวรรค์ ไปอยู่กับ อัลเลาะห์
แต่มันฆ่าคนบริสุทธิ์ตายไปอีกมากมาย ลัทธิบ้าอะไรกันนี่


15 เมษา. 2554 16:26 น. 
เกิดเหตุระเบิดพลีชีพที่มัสยิดแห่งหนึ่งของอินโดนีเซีย ในช่วงกำลังทำละหมาดใหญ่ของวันศุกร์ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 26 คน ตำรวจ ระบุว่า มือระเบิดได้ตะโกนว่า " พระอัลเลาะห์ทรงยิ่งใหญ่ " ก่อนจะกดระเบิด


เหตุระเบิดพลีชีพครั้งนี้ เกิดขึ้นที่เมืองซิเรบัน ในชะวาตะวันตก และได้ชื่อว่าเป็นชุมชนของตำรวจทำให้เหยื่อระเบิดส่วนใหญ่เป็นตำรวจ และถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลหลายแห่งที่อยู่ใกล้เคียงมีหลายคนได้รับบาดเจ็บที่แขน ขา และลำตัว 

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=504988&lang=T&cat=





Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม