กฎหมายอิสลาม - กฎหมายล้างพุทธ | |
กฎหมายอิสลาม - กฎหมายล้างพุทธ ขณะนี้ อภิสิทธ์ เวชชาชีวะ ได้เซ็นต์อนุมัติให้เสนอกฎหมายอิสลามเข้าสภาฯแล้ว เพื่อเอาใจพรรคมาตุภูมิของ พล.อ.สนธิ บังฯ มีประเด็นให้ชาวไทยเจ้าของประเทศคิด ดังนี้ ถ้าหากกฎหมายนี้ผ่านสภาฯ ขั้นตอนต่อไปจะต้องมีสำนักงานชารีอะห์ และศาลชารีอะห์เพื่อบริหารงานกฎหมายนี้โดยเฉพาะใช่หรือไม่? คำถามต่อไป ขอถามว่าถ้าหากไทยพุทธไม่ว่าเป็นหญิงหรือชายเมื่อสมรสกับมุสลิมจะต้อง o จดทะเบียนที่สำนักงานชารีอะห์แทนสำนักงานเขต และที่ว่าการอำเภอ ใช่หรือไม่? o และคู่สมรสต้องเป็นมุสลิมโดยอัตโนมัติทันที โดยบทบัญญัติในคัมภีร์ฯใช่หรือไม่? o ถ้าหากเขาไม่สามารถทนอยู่ร่วมกันต่อไปได้ มีความประสงค์จะหย่าขาดจากกันจะต้องจดทะเบียนหย่า ณ ที่ทำการของอิสลามใช่หรือไม่? o ถ้าใช่ เมื่อหย่ากันแล้วทรัพย์สินที่ร่วมสร้างกันมา... จะใช้ศาลใดตัดสินการแบ่งทรัพย์สินเหล่านั้น? o เมื่อหย่ากันแล้วสถานการณ์เป็นมุสลิมสิ้นสุดไปโดยอัตโนมัติหรือไม่? หรือต้องใช้ศาลอิสลามชี้ขาดสถานะในการเปลี่ยนศาสนา? o ถ้าหากศาลไม่อนุมัติล่ะ? คนๆนั้นจะต้องเป็นมุสลิมตลอดไปใช่หรือไม่? และเขาจะอยู่ในสังคมใดในเมื่อในสำมโนครัวและบัตรประชาชนระบุไว้ว่าเขาเป็นอิสลาม o ถ้าหากศาลยังไม่ชี้ขาดให้เปลี่ยนศาสนาได้ จะไปวัดในศาสนาพุทธ ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม กราบพระไม่ได้ มิฉะนั้นจะกลายเป็นคน “ละทิ้งศาสนาอิสลาม” หรือ “การไม่เอาใจใส่ต่อการปฏิบัติศาสนกิจอิสลามด้วยความเลื่อมใส” นั่นจะมีโทษถึงแก่ความตายมิใช่หรือ? o ถ้าหากในวันหนึ่งข้างหน้าเขาจะแต่งงานใหม่เขาจะต้องไปจดทะเบียนที่ใด สำนักงานเขตและที่ว่าการอำเภอคงไม่รับจดฯแน่นอน ถ้าหากจดทะเบียนที่สำนักงานจดทะเบียนของอิสลาม ดังนั้นสามีหรือภรรยาคนใหม่จะต้องเป็นอิสลามโดยอัตโนมัติใช่หรือไม่? ก่อนจบบทความนี้ ภูวดล แดนไทยขอกราบสักการะดวงวิญญาณองค์พระบูรพกษัตริย์ พระมหาวีรกษัตริย์ โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงรักลูกและห่วงลูกหลานชาวไทยด้วยจิตสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระองค์ทรงตรอมพระทัย โทมนัสจากเหตุการณ์ ร.ศ.๑๑๒ ถึงกับยอมสวรรคตเสียดีกว่าอยู่เห็นประเทศชาติเสียบ้านเมือง พระองค์มิใช่หรือที่ได้ทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกาย เดินทางไปทั่วโลกเพื่อแก้ปัญหาอธิปไตย “สิทธิสภาพนอกอาณาเขต” ให้พวกเราคนไทยทั้งชาติได้มีอธิปไตยในดินแดนของเราเองชั่วลูกหลาน แต่คราวนี้ลูกหลานของพระองค์ทำระยำนำกลับมาใช้อีก ทำประเทศไทยให้มีรัฐฯซ้อนรัฐฯ เป็นแบบอย่างให้เห็นว่า “ฆ่าพี่น้องไทยพุทธ ไทยมุสลิมแล้วได้รางวัล” พวกเราชาวไทยทุกๆคนกำลังถูกนักการเมืองสันดานลาหลอกว่า ต้องให้ใช้กฎหมายชารีอะห์เพื่อความสงบและเป็นการถ่ายตัวประกันสถานการณ์ชายแดนใต้ให้กลับสู่ความสงบ เราได้ปล่อยให้เป็นภาระของนักการเมืองโดยที่มิได้ปริปากมานานเท่าใดแล้ว คราวนี้คงจะยอมให้นักการเมือง “ทรยศ” อธิปไตยที่พระพุทธเจ้าหลวงทรงต่อสู้และนำกลับมาให้ลูกหลานมิได้อีกต่อไป เราไม่ยอมให้นำ “สิทธิสภาพนอกอาณาเขต” กลับมาใช้บนแผ่นดินนี้อีกแล้ว จะช่วยพุทธศาสนา ก่อนอื่นต้องเอาปัญญาไปแบ่งกันก่อน การทำสงครามเป็นเรื่องสุดท้าย ถึงจะสงครามก็ต้องมีสติ มีปัญญา เราเป็นชาติเก่าแก่มีรากเหง้า จะล้มก็ยากมีวิธีเดียวคือ หลอกให้ทรยศต่อแผ่นดินตนเอง เมื่อเรารู้จริง เราก็ไม่ถูกศัตรูหลอกให้ทรยศต่อแผ่นดินตนเองให้เป็นที่อับอายชั่วลูก ชั่วหลาน เราทุกๆคนต้องศึกษากฎหมายอิสลามให้เข้าใจในอันตราย จะได้บอกเพื่อน ญาติ พี่ น้องได้ถูกต้อง ดาวน์โหลดไปฟังได้ครับ มี ๔ ตอน ตอนละ ๓๐ นาที เท่านั้นเองจบไม่รู้ตัว o กฎหมายอิสลาม [280654] http://www.mediafire.com/?pjo3xvb891sab | |
http://redusala.blogspot.com |
หน้าเว็บ
▼
วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2554
สำนักข่าวมุสลิมไทย เปิดโปง โสเภณีเด็กสาวมลายู แด่นักรักโลกีย์อาหรับ ณ.ซอยนานา | ||
โสเภณีมลายู ณ.ซอยนานา เรื่องจริงที่ถูกถ่ายทอดผ่านสื่อนิตยสารมุสลิมน้องใหม่ Mtoday ภาพสะท้อนความเสื่อมทรามของสัมคม ที่แม้ว่าหลักเกณฑ์ทางศาสนาจะเข้มงวดก็ไม่อาจสกัดกั้นได้ เด็กสาวมุสลิม ไม่ว่าจากปัตตานี นราฯ หรือยะลา ต่างติดหล่มยากที่จะถอนตัวจากซอยนานา สิ่งเหล่านี้ เมื่อพวกเธอกลับไปยังภูมิลำเนา อะไรจะเกิดขึ้น!!! เรื่องย่อ: (เรียบเรียงจากนิตยสาร mtoday) บุหงาในวัย 23 ปี เดินทางจากปัตตานี มาเรียนในกรุงเทพฯ ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี จึงต้องทำงานไปด้วย ที่ซอยนานา เธอเป็นพนักงานแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่เคาท์เตอร์ช้อฟแห่งหนึ่ง ทราบกันดีซอยนี้กลิ่นบารากู่ที่หอมอบบวล และกลิ่นคาวโลกีย์ ชาวอาหรับที่เคร่งครัด เมื่อมาอยู่ซอยนานาต่างก็ถอดผ้าโพกหัวใช้ชีวิตสุดหรู ดื่มด่ำ ท่องโลกีย์ ซอยนานา มีหญิงสาวที่ยืนรอชาวอาหรับแต่ละคืนนับร้อยๆนาง ไม่ว่าจากเหนือ อีสาน กลาง ใต้ หรือรัสเซีย และประเทศในยุโรป ด้วยแสง สี และบันเทิงเริงรมณ์
ครั้งแรกได้ค่าตัว 3,000บาท เมื่อมีครั้งแรก ครั้งต่อไป ก็ง่ายขึ้น รอยบาปในใจค่อยจางหายไป ผ่านมานับปี ค่าตัวลดเหลือ 1,000-2,000บาท แล้วแต่จะตกลงกับแขก แต่แล้วเรื่องราวของเธอเกิดแดงขึ้นมา เธอทนอับอายไม่ไหว ต้องลาออกจากงานไปทำงานที่ใหม่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก นูรวาตีก็เป็นอีกคน อายุ 29 ปี จากสตูล หญิงสาวหน้าตาดีสวยคมขำ ผิวดำแดง สูง 155ซ.ม.รูปร่างอวบอั๋น “เลิกกับแฟน ไม่มีใคร ไม่รู้ไปไหน ก็เลยมาขายตัว” “มีคนคอยจับแขกมาให้ แล้วโทรศัพท์มาหาหนู รายได้แบ่งกันคนละครึ่ง แขกจ่าย 3,000บาท หนูได้รับ 1,500บาท บางคืนโชคดีหน่อย ก็ได้แขก 2ราย” “ที่นีรายได้ไม่เลว สามารถทำราคาได้ประตู(ครั้ง)ละตั้งแต่ 1,000-3,000บาท คืนหนึ่งได้ 3-4ประตู หนูก็กลับบ้านแล้ว บางคืนเจอแขกใจดี ทิปให้หนูเป็นหมืนเลย บางคืนหนูก็นอนค้างกับแขกด้วย ถ้าคนไหนถูกใจ” “ดีกว่าให้แฟนเอาฟรีๆ แถมโดนซ้อมอีกต่างหาก ก็หวังว่าเก็บเงินได้สักก้อนก็จะไปเลิกและไปเปิดร้านเสริมสวย อาชีพนี้มันทำได้ไม่นาน แก่ตัวไป มันก็เริ่มขายไม่ออก “ หนูวางอนาคตไว้แบบนี้ ตามหลักการอิสลาม การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงโดยไม่ผ่านการนิกะฮ์ ถือเป็นบาปหนัก ตามกฎหมายอิสลาม คนทำผิดหากเป็นโสด จะถูกโบย 100 ที แต่คนทำผิดหากมีครอบครัวแล้ว จะต้องขว้างหินจนตาย พวกเธอ กลัวหรือไม่……………………. และอีกหลายเรื่องราย มีให้อ่าน อ่านต่อใน นิตยสาร mtoday ฉบับปฐมฤกษ์ นับเป็นน้องใหม่ล่าสุด ของวงการสื่อมุสลิม นิตยสาร mtoday นับว่ากล้ามากๆ ณ.เศรษฐกิจปัจจุบัน ที่เสื้อแดงบุกกรุง ตรวจสอบเบื้องต้นมีเนื้อหาสาระที่น่าสนใจมากมาย ชนิดที่กล้าฟันธง อ่านแล้วถึงพริกถึงขิงจริงๆ ดังเช่น | ||
http://redusala.blogspot.com |
อนาถใจไทยพุทธ
อนาถใจไทยพุทธ ติดคุกเพราะป้องกันชีวิตตนเอง | ||
| ||
http://narater2010.blogspot.com |
วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554
วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2554
สังคมไทย ถึงเวลาตั้งต้นใหม่หรือยัง
ธรรมมีลำดับ ปี 2551
ธรรมมีลำดับ ๒๕๕๑ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
http://narater2010.blogspot.com |