วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ดร.วันกาเดร์ เจ๊ะมัน ชี้ปัญหาภาคใต้กับผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัว







              การพูดคุยสันติภาพระหว่างสภาความมั่นคงแห่งชาติหรือ สมช.กับผู้แทนของฝ่ายขบวนการที่กำลังมีการเรียกร้องความสนใจ เนื่องจากความวุ่นวายทางการเมืองภายในกรุงเทพมหานครที่ทำให้การพูดคุยสันติภาพมีอันต้องหยุดชะงักโดยฝ่ายแกนนำกลุ่มขบวนการหลักคือ ฮาซัน ตอยิบ ถึงกับต้องงัดลูกไม้เก่าโดยการแถลงผ่านยูทูปว่าเป็นเพราะความไม่พร้อมของรัฐบาลไทย ที่ไม่บริหารจัดการความไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศได้ พร้อมๆกับการการสะกิดฝ่ายความมั่นคงด้วยการระเบิดพื้นที่เศรษฐกิจคือ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวต้องดิ่งลงเหวในหลายวันที่ผ่านมา

         การเข้าพบแม่ทัพภาคที่ 4 ของ ดร.วันกาเดร์ เจ๊ะมัน มีหลายประเด็นที่น่าสนใจที่ใครหลายคนไม่เคยรู้ แต่ผมอยากนำเสนอให้สังคมได้รับรู้ข้อเท็จจริงของ เรื่องร้ายๆ ในภาคใต้บ้านเรา


           “บทบาทของมาเลเซียในการพูดคุย ถือว่าไม่รู้จริง ไม่รู้ว่าใครมีบทบาทจริงในพื้นที่ เราคิดผิดหากคุยแบบนี้ต่อให้ 10 ปี ก็ไม่จบ” นี่เป็นคำพูดของ อดีตแกนนำต่อต้านรัฐบาลไทยแบบรู้จริง ด้วยบทบาทการเข้ามาเป็นผู้อำนวยความสะดวกของมาเลเซียซึ่งต้องการสร้างภาพต่อประชาคมอาเซียนในฐานะผู้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งในภูมิภาคซึ่งหากมีเจตนาด้วยความบริสุทธิ์ในแล้วก็น่าจะเป็นที่ได้รับการยอมรับแต่ในความเป็นจริงที่ทุกฝ่ายรับรู้ในวันนี้กับไม่เป็นอย่างที่คิด เรื่องนี้ต้องหาคำตอบ ดร.วันกาเดร์ฯ กล่าวเพิ่มเติม

          ถามว่าอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนการเรียกร้องเอกราชฟาตอนียังมีอยู่หรือไม่ ตอบได้เลยว่าสำหรับคนที่อายุมากกว่า 50 ปีย่อมมีอยู่บ้างเนื่องจากความรักชาติรักแผ่นดินแต่ปัจจุบันก็ลดบทบาทตัวเอง การก่อเหตุในสมัยนี้ของคนในองค์กรที่มีอุดมการณ์น้อย ไม่ได้มุ่งหวังเรื่องการแบ่งแยกดินแดนหรือความเป็นเอกราช แต่ขึ้นอยู่กับเงินที่ได้จากการก่อเหตุมากกว่า

           ความแตกแยกในองค์กรนำ ผลประโยชน์ที่ขัดกันและความมุ่งหวังที่จะเป็นผู้นำ เมื่อการแบ่งแยกดินแดนประสบความสำเร็จ เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้หลายกลุ่มชิงการเป็นผู้นำอยู่ในขณะนี้ ที่เห็นได้ชัดคือกลุ่ม BRN ทำให้กลุ่มที่ไม่ได้รับการยอมรับต้องแยกตัวออกจากองค์กรไปก่อเหตุรุนแรงเพื่อสร้างผลงานให้เกิดการยอมรับในกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน สุดท้ายผลกรรมก็ตกไปอยู่ที่ประชาชนตาดำๆ ซึ่งบางครั้งอาจทำไปเพราะความแค้นส่วนตัวหรือเหตุผลส่วนตัว แล้วก็เหมารวมว่าทำเพื่ออุดมการณ์ในที่สุด

นี่เป็นเรื่องจริงที่น่าเศร้าสำหรับคนในพื้นที่

           นอกจากนี้ ดร.วันกาเดร์ฯ ยังกล่าวว่า การพูดคุยสันติภาพที่ผ่านมา ๓ ครั้ง ถือว่าฝ่ายไทยคุยผิดตัว เพราะฮัสซันตอยิบ ไม่มีบทบาทนำและไม่สามารถควบคุมกองกำลังติดอาวุธในพื้นที่ได้ ประกอบกับความไม่เห็นด้วยของกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ยอมรับในความเป็นผู้นำขบวนการรวมทั้งการชิงนำเสนอผ่านสื่อคอมพิวเตอร์หลายครั้งในแบบที่คู่ขัดแย้งในหลายพื้นที่ทั่วโลกไม่เคยทำ ที่ทำให้เครดิตของฮัสซันฯ เริ่มลดน้อยลงบวกรวมกับการกีดกันไม่ให้กลุ่มอื่นเข้ามาร่วมโดยเฉพาะกลุ่ม PULO โดยนายกัสตูรี มะห์โกตา ซึ่งมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาโดนสันติวิธีและขัดกับแนวทางของ BRN ทำให้ยังไม่เกิดการยอมรับจนถึงปัจจุบัน การพูดคุยกับบีอาร์เอ็นรุ่นใหม่และดึงมาให้ครบทุกกลุ่มจึงเป็นแนวทางที่ควรทำ

          จะเห็นว่าขนาด ดร.วันกาเดร์ เจ๊ะมัน อดีตเคยเป็นถึงประธานกลุ่มขบวนการ PULO คงไม่ต้องพูดถึงอุดมการณ์การต่อต้านรัฐไทย การันตีด้วยตำแหน่งประธานขบวนการ PULO ในเรื่องการต่อต้านรัฐไทยย่อมเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว แต่ในปัจจุบัน ท่านค้นพบว่าความคิดในอดีตที่มุ่งในเรื่องการก่อเหตุรุนแรงไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดี เป็นความคิดที่ผิด และเห็นว่าแนวทางสันติวิธีเป็นหนทางที่ดีที่สุด ท่านผู้อ่านก็คิดและเลือกหนทางของตัวเองก็แล้วกัน อย่าให้เหมือน ดร.วันกาเดร์ฯ ซึ่งคิดผิดมาค่อนชีวิตของตัวเอง...แล้วจะเสียใจเมื่อแก่....!

บูเก๊ะ บือซา.....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม