วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2556

แผนชั่วของมาเลเซียใน 3 จังหวัดใต้ไทย

แผนชั่วของมาเลเซียใน 3 จังหวัดใต้ไทย

ตัวการใหญ่ปัญหาความรุนแรงภาคใต้

เกริ่น

            จากบทความที่แล้ว ผมได้เขียนถึงมูลเหตุจูงใจให้ มาเลเซียหันกลับมาเริ่มแผนก่อการร้ายในประเทศไทยอย่างรุนแรงครั้งใหญ่ใน 3 จังหวัดใต้อีกครั้งภายหลังปี 2547 เป็นต้นมา

         แน่นอนในการก่อการร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ย่อมมีพวกขบวนการค้ายาเสพติด ขบวนการขนของหนีภาษี ขบวนการค้าของเถื่อน ขบวนค้าผู้หญิงส่งไปมาเลเซียและตะวันออกกลาง ขบวนการเรียกค่าค้มครอง ได้ร่วมสวมรอยในการก่อความรุนแรงใน 3 จังหวัดใต้ด้วย

เพราะการก่อความรุนแรงทุกครั้งจะสามารถเบี่ยงเบนความสนใจเจ้าหน้าที่รัฐได้เสมอ

-------------------------------

มาเลเซีย ปากปราศัย น้ำใจเชือดคอ

นโยบายตี 2 หน้าของมาเลเซีย นั่นคือ


        ต่อหน้า มาเลเซียจะแสดงบทเป็นเพื่อนบ้านที่ดีกับประเทศไทย แต่อีกด้านคือ ให้การสนับสนุนพวกผู้ก่อการร้ายใน 3 จังหวัดใต้ ทั้งสนับสนุนที่พักอาศัยหลบซ่อน แก่กลุ่มผู้ก่อการร้ายในไทยทุกกลุ่ม

         นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมรัฐบาลไทยที่ผ่านๆ มาหลายรัฐบาลต้องไปเจรจาขอความร่วมมือแก้ปัญหากับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย  และเพราะมาเลเซียรู้ดีว่า รัฐธรรมนูญของไทยไม่อาจแบ่งแยกดินแดนได้และคนไทยไม่เคยรังเกียจผู้ที่นับถือต่างศาสนา คนไทยไม่รังเกียจคนไทยมีเชื้อชาติแตกต่างกัน ไม่ว่า จะชาวไทยซิกส์ ไทยมลายู ไทยเชื้อสายจีน หรืออื่นๆ ต่างร่วมอยู่บนแผ่นดินไทยได้อย่างมีความสุข

         ชาวไทยมุสลิมใน3 จังหวัดภาคใต้ส่วนใหญ่ก็รักที่จะเป็นคนไทย ถึงแม้ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา จะมีการยุยงว่า อยู่เป็นคนของประเทศไทยจะไม่เจริญเท่าไปเป็นคนมาเลเซีย ประเทศมาเลเซียเจริญกว่า เป็นคนมาเลเซียจะร่ำรวยกว่า สุขสบายกว่าก็ตาม และพวกยุยงพยายามจะชี้ให้เห็นเสมอว่า เป็นคนไทยมุสลิมใน 3 จังหวัดใต้ ไม่มีความเท่าเทียมกับเป็นชาวไทยพุทธ

         แต่ในความเป็นจริง จังหวัดที่มีชาวไทยมุสลิมมากกว่า 90% อย่างจังหวัดสตูลกลับไม่ได้เชื่อตามเช่นนั้น จึงทำให้จังหวัดสตูลจึงมีความสงบสุขเพราะพวกเขายอมรับความเป็นคนไทย

        และความจริง ชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยที่อยู่ในมาเลเซีย กลับได้รับความไม่เท่าเทียมในการดำเนินชีวิตเหมือนคนมาเลเซียแท้ ๆ ซึ่งในประเด็นนี้ ข่าว 9 อสมท. เพิ่งจะนำเสนอสกู๊ปข่าวนี้ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี่เอง

คลิกดูข่าว สิทธิภูมิบุตรคนมาเลเซียเชื้อสายไทย

--------------------

            ที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี แม้มีปัญหาก่อการร้ายเกิดขึ้นใน3 จังหวัดใต้มาโดยตลอด แต่คนไทยทุกเชื้อสายในพื้นที่ก็ยังอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข เพราะทุกคนรู้ดีว่า พวกแบ่งแยกดินแดนเป็นแค่พวกส่วนน้อยที่หลงผิดเท่านั้น

         อย่างก๋งของผม เมื่อประมาณ 60-70 ปีก่อน ก๋งก็เคยไปทำงานที่ยะลาอยู่หลายปี ก๋งผมพูดให้ฟังเสมอว่า ยะลาคือจังหวัดที่อากาศดีที่สุดในประเทศไทย ถ้าเลือกได้ก๋งผมอยากอยู่ที่ยะลาตลอดชีวิต

        ฉะนั้นเมื่อมาเลเซียต่อหน้าจึงแสดงความเป็นมิตรกับไทย แต่อีกหน้าก็ยังอยากได้ดินแดนในส่วนที่เคยเป็นรัฐปัตตานีให้ไปเป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซียเช่นกัน (อังกฤษตัดแบ่งดินแดนรัฐปัตตานีส่วนหนึ่งให้มาเลเซีย อีกส่วนยังอยู่กับไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 )  เพราะทรัพยากรทั้งบนแผ่นดินและทางทะเลของ 3 จังหวัดใต้นั้นอุดมสมบูรณ์มาก และหาก 3 จังหวัดใต้ไปเป็นส่วนหนึ่งของประเทศมาเลเซียเมื่อไหร่ การลากเส้นทรัพยากรทางทะเลก็ต้องเปลี่ยนไปจากเดิมด้วยเช่นกัน

(ดูรูปประกอบแหล่งน้ำมัน ปัตตานี มาเลเซีย ด้านล่างบทความ)

-------------------

          เมื่อการใช้ขบวนการก่อการร้ายกลุ่มต่างๆ ปฏิบัติการณ์ก่อการร้ายในไทย อย่างโจ่งแจ้งและอาจเป็นผลเสียต่อมาเลเซียเอง  มาเลเซียจึงต้องใช้ขบวนการก่อการร้ายที่เปิดเผยตัวตนไม่ได้อีกแล้ว เพราะมันชัดเจนเกินไป และหน่วยข่าวกรองไทยก็รู้ว่า พวกขบวนการก่อการร้ายหลายกลุ่มนั้น ก็ล้วนแต่มีมาเลเซียแอบหนุนหลังให้ทั้งสิ้น

ดังนั้น วิธีที่จะทำให้ 3 จังหวัดใต้แยกตัวจากไทยออกมาได้ ต้องทำด้วยวิธีดังต่อไปนี้

เริ่มจาก 4 ขั้นตอนแรก

  • 1. การก่อการร้ายแบบไม่แสดงตัวตน ทุกครั้งที่ก่อการร้าย จะต้องไม่มีการประกาศความรับผิดชอบ เพื่อที่จะไม่มีใครรู้ว่า กลุ่มไหนเป็นผู้กระทำ ซึ่งเมื่อไม่รู้ว่ากลุ่มไหนเป็นผู้ก่อการร้ายกันแน่ การโยงไปถึงต้นตอผู้สนับสนุนอย่างมาเลเซียก็จะยากขึ้น หรือจะโทษมาเลเซียก็คงไม่มีหลักฐานชัดเจน
  • 2. เมื่อโจรไม่มีตัวตนแน่นอน ก็ก่อการร้ายได้ไม่เลือก  เราจึงได้เห็นการฆ่าแบบไม่เลือกของผู้ก่อการร้าย ที่ฆ่าได้แม้กระทั่งผู้หญิงและเด็ก ฆ่าชาวมุสลิมด้วยกันที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐ ฆ่าโดยไม่เลือกอาชีพ เช่นฆ่าได้แม้กระทั่งพระ หมอ และครู  พวกนี้มักอ้างว่า พระ และครูไทย จะมาปลูกฝังความเชื่อผิดๆ ให้คนในพื้นที่
  • 3. สร้างความหวาดกลัวด้วยวิธีการป่าเถื่อนโหดร้าย  เมื่อโจรไม่มีตัวตน ไม่มีขบวนการแบ่งแยกดินแดนออกมาประกาศความรับผิดชอบในการกระทำในแต่ละครั้ง จึงสามารถกระทำการที่โหดเหี้ยมป่าเถื่อนได้มากขึ้นๆ เพื่อหวังสร้างความหวาดกลัวให้คนในพื้นที่ ถ้าเป็นคนไทยพุทธ หรือคนไทยเชื้อสายจีน ที่ปักหลักในพื้นที่มานาน ก็อาจทิ้งแผ่นดินออกจากพื้นที่ไปเพราะความหวาดกลัว ซึ่งในช่วงเกือบสิบปีที่ผ่านมา ได้มีคนไทยทิ้งแผ่นดินใน 3 จังหวัดใต้นี้เป็นจำนวนมากแล้ว
  • 4. ฆ่าชาวมุสลิม ที่เอียงเข้าข้างฝ่ายรัฐไทย  การฆ่าของขบวนการแบ่งแยกดินแดนสมัยก่อน มักเลือกที่จะไม่ฆ่ามุสลิมด้วยกัน เพื่อหวังดึงมวลชนมาเป็นพวก แต่ตอนนี้พวกโจรรู้ว่า มุสลิมในพื้นที่ส่วนใหญ่รักความสงบ และไม่เข้าข้างพวกโจร พวกโจรเลยฆ่าชาวมุสลิมด้วยกัน โดยเฉพาะมุสลิมที่ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐไทย แถมบางครั้งพวกโจรยังใส่เสื้อเลียนแบบชุดทหาร เพื่อหวังใส่ร้ายเจ้าหน้าที่รัฐว่าฆ่าชาวมุสลิมอีกด้วย เดี๋ยวนี้พวกโจรใต้ต้องใช้วิธีรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้คนในพื้นที่เกิดความหวาดกลัวมาก ๆ เพื่อหวังว่า สุดท้ายแม้ชาวมุสลิมที่ไม่เคยคิดอยากจะแบ่งแยกดินแดน ก็จะเริ่มทนไม่ไหวกับสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็จะต้องยอมแพ้แก่พวกโจรในที่สุด  เพราะสิ่งที่พวกผู้ก่อการร้ายหวังผลก็คือ ให้คนในพื้นที่เริ่มยอมรับว่า "จะเป็นคนบนแผ่นดินของชาติไหนก็ได้ ขอให้ความรุนแรงยุติลงโดยเร็วก็พอ"

          นี่คือแผน 4 ขั้นแรก ที่พวกโจรใต้มุ่งหมาย ถ้าได้ตามนี้แล้ว แผนขั้นต่อไปที่พวกโจรต้องการก็คือ ... ?

------------

นครรัฐปัตตานี


             มาเลเซียจะแอบเจรจาลับ ๆ กับเจ้าของพรรคการเมืองชั่วๆ ที่ได้มาเป็นรัฐบาลไทย แล้วหวังผลประโยชน์ทับซ้อนลับ ๆ กับมาเลเซีย (ผลประโยชน์ทั้งทางบกและทางทะเล) โดยรัฐบาลไทยชั่ว ๆ นั้นจะเสนอหน้าไปขอเจรจากับขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่มีตัวตน!! โดยจะมีมาเลเซียเป็นตัวกลางในการเจรจา และจะเรียกร้องให้รัฐบาลไทยเปิดโอกาสให้ 3 จังหวัด ยกระดับเป็นเขตปกครองพิเศษปัตตานี แล้วขอให้มี

  1. ให้รัฐปัตตานีมีการเลือกผู้บริหารกันเองเช่นเดียวกับกรุงเทพมหานคร
  2. ขอมีการเก็บภาษีรายได้ในท้องที่ของตัวเอง และขอแบ่งผลประโยชน์ต่างๆ ในพื้นที่คนละครึ่งกับรัฐบาลไทย
นี่คือหลักการขั้นต้นที่ กลุ่มก่อการร้ายจะเสนอ

            และหากได้เป็นเขตปกครองพิเศษนครรัฐปัตตานีได้แล้วเมื่อไหร่ จงเชื่อเถอะว่า ความรุนแรงในพื้นที่จะยังคงมีอยู่ แต่อาจน้อยลงบ้าง แต่ระดับความรุนแรงจะไม่น้อยลง

          เพราะสิ่งที่มาเลเซียหวังลึกๆ ที่สุด ก็คือ ต้องการให้รัฐบาลไทยยอมให้นครรัฐปัตตานีสามารถทำประชามติว่า คนในเขตปกครองพิเศษปัตตานีต้องการจะแยกตัวออกมาจากประเทศไทยหรือไม่ ?  โดยผู้บริหารรัฐปัตตานีจะยื่นเรื่องขอให้องค์การสหประชาชาติเข้าแทรกแซงร่วมกดดันรัฐบาลไทยด้วย

          ซึ่งหากเขตปกครองนครรัฐปัตตานีแยกตัวออกจากประเทศไทยได้สำเร็จเมื่อไหร่ ? และหลังจากนั้น อีกนาน ผู้นำรัฐปัตตานีจะมีการขอให้ปัตตานีกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของประเทศมาเลเซียแน่นอนครับ

-------------------

ข้อสังเกต

          ที่ผ่านมาในการก่อความรุนแรงแต่ละครั้ง จะไม่มีขบวนการก่อการร้ายใด ๆ แสดงความรับผิดชอบ เพราะถ้าแสดงตัวออกมา ก็คือจะถูกประณาม!!  และรัฐบาลไทยก็ไม่รู้ชัดเจนว่า กลุ่มไหนก่อการร้ายในเหตุการณ์ใด ๆ บ้างชัดเจน

         ตามหลักแล้ว ไทยเราก็ไม่ควรจะขอเจรจากับขบวนการแบ่งแยกดินแดนใด ๆ ทั้งสิ้น จนกว่าจะรู้ว่า เหตุการณ์ไหน มีกลุ่มไหนเป็นผู้ก่อการ ในเมื่อไม่เคยมีการประกาศความรับผิดชอบจากขบวนการก่อการร้ายกลุ่มใด ๆ เลย แล้วเหตุไฉน รัฐบาลยิ่งลักษณ์ถึงคิดไปเจรจากับขบวนการก่อการร้ายเหล่านั้น ?


         น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีไทย และนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แถลงข่าวที่กัวลาลัมเปอร์ เรื่องการลงนามเพื่อเปิดการเจรจากันระหว่าง “บีอาร์เอ็น” กับทางการไทย โดยที่มีรัฐบาลมาเลเซียเป็นคนกลาง

          ในเมื่อไม่มีกลุ่มไหนกล้าแสดงตัวรับผิดชอบ นั่นย่อมไม่มีประโยชน์ที่จะไปเจรจากับพวกที่ไร้ความรับผิดชอบ และไร้ความกล้าหาญเหล่านั้น

         ฉะนั้น ถ้าจะเจรจาก็ต้องถามพวกมันก่อนว่า พวกมึงฆ่าผู้หญิง พระ ครู และเด็ก ทำไม ??

แล้วเหตุการณ์ไหนที่พวกมึงคือผู้กระทำ ??

          ถ้าไม่มีกลุ่มไหนออกมาตอบในคำถามเหล่านี้ให้ได้ก่อน ก็ไม่มีประโยชน์ในการเจรจา เพราะพวกนี้ก็เป็นแค่พวกแอบอ้างมาสวมรอย เพื่อใช้ในการจัดฉากเจรจาเท่านั้น  หรือแม้แต่รัฐบาลไทยจะได้เจรจากับกลุ่มใดๆ แล้วก็ตาม รัฐบาลไทยก็ต้องไม่ยอมรับข้อเสนอจากกลุ่มใดๆ ทั้งสิ้น จนกว่าจะสามารถยุติความรุนแรงในพื้นที่ให้สงบอย่างน้อย 1 ปี เสียก่อน จึงจะมาเจรจากันใหม่ได้

       เว้นแต่พวกคิดคดต่อชาติเท่านั้นแหละ ที่ไปยกระดับพวกขบวนการก่อการร้ายให้มันสำคัญขึ้นมาบนเวทีระดับนานาชาติ เพื่อหวังยกดินแดนให้พวกมันปกครอง


-----------------

ถาม เขตปกครองพิเศษปัตตานีจะมีได้ไหม ?ตอบว่า สามารถมีได้แน่นอน แต่...

          โดยหลักการแล้ว รัฐไทยไม่ควรยอมให้มีการแยกตัวออกมาเป็นเขตปกครองพิเศษปัตตานีเด็ดขาด จนกว่าปัญหาการก่อการร้ายและความรุนแรงในพื้นที่จะต้องสงบลงไม่ต่ำกว่า 20 ปีแล้วเท่านั้น

         หากรัฐบาลไทยยุคไหน ไปยินยอมให้มีการแยกตัวเป็นรัฐปัตตานีก่อนที่เหตุการก่อการร้ายจะสงบเป็นเวลาอย่างน้อย 20 ปี เมื่อไหร่ล่ะก็ ผมฟันธงได้เลยว่า รัฐบาลนั้นๆ ตั้งใจสวมรอยขายชาติ ยกแผ่นดินไทยให้มาเลเซียแน่นอน !!

       (หมายเหตุ กลุ่มก่อการร้ายใหม่ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับมาเลเซียเลย แต่หวังแบ่งแยกดินแดน หวังออกจากการเป็นคนไทยจริง ๆ ก็ยังมีอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัด หรือแม้แต่พวกค้ายาเสพติด ที่หลอกใช้วัยรุ่นในพื้นที่ ด้วยอ้างหลักศาสนาผิด ๆ ก็มี)


---------

3 ขั้นตอนทำลายล้างประเทศไทย เพื่อการแก้แค้นสาสม !
"เมื่อผมอยู่ไม่เป็นสุข ใครก็อย่าได้เป็นสุข"

  1. ยกแผ่นดินซีกขวาของไทยให้เขมร (ซึกขวาเมื่อมองจากแผนที่โลกลงไป)
  2. ยกแผ่นดินปลายด้ามขวานของไทยให้มาเลเซีย เพื่อแลกผลประโยชน์ทางทะเล
  3. ให้คนไทยเป็นหนี้หัวโตไปทั้งชาติ 

คลิกที่รูปเพื่อขยาย !!
http://imgur.com/8fZ8iqg


            น้ำมันในน่านน้ำปาตานี-กลันตัน-ตรังกานู ซึ่งมาเลเซียเขาเรียกแหล่งน้ำมันตรงนี้ว่า แหล่งทาปิสซึ่งอยู่นอกชายฝั่งรัฐตรังกานูไป 200 กิโลเมตรเป็นน้ำมันที่คุณภาพดีที่สุดในโลก เนื่องจากมีมลภาวะต่ำ จึงแพงที่สุดในโลกด้วย แพงกว่าน้ำมันที่เรียกว่าเบรนท์ ทะเลเหนือที่อังกฤษถึง 7 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งข้อมูลตรงนี้ตรวจสอบได้จากหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น บลูมเบิร์ก สถาบันปิโตรเลียมออสเตรเลีย (Australia Institute of Petroleum) ซึ่งมันก็ตรงข้ามกับที่กระทรวงพลังงานพูดทั้งหมด และเป็นเรื่องที่น่ากังขา"

         บ่อนี้อยู่กึ่งระหว่างชายแดนปาตานี-มาเลเซีย ซึ่งมาเลย์มาขอเจรจาว่าเป็นพื้นที่ทัพซ้อนสมัยพล.อ.เกรียงศักดิ์ ขณะที่คนไทยที่ไปเจรจา (พล.ร.อ.....)   ยอมรับว่าไม่ทราบว่ามีอะไรใต้ทะเล!!!

ท่านดูแผนที่กันเองละกัน
http://narater2010.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม