วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2558

นักรบญิฮัด IS "เป็นผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวมาในคราบผู้อพยพ" เข้าสุ่ยุโรปได้สำเร็จ


           ผู้อพยพบางส่วนที่มาจากชาติอื่น แต่กลับแฝงตัวเป็นผู้ลี้ภัยจากซีเรีย และลอบเผาทำลายเอกสารประจำตัวของตนใกล้กับบริเวณพรมแดนเซอร์เบียเพื่อเดินทางต่อเข้าไปยังฮังการี หรือพบพิรุจน์ใช้เอกสารปลอมระบุว่าเป็นชาวซีเรีย ในขณะที่กลุ่มก่อการร้าย IS ประกาศ ได้ทำการส่งนักรบญิฮัดจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 4,000 คนแทรกซึมไปกับเหล่าผู้อพยพจากซีเรียและอิรักเพื่อหวังเข้าสู่ยุโรป และล่าสุดเมื่อวานนี้(8)สถานีโทรทัศน์ฮังการี M1 รายงานพบตัวนักรบญิฮัดที่แฝงตัวมาพร้อมกับผู้อพยพได้ 2 คน
สื่อทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น The Express ของอังกฤษ หรือ news.com.au ของออสเตรเลีย รายงานล่าสุดว่า ท่ามกลางคลื่นผู้อพยพจากซีเรียที่ถาโถมเข้าสู่ยุโรป แต่กลับพบว่ามีผู้อพยพบางส่วนโกหกถึงสัญชาติตนเอง และทำการเผาพาสปอร์ต หรือบัตรประจำตัวบริเวณพุ่มไม้ หรือกองหญ้าข้างทางห่างไปไม่กี่เมตรบริเวณชายแดนเซอร์เบียเข้าสู่ฮังการี

         เอกสารประจำตัวที่ถูกทำลายเป็นต้นว่า บัตรประจำตัวประชาชนชาวปากีสถาน หรือของบังกลาเทศ และรวมไปถึงบัตรประจำตัวขับขี่ของชาวอิรัก ถูกพบให้เห็น ตามการรายงานของ news.com.au

        ซึ่งมีการเชื่อว่า มีผู้อพยพจำนวนมากเชื่อว่า การใช้พาสปอร์ตปลอม หรือไม่มีเอกสารประจำตัวเลยจะเป็น "โอกาสที่ดีกว่า" ที่จะสามารถเดินทางเข้าสู่สหภาพยุโรปได้อย่างราบรื่น เพราะว่า การคงสถานภาพเป็นผู้ลี้ภัยสงคราม หรือการเมือง นั้นจะสามารถได้รับอนุญาตให้อาศัยลี้ภัยชั่วคราวในประเทศโลกตะวันตกที่เจริญแล้วเหล่านั้นมากกว่าการเป็นอู้อพยพหนีความยากแค้นจากประเทศบ้านเกิด และจากปัจจัยข้อนี้จึงทำให้มีผู้อพยพเป็นจำนวนมากต่างอ้างว่า พวกเขาเป็นผู้ลี้ภัยซีเรียหนีภัยสงครามมา

          ด้านตำรวจเซอร์เบียได้ให้สัมภาษณ์ในวันจันทร์(7)ว่า กว่า 90% ของผู้อพยพอ้างตนว่า เดินทางมาจาก มาซีโดเนีย และมีผู้อพยพราว 3,000 คนต่อวัน อ้างตัวเป็นชาวซีเรียหนีภัยสงคราม ถึงแม้คนเหล่านั้นจะไม่มีพาสปอร์ตติดตัวเลยก็ตาม

        “คุณจะรู้สึกถึงผิดปกติได้ทันทีเมื่อผู้อพยพที่เดินทางข้ามเข้ามายังเซอร์เบียต่างอ้างว่าวันเกิดของพวกเขาคือวันที่ 1 มกราคมทั้งนั้น” มิโรสลาฟ โจวิค (Miroslav Jovic) ตำรวจชายแดนเซอร์เบียกล่าว และเสริมว่า “ดูเหมือนวันที่ 1 มกราคมเป็นวันแรกสุดที่แล่นเข้าไปในหัวคนเหล่านั้น”

       ด้าน ฟาบริซ เล็กเกรี (Fabrice Leggeri) หัวหน้าสำนักงานควบคุมพรมแดนยุโรป Frontex ระบุว่า ขบวนการลอบค้ามนุษย์โดยใช้เอกสารปลอมมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เล็กเกรีกล่าวว่า “มีผู้อพยพจำนวนมากเดินทางเข้าตุรกีด้วยเอกสารปลอม เพราะคนเหล่านั้นเชื่อว่า จะทำให้ง่ายขึ้นในการขอสภาพผู้ลี้ภัยในสหภาพยุโรป”
          นอกจากนี้ในเยอรมัน ศุลกากรเยอรมันสามารถตรวจจับพัสดุที่ส่งเข้ามาในประเทศ ซึ่งภายในบรรจุพาสปอร์ตซีเรียเป็นจำนวนมาก ที่มีบางส่วนเป็นหนังสือเดินทางจริง และบางส่วนเป็นหนังสือเดินทางที่ถูกทำปลอมขึ้น” กระทรวงการคลังเยอรมันแถลง

         ในขณะเดียวกัน มีรายงานคำกล่าวอ้างจากการให้สัมภาษณ์ของนักรบญิฮัด IS ที่ยอมให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Buzzfeed จากการรายงานของ The Express สื่ออังกฤษว่า ทางกลุ่มก่อการร้ายประสบความสำเร็จสามารถส่งนักรบญิฮัด IS จำนวนไม่ต่ำกว่า 4,000 คนแฝงตัวไปกับคลื่นผู้อพยพซีเรีย และเข้าสู่แผ่นดินยุโรปสำเร็จ

       ซึ่งสื่ออังกฤษชี้ว่า นี่เป็นการยืนยันอย่างเป็นทางการครั้งแรกของกลุ่มก่อการร้ายในแผนการร้ายที่แทรกซึมเข้าสู่ยุโรป ทั้งนี้แหล่งข่าวสมาชิกกลุ่มก่อการร้าย IS ในวัย 30 ปีที่มีหนวดสีดำขลับยิ้ม และกล่าวว่า “รอดูแล้วกัน” และแหล่งข่าว IS ชี้เพิ่มเติมว่า ทางกลุ่มอยู่เบื้องหลังการลักลอบจัดส่งมือปืนข้ามพรมแดนตุรกีที่มีความยาวร่วม 565 ไมล์เข้าสู่ประเทศยุโรปที่ร่ำรวยเหล่านั้น โดยใช้เส้นทางเดียวกันกับที่คลื่นผู้อพยพซีเรียใช้ โดยการเข้าสู่ตุรกี และล่องเรือเพื่อเข้าไปยังกรีซ และต่อไปยังประเทศยุโรปในส่วนอื่นๆต่อไป

        นอกจากนี้สื่ออังกฤษยังรายงานเพิ่มเติมอีกว่า และในขณะนี้มีมือปืนญิฮัด IS กว่า 4,000 คน เตรียมพร้อมที่จะข้ามเข้าไปยังสหภาพยุโรปแล้ว แหล่งข่าว IS กล่าว และเสริมต่อว่า แผนการส่งนักรบญิฮัดแทรกซึมเข้ายุโรปนี้เป็นจุดเริ่มต้นของแผนการแก้แค้นปฎิบัติการโจมตีทางอากาศของพันธมิตรที่มีสหรัฐฯเป็นผู้นำ

แหล่งข่าว IS กล่าวว่า “หากมีใครทำร้ายผม ผมเอาคืนอย่างแน่นอน”

         และแหล่งข่าวปฎิบัติการของกลุ่มก่อการร้าย IS ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ทางกลุ่มใช้ข้ออ้างความมีน้ำใจของชาติตะวันตกเป็นโอกาสงามของทางกลุ่มในการแทรกซึม และนอกจากนี้แหล่งข่าว IS ยังกล่าวต่อว่า มือปืนญิฮัดเหล่านั้นทำตัวเหมือนผู้อพยพทุกประการ

        The Express รายงานเพิ่มเติมว่า สมาชิกขบวนการค้ามนุษย์ชาวตุรกี 2 คนได้ให้ข้อมูลสอดคล้องกับคำกล่าวอ้างของแหล่งข่าว IS คนนี้ โดยหนึ่งในนั้นยอมรับว่า ได้เคยช่วยเหลือนักรบญิฮัด IS ไม่ต่ำกว่า 10 คนแฝงตัวกลมกลืนไปกับผู้อพยพเดินทางเข้าส่สหภาพยุโรป

       “ผมได้ส่งญิฮัด IS บางส่วนที่ต้องการกลับไป และเยี่ยมครอบครัว และบางส่วนเตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่สหภาพยุโรป”  ซึ่งสอดคล้องกับการรายงานของเดลีเมล สื่ออังกฤษที่อ้างว่า มีนักรบญิฮัดอังกฤษบางส่วนแฝงตัวมาพร้อมกับคลื่นผู้อยพยพเพื่อกลับเข้าสู่ประเทศอีกครั้ง

          ทั้งนี้แหล่งข่าว IS สัญชาติซีเรียที่เคยทำงานให้กับฝ่ายความมั่นคงของซีเรียได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “มันเป็นความฝันของเราที่จะมีคอลิฟะห์ไม่แต่เฉพาะในซีเรีย แต่รวมไปถึงทั้งโลก ซึ่งเราจะมีได้ในเร็ววันนี้ ด้วยตามความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า”

         นอกจากนี้สื่ออังกฤษยังรายงานเพิ่มเติมว่า แหล่งข่าว IS ผู้นี้อ้างว่า ตัวเขาตกลงที่จะให้สัมภาษณ์จากการร้องขอของเพื่อนที่เป็นสมาชิกอดีตกบฎซีเรียที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงใหล่กับเขา และแหล่งข่าวญิฮัด IS กล่าวต่อว่า เขาได้รับอนุญาตจากกลุ่มหัวหน้ากลุ่มติดอาวุธ IS ที่เรียกว่า อีเมียร์ (emir) ให้สามารถเปิดเผยบางสิ่งได้ แต่มีหลายอย่างที่ไม่สามารถพูดออกมาได้  และนอกจากนี้แหล่งข่าวติดอาวุธยังกล่าวว่า ในอนาคตเขาเชื่อว่า การก่อการร้ายจะมีขึ้นเฉพาะกับรัฐบาลโลกตะวันตกเท่านั้น แต่ไม่ใช่ต่อประชาชนทั่วไป

          และล่าสุดวันนี้ (9) RT สื่อรัสเซียรายงานถึงการค้นพบกลุ่มติดอาวุธแฝงตัวกับผู้อพยพว่า เมื่อวานนี้(8) สื่อฮังการีรายงานว่ามีนักรบญิฮัด IS จำนวนอย่างน้อย 2 คนถูกค้นพบว่า "เป็นผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวมาในคราบผู้อพยพ"

         “กลุ่มติดอาวุธที่แฝงตัวมาในคราบของผู้ลี้ภัย ขณะนี้ได้เข้าสู่ยุโรปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งรูปภาพของคนเหล่านี้ถูกเผยแพร่ผ่านโลกโซเชียลมีเดีย และแสดงให้เห็นว่ากลุ่มก่อการร้ายได้กระจายอยู่ในเมืองต่างๆทั่วยุโรป และหลายคนในอดีตเคยสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับกลุ่ม IS มาก่อน” สถานีโทรทัศน์ M1 ของฮังการีรายงาน

         ทั้งนี้สื่อทีวีฮังการีได้แสดงภาพเปรียบเทียบรูปของนักรบญิฮัด 2 คนที่โพสต์บนเฟสบุ๊กส่วนตัว และภาพของคนเหล่านั้นในคราบผู้ลี้ภัยที่กำลังยิ้มในขณะยืนบนผืนแผ่นดินยุโรป

          RT รายงานเพิ่มเติมว่า ยังไม่เป็นที่กระจ่างว่า นักรบญิฮัด IS ทั้งสองที่ถูกพบท่ามกลางผู้ลี้ภัยอื่นๆนั้นอยู่ที่ใดในยุโรปในขณะนี้ บ้างกล่าวว่าอาจสามารถเดินทางไปได้ไกลถึงเยอรมัน หรือมีบางส่วนในโลกโซเชียลมีเดียชี้ว่า คนทั้งคู่ถูกจับกุมแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อของคนทั้งคู่ออกมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม