วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556

ลูกไม้เก่า ของสมุนหยีโหร่ง อับจน การ์ดอร์

ลูกไม้เก่า ของสมุนหยีโหร่ง อับจน การ์ดอร์



         ต้องเรียกว่า“ยอม”กับการแผนการของกลุ่มก่อเหตุรุนแรงที่พยายามทำให้คนไทยพุทธกับมุสลิมแตกแยก เข่นฆ่าล้างแค้นเนื่องจากเข้าใจผิด ซึ่งถ้าหากทั้งสองฝ่ายหลงกลและกระทำการให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ จะกลายเป็นการ ล้างแค้นที่ไม่มีวันสิ้นสุด สุดท้ายจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็จะลุกเป็นไฟ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน แต่ในความเป็นจริง แผนการดังกล่าวก็ไร้ผล เพราะทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิมผู้ติดตามสถานการณ์ต่างรับรู้และเข้าใจวิธีการดังกล่าวได้เป็นอย่างดี คงเหลือแต่ผู้ที่หลงผิดที่ยังคงใช้ความพยายามแบบเดิม ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า

       แผนการดังกล่าวถูกนำมาใช้นานมาแล้วพร้อมกับแผนการอื่นๆ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ ซึ่งเป็นปีแรกที่เกิดเหตุการณ์ และปัจจุบันยังคงนำมาใช้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ สลับการก่อเหตุอื่น ๆ โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุจะใช้วิธีแต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ เริ่มก่อเหตุด้วยการฆ่าผู้บริสุทธิ์ที่เป็นมุสลิม หรือผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา และปล่อยข่าวลือว่าเจ้าหน้าที่เป็นผู้กระทำ หลังจากนั้นไม่กี่วันกลุ่มผู้ก่อเหตุกลุ่มเดียวกันจะแต่งกายคล้ายคนดาวะห์ซุกซ่อนอาวุธแล้วไปยิงประชาชนที่เป็นไทยพุทธ พร้อมกับปล่อยข่าวว่าเป็นการกระทำเพื่อล้างแค้นที่เจ้าหน้าที่ทำกับคนมุสลิม



          ล่าสุดเหตุที่จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๕ เกิดเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธสงครากราดยิงรถโดยสารสองแถวบรรทุกผู้โดยสารซึ่งเป็นข้าราชการ พนักงานของรัฐกำลังเดินทางกลับหลังจากเลิกงานประจำวัน เพื่อ กลับไปยังบ้านพักในอำเภอเจาะไอร้อง และอำเภอสุไหงปาดี บริเวณบ้านบูเก๊ะตาโมง ตำบลบูกิต ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน ๒ คนและบาดเจ็บจำนวน ๕ คน ในจำนวนนี้มีไทยพุทธเสียชีวิต ๑ คน บาดเจ็บ ๔ คน ไทยมุสลิมเสียชีวิต ๑ คน บาดเจ็บ ๑ คน 

          ซึ่งก่อนนี้เมื่อวันที่ ๑๑ เดือนเดียวกันซึ่งห่างกัน ๑ สัปดาห์ เกิดเหตุคนร้ายใช้รถยนต์กระบะใช้อาวุธปืนสงครามกราด ยิงร้านน้ำชาที่บ้านดามาบูเวาะห์ ตำบลตันหยงลิมอ อำเภอระแงะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นมุสลิม ๔ คน และบาดเจ็บ ๔ ราย ถึงแม้ว่าจุดเกิดเหตุจะอยู่คนละอำเภอแต่จุดทั้งสองอยู่ห่างกันแค่ ๑๐ กว่ากิโลเมตร ถือว่าเป็นพื้นที่ละแวกเดียวกันที่คนร้ายกลุ่มเดียวกันสามารถเคลื่อนไหวปฏิบัติการได้อย่างเสรี และได้กระทำเพื่อให้เกิดเป็นภาพการแก้แค้นระหว่างคนสองกลุ่ม สิ่งที่ยืนยันถึงวัตถุประสงค์อันชัดเจนของการก่อเหตุว่าต้องการสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้น ปรากฏจากข้อความบนแผ่นกระดาษขนาดเอ ๔ ซึ่งเขียนด้วยลายมือว่า “กูล้างแค้น ร้านน้ำชาที่นรา” ซึ่งพบในที่เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่ร้านขายข้าวริมถนนสายยะลา-บ้านเนียง บริเวณตำบลท่าสาป อำเภอเมือง จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๕ แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บ อันเป็นการกระทำที่ต้องการแสดงให้เห็นว่าแนวร่วมและเครือข่ายของการ ล้างแค้นระหว่างไทยพุทธกับมุสลิมมีกระจายอยู่ในทุกพื้นที่





          แผนการเช่นนี้ถูกนำมาใช้ครั้งแล้วครั้งเล่าในแต่ละพื้นที่ทั้งสามจังหวัดซึ่งพบบ่อยมากที่สุดในอำเภอยะหา และอำเภอธารโต จังหวัดยะลา แม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่คาดหวัง แต่อย่างน้อยก็สร้างความแตกแยก เกิดความหวาดระแวงระหว่างกัน กลายเป็นการขาดความรักความสามัคคีในอันที่จะร่วมมือร่วมใจกันเพื่อต่อสู้กับกลุ่มผู้ก่อเหตุร่วมกัน นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแสที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาต้องขาดหายไป

         เพราะฉะนั้นทั้งคนไทยพุทธและมุสลิมต้องร่วมตระหนัก อย่าไปหลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อของการกระทำที่มุ่งร้ายเหล่านั้น และต้องหันมาสร้างความเข้าใจและร่วมมืออย่างจริงจัง เพื่อขจัดกลุ่มคนเหล่านี้ให้หมดไปจากแผ่นดิน และที่สำคัญอีกประการหนึ่ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคดีต้องเร่งสืบสวนหาข้อเท็จจริงและเปิดเผยให้เป็นที่ทราบอย่างเร่งด่วน ซึ่งนอกจากเป็นการลดความขัดแย้งแล้ว ยังเป็นการปฏิบัติตามข้อกำหนดในนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการขับเคลื่อน (กปต.) ที่นายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งเพื่อให้การแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ประสบความสำเร็จโดยเร็ว


http://narater2010.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม