วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

“โจรใต้”หรือ“นักรบฟาตอนี”


....ชบา ตานี

            จะมีสักกี่คนที่รับรู้..? ว่า..ในแต่วัน แต่ละคืน พวกเราพี่น้องประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ใช้ชีวิตเป็นอยู่กันอย่างไร? จะต้องอยู่อย่างหวาดระแวง และครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลาว่าเหตุการณ์ร้ายจะเกิดขึ้นกับตัวเราเอง และกับคนใกล้ชิดตอนไหน..? เมื่อไหร่..? และเวลาใด..? ถ้าไม่เกิดกับตัวเราเองก็อาจจะต้องเกิดขึ้นกับบุคคลอื่น ซึ่งเหตุการณ์เลวร้ายเหล่านี้พร้อมที่จะเกิดขึ้นได้“ทุกเมื่อ.....ทุกเวลา” ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร..โจรชั่วเหล่านี้มันก็ไม่ละเว้น

           เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการกระทำของกลุ่มบุคคลที่คิดต่างจากรัฐเพียงไม่กี่คน แต่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนชาวปาตานีกันถ้วนหน้า ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เลวร้ายแบบนี้ จะเกิดขึ้นกับตัวเอง และบุคคลในครอบครัวตอนไหน ทุกคนต่างใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความกลัว และหวาดระแวง แต่ก็ยังมีความคาดหวังจากแนวทางการแก้ปัญหาของรัฐ ในการเปิดเวทีเปิดพื้นที่พูดคุยสันติสุขกับผู้ที่เห็นต่างทุกกลุ่ม ที่กำลังจะมีขึ้นในการเยือนประเทศมาเลเซียของนายกรัฐมนตรีไทย ในวันที่ 1ธันวาคม 2557 ที่จะถึงนี้ เพื่อวางกรอบแนวทางในการพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้กับนายกรัฐมนตรีมาเลย์

            ทุกวันนี้กลุ่ม ผกร. ยังเดินหน้าทำการก่อเหตุไม่เว้นในแต่ละวัน “ทุกเมื่อ...ทุกเวลา” ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าว่า วันไหน? เมื่อไหร่? เวลาใด? ไม่มีการเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย ทำร้ายได้ทุกอาชีพ ทุกเพศ ทุกวัย ทุกศาสนา เด็ก ผู้หญิง คนชรา พระ นักบวช ไม่มีการละเว้นใดๆ ทั้งสิ้น เพราะโจรใต้กลุ่มนี้เป็นคนไร้ศาสนา ไร้ซึ่งมนุษยธรรม และเมื่อได้ขึ้นชื่อว่า “โจร” การกระทำทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสิ่งที่ไม่ดีไม่งามแทบทั้งสิ้น

            โจรใต้...โจรชั่วฟาตอนี ถึงแม้ว่าจะถูกสาปแช่ง ด่าทอ ถูกประณามจากประชาชน แต่ยังหน้าด้านกลับลอบทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ และฆ่าคนเป็นว่าเล่น โจรใต้....ไร้ความคิด ไร้จิตสำนึก ไม่หลงเหลือของความเป็นมนุษย์ ทำตนเสมือนว่าชีวิตของผู้คนเป็นผักปลา กระทำตัวเยี่ยงมัจจุราชคอยพรากชีวิตผู้อื่น คนแล้วคนเล่า ด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยม โดยไม่คำนึงว่าทุกคนต่างก็รักชีวิตของตนเองด้วยกันทั้งสิ้น

            และเมื่อวันที่ 15 พ.ย.57 ก็เช่นกันเป็นอีก “หนึ่งวัน” ที่คนไทยพุทธในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ได้สูญเสียชีวิตจากน้ำมือของโจรใต้ ถึง 4 รายซ้อนด้วยกัน ซึ่งผู้ที่เสียชีวิตได้มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงได้กวดขัน เน้นย้ำกำลังพล ตรวจตราในการดูแลความปลอดภัยเส้นทางและพื้นที่ล่อแหลม และสุ่มเสี่ยงต่อการก่อเหตุร้าย แต่กลุ่มขบวนการโจรใต้ได้อาศัยช่องว่าง และจ้องหาโอกาสในการก่อเหตุจนได้


             เหตุการณ์แรกของวันที่ 15 พ.ย.57 เวลา 09.30 น. ขณะที่นางสาลินี แซ่ทอง ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยมีนางศิริรัตน์ แซ่ซั้น นั่งซ้อนท้ายมาด้วยกัน กลับจากซื้อกับข้าวที่ตลาด เมื่อมาถึงบริเวณถนนสาย 410 ยะลา-เบตง กม.31 บ้าน กม.32 หมู่ที่ 2 ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ตามประกบยิงทำให้ นางศิริรัตน์ แซ่ซั้น เสียชีวิตทันที ส่วนนางสาลินี แซ่ทอง ได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้เสียชีวิตในระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาล



            เหตุการณ์ที่สองวันเดียวกัน เวลา 12.00 น. ที่บริเวณปั้มน้ำมัน ใกล้กับโรงเรียนนิคมมิตรภาพ บ้านโคกอ้น ต.ท่าเรือ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ได้มีคนร้ายจำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานเป็นยานพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาด ยิงใส่ นางอิศรา ไชยฤทธิ์โชค ซึ่งเป็นครู โรงเรียนบ้านควนแตน หมู่ที่ 4 ต.ท่าเรือ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี กระสุนปืนถูกศีรษะและถูกที่บริเวณกลางหลัง ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงนำตัวส่ง รพ.โคกโพธิ์ ผู้ได้รับบาดเจ็บจึงได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา



             เหตุการณ์สุดท้ายของวันที่ 15 พ.ย.57 เมื่อเวลาประมาณ16.00 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงนายนรพล แสงมณี กระสุนถูกบริเวณศีรษะ บริเวณแขน หน้าอก และบริเวณแผ่นหลัง ทำให้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา บริเวณที่เกิดเหตุ บ้านบาโงสะโต หมู่ที่7 ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ จ.นราธิวาส

            ในความรู้สึกของผู้เขียน รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกครั้ง หลังจากที่มีการเสียเลือดเนื้อของพี่น้องชาวมลายู ไม่ว่าจะเกิดเหตุร้ายกับผู้ที่นับถือศาสนาใดก็ตามแต่ ล้วนเป็นการสูญเสียของพี่น้องชาวไทยด้วยกันทั้งสิ้น กลุ่มขบวนการโจรใต้พยายามปลุกปั่น ยั่วยุ ปลุกระดมสร้างความขัดแย้ง มุ่งก่อความแตกแยกให้เกิดขึ้นอยู่เนืองๆ โดยอาศัยใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือ แบ่งพรรค แบ่งพวก บิดเบือนประวัติศาสตร์ กล่าวหารัฐไทยเป็นนักล่าอาณานิคม กดขี่ ข่มแหง รังแกพี่น้องชาวมลายูปาตานี ซึ่งบิดเบือนข้อเท็จจริงทั้งสิ้น

            เสียงเรียกร้อง จากผู้สูญเสีย “จะให้ทำอย่างไร...? เพื่อแลกกับการให้คนที่มีอำนาจหันมาให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ให้สงบสุขเสียที หากหนึ่งชีวิตสามารถแลกอีกหลายชีวิตให้อยู่รอด แล้วทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ไม่อยากให้พื้นที่แห่งนี้ต้องสูญเสียพี่น้อง ทั้งพี่น้องไทยพุทธ และมุสลิม ประชาชน ตลอดเจ้าหน้าที่ต้องมาจบชีวิตลงบนดินแดนแห่งนี้ ”

            จึงอยากเรียกร้องไปยังผู้ที่มีความคิดต่างจากรัฐทุกกลุ่ม ที่กำลังทำการเคลื่อนไหวและกำลังพยายามที่จะทำการก่อเหตุรุนแรง ให้ยุติความคิด ยุติการกระทำที่เป็นผลร้ายต่อเป้าหมายที่อ่อนแอ เด็ก สตรี คนชรา และผู้บริสุทธิ์ หันมาให้ความเมตตาสงสาร เห็นอกเห็นใจความรู้สึกของผู้สูญเสียและผู้ที่ถูกกระทำบ้าง ว่ามันแสนจะเจ็บปวดและทรมานแค่ไหน...? หากเป็นครอบครัวของคุณ คุณจะรู้สึกอย่างไร...? อย่าเอาแค่พวงหรีดมาวางหน้าโลงศพ แล้วก็จ่ายเงินเยียวยาให้ มันไม่สามารถที่จะเยียวยาด้านจิตใจของผู้ที่สูญสิ้นบุคคลอันเป็นที่รักในครอบครัวได้เลย

           เราไม่ต้องการสิ่งตอบแทนเหล่านี้เลย เพราะความสุขที่เราต้องการ คือ “การที่ได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตากับบุคคลอันเป็นที่รัก” เพียงแค่นี้ ชีวิตของพวกเราก็มีความสุขพอแล้ว แต่เหตุไฉน...ผู้ก่อเหตุรุนแรงได้มาพรากบุคคลเหล่านี้จากเราไป ต่อให้เอาทรัพย์สินเงินทองมากองตรงหน้าเราก็ไม่สามารถที่จะมีความสุขได้....ในชาตินี้

           จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะเห็นได้ว่าโจรใต้ฟาตอนี..มีจิตใจที่เหี้ยมโหด อำมหิต ไม่กลัวเกรงกลัวต่อบาปซึ่งผิดหลักศาสนา และท้าทายต่ออำนาจรัฐ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายของบ้านเมือง ซึ่งได้ทำการก่อเหตุฆ่าผู้คนมากมาย โดยไม่คำนึงถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังของการสูญเสีย ผู้ที่ได้รับผลกระทบเหล่านั้น จะดำเนินชีวิตวันข้างหน้าอย่างไรกัน... บางคนไร้พ่อ บางคนไร้แม่ กำพร้าตั้งแต่เด็ก เมื่อไร้เสาหลักของครอบครัวไปแล้ว เขาจะดำเนินชีวิตวันพรุ่งนี้กันอย่างไรหรือ? อย่าดีแต่ตีหัวชาวบ้านแล้ววิ่งหลบหนีเข้าป่าหาที่หลบ “เพราะนั่นเปรียบเสมือนการกระทำของโจร” มากกว่าคำพูดที่พวกคุณสถาปนาตัวเองว่า “นักรบฟาตอนี”

----------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม