วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556

บทสรุป RKK ไทย ในสายตาชาวโลก

บทสรุป RKK ไทย ในสายตาชาวโลก



          มื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๕ สำนักข่าวรอยเตอร์ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เสนอบทความวิจารณ์การกระทำของผู้ก่อเหตุรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งมีขบวนการ BRN Coordinate อยู่เบื้องหลังว่าเป็นการกระทำที่คุกคามสิทธิมนุษยชน ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการกระทำสิ่งผิดกฎหมายบริเวณชายแดนไทย–มาเลเซีย

           บทความดังกล่าวเขียนโดยนาย Brad Adams บรรณาธิการข่าวภูมิภาคเอเชีย โดยได้นำเหตุการณ์ ที่คนร้ายมุ่งเป้าหมายไปที่โรงเรียน เด็ก และครูมาเปิดเผย อย่างเช่นเหตุการณ์สังหารนายคมสัน โฉมยง ครูโรงเรียนบ้านบองอ อ.ระแงะ เหตุการณ์ระเบิดบริเวณโรงเรียนใน อ.บาเจาะ อ.สุไหงปาดี อ.ยี่งอ และ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ทำให้ครูและเด็กนักเรียนได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังได้นำเหตุการณ์ที่กระทำต่อผู้บริสุทธิ์อื่นๆ เช่น ใช้ลูกระเบิด M-๗๙ ยิงเข้าไปในบริเวณงานเทศกาลของ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส และใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปในร้านค้า ที่เปิดขายสินค้าใน วันศุกร์ที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ก่อนที่จะจุดระเบิดซึ่งเป็นเหตุให้ประชาชนเสียชีวิต ๖ ราย บาดเจ็บจำนวนมาก รวมทั้งเหตุการณ์การสังหารตัดศีรษะ และเผาศพนายต่วนดาออ ต่วนสุหลง ที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ในห้วงเดือนสิงหาคม ถึงกันยายน ๒๕๕๕ ที่ผ่านมา

        นาย Adams ได้กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุรุนแรงอ้างว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการตอบโต้รัฐบาลไทยพุทธ เป้าหมายเหล่านั้นถือว่าเป็นสัญลักษณ์และเป็นส่วนหนึ่งของรัฐไทย ซึ่งในความเป็นจริงลผู้ก่อเหตุจะอ้างเช่นนี้ไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายระหว่างประเทศห้ามมิให้กระทำการอันเป็นภัยคุกคามต่อการศึกษาอันเป็นรากฐานสำคัญและความปลอดภัยของเด็ก ห้ามกระทำในลักษณะแก้แค้นเพื่อนมนุษย์หรือทารุณกรรมต่อศพ รวมทั้งห้ามการใช้วัตถุระเบิดซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในสมาชิกของสนธิสัญญาเหล่านี้

          ครั้งนี้คงไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งเดียวที่สำนักข่าวต่างประเทศนำพฤติกรรมเช่นนี้มาเปิดเผยให้เห็นข้อเท็จจริงอันเป็นการลบล้างความเข้าใจอันคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนใต้ว่า รัฐบาลไทยได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชนกลุ่มน้อย กีดกันสิทธิคนต่างเชื้อชาติ เช่นเดียวกับข้อระแวงสงสัยของบรรดานักสิทธิมนุษยชนทั้งหลาย



       เพราะข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ความรุนแรงทั้งหลายล้วนมาจากฝีมือของขบวนการเอง ถ้าหากมองถึงยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้และนโยบายการปฏิบัติทุกขั้นตอน ทุกหน่วยงานที่มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ไม่มียุทธศาสตร์และนโยบายในการปฏิบัติใดใด ที่จะส่งผลออกมาในลักษณะก่อ ให้เกิดความสูญเสีย สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้บริสุทธิ์แม้แต่น้อย ตรงกันข้ามหากปฏิบัติตามได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ทุกฝ่ายจะได้รับประโยชน์สุขร่วมกันทั้งสิ้น


         หากจะมียกเว้นอยู่บ้างก็เฉพาะแต่ผู้คิดร้าย ฝักใฝ่อยู่กับการสร้างความเดือดร้อนโดยไม่ลดละเท่านั้น

        เพราะแม้แต่คนกลุ่มนี้ ภาครัฐก็ยังหาช่องทางเพื่อเปิด โอกาสให้กลับเนื้อกลับตัว เลิกการกระทำดังกล่าวเสีย หากเคยปรากฏหลักฐานว่าเคยเป็นผู้กระทำความผิดมา ก่อน ก็ยังสามารถต่อสู้ได้ตามกระบวนการของกฎหมาย ภายใต้กฎหมายพิเศษที่บังคับใช้ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเห็นว่าถ้าใช้ช่องทางนี้ในการต่อสู้ จะไม่มีการสูญเสีย เกิดขึ้น ไม่ว่าชีวิตหรือทรัพย์สินก็ตาม ที่สำคัญที่สุดคือ ทุกคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ควรจะต้องอาศัยอยู่ด้วยความสงบสุขโดยไม่ต้องหวั่นเกรงภัยร้ายที่จะเกิดจากการกระทำของน้ำมือมนุษย์ด้วยกันเอง แต่เหตุที่เขาเหล่านั้นยังไม่ยอมรับโอกาสอันดีที่ภาครัฐหยิบยื่นให้ต่างหากจึงต้องถูกเพ่งมองจากสายตาชาวโลกที่ติดตามสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้มาโดยตลอดต่อเนื่องว่าเป็นการกระทำที่คุกคามสิทธิมนุษยชน ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ (ตัวจริง) และยังคงพยายามที่จะสร้างความชอบธรรมให้แก่ตนเองโดยวิธีการต่าง ๆ แต่ในที่สุดแล้ว ยิ่งสร้างความชอบธรรมด้วยวิธีดังกล่าวก็เท่ากับเป็นการเพิ่มความไม่ชอบธรรมให้แก่ตนเองมากยิ่งขึ้น มิใช่เฉพาะ ต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของพวกเขาเท่านั้น แม้แต่ในสายตาชาวโลกก็ไม่แตกต่างกัน

        นี่เป็นบทสรุปว่า ความพยายามที่จะสร้างภาพความขัดแย้ง และความรุนแรงที่รัฐบาลไทยมีต่อชน กลุ่มน้อยในจังหวัดชายแดนใต้ออกไปสู่สายตาชาวโลกเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมและให้องค์กรระหว่างประเทศยื่นมือมาแก้ไขปัญหา ได้อวสานจบสิ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว

http://narater2010.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม