วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556

ถอดรหัสทำไมโจรใต้ติดบ่วง 16 ศพ? กับคำเตือนเป้าหมาย ‘อ่อนแอ’ ระวัง!

ถอดรหัสทำไมโจรใต้ติดบ่วง 16 ศพ ? 
กับคำเตือนเป้าหมาย ‘อ่อนแอ’ ..........................ระวัง !
       
       โดย...ศูนย์ข่าวหาดใหญ่
       
       จันทร์เสี้ยวในคืนข้างขึ้น 2 ค่ำ เดือน 3 ให้แสงส่องสว่างแก่พื้นที่สวนยางพาราบนแผ่นดินสุดปลายด้ามขวานของไทยได้ เพียงเล็กน้อย แต่นั่นไม่เป็นอุปสรรคต่อปฏิบัติการกลางท่ามกลางความมืดสลัวในดื่นดึก เนื่องเพราะมีการเตรียมความพร้อมไว้อย่างเสร็จสรรพทุกขึ้นตอน
       
       แม้ไม่มีการบันทึกเป็นภาพไว้ในห้วงเวลาปฏิบัติการไว้ให้ดูชม แต่ตามเสียงบอกเล่านั้นประมาณว่า ไม่ต่างจากฉากในหนังฮอลลีวูดเท่าใดนัก
       
       
       เริ่มจากเวลาประมาณ 01.30 น. ของคืนวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา กลุ่มคนราว 100 คนแต่งกายด้วยชุดลายพรางทหาร สวมเสื้อเกราะรัดกุม อาวุธปืนสงครามครบมือ ได้ร่วมกันบุกกรูกันเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการทหารร้อยปืนเล็กที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณบ้านยือลอ ม.3 ต.บาเร๊ะเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส แล้วเกิดการปะทะกันนับชั่วโมง สุดท้าย ฝ่ายรุกกลับต้องกระเจิงล่าถอยกลับไป โดยทิ้งร่างผู้ร่วมขบวนการไว้ให้ดูต่างหน้า 16 ศพ
       
       โดยระหว่างหลบหนี กลุ่มคนร้ายได้ตัดต้นไม้ขวางถนน และโปรยตะปูเรือใบ รวมถึงวางกับดักที่เป็นระเบิดแสวงเครื่องประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สหุงต้มหนัก 50 กก. จุดชนวนด้วยแบตเตอรี่แบบลากสายไฟยาวไปในป่ารกทึบริมทางไว้ด้วย เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าสนับสนุน และรุกไล่ติดตาม โดยเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าไปเสริมกำลัง และให้การช่วยเหลือต้องใช้เวลาเคลียร์จุดต่างๆ นานนับชั่วโมง จึงสามารถเข้าไปยังฐานปฏิบัติการทหารที่เกิดเหตุได้
       
       ช่วงเช้ามีการเข้าเคลียร์ที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นสวนยางพารา พบศพคนร้ายนอนกระจายเกลื่อนกลาดรวม 16 ศพ ซึ่งแต่ละศพสวมหมวกไหมพรม มีอาวุธปืนอาก้า หรือไม่ก็เอ็ม 16 ประจำกาย สวมเสื้อเกราะ โดยส่วนใหญ่บนร่างกายมีร่องรอยลักษณะรูพรุนไปทั่ว จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า ผู้เสียชีวิตเป็นระดับแกนนำกองกำลังติดอาวุธ หรือ RKK ที่เคลื่อนไหวก่อเหตุร้ายในพื้นที่ อ.บาเจาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และ อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี
       
       
       โดยในเบื้องต้น 3 ในจำนวน 16 ศพถูกระบุว่าคือ 1.นายมะรอโซ จันทราวดี ผู้ต้องหาตามหมาย ป.วิอาญา ในคดีความมั่นคง 11 หมาย และเป็นผู้ต้องสงสัยตามหมาย พ.ร.ก.อีก 3 หมาย เคยร่วมก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง และเป็นผู้สั่งการบุกสังหารครูชลธี เจริญชล ครู คศ.2 โรงเรียนบ้านตันหยง ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา 2.นายซาอูดี อาลี และ 3.นายซาบีรี โลตาเซะ ส่วนศพที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่
      
       ห่างจากถนนทางเข้าฐานปฏิบัติการประมาณ 50 ม. เจ้าหน้าที่พบรถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้า สีบรอนซ์ ทะเบียน บค 7968 ยะลา ซึ่งเป็นของคนร้ายจอดอยู่ในสภาพถูกกระสุนปืนพรุนไปทั้งคัน และในกระบะหลังพบเป้สนาม 8 ใบ ภายในบรรจุอาวุธปืนพกสั้น ระเบิดแสวงเครื่องชนิดขว้าง โทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้า และเครื่องยังชีพในป่าของคนร้าย โดยสรุปสิ่งของที่เจ้าหน้าที่ยึดได้ ประกอบด้วย ปืน เอ็ม 16 12 กระบอก ปืน AK-47 3 กระบอก ปืนพก 3 กระบอก ลูกระเบิดแสวงเครื่อง 6 ลูก เลื่อยโซ่ยนต์ 1 เครื่อง รถยนต์กระบะ 1 คัน และรถจักรยานยนต์ 2 คัน
       
       ข้างต้นคือภาพที่มีรายงานผ่านสื่อต่างๆ ไปแล้ว แต่ยังมีเรื่องราวเล่าขานของคนวงในเพิ่มเติมด้วยว่า เหตุที่ผู้รุกรานปฏิบัติการไม่สำเร็จ เป็นเพราะนาวิกโยธินที่ประจำอยู่ในฐานปฏิบัติการดังกล่าวรู้ข่าวการจะถูกบุก โจมตีมาก่อน จึงจัดหนักไว้รองรับแขกผู้มาเยือนในยามวิกาลแบบสาสม และต้องจัดว่าครบเครื่องทุกกระบวนความ โดยเฉพาะการวางกับดักไว้ต้อนรับด้วยระเบิดเคโม (Claymore) พร้อมวางกำลังประจำจุดต่างๆ ไว้อย่างเสร็จสรรพ
       
       
       จากคำบอกเล่าที่เจือไปด้วยข้อสังเกตมีว่า ท่าทางของกลุ่มผู้ไปเยือนทุกคนเหมือนมากมายไปด้วยความเชื่อมั่น ซึ่งไม่ต่างอะไรกับปฏิบัติการเมื่อครั้งเหตุปล้นปืนค่ายปิเหล็งใน จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 อันเป็นเหตุการณ์ที่ถูกกำหนดให้เป็นยุคไฟใต้ปะทุขึ้นระลอกใหม่ หรือเหตุการณ์ 106 ศพกรือเซะ เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2547 ที่ว่ากันว่า มีการนำผู้เข้าร่วมปฏิบัติการไปผ่านพิธีซุมเปาะห์มาก่อน ซึ่งสังเกตได้จากการเข้าโจมตีเป็นไปแบบฮึกเหิม แล้วเดินเรียงหน้ากระดานเข้าไปหาฐานปฏิบัติการทหารแบบไม่หวั่นไหว จนดูเหมือนจะคิดไปว่า ไม่มีใครมองเห็นเรืองร่างของตนเองก็เป็นได้
       
       ทั้งนี้ ปฏิบัติการในคืนข้างขึ้น 2 ค่ำ เดือน 3 จึงเป็นที่ฉงนสนเท่ห์ของผู้คนส่วนใหญ่ในประเทศ และไม่เพียงเท่านั้น ยังเป็นที่กังขาสำหรับชาวต่างชาติที่สนใจติดตามข่าวสารบนแผ่นดินชายแดนใต้ ด้วย
       
       แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนบทสรุปของปฏิบัติการจะเป็นที่พออกพอใจของผู้คน และในทางตรงกันข้าม ก็มีกระแสเสียงระบุว่า เป็นไปตามประสงค์ของฝ่ายที่ยังความสูญเสียด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะเป็นความประสงค์ของกลุ่มคนที่อยู่หลังฉากคอยชักใยให้เกิดไฟใต้ระลอก ใหม่ขึ้นมา
       
       
       ทำไมจึงเป็นเช่นกัน ณ วันนี้อาจจะยังไม่มีคำตอบที่แจ้งชัด แต่หากประมวลจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงข้อมูลข่าวสารในด้านความมั่นคง อย่างน้อยก็น่าจะทำให้เข้าใจได้ในระดับหนึ่ง
       
       โดยเหตุผลที่ทำให้ฝ่ายทหารเตรียมตัวตั้งรับการโจมตีในครั้งนี้ไว้ เป็นอย่างดีนั้น ประเด็นหนึ่งมีการเปิดเผยว่า เป็นผลจากภายหลังการวิสามัญ นายสุไฮดี ตะเห อายุ 31 ปี หนึ่งในคนร้ายที่ก่อเหตุบุกยิงครูชลธีเสียชีวิต เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดแผนผัง และเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับการวางแผนบุกโจมตีฐานปฏิบัติการทหารได้ ทำให้สามารถวางแผนรับมือการแก้แค้นให้แก่นายสุไฮดีได้
       
       แต่ในทางการข่าวก็มีการระบุด้วยว่า หนึ่งในลูกศิษย์ครูชลธีที่เป็นแนวร่วมได้กลับใจนำข่าวการวางแผนโจมตีไปบอก ต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งสาเหตุที่ครูชลธีถูกยิงเสียชีวิตกลางโรงเรียนก็เพราะพยายามดึงบรรดา ศิษย์ที่หลงผิดทั้งไปติดยาเสพติด และร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดนให้หวนกลับมามีชีวิตปกติด้วยกีฬา หรือกิจกรรมต่างๆ การกระทำเช่นกันจึงเป็นเหมือนการย้อนศรระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับขบวนการนั่น เอง
       
       ทว่านั่นยังไม่น่าสนใจเท่าในทางการข่าวของหน่วยข่าวกรองระบุว่า ช่วงก่อนตรุษจีนแกนนำขบวนการแบ่งแยกดินแดนระดับสั่งการ ซึ่งเป็นเจ้าของโรงเรียนปอเนาะแห่งหนึ่ง ได้เรียกสมาชิกระดับแกนนำ RKK ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 12 คนประชุมที่บ้านสมาชิกคนหนึ่งย่านตลาดเก่า เขตเทศบาลนครยะลา และได้สั่งการให้ RKK ที่รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ก่อเหตุรายวันอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นให้แต่งชุดคล้ายเจ้าหน้าที่รัฐออกปฏิบัติการเพื่อยึดอาวุธฝ่ายตรง ข้ามสะสมไว้ทำการใหญ่หลังช่วงตรุษจีน โดยปลุกระดมให้เชื่อว่าจะสามารถตั้งรัฐปัตตานีได้สำเร็จภายในปี 2558
       
       
       จากการข่าวนี้เอง ส่งผลให้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายควบคุมดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสถานที่ราชการ ย่านธุรกิจการค้า และที่สำคัญคือ ฐานปฏิบัติการ หรือค่ายกองกำลังของฝ่ายรัฐต่างๆ จึงนำไปสู่การต้อนรับแขกผู้ไปเยือนแบบจัดหนักดังกล่าว
       
       ต้องไม่ลืมว่ากว่า 9 ปีของการโชนเปลวของไฟใต้ระลอกใหม่ มีเพียงไม่กี่ครั้งที่เจ้าหน้าที่รัฐสามารถเล่นงานกลับกลุ่มผู้ก่อความไม่ สงบได้ชนิดถูกอกถูกใจคนจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่แล้วดูเหมือนจะเป็นรอง เป็นผู้ถูกลอบกัด หรือคือผู้ถูกกระทำเสียมากกว่า ดังนี้แล้วจึงเป็นเรื่องที่ต้องจับตากันใกล้ชิดต่อไปว่า นับแต่นี้ต่อไปจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นตามมา
       
       แม้จะไม่เป็นที่เอิกเกริกเปิดเผย แต่เวลานี้เสียงเตือนจากฝ่ายความมั่นคงก็ก้องกังวานในกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเชื่อว่าคือกลุ่มที่จะตกเป็นเหยื่อของการโจมตีจากขบวนการผู้ก่อการร้าย บนแผนดินปลายด้ามขวานอย่างหนักต่อไปในภายหน้านี้ โดยเฉพาะเป้าหมายที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐที่ “อ่อนแอ” ไม่ว่าจะเป็นครู สาธารณสุข เกษตร รวมถึงข้าราชการ และพนักงานในฟากฝ่ายพลเรือนต่างๆ เป็นต้น
http://narater2010.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม