วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ความรุนแรงในเดือนลาวมาโดน


ความรุนแรงในเดือนอันศักดิ์สิทธิ์
ความรุนแรงในเดือนอันศักดิ์สิทธิ์ พลังบันดาลใจจากศาสนา + ม่านมายาที่มีใครจงใจสร้างขึ้น


        เหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ปรากฏบนหน้าข่าวของสื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยหลายคนมองความรุนแรงในช่วงนี้ อย่างเชื่อมโยงกับช่วงเดือนรอมฎอน 

       หากสมมติว่าการก่อเหตุแต่ละครั้งในช่วงนี้ มีบางกรณีหรือหลายกรณีที่สัมพันธ์กับเดือนรอมฎอนแล้ว ก็น่าสนใจตั้งคำถามว่า ความเป็นเดือนรอมฎอนมีอิทธิพลจูงใจต่อการก่อเหตุ อย่างไร

       พลังบันดาลใจของผู้ศรัทธาที่มีต่อศาสนาของตน คำถามที่น่าคิดสำหรับความเป็นไปได้ คือ ทั้งๆ ที่รู้ว่า เหตุความรุนแรงในช่วงนี้เกี่ยวโยงกับเดือนรอมฎอน 

เหตุใดผู้ก่อเหตุจึงเลือกที่จะลงมืออย่างเข้มข้นในช่วงเวลาดังกล่าว

      การก่อเหตุสัมพันธ์กับพลังบันดาลใจของศาสนา โดยที่คำว่าศาสนาในที่นี้ คงไม่ได้เฉพาะเจาะจงไปที่อิสลาม ตลอดทั้ง สถาบันที่สอนศาสนาอิสลาม หรือหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่มีศาสนาใดสอนให้สังหารผู้อื่นเป็นแน่  แต่ ศาสนา ในความหมายของแรงกระตุ้นในจิตใจของมนุษย์เองที่มีต่อพระเจ้าและสรรพสิ่งรอบตัวที่สามารถเข้าถึงรับรู้ได้ผ่านศรัทธา และแรงกระตุ้นดังกล่าวมีอิทธิพลชี้นำให้มนุษย์กระทำการต่อสิ่งต่างๆ อย่างอุทิศตัว โดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลรองรับ

        ดังนั้น ในเชิงทฤษฎีแล้ว ระบบความเชื่อ ความศรัทธาของมนุษย์ต่อศาสนาของเขาจึงทำหน้าที่ในการให้กำลังใจ เพิ่มพูนความมั่นใจ ให้กับการลงมือแต่ละครั้ง และยิ่งมีชุดของการรับรู้ทั้งในปัจจุบันและในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการที่ศาสนาตนเองถูกเหยียบย่ำจากผู้ที่สมควรตกเป็นเป้าของการสังหารแล้ว การลงมือแต่ละครั้งจึงยิ่งมีความชอบธรรมมากยิ่งขึ้น ...

       แต่ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องย้ำอีกครั้ง คือ พลังขับดันการลงมือก่อเหตุเป็นพลังบันดาลใจของผู้ก่อเหตุที่มีต่อศาสนาของพวกเขา  ...ล้วนมีคำสอนที่สอดแทรก และอ้างว่าเป็นคำสอนของศาสดา  คำสอนของสถาบัน หรือ หรือบรรดาผู้นำทางศาสนา ล้วนมีส่วนในการอ้างอิงถึงกันและกันกับตัวคำสอนของศาสนาอยู่เสมอ ๆ  

...ในแนววิเคราะห์แบบนี้ ถ้าการก่อเหตุรุนแรงในชายแดนใต้ช่วงนี้จะเกี่ยวโยงกับความเป็นเดือนรอมฎอนแล้ว มันก็จะเกี่ยวโยงในรูปของการสร้างสัญลักษณ์ของการต่อสู้อันศักดิ์สิทธิ์ในเดือนอันศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา และการใช้ความศรัทธาตลอดจนความเจ็บแค้นจากบาดแผลในประวัติศาสตร์และปัจจุบัน ปลุกเร้าจิตใจให้กับผู้ที่จะลงมือ ... ... ...หรือ ผู้ที่เราต้องการใช้ให้ไปลงมือก่อเหตุ   

            หาเราจะมองมองความเป็นไปได้อีกแบบว่า หากการก่อเหตุรุนแรงสัมพันธ์กับเดือนรอมฎอน แต่ไม่ได้เกิดจากพลังบันดาลใจของผู้ศรัทธาแล้ว การก่อเหตุดังกล่าวจะสัมพันธ์กับเดือนรอมฎอนในลักษณะใด

          การก่อเหตุรุนแรงเป็นไปโดยจงใจให้เกิดขึ้นอย่างเข้มข้นในช่วงเดือนรอมฎอน นอกจากนั้นยังมีการ “ผสมโรง” จากกลุ่มคนหลายฝ่าย ที่ได้ประโยชน์จากการดำรงอยู่ของสถานการณ์ความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นขบวนการค้ายาเสพติด กลุ่มอิทธิพลเถื่อน กลุ่มธุรกิจผิดกฎหมาย ที่อาจเชื่อมโยงในลักษณะใดลักษณะหนึ่งกับขบวนการก่อเหตุรุนแรงที่ประสงค์จะแบ่งแยกดินแดนอย่างแท้จริง หรืออาจไม่เชื่อมโยงเลยก็ได้!!

           ถ้าการก่อเหตุรุนแรงในชายแดนใต้ช่วงนี้จะเกี่ยวโยงกับความเป็นเดือนรอมฎอนแล้ว มันจึงเป็นไปภายใต้เจตนาของคนกลุ่มดังกล่าวในการพยายามตอกย้ำภาพการดำรงอยู่ของขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่มีอุดมการณ์ทางศาสนา ผลิตซ้ำภาพของมุสลิมหัวรุนแรงและโยนบาปให้กับศาสนิกผู้มีศรัทธาอย่างแรงกล้า อันสามารถเคลือบ ปิดบังไม่ให้เห็นเครือข่ายกำลังผลิตในอุตสาหกรรมมืดที่เร้นกายและกัดกินผลประโยชน์ของสถานการณ์อยู่ในเนื้อใน

          หากเหตุความรุนแรงบางกรณี หรือหลายกรณีจะสัมพันธ์กับเดือนรอมฎอนแล้ว ความสัมพันธ์ดังกล่าวก็น่าจะเกิดอย่างผสมผสานระหว่างความเป็นไปได้ทั้ง 2 แบบ คือ เกิดจากทั้งผู้ที่ลงมือด้วยพลังศรัทธา พลังบันดาลใจที่ตนมีต่อศาสนาอย่างสุดจิตสุดใจ และเกิดจากผู้ที่ผสมโรงเพื่อพยายามสร้างและธำรงไว้ซึ่งภาพของขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่มีอุดมการณ์ทางศาสนาเพื่อปิดบังปฏิบัติการของตนเอง

           แต่ไม่ว่าความรุนแรงในช่วงเดือนรอมฎอนจะเกิดขึ้นจากมูลเหตุจูงใจแบบใด หรือจะเกิดอย่างจงใจให้สัมพันธ์กับเดือนรอมฎอนหรือไม่ และไม่นับไปถึงความรุนแรงจากเหตุขัดแย้งส่วนตัว ผลประโยชน์ ฯลฯ ซึ่งเกิดขึ้นรายวันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเดือนรอมฎอนหรือไม่ก็ตาม มูลเหตุจูงใจของเหตุร้ายใดใดก็เป็นเรื่องที่คงต้องอาศัยกระบวนการสืบสวนสอบสวน และการสอบปากคำผู้ลงมือก่อเหตุแต่ละคน ซึ่งยังเป็นเรื่องที่ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงชัดเจนต่อสาธารณะ

          อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ชัดเจนมากกว่าเมื่อเราพูดถึงประเด็นเหล่านี้ คือ การมีอยู่จริงของความเชื่อของหลายคนที่ว่า ช่วงเดือนรอมฎอน เหตุการณ์ความไม่สงบในชายแดนใต้มักจะรุนแรงขึ้น อันเป็นความเชื่อที่ฟ้องเราว่า ความรุนแรงในชายแดนใต้ แยกไม่ออกจากการตั้งมั่นของศาสนาอิสลามบนผืนแผ่นดินตอนใต้สุด...คือภาพของมุสลิมที่ก่อเหตุรุนแรงขึ้นในพื้นที่!! และการผสมโรงของ
 ทั้งขบวนการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งต้องการให้ชายแดนใต้กับสังคมไทยโดยรวม แปลกแยก เป็นอื่น และหวาดระแวงต่อกัน ...และกลุ่มอาชญากรรม ยาเสพติด อำนาจเถื่อน ที่ต้องการให้สังคมไทยโดยรวมติดภาพการรับรู้ดังกล่าว เพื่อปิดบังอุตสาหกรรมของตน ...

ผู้ที่ได้ประโยชน์ จากเรื่องนี้คือใคร ก็คนนั้นแหละครับ......!!

http://narater2010.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม