วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ยาเสพติด-นักการเมืองกับขบวนการ BRN

แบมะ ฟาตอนี

               ความเข้มข้นของการตรวจเข้ม ขยายผลของเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติด รวมทั้งภัยแทรกซ้อนต่างๆ ในทุกภูมิภาคของประเทศจากการประกาศใช้กฎอัยการศึก อีกทั้งเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไม่ใส่เกียร์ว่าง สนองนโยบายในการปฏิรูปประเทศ คืนความสุขให้กับคนไทย ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เช่นเดียวกัน จากการครอบงำของนักการเมืองท้องถิ่น และนักการเมืองระดับชาติผู้กำหนดชะตากรรมของประชาชนในพื้นที่ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่รัฐไม่กล้าเตะผลประโยชน์มหาศาลที่ผิดกฎหมายของนักการเมืองเหล่านี้






               ณ วันนี้ นับเป็นโอกาสที่ดีเป็นอย่างยิ่งที่มีการกวาดล้างขบวนการค้ายาเสพติด ธุรกิจผิดกฎหมายทุกชนิดให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินแห่งนี้ซักที ใครๆ ต่างรู้ดีว่าเงินสะพัดจำนวนมหาศาล ตกอยู่ในกำมือของนักธุรกิจ นักการเมือง ผู้ทรงอิทธิพลในพื้นที่ เสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทอง รัฐต้องสูญเสียรายได้ปีหนึ่งหลายหมื่นล้าน ที่สำคัญธุรกิจเหล่านี้เป็นแหล่งเงินทุน เป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับโจรใต้ในการก่อเหตุความรุนแรง

              การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงที่มีหน้าที่รับผิดชอบด้านภัยแทรกซ้อนได้ดำเนินการเป็นจริงเป็นจังมีการประสานงานด้านการข่าวที่แน่นอน เข้าจู่โจมทำการจับกุมแบบไม่ทันตั้งตัวหลายจุดด้วยกัน สามารถทะลายแหล่งซุกซ่อนยาบ้าได้เป็นจำนวนมาก เมื่อมีการขยายผลมีความเชื่อมโยงกับนักการเมืองท้องถิ่นหลายคนด้วยกันโดยส่วนใหญ่เป็นหัวเมืองเศรษฐกิจที่มีนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาท่องเที่ยว






           การดำเนินการกวาดล้างดำเนินการจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปลายเดือน พฤษภาคม 2557 เมื่อวันที่ 27 พ.ค.57 โดยจุดตรวจในเขตเทศบาลตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ได้จับกุมผู้ต้องหาจำนวน ๒ ราย คือ นายฮาซัน ยาบาลา และนายนิเฮง สาแมง พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 18,000 เม็ด อาวุธปืนขนาด.357 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุน 12 นัด ซึ่งซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์ BMW ทะเบียน กง 3391 นราธิวาส โดยนายฮาซัน ยาบาลา ให้การว่าขนยาบ้ามาจากพื้นที่ ม.3 ต.ผดุงมาตร อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เพื่อนำไปเก็บและพักของไว้ที่บ้านพักของ นายนิเฮง สาแมง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ซึ่งทั้งสองคนได้รับการว่าจ้างจาก นายอาลาฟัส บากา ด้วยเงินจำนวน 10,000 บาท ปัจจุบัน นายอาลาฟัส ถูกจับกุมคดียาเสพติดเมื่อวันที่ 22 พ.ค.57

             เมื่อวันที่ 28 พ.ค.57 เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจค้นบ้านเป้าหมายเลขที่ 77 ม.2 ต.ปูโย๊ะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส สามารถจับกุม นายรอเซ๊ะ อาแวโซ๊ะ ซึ่งเป็นรองนายกองค์การบริหารตำบลปูโย๊ะ และนายมูฮะมะฮัชรี อาแวโซ๊ะ (น้องชาย) พร้อมยาบ้า จำนวน 8,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในบริเวณบ้าน และได้ทำการตรวจยึดวัตถุพยานหลายรายการด้วยกัน ประกอบด้วยปืนพกขนาด .45 นิ้ว พร้อมซองกระสุน 9 นัด ปืนพกขนาด .357 นิ้ว พร้อมกระสุน 16 นัด ปลซ.เบอร์ 12 พร้อมกระสุน 18 นัด รถยนต์ฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด ทะเบียน กอ 5260 สงขลา รถจักรยานยนต์ 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง แทปเล็ต 1 เครื่อง และสมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 5 เล่ม นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

           เมื่อ 9 มิ.ย57 เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลจาการจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดของ นางรัชนีย์ แซ่ฉิน โดยได้ทำการตรวจคันและจับกุม นางอรพรรณ จิหามาตร นายสตาวีเด็น สูหลง น.ส.มานูเน๊าะ สูหลง และ  น.ส.เสาวณีย์ ฉิมวิเศษ พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 33,800 เม็ด พร้อมเงินล่อซื้อ จำนวน 240,000 บาท รถยนต์ 2 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน และสิ่งของอื่นๆ อีกหลายรายการ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ธารโต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป






           เป็นที่น่าสังเกตจากการจับกุมนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ๆ ในพื้นที่ 3 จชต. พบว่ามีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายนักการเมืองท้องถิ่นหลายคนในพื้นที่ อ.ตากใบ และ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส อีกทั้งจากการตรวจพบข้อมูลมีการพบบัญชีการใช้เงินซื้อเสียง รายละ 2,500 บาท จำนวน 175 ราย แสดงให้เห็นถึงธาตุแท้ของนักการเมืองท้องถิ่นที่มีพฤติกรรมค้ายาเสพติดที่ทำมาค้าขายกันเป็นขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ มีกลุ่มนายทุน เครือข่ายการค้า กลุ่มเก็บสะสมยาเสพติด และกลุ่มที่ทำหน้าที่ขนย้ายยาเสพติด มีการนำรายได้จากการค้ายาเสพติดไปซื้อเสียงจนได้รับเลือกตั้งเป็นนักการเมืองท้องถิ่น เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างอิทธิพลสำหรับป้องกันตนเองจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่รัฐ

            เครือข่ายค้ายาเสพติดในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังมีความเชื่อมโยงกันเป็นอาชญากร ข้ามชาติ มีการโอนเงินไปมาข้ามประเทศ เพื่อทำการฟอกเงินโดยการประกอบธุรกิจบังหน้า ไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านอาหาร กิจการรับเหมาก่อสร้าง บริษัททัวร์ จองตั๋วเครื่องบินเพื่อใช้ในการอำพรางสถานะ






          ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นแค่น้ำจิ้มเรียกน้ำย่อยของขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้  แต่ไฮไลน์จริงๆ อยู่ที่ขบวนการค้ายาเสพติดมีความเชื่อมโยงกับปัญหาไฟใต้ชนิดแยกกันไม่ออก จากการติดตามตรวจสอบกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติด กลุ่มขบวนการ BRN เป็นเนื้อเดียวกันมีอยู่หลายครั้งเมื่อมีการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดกลับพบว่ามีประวัติพัวพันในการก่อเหตุ มีหมายจับในคดีความมั่นคงอยู่ด้วย ข้อมูลเชิงลึกเมื่อมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มขบวนการBRN กลับพบว่าเงินที่ใช้ในการก่อเหตุได้รับการสนับสนุนมาจากพ่อค้ายาเสพติด ก็เท่ากับว่าผู้ที่ทำลายสังคมให้มีความเสื่อมโทรมมอมเมาเยาวชนลูกหลานชาวมลายูปาตานีให้ติดยาจนถอนตัวไม่ขึ้น คือ “พ่อค้ายาเสพติด” แต่ในขณะเดียวกันพวกชั่วช้าเห็นแก่ได้พวกนี้ยังเป็นแหล่งเงินทุน เป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับโจรใต้ BRN นำไปซื้ออาวุธ อุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิดกลับมาเข่นฆ่าพี่น้องมลายูปาตานีอีกทางหนึ่งด้วย แต่เป้าหมายเดียวกันคือมอบความตายให้กับพี่น้องพวกเดียวกันเอง ตายแบบผ่อนส่ง กับตายแบบฉับพลัน





                นี่คือความชั่วช้าของขบวนการยาเสพติดที่ยึดครองจังหวัดชายแดนใต้ด้วยการมอมเมาให้ลูกหลานติดยา ผสมโรงด้วยขบวนการ BRN สุดโต่งมุ่งทำลายล้างสร้างความรุนแรง สร้างความขัดแย้งทางความคิด แยกไทยพุทธ-ไทยมุสลิมออกจากกัน ทำลายการอยู่ร่วมกันอย่างพหุวัฒนธรรมลงอย่างสิ้นเชิง สันติภาพ สันติสุข ยังไม่เกิด

            ตราบใดที่หน่วยงานภาครัฐยังไม่สามารถทำลายล้างขบวนการชั่วช้าหากินบนความเดือดร้อนของประชาชนไม่หมดสิ้น ตราบนั้นโจรใต้ BRN ยังมีเชื้อไฟที่คอยเติมลงบนกองเพลิงที่ได้รับการสนับสนุนจากพ่อค้ายาไม่ให้ไฟใต้มอดดับ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันบนความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าของประชาชนชาวปาตานี
  • พ่อค้ายาเสพติด 
  • นักการเมือง และ
  • ขบวนการ BRN 
           คือ 3 ประสานผู้จุดไฟใต้และคอยเติมเชื้อเพลิงไม่ให้มีวันดับ แล้วใครล่ะ? จะเป็นผู้ดับไฟคืนความสันติ คืนความสงบสุขให้กับประชาชนเจ้าของพื้นที่แห่งนี้..

@@@@@@@@@@@@@

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม