วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556

บุกจับอาวุธลูกน้องคนสนิทนักการเมืองภาคใต้

บุกจับอาวุธลูกน้องคนสนิทนักการเมืองภาคใต้

           เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 30 พ.ค.ร.ต.อ.ชัยธวัช ชูขาว สว.สสฯภ.จว.ตรัง พร้อมกำลัง 9 นาย นำหมายศาล จ.ตรัง เข้าตรวจค้นที่บ้านพักไม่มีเลขที่ ใกล้กับบ่อทรายของลูกชายนักการเมืองดัง ม. 5 ต.หนองบ่อ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง หลังจากสืบทราบว่า ในบ้านหลังดังกล่าวมีการซุกซ่อนอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนสงครามจำนวนมาก โดยจากการตรวจค้นพบอาวุธปืนสงครามคาร์บิน จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุน 79 นัด ขนาด 9 มม.จำนวน 8 นัด ขนาด 11 มม.จำนวน 13 นัด รวมทั้งหมด 100 นัด ซุกซ่อนอยู่ภายในบ้าน จึงจับกุม นายเอกชัย ขวัญนิมิต อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 ม.1 ซ.นรินทร์ ชนะสิทธิ์ ต.ย่านตาขาว อ.ย่านตาขาว ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านพร้อมของกลางนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.ย่านตาขาว

         จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การอ้างว่า อาวุธปืนและเครื่องกระสุนทั้งหมดที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดมาได้นั้น เป็นของเพื่อนคนหนึ่งที่เคยทำงานที่เดี่ยวกันที่ จ.ภูเก็ต ได้นำมาขายให้ในราคา 20,000 บาท ซึ่งตนก็ได้รับซื้อและเก็บไว้ แต่ไม่ได้นำไปก่อคดีใดๆ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ซึ่งนายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ และมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

         ขณะที่ พ.ต.ท.พูนศักดิ์ เซ็งแซ่ รอง ผกก.ปฯ สภ.ย่านตาขาว เปิดเผยว่า การบุกเข้าจับกุมนายเอกชัย ซึ่งเป็นลูกน้องของนักการเมืองดังครั้งนี้ เนื่องจากสืบทราบว่า มีการนำอาวุธปืนสงครามและเครื่องกระสุนปืนจำนวนมากเข้ามาซุกซ่อนอยู่ในบ่อทรายดังกล่าว ซึ่งสงสัยว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับคดียิง น.ส.ภาวิณี ชูชาติ อายุ 22 ปี นศ.ปี 4 คณะนิติศาสตร์มหิทยาลัยสงขลานครินทร์ และนายสำเริง ศรีพุธ แฟนหนุ่ม อายุ 25 ปี จนเสียชีวิตที่ ม.7 ต.เกาะเปี้ยะ อ.ย่านตาขาว เมื่อวันที่ 2 ส.ค.2555 ที่ผ่านมา เนื่องจากในที่เกิดเหตุพบหลักฐานเป็นปลอกกระสุนปืนคาร์บิน จำนวน 4 ปลอก ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนขยายผล และส่งอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปพิสูจน์เปรียบเทียบต่อไป

        สำหรับนายเอกชัย นั้น ที่ผ่านมา เคยเป็นอดีตทหารเกณฑ์เก่า พอปลดประจำการ ก็มาก่อเหตุฆ่าในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา และมาทำงานเป็นคนขับรถแคโฮในบ่อทรายให้กับลูกชายนักการเมืองดังในพื้นที่ กระทั่งมาถูกจับได้พร้อมของกลางอาวุธปืนและกระสุนปืนสงครามดังกล่าว

         มีรายงานว่า ภายหลังจากชุดจับกุมได้นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง สภ.ย่านตาขาวแล้ว ทางตำรวจในพื้นที่ที่รับผิดชอบคดี ไม่ยอมนำตัวผู้ต้องหามาให้ผู้สื่อข่าวบันทึกภาพ โดยอ้างว่า ทางผู้บังคับบัญชาและ พ.ต.อ.บุญยงค์ ภู่จิระเกษม ผกก.สภ.ย่านตาขาว ติดภาระกิจ จึงไม่สามารถนำผู้ต้องหาออกจากห้องขังได้ เพราะหากเกิดเหตุผิดพลาด ทางตำรวจชั้นผู้น้อยจะถูกลงโทษ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้หลายฝ่ายมีการตั้งข้อสังเกตุว่า ผู้ต้องหาเป็นถึงลูกน้องคนสนิทนักการเมืองดัง จึงทำให้ไม่มีนายตำรวจใดกล้าที่จะขัดคำสั่ง เพราะจะส่งผลกระทบต่อผู้บังคับบัญชา
http://narater2010.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม