วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2556

จับตา “มือมืดนอกศาสนา” ป่วนเจรจาสันติภาพรอบ 4

จับตา “มือมืดนอกศาสนา” ป่วนเจรจาสันติภาพรอบ 4

จับตา “มือมืดนอกศาสนา” ป่วนเจรจาสันติภาพรอบ 4

ทัศนะบทความ / 25-09-2556
โดย : ฌงกีย์
          ก่อนสิ้นเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยกำลังเตรียมนัดเจรจาสันติภาพนอกรอบกับทางมาเลเซียอีกครั้ง
         โดยไทยได้ส่งประเด็นที่จะพูดคุยให้ทางมาเลเซียรับทราบล่วงหน้าก่อนแล้ว โดยเฉพาะเรื่องก่อเหตุความรุนแรงที่มีมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงข้อเสนอของฝ่ายขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี หรือ BRN 5 ข้อ ที่ไทยไม่สามารถยอมรับได้ เพื่อให้ทางมาเลเซียได้รับทราบก่อน และขณะนี้รอคำตอบจากมาเลเซีย ซึ่งจะมีการกำหนดวันเจรจานอกรอบให้ชัดเจนมาอีกครั้ง ก่อนนัดเจรจาสันติภาพ 3 ฝ่าย กับทาง BRN และมาเลเซีย
         ประเด็นก็คือ ขณะที่คนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ส่วนใหญ่ขานรับและดีอกดีใจกับการเจรจาสันติภาพ แต่กลุ่มที่ปฎิเสธสันติภาพหรือฝ่าย “ผู้เห็นต่างจากรัฐ” ก็ยังคงก่อการความไม่สงบและปฎิบัติการใช้ความรุนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง ราวกับไม่ต้องการให้เกิดสันติภาพบนดินแดนมลายูผืนนี้ 
        ถามว่านอกเหนือจากเป้าหมายที่ “เข้าใจกันว่า” ต้องการแบ่งแยกดินแดน อ้างว่าเป็นเรื่องของศาสนา (จีฮัด) และเรียกร้องความยุติธรรมเท่าเทียมจากภาครัฐที่พยายามส่งสัญญาณเปิดทางเจรจาอย่างเต็มที่ชนิดที่ไม่เคยมีรัฐบาลยุคใดสมัยใดพยายามจะทำอย่างจริงจังมาก่อน....ขนาดนี้แล้ว ขบวนการ “บางกลุ่ม” ก็ยังปฎิเสธหนทางเจรจาที่ว่า มันน่าสงสัยและใคร่ครวญกันหรือไม่ว่าเพราะเหตุใดกันแน่?
       เบื้องหลังเบื้องลึกของการก่อเหตุความรุนแรงที่ดูท่าว่าจะไม่จบสิ้นไปง่ายๆ ห่างไกลจากความต้องการสันติภาพอย่างแท้จริงออกไปทุกทีนั้น....มีใคร? หรือมีความลับดำมืดอะไรที่ไม่อยากให้คนนอกพื้นที่ ไม่ว่าจะเจ้าหน้าที่ หรือประชาคมอื่นใดเข้ามาข้องเกี่ยว หรือล่วงรู้ความเป็นจริงบางอย่าง?!? 
        ลองมาย้อนดูเหตุการณ์ที่เชื่อมโยงกลุ่มก่อความไม่สงบที่ปฎิบัติการเป็น “มือมืดนอกศาสนา” ที่มีความเกี่ยวพันกับผลประโยชน์มหาศาล และนักการเมืองบางกลุ่มที่ทำตัวเสมือนมาเฟียคุมพื้นที่สามจังหวัด โดยเฉพาะช่วงหลังการเจรจาสันติภาพทั้ง 3 ครั้งที่ผ่านมา มีการพบป้ายที่เขียนข้อความโดยใช้อักษรรูมีในหลายพื้นที่ของสามจังหวัดชายแดนใต้ เนื้อหาแสดงการไม่ยอมรับกระบวนการเจรจาสันติภาพอย่างชัดเจน
        การติดป้ายหรือพ่นสีข้อความลักษณะนี้เคยเกิดมาแล้วหลายครั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และพุ่งเป้าการก่อเหตุไปที่เจ้าหน้าที่ทหาร โดยเฉพาะทหารพรานที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด จะตกเป็นเป้าของการโจมตีเป็นพิเศษ ในขณะที่การปิดล้อม ตรวจค้น จับกุมผู้ต้องสงสัยจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจลดน้อยลง
        ข้อสังเกตอีกประการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องก็คือ มีผู้นำศาสนา เช่น โต๊ะครู โต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดต่างๆ รวมถึงครูสอนศาสนา (ครูตาดีกา) ตกเป็น “เหยื่อ” ของสถานการณ์มากขึ้นเรื่อยๆ นับจากเดือนรอมฎอนจนถึงขณะนี้มีผู้นำศาสนา ครูสอนศาสนา ถูกยิงเสียชีวิตไปแล้วนับสิบๆ ราย 
...ซึ่งแทบทุกรายประกาศตัวชัดเจนว่าสนับสนุนการเจรจาสันติภาพ!
       ทำไม? กลุ่มมือมืดที่อ้างศาสนาเพื่อความชอบธรรมในการก่อการร้าย อ้างโน่นนี่สารพัดเพื่อสร้างความปั่นป่วนแตกแยก ด้วยวิธีการใช้ความรุนแรงให้ผู้คนทั้งในและนอกพื้นที่หวาดกลัวเกรง จึงไม่อยากให้การเจรจาสันติภาพไปสู่จุดที่บรรลุเป้าหมาย หากย้อนดูคดีการจับกุมทั้ง “น้ำมันเถื่อน” และ “ยาเสพติด” ที่จนท.สามารถจับได้อย่างต่อเนื่องแบบถี่ยิบตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
        เช่นเมื่อเร็วๆ นี้ทางตำรวจภูธรภาค 7 ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)สามารถจับกุมขบวนการค้ายาบ้าได้ล็อตใหญ่ จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า มีหน้าที่ในการรับจ้างขนส่งยาบ้าดังกล่าวมาจาก จ.เพชรบุรี มุ่งหน้าไปส่งยัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยจะมีผู้มารับช่วงต่อส่งไปจำหน่ายในเขตสามจังหวัดชายแดนใต้ โดยผู้ต้องหารับค่าจ้างขนส่งเที่ยวละ 1 แสนบาท ผู้กำกับการ 7 ยังพบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคนที่ขนยาบ้ามีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติดใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย
        ต่อมากลางเดือนกันยายนที่ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ ตำรวจสังกัดกองกำกับการสืบสวนสอบสวน 2 ศูนย์ปราบปรามน้ำมันเถื่อน ร่วมกับ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปนม. ศชต.) ก็สามารถจับคนร้าย 6 คน พร้อมอาวุธปืนสงครามเพียบ ขณะเดินทางเข้าพื้นที่ 3 จว.โดยใช้เส้นทางถนนสายชนบทบ้านจะมือฆา หมู่ 7 ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เพื่อลำเลียงน้ำมันเถื่อนไปขายล็อตใหญ่ เหตุการณ์เข้าจับกุมขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนครั้งนี้ เป็นผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตไป 5 นาย
       ความเป็นจริงของสถานการณ์ ณ วันนี้ ภาพรางๆ ขมุกขมัวตลอดหลายปีที่ผ่านมา ค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นทุกทีว่า เราแทบจะเรียกกลุ่มผู้ใช้ความรุนแรงแบบนี้อย่างให้เกียรติเสมอมาว่า เป็น “ผู้เห็นต่าง” หรือ “ผู้ก่อความไม่สงบ” หรือ “ขบวนการแบ่งแยกดินแดน” หรืออะไรก็ตามนั้น....แทบจะใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะผิดฝาผิดตัวเกินไปที่จะต้องให้เกียรติกับคนที่ก่อกรรมชั่วช้าฆ่าคนอย่างเลือดเย็น แม้แต่คนในศาสนาเดียวกับตัวเอง จนแทบจะกล่าวได้ว่า “แท้แล้วคนเหล่านี้น่าจะเป็นคนไร้ศาสนาเสียด้วยซ้ำ” และที่ถูกต้องเราควรเรียกกลุ่มคนที่ก่อเหตุทำร้ายแบบไม่เลือกหน้าผู้บริสุทธิ์ ทั้งเด็ก คนชรา และเพศแม่ ว่า “กลุ่มก่อการร้าย” อย่างที่สากลเรียกกัน ถึงจะถูกต้องเหมาะสมกว่า หรือจะบอกว่าเป็นกลุ่ม “มือที่สาม” ที่ไร้อุดมการณ์ใดๆ นอกจากหวังเพียงเศษเงินเล็กๆ น้อยๆ อำนาจหรือตำแหน่งจอมปลอม และเป็นเพียงสาวกรับใช้นักการเมืองชั่วที่ค้าความรุนแรงเพื่อผลประโยชน์ในทางธุรกิจมืดของตัวเองอย่างราบรื่นเท่านั้นเอง!! 
         แท้แล้วนี่ก็คือ กลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังในการก่อเหตุรายวัน ที่พยายามสร้างสถานการณ์ความเข้าใจผิดให้เกิดขึ้นกับประชาชนในจังหวัดชายแดนใต้ ใช้ความรุนแรง ใช้การข่มขู่คุกคาม และปฎิเสธการเจรจาสันติภาพทุกวิถีทาง ก็เพื่อให้ดินแดนนี้เป็นดินแดนที่ปลอดจากกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ในการสร้างเม็ดเงินจากธุรกิจมืดอย่างสะดวกดาย และเพื่อการแบ่งแยกดินแดน....ให้เป็นดินแดนแห่งการเสวยสุขของคนเพียงไม่กี่คน ไม่กี่กลุ่มเท่านั้น
       คำถามก็คือ ผู้หลงผิดที่ยอมทำตามคำสั่งเพราะเคลิ้มไปกับคำสวยหรูแห่งอุดมการณ์ อำนาจ และการยอมรับนับถือบนความหวาดกลัวของชาวบ้าน หาใช่การยอมรับนับถือด้วยการยกย่องอย่างแท้จริงนั้น....ยังคิดกันไม่ได้อีกหรือว่าโดนหลอกใช้บนข้ออ้างของศาสนา กับความเพ้อฝันลมๆ แล้งๆ ที่ไม่มีอยู่จริง หรือว่า “รู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก” 
เพราะโดนสนตะพายจนเคยชินเสียแล้วกันแน่!! 
http://narater2010.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม