วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2556

เจ้าซามูไรรับจ้าง "ฮาร่า ชินทาโร่" กระบอกเสียง "ฮาซัน ตอยิบ"....

เจ้าซามูไรรับจ้าง "ฮาร่า ชินทาโร่" กระบอกเสียง "ฮาซัน ตอยิบ"....
เจ้าซามูไรรับจ้าง "ฮาร่า ชินทาโร่" กระบอกเสียง "ฮาซัน ตอยิบ"....

Photo: เจ้าซามูไรรับจ้าง "ฮาร่า ชินทาโร่" กระบอกเสียง "ฮาซัน ตอยิบ"....

มาจากแดนไกลเพื่อรับจ้างสร้างปัญหา มาอาศัยผืนแผ่นดินไทยเจือกทำตัวเป็นเจ้าปัญหา อาศัยความเป็นประชาธิปไตยย่ำยีชาวไทยด้วยการเป็นกระบอกเสียงให้โจรใต้ และเจ้ากบฏเฒ่า "ฮาซัน ตอยิบ"...

เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 56 บล็อคของศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ภายใต้ชื่อ "เก็บความบทสัมภาษณ์ ‘ฮัซซัน ตอยิบ’ ผ่านทางสถานีวิทยุมีเดียสลาตัน" โดยมีเจ้าซามูไรรับจ้างนาม "ฮาร่า ชินทาโร่" ได้นำสารจากเสด็จพ่อ "ฮาซัน ตอยิบ" 

มีประเด็นในสัมภาษณ์อยู่หลายประเด็น จะขอยกตัวอย่างเพียงประเด็นเดียว เป็นประเด็นที่เจ้าที่เจ้ากบฏเฒ่าฮาซัน ยกมา คือ  รูปแบบการปกครอง วาดฝันไว้อย่างสวยงามตาม "มาเลย์"...

ฮาซัน กล่าวว่า: ถ้าสมมุติว่ารัฐบาลให้สิทธิปกครองโดยตนเอง การปกครองของเราก็ต้องเป็นการปกครองที่ยุติธรรมที่สุด โดยมีกฎหมายอิสลามเป็นหลัก เมื่อมีการปกครองตามกฎหมายอิสลาม เราก็ต้องมองว่าคนที่นับถือศาสนาอื่นก็เป็นสมาชิกครอบครัวของเราเช่นกัน เมื่อเรากดขี่พวกเขาก็ถือว่าเป็นฮารอม (ผิดกฎหมายอิสลาม) และเป็นบาปด้วย ฉะนั้นการปกครองของเราก็ต้องตามหลักการของศาสนาอิสลาม ชาวจีนและชาวสยามในปาตานีก็ไม่ต้องเป็นห่วง ขอยกตัวอย่างของประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นสังคมหลากหลายเชื้อชาติ สังคมของเราก็สังคมหลากหลายเชื้อชาติเช่นเดียวกัน ลองสังเกตดูชาวสยามในอำเภอตุมปัต (Tumpat) รัฐกลันตัน พวกเขาก็สามารถสร้างวัดและปฏิบัติศาสนกิจของเขาได้ การที่ต่างคนนับถือศาสนาต่างกันก็ไม่มีปัญหาตามหลักการอิสลาม
ที่มา:http://www.deepsouthwatch.org/node/4600

(อ่านแล้วก็น่าขำจริง เพราะเป้าหมายตกเป็นเหยื่อในพื้นที่ คือคนต่างศาสนา และอิสลามผู้ให้ความร่วมมือรัฐ)

คราวนี้มาดูมุมมองของ "คนมาเลย์" บ้าง อย่าให้กลุ่มกบฏเฒ่าฮาซัน ต้องขายฝันให้ชาวบ้านด้วยการปกครองอันสวยหรูโดยอ้าง "มาเลย์" เป็นต้นแบบ...

เพราะจริงๆ แล้ว "มาเลย์" นั้น มีรูปแบบนโยบายการปกครองอย่างลำเอียงอย่างเห็นได้ชัด และในการปกครองของมาเลย์มีเพียงสองสิ่งเท่านั้นที่เป็นตัวชี้วัด คือ

"ชาติพันธุ์ และ ศาสนา"

บทความนี้เขียนโดย Raja Petra Kamarudin
เรื่อง The NEP (New Economic Policy) in the Islamic perspective (มุมมองนโยบายใหม่ทางเศรฐกิจอิสลาม)

มีใจความตอนหนึ่งที่ Raja Petra Kamarudin กล่าวว่า
"The issue that divides us is not language but religion, as well as the Bumiputera issue; in particular the special rights or privileges accorded the Malays."

"สิ่งที่แยกเราออกจากกันไม่ใช่ภาษา แต่เป็นศาสนา เช่นเดียวกับเหตุการณ์ชาวภูมิบุตร (Bumiputra); โดยจะให้สิทธิ์แก่คนมาเลย์เป็นพิเศษ"

บทวิจารณ์เกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจโดย Raja Petra Kamarudin: http://archiveofmt.blogspot.com/2005/04/nep-in-islamic-perspective.html

เขายังกล่าวอย่างชัดเจนว่าคำว่า "Malay" ในที่นี้หมายถึง ผู้ที่นับถืออิสลาม และ "Non-Malay" คือผู้ที่ไม่ใช่อิสลาม...

บทวิจารณ์ของท่านผู้นี้อาจจะยาวหน่อยแต่มันเป็นภาพสะท้อนถึงปัญหาของการดำเนินนโยบายโดยใช้ "ชาติพันธ์" และ "ศาสนา" เป็นเครื่องมือในการแบ่งแยกสิทธิ์ประโยชน์...

คราวนี้เจ้ากบฏเฒ่า "ฮาซัน" คิดจะปกครองเหมือน "มาเลย์" มีแต่ความฉิบหายแน่นอน...

          มาจากแดนไกลเพื่อรับจ้างสร้างปัญหา มาอาศัยผืนแผ่นดินไทยเสือกทำตัวเป็นเจ้าปัญหา อาศัยความเป็นประชาธิปไตยย่ำยีชาวไทยด้วยการเป็นกระบอกเสียงให้โจรใต้ และเจ้ากบฏเฒ่า "ฮาซัน ตอยิบ"...

         เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 56 บล็อคของศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ภายใต้ชื่อ "เก็บความบทสัมภาษณ์ ‘ฮัซซัน ตอยิบ’ ผ่านทางสถานีวิทยุมีเดียสลาตัน" โดยมีเจ้าซามูไรรับจ้างนาม "ฮาร่า ชินทาโร่" ได้นำสารจากเสด็จพ่อ "ฮาซัน ตอยิบ" 

          มีประเด็นในสัมภาษณ์อยู่หลายประเด็น จะขอยกตัวอย่างเพียงประเด็นเดียว เป็นประเด็นที่เจ้าที่เจ้ากบฏเฒ่าฮาซัน ยกมา คือ รูปแบบการปกครอง วาดฝันไว้อย่างสวยงามตาม "มาเลย์"...

         ฮาซัน กล่าวว่า: ถ้าสมมุติว่ารัฐบาลให้สิทธิปกครองโดยตนเอง การปกครองของเราก็ต้องเป็นการปกครองที่ยุติธรรมที่สุด โดยมีกฎหมายอิสลามเป็นหลัก เมื่อมีการปกครองตามกฎหมายอิสลาม เราก็ต้องมองว่าคนที่นับถือศาสนาอื่นก็เป็นสมาชิกครอบครัวของเราเช่นกัน เมื่อเรากดขี่พวกเขาก็ถือว่าเป็นฮารอม (ผิดกฎหมายอิสลาม) และเป็นบาปด้วย ฉะนั้นการปกครองของเราก็ต้องตามหลักการของศาสนาอิสลาม ชาวจีนและชาวสยามในปาตานีก็ไม่ต้องเป็นห่วง ขอยกตัวอย่างของประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นสังคมหลากหลายเชื้อชาติ สังคมของเราก็สังคมหลากหลายเชื้อชาติเช่นเดียวกัน ลองสังเกตดูชาวสยามในอำเภอตุมปัต (Tumpat) รัฐกลันตัน พวกเขาก็สามารถสร้างวัดและปฏิบัติศาสนกิจของเขาได้ การที่ต่างคนนับถือศาสนาต่างกันก็ไม่มีปัญหาตามหลักการอิสลาม

ที่มา:http://www.deepsouthwatch.org/node/4600

(อ่านแล้วก็น่าขำจริง เพราะเป้าหมายตกเป็นเหยื่อในพื้นที่ คือคนต่างศาสนา และอิสลามผู้ให้ความร่วมมือรัฐ)

         คราวนี้มาดูมุมมองของ "คนมาเลย์" บ้าง 

         .........อย่าให้กลุ่มกบฏเฒ่าฮาซัน ต้องขายฝันให้ชาวบ้านด้วยการปกครองอันสวยหรูโดยอ้าง "มาเลย์" เป็นต้นแบบ...

        เพราะจริงๆ แล้ว "มาเลย์" นั้น มีรูปแบบนโยบายการปกครองอย่างลำเอียงอย่างเห็นได้ชัด และในการปกครองของมาเลย์มีเพียงสองสิ่งเท่านั้นที่เป็นตัวชี้วัด คือ

"ชาติพันธุ์ และ ศาสนา"


บทความนี้เขียนโดย Raja Petra Kamarudin
เรื่อง The NEP (New Economic Policy) in the Islamic perspective (มุมมองนโยบายใหม่ทางเศรฐกิจอิสลาม)


มีใจความตอนหนึ่งที่ Raja Petra Kamarudin กล่าวว่า
"The issue that divides us is not language but religion, as well as the Bumiputera issue; in particular the special rights or privileges accorded the Malays."

"สิ่งที่แยกเราออกจากกันไม่ใช่ภาษา แต่เป็นศาสนา เช่นเดียวกับเหตุการณ์ชาวภูมิบุตร (Bumiputra); โดยจะให้สิทธิ์แก่คนมาเลย์เป็นพิเศษ"

บทวิจารณ์เกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจโดย Raja Petra Kamarudin:http://archiveofmt.blogspot.com/2005/04/nep-in-islamic-perspective.html

       เขายังกล่าวอย่างชัดเจนว่าคำว่า "Malay" ในที่นี้หมายถึง ผู้ที่นับถืออิสลาม และ "Non-Malay" คือผู้ที่ไม่ใช่อิสลาม...

       บทวิจารณ์ของท่านผู้นี้อาจจะยาวหน่อยแต่มันเป็นภาพสะท้อนถึงปัญหาของการดำเนินนโยบายโดยใช้ "ชาติพันธ์" และ "ศาสนา" เป็นเครื่องมือในการแบ่งแยกสิทธิ์ประโยชน์...

        คราวนี้เจ้ากบฏเฒ่า "ฮาซัน" คิดจะปกครองเหมือน "มาเลย์" มีแต่ความฉิบหายแน่นอน...

See Translation

ที่นี้ ก็มาดู สุนัขรับใช้ ฮาซัน ตอยิบคนนี้มันเป็นใคร
รู้จัก ‘ฮารา ชินทาโร่’ คนญี่ปุ่น มาเป็นอาจารย์สอนภาษามลายู ที่ มอ.วิทยาเขตปัตตานี อยู่ที่นี่นานถึง 14 ปี จนเก่งภาษาไทยถึงขั้นเขียนบทความได้ แถมยัง ‘แกแจะนายู’ หรือพูดภาษามลายูท้องถิ่นได้ชัดเจนคล่องปรื๋อ
ฮารา ชินทาโร่
          ฮาร่า ชินทาโร่ (HARA SHINTARO) อาจารย์สอนวิชาภาษามลายู ในคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) วิทยาเขตปัตตานี หรือที่ใครชอบเรียกว่า “อาจารย์ชินทาโร่”
          ที่จริงชินทาโร่มีอีกชื่อหนึ่งว่า “บาดีอุซซามาน” เป็นภาษาอาหรับ แปลว่า “การเริ่มต้นของยุคสมัย” เป็นชื่อที่เขาได้รับหลังจากเข้ารับอิสลามเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ชินทาโร่อายุ 40 ปี ที่สำคัญ มาอาศัยอยู่ในจังหวัดปัตตานีมา 16 ปีแล้ว
         ชินทาโร่ เล่าถึงที่มาที่ไปของการเข้ารับอิสลามและการได้มาเป็นอาจารย์สอนภาษามลายูที่ปัตตานีว่า เริ่มจากการเรียนรู้ภาษามลายู ที่มหาวิทยาลัยเคโอะ (keio) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น สาเหตุที่เลือกเรียนภาษามลายู ซึ่งเป็นวิชาเลือกเสรี เพราะมีคนเรียนน้อยและไม่ค่อยเป็นที่สนใจ จึงเลือกเรียนภาษานี้ เพราะเป็นภาษาที่น่าสนใจมาก
         “ผมเรียนภาษามลายูแบบเข้ม สัปดาห์ละ 8 คาบ ทั้งการฝึกอ่าน พูด เขียน จนสามารถสื่อสารได้ในระดับหนึ่ง โดยครูสอนภาษามลายูมาจากประเทศมาเลเซีย” จากนั้นครูได้ชักชวนนักศึกษาเดินทางไปฝึกภาษามลายูในพื้นที่จริง โดยเลือกบ้านเกิดของครู คือที่หมู่บ้านปาตูปาฮัร รัฐยะโฮร์ ทางตอนใต้ของมาเลเซีย ในที่สุดก็ได้สนทนากับคนที่พูดมลายู ซึ่งการพูดคุยโต้ตอบ
        หลังจากได้เรียนรู้ภาษามลายูในพื้นที่จริง ทำให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับศาสนาอิสลามไปด้วย เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่เป็นมุสลิม ทำให้ซึมซับความเป็นมุสลิม ทั้งความเชื่อและวิถีชีวิต จนเกิดความรู้สึกอยากเข้ารับอิสลามขึ้นมา หลังจากนั้นจึงเรียนรู้เกี่ยวกับอิสลามมากขึ้น โดยพยายามศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวเอง และเรียนรู้จากผู้รู้ และนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน
      หลังจากเข้ารับอิสลามแล้ว ผมต้องปรับตัวหลายอย่าง เช่น การละหมาด 5 เวลา การรับประทานอาหารที่ฮาลาล เรียนรู้กฎหมายชาริอะห์ และหลักฮารอมกับฮาลาล ตอนเข้ารับอิสลามใหม่ๆ มีปัญหากับครอบครัวในระดับหนึ่ง แต่เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ โดยผมพยายามให้ความเข้าใจแก่พ่อแม่และคนในครอบครัวว่า ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่สวยงาม สอนให้คนทำความดี มีความกตัญญูรู้คุณ ซึ่งก็ตรงกับคำสอนในประเทศญี่ปุ่นที่เน้นเรื่องการกตัญญูด้วยเช่นกัน
        ทุกวันนี้ผมยังเคารพพ่อกับแม่ แม้จะนับถือคนละศาสนากัน ซึ่งการให้ความเคารพนั้นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้พ่อแม่ผมสบายใจว่า ศาสนาอิสลามไม่ได้พรากผมไปจากพ่อกับแม่ ทุกวันนี้ยังพูดคุยติดกับพ่อแม่ทุกวันผ่านทางอินเตอร์เน็ต
 ครั้งแรกที่มาปัตตานี
        ครั้งแรก ที่ได้มาที่ปัตตานี เนื่องจากได้รู้จักกับอาจารย์และนักศึกษา มอ.ปัตตานี ตอนเข้ารวมการแข่งขันกล่าวสุนทรพจน์ภาษามลายู ซึ่งผมเป็นตัวแทนของประเทศญี่ปุ่น ส่วนพวกเขาเป็นตัวแทนของประเทศไทย
        หลังจากนั้นผมเรียนต่อที่ประเทศมาเลเซีย ณ Universiti Malaya สาขามลายูศึกษา เรื่องการเปรียบเทียบภาษามลายูกลางกับภาษามลายูถิ่นปาตานี ก็เลยเริ่มต้นจากการเก็บข้อมูล และได้มาที่ปัตตานีครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1998 มาอยู่ 4 เดือน แล้วกลับไปอยู่ที่มาเลเซีย 1 ปี หลังจากนั้นจึงมาอยู่ที่ปัตตานีอีกครั้งตั้งแต่ปี ค.ศ.1999 จนปัจจุบัน
        ก่อนหน้านั้น ผมมีรายได้จากการเป็นล่ามภาษาญี่ปุ่น-มลายูที่ประเทศญี่ปุ่น ต่อมามีงานน้อยลง จึงต้องหางานทำ และอยากอยู่ที่ปัตตานี จึงติดต่อ มอ. ขอสมัครสอนภาษาญี่ปุ่นในช่วงแรก แต่ไม่ได้เพราะไม่มีตำแหน่งว่าง แต่บังเอิญในแผนกภาษาอาหรับของคณะมนุษยศาสตร์ มีตำแหน่งว่าง ซึ่งคนต่างชาติสมัครได้ เป็นพนักงานช่วยหาข้อมูล จนกระทั่งปี ค.ศ.2006 จึงได้สมัครเป็นอาจารย์สอนภาษามลายู
        ผมมาอยู่ที่ปัตตานีตอนที่ยังไม่เกิดเหตุไม่สงบ รู้สึกว่าเป็นสถานที่ที่น่าอยู่มาก จึงทำให้อยากอยู่ที่นี่ หลังจากเกิดเหตุไม่สงบขึ้นมา ก็สามารถอยู่ได้ เพราะคิดว่า อยู่ที่ไหนก็หนีไม่พ้นความตาย และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะตาย แต่ก็กลัวเหมือนกัน จึงต้องอยู่ให้เป็นและปลอดภัย
 มุมมองต่อภาษามลายู
        ปัจจุบันคนทั่วโลกมองว่า ภาษามลายูเป็นภาษาที่ต่ำต้อย ด้อยค่า ผมจึงอยากยกระดับภาษามลายูโดยจะรื้อฟื้นภาษานี้ให้มีความโดดเด่นในประชาคมอาเซียนและเป็นที่ยอมรับของคนทั้งโลก โดยผมเริ่มทำวิจัยเปรียบเทียบระหว่างภาษามลายูถิ่นกับภาษามลายูกลางว่า คนในประเทศจะเข้าใจและสื่อสารภาษาใดได้ดีกว่ากัน
************************
ชินทาโร่คนนี้ละครับทั่น ที่เป็นคนให้กำเนิด วาทะกรรม
รัฐไทย  นักล่าอาณานิคมสยาม และอีกหลาย ๆ วาทะกรรม ที่ฮาซันตอยิบ หยิบเอาใช้ และโดยมี ชินทาโร่ ไปแปลความหมายเ้ป็นภาษาไทยที่บิดเบือนกันอยู่ในเวลานี้
อย่างเช่น   

ฮาร่า ชินทาโร่ ปัจจุบัน สิงสถิตอยู่ที่เวปไซท์ ประชาไท


      สงสัยว่า ไอ้คนแปลคำเรียกร้องของฮาซัน ตอยิบ ก็คือชินท่าโร่นี่เองแหละ ที่ให้กำเนิดคำว่า นักล่าอาณานิคมสยาม 

         เรื่องราววีรกรรม วีระเวรของ ชินทาโร่ เคยนำมาให้ได้อ่านกันบ้างแล้ว เรื่องขบวนการเหลือบ ที่หากินกับความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะนำมาย้อนให้ดูกันอีกที 



รูปภาพ : ความโหดร้าย ความอำมหิต มันแตกต่างจากบ้านเรานัก ทั้งๆที่ เป็นคนศาสนาเดียวกัน

ท่านชินทาโร่ ถ้าท่านอยากสร้างกระบวนการสันติภาพ ด้วยความรู้ด้านภาษา ความรักในอิสลามของท่าน....ทำไมท่านไม่ไปช่วยคนซีเรีย หรือว่าไม่มีใครจ้างท่าน

ประเทศไทยไม่กีดกัน ไม่กดขี่ แต่มีกลุ่มคนที่อยากจะแบ่งแยก และท่านก็แสดงออกถึงการเลือกข้างชัดเจน สันติภาพที่เลือกข้าง มันจะเรียกว่าสันติภาพได้อย่างไร

ไปช่วยซีเรียดีกว่ามั้ย.....หรือว่าไม่มีคนจ้าง

รูปภาพ : ขนาดอิสลามปกครองอิสลามด้วยกันเอง ยังฆ่ากันขนาดนี้ นับภาษาอะไรกับบ้านเรา ศาสนาเดียวกันยังทำกันได้แบบนี้

ไม่แปลกใจที่โจรใต้มันฆ่าได้ไม่เลือกหน้า

อิสลามฆ่ากันขนาดนี้ OIC ไปดูแลกันให้ดีๆก่อน

ดีกว่ามาสร้างเงื่อนไข เข้ามาก้าวก่ายในประเทศไทย..........

รูปภาพ : การรวมกลุ่มของนักศึกษาเป็นเรื่องที่ดี แต่มีคนเลวๆ โดยเฉพาะกลุ่มแกนนำ พยายามปลุกเร้า ชักจูง สร้างความแตกแยกในสังคม เป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรง.....

อย่าใช้นักศึกษาเป็นเครื่องมือ.......เขาเหล่านี้คือ อนาคตของชาติื

นี่แค่สองตัวอย่าง.........งามไส้........


รูปภาพ : คำถามด้านบนเกิดขึ้นจริง  คำถามด้านล่างไม่ได้เกิดขึ้น

แต่คำถามล่าง มั่นใจว่าใครหลายคนคงอยากให้เกิดขึ้น



อธิปรายได้ โดยไม่ต้องใช้ไมค์ ตะโกนเอา.......เยี่ยมจริงๆ


รูปภาพ : นี่คือสัญลักษณ์ การต่อสู้ของพี่น้องมุสลิมในอียิปต์ ที่มีการปะทะกัน และเกิดการสูญเสียเป็นหลายร้อยศพ

สัญลักญณ์นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบ้านเรา บ้านเราไม่ได้มีการสังหารหมู่ หรือ ทำร้าย พี่น้องชาวไทยมุสลิมแบบนั้นเลย

แต่มีคนบางกลุ่ม นำสัญลักษณ์นี้ มาปลุกระดม เพื่อ รัฐปัตตานี

มันไม่ใช่.....Free Patani..... มั่วที่สุด

.
รูปภาพ : สังคมไทยมีความหลากหลาย ไม่กดขี่ ไม่กีดกัน

แต่มีคนปลุกระดม คิดแบ่งแยก

อาศัยความต่างทาง ศาสนา....

รูปภาพ : ที่มาของเฟชมืด......

ปลุกระดม หมิ่น บิดเบือน สร้างแตกแยก

ทีมเครือข่าย อุตสาหกรรมสันติภาพบนหลังคน

ผลิตสื่อโจมตี ลดความน่าเชื่อถือของเจ้าหน้าที่ ปลุกระดมมวลชนฝ่ายตน

ขอขอบคุณภาพที่ส่งมา.......จากสหายท่านหนึ่ง

รูปภาพ : การใช้กระบวนการเสรีภาพ ตามหลักประชาธิปไตย โดยไม่สนใจคำว่าชาติ เพียงหวังความต้องการของกลุ่มตน

ถูก หรือ ผิด แต่ละท่านอาจตอบต่างกัน
แต่ที่แน่ๆ คนไทยทุกคน คงไม่อยากให้เกิด รัฐอิสลามปัตตานี

ความต้องการปกครองตนเองมันชัดเจนอยู่แล้ว 

ท่านชินทาโร่ ท่านก็มีสันติภาพตามแบบของท่าน และท่านก็ไม่สนใจคำว่าชาติอยู่แล้ว เพราะชาติท่านคือญี่ปุ่น

สำหรับท่านชินทาโร่ ที่นี่ แค่ที่แห่งหนึ่ง แต่สำหรับเราคนไทย ที่นี่ คือบ้านของเรา แผ่นดินของเรา.......

รูปภาพ : นักวิชาการชาวญี่ปุ่น เป็นอาจารย์สอนที่ มอ.ปัตตานี 

เจ้าของบทแปล คำพูด ของ ฮาซัน ตอบิป ตั้งแต่แรกเริ่ม
เจ้าของคำพูด "ประชาชนต้องสนับสนุน BRN"

มีนักวิชาการไม่กี่คนที่ให้สัมภาษณ์สื่อ เกาะติดสื่อ วิ่งเข้าหาสื่อ ใน สามจังหวัดภาคใต้ของเรา และมักจะออกความเห็นสนับสนุนกลุ่มคนที่ไม่หวังดีกับประเทศไทย เป็นกระบอกเสียงให้อย่างเต็มตัว

เขาได้อะไร
เขาทำเพื่ออะไร

เขาเหล่านี้ทำแบบนี้ จนเหมือนเป็นอาชีพ เป็นหน้าที่ เป็นงานประจำ มีเงินค่าจ้าง มีแหล่งเงินทุนสนับสนุน

ธรรมชาติของคนทั่วไป ไม่มีใคร วิ่งหาสื่อ แล้วแสดงออกบ่อยขนาดนี้ 

เหมือนมันมีอะไรซักอย่างที่ทำให้....เขาต้องทำำ

รูปภาพ : การปฏิวัติอิสลามอิหร่าน ในปี 1979 แต่เดิมอิหร่านไม่ใช่รัฐอิสลาม 
การทำทุกวิถีทางให้ได้มาซึ่ง รัฐอิสลาม คือการกระทำที่ได้บุญที่สุด

สมัยนั้นมีการปลูกฝิ่นในอิหร่านจำนวนมาก และการค้าฝิ่น เพื่อรัฐอิสลาม ก็ถือว่าไม่ผิด และยังได้บุญ...

เหตุการณ์ที่บ้านเราทุกวันนี้ มีกลุ่มที่ต้องการ รัฐอิสระ ปกครองตนเอง เป็นรัฐอิสลามปัตตานี ก็คงไม่ต่างกัน........

รัฐอิสลามอิหร่าน คือ ต้นแบบการปฏิวัติอิสลาม......


เจ้าซามูไรรับจ้าง "ฮาร่า ชินทาโร่" กระบอกเสียง "ฮาซัน ตอยิบ"....

          มาจากแดนไกลเพื่อรับจ้างสร้างปัญหา มาอาศัยผืนแผ่นดินไทยเจือกทำตัวเป็นเจ้าปัญหา อาศัยความเป็นประชาธิปไตยย่ำยีชาวไทยด้วยการเป็นกระบอกเสียงให้โจรใต้ และเจ้ากบฏเฒ่า "ฮาซัน ตอยิบ"...

         เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 56 บล็อคของศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ภายใต้ชื่อ "เก็บความบทสัมภาษณ์ ‘ฮัซซัน ตอยิบ’ ผ่านทางสถานีวิทยุมีเดียสลาตัน" โดยมีเจ้าซามูไรรับจ้างนาม "ฮาร่า ชินทาโร่" ได้นำสารจากเสด็จพ่อ "ฮาซัน ตอยิบ" 

มีประเด็นในสัมภาษณ์อยู่หลายประเด็น จะขอยกตัวอย่างเพียงประเด็นเดียว เป็นประเด็นที่เจ้าที่เจ้ากบฏเฒ่าฮาซัน ยกมา คือ รูปแบบการปกครอง วาดฝันไว้อย่างสวยงามตาม "มาเลย์"...

        ฮาซัน กล่าวว่า: ถ้าสมมุติว่ารัฐบาลให้สิทธิปกครองโดยตนเอง การปกครองของเราก็ต้องเป็นการปกครองที่ยุติธรรมที่สุด โดยมีกฎหมายอิสลามเป็นหลัก เมื่อมีการปกครองตามกฎหมายอิสลาม เราก็ต้องมองว่าคนที่นับถือศาสนาอื่นก็เป็นสมาชิกครอบครัวของเราเช่นกัน เมื่อเรากดขี่พวกเขาก็ถือว่าเป็นฮารอม (ผิดกฎหมายอิสลาม) และเป็นบาปด้วย ฉะนั้นการปกครองของเราก็ต้องตามหลักการของศาสนาอิสลาม ชาวจีนและชาวสยามในปาตานีก็ไม่ต้องเป็นห่วง ขอยกตัวอย่างของประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นสังคมหลากหลายเชื้อชาติ สังคมของเราก็สังคมหลากหลายเชื้อชาติเช่นเดียวกัน ลองสังเกตดูชาวสยามในอำเภอตุมปัต (Tumpat) รัฐกลันตัน พวกเขาก็สามารถสร้างวัดและปฏิบัติศาสนกิจของเขาได้ การที่ต่างคนนับถือศาสนาต่างกันก็ไม่มีปัญหาตามหลักการอิสลาม
ที่มา:http://www.deepsouthwatch.org/node/4600

       (อ่านแล้วก็น่าขำจริง เพราะเป้าหมายตกเป็นเหยื่อในพื้นที่ คือคนต่างศาสนา และอิสลามผู้ให้ความร่วมมือรัฐ)

        คราวนี้มาดูมุมมองของ "คนมาเลย์" บ้าง อย่าให้กลุ่มกบฏเฒ่าฮาซัน ต้องขายฝันให้ชาวบ้านด้วยการปกครองอันสวยหรูโดยอ้าง "มาเลย์" เป็นต้นแบบ...

      เพราะจริงๆ แล้ว "มาเลย์" นั้น มีรูปแบบนโยบายการปกครองอย่างลำเอียงอย่างเห็นได้ชัด และในการปกครองของมาเลย์มีเพียงสองสิ่งเท่านั้นที่เป็นตัวชี้วัด คือ

"ชาติพันธุ์ และ ศาสนา"

บทความนี้เขียนโดย Raja Petra Kamarudin
เรื่อง The NEP (New Economic Policy) in the Islamic perspective (มุมมองนโยบายใหม่ทางเศรฐกิจอิสลาม)

มีใจความตอนหนึ่งที่ Raja Petra Kamarudin กล่าวว่า
"The issue that divides us is not language but religion, as well as the Bumiputera issue; in particular the special rights or privileges accorded the Malays."

"สิ่งที่แยกเราออกจากกันไม่ใช่ภาษา แต่เป็นศาสนา เช่นเดียวกับเหตุการณ์ชาวภูมิบุตร (Bumiputra); โดยจะให้สิทธิ์แก่คนมาเลย์เป็นพิเศษ"

บทวิจารณ์เกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจโดย Raja Petra Kamarudin: http://archiveofmt.blogspot.com/2005/04/nep-in-islamic-perspective.html

เขายังกล่าวอย่างชัดเจนว่าคำว่า "Malay" ในที่นี้หมายถึง ผู้ที่นับถืออิสลาม และ "Non-Malay" คือผู้ที่ไม่ใช่อิสลาม...

บทวิจารณ์ของท่านผู้นี้อาจจะยาวหน่อยแต่มันเป็นภาพสะท้อนถึงปัญหาของการดำเนินนโยบายโดยใช้ "ชาติพันธ์" และ "ศาสนา" เป็นเครื่องมือในการแบ่งแยกสิทธิ์ประโยชน์...

คราวนี้เจ้ากบฏเฒ่า "ฮาซัน" คิดจะปกครองเหมือน "มาเลย์" มีแต่ความฉิบหายแน่นอน...

รูปภาพ : พวกปลอม south dark 

ทำได้แค่นี้ คิดได้แค่นั้น........

ฝีมือยังห่าง ความคิดยังต่ำ ใครๆก็ดูออก

ต้องให้ admin ไปช่วยอบรมให้มั้ยเนี๊ย.....หุหุๆๆๆ

รูปภาพ : ใครผิด ใครถูก ใครคู่ควรต่อการยกย่อง

ใครสมควรโดนประนาม สาปแช่ง เป็นขยะสังคม

มั่นใจว่าคนทั้งโลกจะตอบเหมือนกัน.........

รูปภาพ : ไม่ว่าใครจะเป็นนายก รัฐบาลชุดไหน 
ส.ส.ในสามจังหวัดภาคใต้ ยังไงก็ขั้วอำนาจเดิม

ปัญหาภาคใต้ก็เหมือนเดิม แบบเดิมๆ ตราบใดที่....... 
เกมส์การเมืองยังนำการทหาร

บรรหาร.....สร้างสุพรรณ ( รัฐบาลปี 38-39 )
ทักษิณ.....สร้างเชียงใหม่ ( รัฐบาลปี 44-49 )
ส.ส.สามจังหวัดภาคใต้......สร้างอะไร ( ...???กี่ปี???... )

น่าคิดนะ.......
http://narater2010.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม