วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557

นิติวิทยาศาสตร์พิสูจน์ DNA จับกุมโจรใต้


แบมะ ฟาตอนี

          ความเจริญด้านเทคโนโลยี ด้านวิทยาศาสตร์ และด้านอื่นๆ ในยุคปัจจุบันนี้ส่งผลให้มนุษย์มีความสะดวกสบายขึ้น มีพัฒนาการทุกๆ ด้าน ไม่เว้นแม้กระทั่งการปลูกถ่ายพันธุกรรม หรือสิ่งอื่นๆ ที่เราคาดไม่ถึงว่ามนุษย์สามารถกระทำได้ เช่นเดียวกันในการเก็บรวบรวมหลักฐานวัตถุพยานของคนร้ายในคดีสำคัญต่างๆ “นิติวิทยาศาสตร์” ได้เข้ามามีบทบาทส่วนช่วยในการระบุตัวตน ยืนยันตัวบุคคลที่ลงมือทำการก่อเหตุ นำไปสู่การจับกุมตัวมาลงโทษดำเนินคดีตามกฎหมาย



          นิติวิทยาศาสตร์ (Forensic Science) คือ “การนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์ทุกสาขามาประยุกต์ใช้ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในคดีความเพื่อผลในการบังคับใช้กฎหมายและการลงโทษ” ซึ่งครอบคลุมขอบข่ายงาน ดังนี้

  • - การตรวจสถานที่เกิดเหตุ และการถ่ายรูป (Crime Scene Investigation and Forensic)
  • - การตรวจลายนิ้วมือ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า (Fingerprint, Palmprint, Footprint)
  • - การตรวจเอกสาร (Document) เช่น ตรวจลายเซ็น ลายมือเขียน
  • - การตรวจอาวุธปืน และกระสุนปืนของกลาง (Forensic Ballistics)
  • - การตรวจทางเคมี (Forensic Chemistry) เช่น ตรวจวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของสารต่าง ๆ
  • - การตรวจทางฟิสิกส์ (Forensic Physics) เช่น ตรวจร่องรอยการเฉี่ยวชนรถ
  • - การตรวจทางชีววิทยา (Biological Trace Evidence) เช่น ตรวจเส้นผม เลือด อสุจิ
  • - การตรวจทางนิติเวช (Forensic Medicine) ได้แก่ งานนิติพยาธิ งานนิติวิทยา งานชีวเคมี
  • - งานพิสูจน์บุคคล งานภาพการแพทย์

เหตุการณ์ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้จากการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงก็เช่นเดียวกันหน่วยงานที่รับผิดชอบในการเก็บรวบรวมหลักฐาน วัตถุพยานในพื้นที่เกิดเหตุมีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่จะควานหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งหน่วยงานที่มีบทบาทในการดำเนินกรรมวิธีดังกล่าว คือ หน่วยงานด้านนิติวิทยาศาสตร์



          ผลของการใช้หน่วยงานนิติวิทยาศาสตร์ ทำการตรวจวัตถุพยาน ชิ้นส่วนและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในสถานที่เกิดเหตุ เมื่อมีการตรวจสารพันธุกรรม มีการพบ DNA ที่สามารถยืนยันตัวบุคคลซึ่งเป็นผู้ลงมือก่อเหตุนำไปสู่การจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมเข้าสู่ชั้นศาลซึ่งมีส่วนช่วยงานสอบสวนสืบสวนได้เป็นอย่างมากและมีความเที่ยงตรง ชัดเจน



            ล่าสุดหน่วยงานด้านความมั่นคง ร่วมกับ ผู้ชำนาญการด้านนิติวิทยาศาสตร์ ได้มีการเปิดเผยถึงผลการตรวจสารพันธุกรรมจากเหตุการณ์ที่สำคัญ 3 เหตุการณ์ด้วยกัน ซึ่งผลเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง มีการตรวจพบ DNA สามารถติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้หลายราย และมีบางส่วนยังคงหลบหนีการจับกุม แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ไม่สามารถยืนยันตัวบุคคลได้

  • เหตุการณ์แรก ผู้ก่อเหตุรุนแรงร่วมกันก่อเหตุโดยใช้อาวุธสงครามบุกเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการชุดพัฒนาสันติ 42-1 และฐานปฏิบัติการทหารพรานที่ 4213 ในพื้นที่หมู่ 1 ต.เกาะแลหนัง อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2554 โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวกลุ่มแนวร่วมผู้ก่อเหตุดังกล่าวไว้ได้แล้วจำนวน 8 คน และในส่วนของการตรวจ DNA จำนวน 6 คน สามารถติดตามจับกุมตัวได้แล้วทั้ง 6 คน แต่ในเวลาต่อมาได้หลบหนีประกัน จำนวน 1 คน คือ นายเภาซี ยีหมะ
  • เหตุการณ์ที่สอง เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2557 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 และ 43 ได้เข้าทำการตรวจยึดฐานปฏิบัติการของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงบนเทือกเขาตะเว พื้นที่ บ้านบือแจง ม.4 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส พบกลุ่มก่อเหตุรุนแรงจนเกิดการปะทะนานกว่า 30นาที หลังสิ้นเสียงปืนเจ้าหน้าที่ได้เข้าพิสูจน์ทราบพบฐานใหญ่ ที่คาดว่าจะมีคนร้ายอาศัยอยู่ไม่ต่ำกว่า 30 คน โดยฐานนี้เป็นฐานที่ใช้เป็นแหล่งประกอบระเบิด เพื่อก่อเหตุในพื้นที่ จ.นราธิวาสพบที่พักของคนร้ายกว่า 10 หลัง ตั้งอยู่ริมธารน้ำตก โดยสามารถตรวจยึดอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิด วงจรอิเล็กทรอนิคส์ สารประกอบระเบิด และป้ายผ้า 
https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=-cpvVaVtPoY


           ข้อสรุปหลังการตรวจสอบวัตถุพยานในที่เกิดเหตุพบ DNA ยืนยันตัวบุคคลได้ จำนวน 20 คน ซึ่งศาลได้ออกหมาย ป.วิ.อาญา แล้ว จำนวน 3 คน และสามารถดำเนินจับกุมตัวได้ทั้ง 3 คน เสียชีวิตไปแล้ว จำนวน 2 คน และยังคงหลบหนีอยู่ จำนวน 15 คน นอกจากนี้ยังพบ Profile DNAบุคคลที่ไม่สามารถยืนยันตัวบุคคลและตัวตนได้อีก ประมาณ 40 คน

  • เหตุการณ์ที่สาม หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 เข้าตรวจค้นเป้าหมายบ้านพักต้องสงสัยหลังโรงเรียนดาราศาสตร์วิทยา ซึ่งตั้งอยู่ ม.1 ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส หลังสืบทราบมีกองกำลังติดอาวุธได้แฝงตัวเคลื่อนไหวเพื่อประชุมวางแผนก่อเหตุร้าย พบชายฉกรรจ์ จำนวน 4 คน ได้วิ่งออกมาจากบ้านพักหลังหนึ่งไม่มีเลขที่ โดยวิ่งหลบหนี พรางใช้อาวุธปืนสงครามยิงเบิกทาง จนเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่เป็นละลอกๆ และคนร้ายอาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหนีไปได้


           จากการตรวจสอบที่บริเวณขนำเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดของกลางได้หลายรายการ อาทิ อาวุธปืน M-16 จำนวน 1 กระบอก เป้สนาม เป้ใส่เสื้อผ้า โทรศัพท์มือถือ รองเท้า เวชภัณฑ์ พร้อมด้วยเครื่องยังชีพในป่า เจ้าหน้าที่จึงได้ขอสนับสนุนกองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส เข้าตรวจสอบเพื่อเก็บลายนิ้วมือแฝงและคราบ DNA และในเวลาต่อมาสามารถยืนยันตัวบุคคลได้ จำนวน 8 คน และได้จับกุมตัวแล้ว จำนวน 1 คน คือ นายมาหะมะ มะเด็ง แต่ยังคงหลบหนีอยู่ จำนวน 7 คน ซึ่งผู้ที่ยังคงหลบหนีทั้งหมดหน่วยในพื้นที่ยังคงติดตามความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง



           ในเมื่อกลุ่มผู้ก่อเหตุแฝงกาย ซ่อนเร้นปิดบังอำพราง หน่วยงานภาครัฐก็จำเป็นต้องหาวิธีการ ด้วยการนำวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย เพื่อหาหลักฐานจากการเก็บวัตถุพยานในสถานที่เกิดเหตุเพื่อนำไปสู่การพิสูจน์ DNA หาตัวคนร้ายหรือตัวผู้กระทำการก่อเหตุมาลงโทษดำเนินคดี มิฉะนั้นกลุ่มโจรใต้กลุ่มนี้ยังคงได้ใจกระทำความผิดแล้วผิดอีกโดยไม่ย่ำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ซึ่งเป็นผลลบด้านสังคมจิตวิทยา เมื่อมีการใช้นิติวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยและส่งผลให้มีการจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ จะส่งผลให้กลุ่มแนวร่วมในขบวนการเกิดความลังเลหากจะคิดทำการก่อเหตุ สักวันหนึ่งหากไม่โดนจับตายเสียก่อน พันธุกรรมของกลุ่มโจรใต้เหล่านี้จะมีการเก็บตัวอย่างอยู่ในสารบบแฟ้มข้อมูล และเปรียบเทียบ DNA ศาลออกหมายจับเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไม่มีโอกาสอยู่กับครอบครัว หมดความสุขไม่มีอิสระไปเลยตลอดชีวิต

*******************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม