วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ภัยแทรกซ้อนผลประโยชน์มหาศาลของ ภาค 2


ภัยแทรกซ้อนผลประโยชน์มหาศาลของ ภาค 2

แหวะอก BRN




            ภัยแทรกซ้อนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นี้ เปรียบเสมือนคนไข้หนักที่ถูกโรครุมเร้ามากมายหลายโรค ซึ่งแต่ละโรคมีความเชื่อมโยงกัน หากเมื่อเป็นโรคหนึ่งถ้าหมอรักษาไม่ทันก็จะเกิดอีกโรคหนึ่งซึ่งเป็นสายสัมพันธ์เกื้อกูลซึ่งกันและกัน และหมอก็จะต้องวินิจฉัยโรคแต่ละโรคด้วยความละเอียดอ่อนว่า สาเหตุที่เกิดโรคนี้มันมีสาเหตุเชื่อมโยงกับโรคใดบ้าง เพราะโรคบางโรคเราอาจคิดไม่ถึงว่าเป็นต้นเหตุหรือเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้เกิดอีกโรคหนึ่งได้ เช่นเดียวกับภัยแทรกซ้อนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในขณะนี้ เปรียบเสมือนมะเร็งร้ายที่กัดกินเนื้อร้ายภายในโดยไม่รู้ตัว หากไม่มีผู้คอยเฝ้าระวังและติดตามรู้ซึ้งถึงปัญหาและเหตุเชื่อมโยงกันแล้ว ก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นที่แอบแฝงอยู่ในท่ามกลางสถานการณ์ไฟใต้ที่ร้อนระอุอยู่ในขณะนี้ได้เลย และหลายคนไม่เคยรู้มาก่อนว่า ภัยแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นนั้นเบื้องหลังคือผลประโยชน์อันมหาศาลที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับกลุ่ม BRN เป็นอย่างดี ซึ่งมีความเชื่อมโยงของกลุ่มผู้มีผลประโยชน์ร่วมทั้งภายในและภายนอกประเทศ ที่มีการวาง แผนกันอย่างมีระบบทำให้เกิดผลกระทบกับความมั่นคงของประเทศโดยตรง

           ความเชื่อมโยงของกลุ่มผลประโยชน์ดังกล่าวนั้น มีความเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายหลายมิติ นับตั้งแต่ผู้เขียนได้ชี้แจงไว้ใน “ภัยแทรกซ้อนผลประโยชน์มหาศาลของ BRN ภาค 1” มาแล้วซึ่งในภาค 2 นี้จะกล่าวถึงเครือข่ายภายนอกประเทศที่มีองค์กรบังหน้าในระดับชาติ ซึ่งจะเป็นกระจกเงาให้ผู้อ่านได้ทราบถึงพฤติกรรมและตัวตนที่แท้จริงของกลุ่มผลประโยชน์เหล่านี้

              จากการตรวจพบของเจ้าหน้าที่รัฐในความเชื่อมโยงผลประโยชน์ธุรกิจผิดกฎหมายตรวจพบว่า ชมรมสมาคมไทย – ปากีสถาน ที่อยู่ในประเทศไทยเป็นเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ในเรื่องของการทำพาสปอร์ตปลอม, การค้าแรงงานเถื่อน, การค้าอาวุธสงคราม และการค้ายาเสพ โดยใช้กลุ่มปาทานเป็นแหล่งข่าว โดยพฤติการณ์ของหน่วย ไอเอสไอ นี้ก็จะมีลักษณะทั้ง สีขาว เทา ดำ
  • สีขาว คือการรวบรวมข้อมูลติดตามพฤติกรรมของขบวนการก่อการร้าย
  • สีเทา คือการค้าธุรกิจแรงงานเถื่อนและพาสปอร์ตปลอม
  • สีดำ คือการค้ายาเสพติดและอาวุธสงคราม 




            จากตรงนี้ก็พบความเชื่อมโยงมายังเครือข่ายน้ำมันเถื่อน เนื่องจากต้นทุนพฤติกรรมของ นายมนัส ตาฮี ที่ได้ไปกว้านซื้อที่ดินใน อ.รือเสาะฯ และ อ.รามันฯ ประมาณกว่า 3,000 ไร่ ก็ได้จากเงินจากการค้าน้ำมันเถื่อน การตรวจสอบพยานการค้าน้ำมันเถื่อน เราก็พบหลักฐานที่มันย้อนกลับไปเมื่อปี 52 การก่อเหตุระเบิด โรงแรมซีเอสปัตตานี เมื่อปี 50 มีความเชื่อมโยงกับ นายอับดุลฮาดี ปูตะ(มีหมายจับ พ.ร.ก.ปี 48-52) พอสอบสวนย้อนกลับมาเชื่อมโยงกับ นายมะรอนิง ยูนุ๊ บริษัทอัลฟาตอนีอินเตอร์กรุ๊ป รถที่ใช้ก่อเหตุระเบิดมาจากเต็นท์รถที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ของ นายมะรอนิง สาและตรวจสอบเพิ่มเติมเราก็พบความสัมพันธ์กับนายมะรอนิง ยูนุ๊ มีพฤติการณ์ คือทำธุรกิจ สีเทา อยู่ 3 เรื่อง คือ การค้าน้ำมันเถื่อน, ค้าสิ้นค้าหนีภาษี และเต็นท์รถมือสอง รถมือสองรับมาจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นรถในเครือข่ายของโรงเรียนธรรมวิทยา และมาลงทุนกิจการเปิดเต็นท์รถมือสอง กับนายมะรอนิง สาและ ที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ได้รถมือสองออกมาเสร็จก็นำไปวิ่งน้ำมันเถื่อน วิ่งสินค้าหนีภาษีอยู่พักหนึ่ง แล้วก็เอากลับวางจอดขายในเต็นท์รถ แล้วก็ขายให้นายอับดุลฮาดี ปูเต๊ะ จำนวน 7คัน และทั้ง 7 คันนั้น ได้ประกอบระเบิดและระเบิดไปหมดแล้ว




            จากการตรวจสอบ บริษัทอัลฟาตอนี อินเตอร์กรุ๊ป ของ นายมนัส ตาฮีพบพฤติการณ์ค้าขายผิดกฎหมาย ดังนี้
  • 1. พบการค้าน้ำมันเถื่อนและปลอมปนน้ำมัน และยังมีเรือบรรทุกน้ำมัน และรถบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ มีการขนส่งน้ำมันเกือบทุกวัน แล้วมีการใช้ใบจับปรับจากสรรพสามิตนำไปหมุนเวียนการขนส่งน้ำมันเถื่อนประมาณ 5 เดือน ถ้าไม่ถูกจับกุมก็จะหมุนเวียนอยู่แบบนั้น
  • 2. พบการค้าสินค้าหนีภาษี มีโกดังขนาดใหญ่ที่ จ.ปัตตานี จำนวน 1 แห่ง และที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส อีก 1 แห่ง ปลอมแปลงเอกสารสินค้า โดยจะใช้สลากเป็นยี่ห้อของตัวเอง
  • 3. พบบัญชีลูกค้า จะเป็นลูกค้ารายย่อยที่ บ.อัลฟาตอนี ฯ เอาน้ำมันเถื่อนและเอาสินค้าหนีภาษีไปส่งตามร้านค้าต่าง ๆ นี้ ทุกสัปดาห์ ๆ ละ 2-3 ครั้ง ลูกค้าเหล่านั้นเป็นร้านค้าสหกรณ์อาเยาะเกือบทั้งหมด
  • 4. พบบัญชีส่งส่วยเดือนละ 600,000 กว่าบาท

           จากการตรวจสอบรายละเอียดตามร้านค้าสหกรณ์หมู่บ้านเราก็พบยุทธศาสตร์มวลชน เป็นยุทธศาสตร์ที่แทรกซึมไปถึงรากหญ้า ก็คือสินค้าน้ำมันหนีภาษีที่ บริษัทอัลฟาตอนี ฯ เอาไปวางขายตามร้านค้าสหกรณ์หมู่บ้านก็คือ การที่ประชาชนในหมู่บ้านมาซื้อสินค้าที่สหกรณ์ในราคาถูกกว่าท้องตลาด เช่น มาม่า ในสหกรณ์ อาเยาะ ราคา 3 บาท ตามท้องตลาด ราคา 6 บาท เติมน้ำมันที่สหกรณ์อาเยาะ ลิตรละ 26 บาท ตามปั๊มน้ำมันทั่วไปลิตรละ 30 บาท จะเห็นความแตกต่าง สิ่งเหล่านี้ คือเศรษฐกิจมวลชน ยุทธศาสตร์มวลชน เป็นยุทธศาสตร์ที่เป็นเรื่องใกล้ตัวประชาชนระดับความสัมพันธ์ในท้องถิ่นเขามองว่ารัฐสยามเอาเปรียบเขาในเรื่องภาษี




           ในเครือข่ายร้านสหกรณ์หมู่บ้านเราสามารถตรวจพบเครือข่ายเศรษฐกิจ ด้านการเงินที่ซับซ้อนอยู่มาก ร้านสหกรณ์เป็นศูนย์กลางในการเก็บเงินในหมู่บ้าน วันละ 1 บาทต่อคน เพื่อช่วยชาติรัฐปัตตานีและก็นำรายได้จากร้านค้าสหกรณ์ไปสนับสนุน กลุ่ม RKK, กลุ่ม ฝ่ายโรจิสติก(ฝ่ายขนส่งสินค้า) ในการดูแลสมาชิก RKK ในพื้นที่ สินค้าหนีภาษี อุปโภค บริโภค ก็เอาไปเป็นเสบียงให้สมาชิก RKK

           ตรวจค้นพบโครงสร้างของหมู่บ้านจัดตั้ง โดยมีคณะกรรมหมู่บ้านที่เรียกว่า อาเยาะ ที่สำคัญก็คือพบใบหุ้นที่มีสมาชิก RKK เป็นผู้ถือหุ้นทั้งฝ่ายคณะกรรมการหมู่บ้าน ทั้งอาเยาะ และกลุ่ม RKK มีหุ้นอยู่ในสหกรณ์หมู่บ้านเกือบทุกคน แล้วก็ตรวจพบเอกสารเป็นตารางเมื่อเทียบดูแล้วคือ ตารางการประเมินผลการฝึก RKK ตรวจพบเอกสาร ตรวจพบบัญชีการชำระค่าโทรศัพท์ให้กับสมาชิก RKK ปรากฏว่ามีการหักค่าโทรศัพท์จากส่วนกลางคือ มีการเติมเงินค่าโทร จัดหาโทรศัพท์ จัดหาซิมการ์ด ให้สมาชิก RKK โดยมีร้านสหกรณ์หมู่บ้านเป็นศูนย์กลางและมีการหมุนเวียนการใช้โทรศัพท์ ปรากฏว่าความเชื่อมโยงในลิงค์ชาร์จพันกันหมดไม่ว่าจะเป็นพฤติการณ์ค้าน้ำมันเถื่อน ค้ายาเสพติด สิ้นค้าหนีภาษี เหตุระเบิด และเหตุยิง และมีระบบหมุนเวียนโทรศัพท์ ตรวจพบการเคลื่อนไหวทางการเมือง ตรวจพบเอกสารการจ่ายเงินให้กับ RKK

          ไม่น่าแปลกใจใช่ไหมครับว่าไฟใต้ทำไมจึงดับลงไม่ได้ หากเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้สงบลงก็จะทำให้กลุ่มอิทธิพลที่มีผลประโยชน์มหาศาล ประกอบการธุรกิจผิดกฎหมายดังกล่าวไม่สะดวกใช่ไหมจึงจำเป็นต้องสร้างสถานการณ์รุนแรงให้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในขณะเดียวกันกลุ่ม PerMAS ซึ่งเป็นปีกทางการเมืองของกลุ่ม BRN ก็ออกมาเล่นละครตลบตะแลตอแหลสร้างบทตบตาประชาชนและโยนความผิดให้กับเจ้าหน้าที่รัฐตามสูตรสำเร็จที่ได้วางแผนชั่วเอาไว้ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิดเกิดความแตกแยกระหว่าไทยพุทธและไทยมุสลิม อีกทั้งโยนความผิดให้กับเจ้าหน้าที่รัฐสร้างความชอบธรรมให้กับกลุ่ม BRN ให้ประชาชนตกเป็นแนวร่วมคล้อยตาม เพื่อขับไล่ทหารออกจากพื้นที่จะได้เข้าทางกลุ่ม BRN ที่ขุดหลุมพรางดักไว้ ถ้าหากกำลังทหารออกไปจากพื้นที่ซะ กลุ่มพวกตนก็จะได้ดำเนินธุรกิจผิดกฎหมายได้สะดวกสบาย และมีอิทธิพลในพื้นที่แต่ผู้เดียวสร้างความร่ำรวยอย่างมหาศาล บนซากศพและคราบน้ำตาของประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างง่ายดาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม