วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2556

เมื่อสามีถูกยิงแล้วเผาคาบ้าน!! วันนี้ของ “จุไร จันทอิน” ไทยพุทธที่ชายแดนใต้

เมื่อสามีถูกยิงแล้วเผาคาบ้าน!! วันนี้ของ “จุไร จันทอิน” ไทยพุทธที่ชายแดนใต้

     วันนี้ของ จุไร จันทอิน ไทยพุทธที่ชายแดนใต้ แม้สามีถูกยิงแล้วเผาพร้อมบ้าน แต่เธอจะไม่ไปไหน เพราะที่นี่คือแผ่นดินเกิดของเธอ




จุไร จันทรอิน


          เหตุการณ์ความไม่สงบที่โหมกระหน่ำแผ่นดินชายแดนใต้อย่างหนักมาตั้งแต่ปี 2547 สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินทั้งพี่น้องไทยพุทธและมุสลิมอย่างถ้วนหน้า หญิงหม้ายและเด็กกำพร้าเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว หญิงหม้ายบางคนเมื่อสูญเสียเสาหลักของครอบครัวคือสามี ชีวิตที่เหลืออยู่ของเธอเหมือนตายตามไปด้วย ต้องใช้เวลานานในการปรับชีวิตและจิตใจให้ยอมรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น

          เมื่อสามีถูกยิงพร้อมถูกเผาบ้านเมื่อเดือนกันยายน 2549 ชีวิตของผู้สูญเสียและได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ร้ายแรงนั้นอย่าง จุไร จันทรอิน ชาวบ้านไทยพุทธจากบ้านเคียน ต.พ่อมิ่ง อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เหมือนดิ่งลงเหวพร้อมร่างกายที่ดำรงอยู่ด้วยสติเพียงเล็กน้อย หลายปีที่ผ่านมาเธอมีชีวิตอย่างไม่เต็มร้อย ชีวิตของเธอเพิ่งคลี่คลายลงได้เมื่อปีที่แล้ว จุไรย้อนความหลังในคืนฝันร้ายให้ฟังว่า

          “ปลูกบ้านในสวนมะพร้าว แถวนั้นมีบ้านคนพุทธอยู่ไม่กี่หลัง บ้านฉันตั้งอยู่ไกลจากบ้านคนอื่น ก่อนหน้านั้นไม่เคยเกิดเหตุร้ายอะไรเลย จนถึงคืนเกิดเหตุฉันเดินอยู่นอกบ้าน เห็นมีคนหลายคนเดินเข้ามาเรียกสามี พอเขาออกมาหน้าประตูก็โดนยิง คนพวกนั้นพากันราดน้ำมันบนตัวเขาและราดตัวบ้าน พวกเขาเผาบ้านพร้อมเผาสามี ตอนนั้นฉันสติหายหมด กลัวมาก ร้องอยู่ในใจแต่ไม่มีเสียงออกมา ฉันวิ่งไปหลบในป่าข้างบ้านจนเช้าเมื่อมีเจ้าหน้าที่และชาวบ้านมาที่บ้านถึงออกมา ฉันหมดสิ้นทุกอย่างทั้งสามีและบ้านที่อยู่ มันหายไปกับกองไฟ"

         "จากนั้นก็ไปอยู่กับลูกสาวพักนึง  แล้วกลับมาทำงานในโครงการจ้างงานเร่งด่วน(โครงการ 4,500 บาท) ช่วยงานในวัดที่บ้าน ทำความสะอาด ดูแลวัด และเก็บเงินที่ได้จากการเยียวยามาซื้อที่ดินเล็กๆ สร้างบ้านอยู่คนเดียวใกล้บ้านลูกสาวอีกคน หลายปีที่ผ่านมาสติฉันไม่ค่อยจะอยู่กับตัว มันเลือนไปตั้งแต่เกิดเหตุ ตอนนี้เริ่มตั้งสติได้และคิดว่าต้องใช้ชีวิตที่มีอยู่ให้คุ้มค่า”

  บ้านปัจจุบันที่สร้างขึ้นใหม่

        ชุมชนบ้านเคียนที่จุไรอาศัยอยู่เป็นชุมชนชาวไทยพุทธที่อยู่กันหนาแน่นกว่า 50 หลังคาเรือน อยู่อาศัยกันมาอย่างสงบ มีสัมพันธ์และมิตรภาพที่ดีกับพี่น้องมุสลิมมานาน แม้จะเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นอย่างไรก็ยังคงเป็นมิตรกันเหมือนเดิม หากอาจลดลงบ้างในการไปมาหาสู่กันเพื่อความสะดวกใจและความปลอดภัยของทั้งสองฝ่าย เธอบอกว่าอยากให้เรื่องร้ายที่เกิดขึ้นจบลงเร็วๆ และแม้จะเกิดเรื่องร้ายแรงอย่างไร เธอก็ยังยืนหยัดอยู่ที่บ้านเกิด

        “จริงๆ แล้วไม่เคยคิดย้ายไปอยู่ที่ไหน อยู่บ้านเราดีที่สุด ก่อนหน้านั้นที่ไปอยู่กับลูกที่ต่างจังหวัดก็เพื่อรักษาใจและตัวเองให้ลืมเลือนเรื่องร้าย เมื่อเวลาผ่านไปก็กลับมาอยู่แผ่นดินเกิดเพราะสบายใจกว่า พี่น้องเพื่อนบ้านก็อยู่ที่นี่ ลูกสาวอีกคนก็ยังอยู่ แต่เวลาจะออกไปไหนมาไหนก็ระวังตัว พยายามไปกับเพื่อน ไม่ไปคนเดียว ตอนนี้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวก็ใช้จ่ายตามจำเป็น ท้องเดียว คนเดียวกินอะไรก็ได้ เวลามีกิจกรรมในหมู่บ้านก็เข้าร่วมตลอด ทำให้ไม่คิดมากและคิดช่วยงานหรือกิจกรรมของชุมชนเสมอ เรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตก็ทำใจว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด  เราไปห้ามชะตาชีวิตไม่ได้ แต่ยังอยากให้เรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นจบลงเร็วๆ ไม่อยากให้เกิดความสูญเสียมากไปกว่านี้แล้ว”

        จุไรรำพึงให้ฟังถึงชีวิตปัจจุบัน ชีวิตที่เธอตั้งมั่นใช้ชีวิตบั้นปลายในบ้านเกิด บ้านเคียนแห่งนี้ แม้จะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นทุกรายวันก็ตาม เพราะที่นี่คือ... แผ่นดินเกิด แผ่นดินแม่

        ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนเธอมานาน ได้กลับกลายเป็นฝันดีที่เธอพร้อมรับกับทุกสิ่งที่เข้ามาในชีวิต ชีวิตที่ต้องตื่นฟื้นเพื่อต่อสู้กับนานาประการกว่าลมหายใจจะหมดลง

http://narater2010.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม