วันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2557

กฎหมายพิเศษเพื่อประชาชน

กฎหมายพิเศษเพื่อประชาชน
โดย....ชบาสีขาว



             ตราบใดที่ผู้ก่อเหตุรุนแรงหรือผู้ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงยังคงอาศัยมวลชนเป็นเกราะกำบังซึ่งยากต่อการแยกแยะว่าใครคือผู้ก่อเหตุรุนแรงยากต่อการดำเนินการสืบหาตามจับกุมเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย ตราบใดที่ผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงไม่เข้าสู่กระบวนการตามนโยบายของฝ่ายความมั่นคงที่เปิดโอกาสให้ผู้หลงผิด หรือผู้มีความเห็นต่างจากรัฐเข้าพูดคุยเข้าต่อสู้ตามขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมาย นั้นหมายถึงความจำเป็นที่ต้องใช้กฎหมายพิเศษเข้าใช้แก้ไขปัญหา ซึ่งเชื่อว่าฝ่ายความมั่นคงเองก็ไม่ปรารถนาที่จะใช้กฎหมายพิเศษนั้นเท่าไรนัก


             ประเทศไทยได้มีบทบัญญัติกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงที่ตราเป็นพระราชบัญญัติพระราชกําหนด และประมวลกฎหมายทั้งสิ้น จํานวน 75 ฉบับ และมีการแบ่งระดับของความรุนแรงของสถานการณ์เป็น 3 ระดับ คือ สถานการณ์ปกติ สถานการณ์ในภาวะคับขัน และสถานการณ์สงคราม หากมีสถานการณ์หรือพฤติการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง จะใช้บทบัญญัติของกฎหมายที่แตกต่างกันตามสถานการณ์เช่น ในกรณีเหตุการณ์หรือสถานการณ์ทั่วไปอยู่ในภาวะปกติกฎหมายที่นํามาใช้บังคับ คือ กฎหมายที่มีโทษทางอาญาและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เมื่อปรากฏเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรที่เกิดจากบุคคลหรือกลุ่มบุคคลก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในประเทศและเป็นภัยต่อความสงบสุขของประชาชนทําลายหรือทําให้เสียหายแก่ชีวิตร่างกายทรัพย์สินของประชาชนหรือรัฐ กฎหมายที่นํามาใช้บังคับ คือ พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551และเมื่อปรากฏเหตุการณ์ขยายตัวลุกลามเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินหรือสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงหรืออาจทําให้ประเทศหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของประเทศตกอยู่ในภาวะคับขันหรือที่พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ไม่สามารถควบคุมได้กฎหมายที่นํามาใช้บังคับ คือ พระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เมื่อปรากฏเหตุการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงทั้งภายในและภายนอกราชอาณาจักรจนกลายเป็นภาวะสงคราม หรือจลาจลกฎหมายที่นํามาใช้บังคับ คือ พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ.2457


                จากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผลสืบเนื่องมาจากการกระทำของขบวนการ BRN. และพฤติกรรมของกลุ่มองค์กรที่แสวงประโยชน์จากเหตุการณ์ ปลุกระดมบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อปลุกกระแสต่อต้านรัฐสนับสนุนการก่อเหตุรุนแรงของขบวนการ BRN. ซึ่งเท่าที่เห็นอยู่ในปัจจุบันคือกลุ่มนักศึกษาที่พยายามสร้างความมึนงงให้กับประชาชนทั้งที่เป็นมุสลิมและพุทธ นั่นคือกลุ่ม PerMAS ที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ณ ปัจจุบันหากจะถามว่าพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จําเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีกฎหมายความมั่นคง คําตอบที่สามารถตอบได้ทันทีคือ จําเป็นต้องมีกฎหมายความมั่นคง แม้แต่รัฐอื่นๆ ในโลกปัจจุบันก็ยังมีความจําเป็นต้องมีกฎหมายในลักษณะนี้ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม นานาอารยประเทศที่ใช้กฎหมายในการปกครองประเทศต่างก็มีกฎหมายความมั่นคงบังคับใช้ในระบบกฎหมายของประเทศตนเอง



               ปัจจุบันในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคภาคใต้ กลุ่มองค์กรภาคประชาสังคม (NGOs) รวมทั้งกลุ่มPerMAS ได้รณรงค์ปลุกกระแสให้ยกเลิกการใช้กฏหมายพิเศษในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ ตามที่ปรากฏบนภาพข่าวทั้งบนเว็บไซต์ สื่อสิ่งพิมพ์ และการจัดประชุมเสวนาโดยองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ ทั้งในและนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้อย่างกว้างขวางและต่อเนื่องรวมทั้งมีความพยายามในการนำเข้าไปสู่การเขียนรายงานประเทศไทย นำเสนอต่อองค์การสหประชาชาติและองค์กรระหว่างประเทศซึ่งเนื้อหาเป็นการนำข้อมูลในแง่ลบบางด้านโดยไม่ครอบคลุมถึงความถูกต้องสมบูรณ์ ครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่บวก ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวนั้นในมุมกลับแล้วจะเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่ม ผู้ก่อเหตุรุนแรงโดยไม่รู้ตัว ซึ่งก็ไม่ทราบว่า กลุ่มองค์กรภาคประชาสังคม (NGOs)กำลังคิดอะไรอยู่ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นแน่นอนคือ สร้างผลกระทบต่อความพยายามในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล และของฝ่ายความมั่นคงอย่างกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ปฏิบัติงานในพื้นที่


           กฏหมายพิเศษที่ใช้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ปัจจุบันเท่าที่ศึกษา จะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ ได้ใช้อยู่ด้วยกัน 3 ฉบับ คือ

  • ฉบับที่ 1 พระราชบัญญัติกฏอัยการศึก พุทธศักราช 2457 เป็นกฏหมายที่เน้นความรวดเร็วเพื่อประโยชน์ในการระงับเหตุการณ์ร้ายแรงให้สงบโดยเร็ว 
  • ฉบับที่ 2 พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พุทธศักราช 2548 เป็นกฏหมายที่เน้นการป้องกันและปรับเปลี่ยนทัศนคติให้กับผู้หลงผิด ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการขยายผล ให้ข้อมูลกลุ่ม เครือข่ายและแนวร่วม ผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ และที่สำคัญจะเป็นกฏหมายที่มีความยุติธรรมโดยให้อำนาจทั้งฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร และอยู่ในอำนาจการควบคุมของศาลยุติธรรม และ
  • ฉบับที่ 3 พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พุทธศักราช 2551 เป็นกฏหมายที่เน้นการเปิดโอกาสให้คนที่กระทำความผิดสามารถกลับตัวกลับใจเข้ามาร่วมพัฒนาประเทศได้ ซึ่งกฏหมายทั้ง 3 ฉบับนี้ถือว่าเป็นเครื่องมือที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐในการนำมาใช้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้เนื่องจากเป็นพื้นที่พิเศษที่ต้องใช้การผสมผสานกฏหมายทั้งข้อดีและข้อเสียเข้าด้วยกัน

              รัฐบาลไทยมีนโยบายการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ด้วยสันติวิธีอย่างชัดเจน และในห้วงที่ผ่านมา หน่วยงานในจังหวัดชายแดนใต้ ได้ใช้กฏหมายความมั่นคงอย่างระมัดระวังและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกฏหมายนั้นๆ รวมทั้งเลือกใช้เฉพาะเท่าที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ประโยชน์ต่อการสร้างความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่เป็นหลัก การใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่นั้นจะมีการตรวจสอบโดยศาล หากผู้ใดเห็นว่า มีการใช้อำนาจโดยมิชอบ เจ้าหน้าที่จะถูกดำเนินการตามกฏหมายได้



           เห็นด้วยกับการใช้กฏหมายพิเศษในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนับว่าเกิดประโยชน์อย่างมาก โดยสามารถรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างดี สำหรับในด้านการใช้นั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นกฎหมายพิเศษก็ตาม แต่การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ต่อพี่น้องประชาชนจะไม่ต่างกับกฏหมายปกติเลย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางการประกอบอาชีพ การประกอบพิธีกรรมทางศาสนา หรือแม้แต่การดำเนินชีวิตประจำวันก็ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่เพียงกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ จะสังเกตได้จากการปิดล้อมตรวจค้นจะสามารถจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงหรือแนวร่วมได้เกือบทุกครั้ง ผลจากการใช้กฏหมายพิเศษทำให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็ว แน่นอน และไม่ผิดตัว

           ที่กล่าวมาทั้งหมด เราลองมาวิเคราะห์กันอย่างจริงจังสิว่า การใช้กฏหมายพิเศษในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ใครได้รับผลประโยชน์หรือใครเสียผลประโยชน์ จากคำตอบของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ประชาชนได้ประโยชน์” แน่นอน แต่ผู้เสียผลโยชน์และเดือดร้อนที่เห็นชัดเจนคือขบวนการผู้ก่อเหตุรุนแรง
http://narater2010.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม