หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2557

ควบคุมตัวนายซาการียา สุหลง ผกร. ระดับ ปฏิบัติการพื้นที่ อ.ปะนาเระฯ มีหมายจับ ป.วิอาญา

?รวบกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใต้?



          เมื่อวันที่ 20 ก.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจ นปพ.ร่วม 431 ฉก.ทพ.43 ฉก.ตชด.44 ชปพ.ตชด.43 และ เจ้าหน้าที่ทหารฉก. 13 อ.กรงปินัง รวมทั้งสิ้นกว่า 40 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเลขที่ 3/1 บ้านกูวา หมู่ที่1 ต.ห้วยกระทิง อ.กรงปินัง จ.ยะลา หลังทราบว่ามีบุคคลเป้าหมายหลบซ่อนอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว ภายหลับพบนายซาการียา สุหลง อายุ 29 ปี กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในระดับปฏิบัติการในพื้นที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี มีหมายจับ ป.วิอาญาเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวพร้อมนำไปขยายผลซักถามต่อไป

          ก่อนหน้านี้ช่วงบ่าย ของวันที่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ นปพ.ร่วมประจำ จังหวัดยะลาเจ้าหน้าที่ทหารพราน ฉก.ทพ.47 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปะแต อ.ยะหาจ.ยะลา และชุดนิติวิทยาศาสตร์ จัดกำลังร่วมเข้าทำการตรวจสอบ บ้านเป้าหมาย และรถยนต์ต้องสงสัยที่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อเหตุ ในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยที่บ้านเลขที่ 28/10 บ้านบูนุง หมู่ที่ 5 ต.ปะแต อ.ยะหา พบ น.ส.สาลีหย๊ะเจ๊ะวอมิง เจ้าของบ้าน ตรวจสอบภายในบ้านไม่พบบุคคลต้องสงสัย แต่พบรถยนต์ สีขาว ทะเบียน กง-9821 ยะลา คาดว่าเป็นรถต้องสงสัยที่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อเหตุที่ อ.โคกโพธิ์ เมื่อ 11 ก.ย.57 ที่ผ่านมา จึงขอตรวจยึดพร้อมเก็บดีเอ็นเอ ไว้ตรวจสอบ และได้สงมอบให้ สภ.ปะแต ดำเนินการ

            จากการสอบถาม น.ส.สาลีหย๊ะ เจ๊ะวอมิง เจ้าของบ้าน ทราบว่ารถคันดังกล่าว นายมูฮัมหมัดฟังดี มามะ อยู่บ้านเลขที่ 9/4 หมู่ที่ 4 ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ลูกเขยเป็นคนนำไปใช้ ซึ่งขณะนี้นายมูฮัมหมัดฟังดีไม่อยู่กลับไปบ้านพัก ที่ อ.โคกโพธิ์ ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าไปติดตามตัวนายมูฮัมหมัดฟังดีผู้ต้องสงสัยในพื้นที่ ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี รายนี้ต่อไป.

?รวบกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใต้?

?รวบกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใต้?

?รวบกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใต้?

?รวบกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใต้?




"ยังไม่วาย_วางระเบิด ดีที่ทหารสังเกตุเห็น และกู้ทัน" วันนี้

Photo: "ยังไม่วาย_วางระเบิด  ดีที่ทหารสังเกตุเห็น และกู้ทัน" วันนี้

เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๕๗ เวลา ๑๖๐๐ น. ชป.ทลร.ฯ ฉก.ยะลา รับแจ้งจาก ฉก.ทพ.๓๓ ตรวจพบเสาสัญญาณวิทยุและสายไฟโผล่ออกมาจากข้างทาง  เส้นทางสายสวนมะพร้าว - บาตูปูเตะ ม.๖ บ.บาตูปูเตะ ต.บ้านแหร อ.ธารโต จว.ยะลา จากการตรวจสอบพื้นที่ ซึ่งเป็นบริเวณทางโค้งข้างถนนเป็นดินสไลด์ พบเสาสัญญาณวิทยุและสายไฟโผล่ออกมาจากข้างทางมีถุงพลาสติกห่อหุ้มไว้ และมีสายไฟต่อพ่วงกับถังแก๊สปิกนิคสีส้ม ขนาดบรรจุ ๔ กก. จึงได้ทำลายวงจรระเบิด และเคลื่อนย้ายถังแก๊สออกจากหลุมระเบิดจากระยะไกล ทำการนิรภัยถังแก๊สให้ปลอดภัย และส่งมอบหลักฐานให้ สภ.ธารโต ดำเนินการต่อไป
หลักฐานที่พบ
๑. ถังแก๊สปิกนิค ขนาดบรรจุ ๔ กก.
๒. วิทยุสื่อสาร ( สีแดง ) ยี่ห้อ TYT
๓. สะเก็ดระเบิด เหล็กเส้นตัดขนาด ๑ – ๒ ซม.
๔. วงจร DTMF

Cr.  :  เสียงจากแผ่นดินแม่

narapeace เพจที่ไม่ใช่แค่ร่วมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และเพื่อนๆในพื้นที่ จชต แต่เราร่วมลงพื้นที่ไปพร้อมๆกันและมีส่วนร่วมจากแนวหลังสู่พื้นที่เพื่อแก้ปัญหาในพื­้นที่ได้ กับแฟนเพจที่มีสาระ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจทาง www.facebook.com/narapeace แล้วกด like หรือ ถูกใจ ในแฟนเพจเพื่อติดตามกันนะครับ
=====================================

เชิญร่วมส่งของขวัญวันเด็กให้น้องๆ ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผ่านพี่ๆ ทหาร ใจดี และ ส่งกำลังใจให้พี่ๆ ทหารที่ปฏิบัติงาน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กับกิจกรรม ถึงพี่อยู่ไกล ยังห่วงใยน้อง ปี 3 ตอน " ทำความดีให้พ่อเห็น เป็นคนดีให้พ่อดู เพื่อ น้องๆ และ พี่ๆทหาร 3 จังหวัดชายแดนใต้ "

สามารถร่วมกิจกรรมได้โดยมีช่องทางดังนี้ครับ

1 ส่งของเล่นถึงน้องๆ หรือ ของใช้ถึงพี่ๆทหาร ถึง โครงการ NARAPEACE ถึงพี่อยู่ไกล ยังห่วงใยน้อง ( พันโท มนตรา ประถมภัฏ ) ร. 1 พัน 4 รอ. 92/1 ซ. พหลโยธิน 8 แขวงสามเสนใน เขต พญาไท กรุงเทพ 10400 ...

หรือผ่านมาฝากไว้เลยที่ ร. 1 พัน 4 รอ. 92/1 ซ. พหลโยธิน 8 แขวงสามเสนใน เขต พญาไท กรุงเทพครับ ติดต่อ, ( พี่อ้น ) อ.ส. อาทิตย์ วสุไตรสิทธิ์ 0869941192

2 ส่งของเล่นถึงน้องๆ ถึง พี่ดีเจ ทาทา น.ส.จุฑามาส ประพันธ์วงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนจิตอาสา narapeace สวท.นราธิวาส 220 บ้านปลักปลา ตำบลลำภู อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส 96000 ( โครงการ ถึงพี่อยู่ไกล ยังห่วงใยน้อง NARAPEACE ) โทรสอบถาม.0899771717

นำมาฝากไว้ได้ ถึงวันที่ 13 ธันวาคม 2557 ก่อนเวลา 1200 น. นะครับ เพราะ กำหนดวัน (วันเสาร์ที่ 13 ธ.ค. 57 ) จะรวบรวมของเพื่อ ให้ เพื่อนๆสมาชิกที่มีจิตอาสา และน้องๆเยาวชน มาช่วยกันจัดของขวัญเพื่อเตรียมส่งให้ เจ้าหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้น่ะ ครับผม ^^ จะนำมาให้ที่ สโมสร กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็ก รักษาพระองค์ ในวันจัดกิจกรรมแพคของ 13 ธันวาคม 2557 เลยก็ได้นะครับ แต่ขอเป็นช่วง 0900 – 1230 น. นะครับ

3 วิธีที่ 3 นี้ขอเป็นทางเลือกสุดท้ายนะครับ ส่งเป็นทุนทรัพย์เข้าบัญชี ธนาคาร ทหารไทย สาขา สนามเสือป่า ชื่อบัญชี " จิตอาสา narapeace " เลขบัญชี 046-2-52492-7 ครับ (วิธีที่ 3 นี้ขอเป็นทางเลือกสุดท้ายนะครับเพราะมันไม่ค่อยได้ใจน่ะครับ ขอเป็นทางเลือกของเพื่อนๆที่อยากช่วย อยากมีส่วนร่วมจริงๆ แต่ไม่สดวกจะไปซื้อของและส่งของน่ะครับ แต่ส่วนตัวอยากให้น้องๆได้รับของที่เพื่อนๆไปซื้อเองและส่งมาเองจะได้ใจมากกว่า แน่ๆครับทั้งผู้ส่งและผู้รับน่ะครับ) งบในส่วนนี้อาจต้องนำไปซื้อ กล่อง และ ถุงเพื่อแพคของบางส่วนด้วยนะครับ

โดย ส่งของขวัญวันเด็ก อาทิของเล่น อุปกรณ์การเรียน เครื่องเขียน เครื่องกีฬา หรือ ขนมเล็กๆน้อยๆ เพื่อแสดงถึงความห่วงใยใส่ใจกันของพี่ๆจากนอกพื้นที่ สู่มือน้องๆในพื้นที่ จชต ผ่านพี่ๆทหารใจดี และ/หรือ มาช่วยกันจัดของส่ง วันเสาร์ที่ 13 ธ.ค. 57

ที่ สโมสร กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็ก รักษาพระองค์ กันนะครับ (เพื่อนๆที่เคยร่วมกิจกรรม ดูดีๆนะครับ ไม่ใช่ที่เดิมนะครับ ^^)

ถ้ามาทาง ถนน วิภาวดี ถ้ามาจากดินแดง ฝั่งซ้าย จะเป็น ร.1 รอ. ครับ ลองถามน้องๆทหาร ที่เข้าเวรดูครับ อยู่ในนี้ล่ะ แต่ส่วนตัวผมชอบเข้าทาง พหลโยธิน ซอย 8 หรือ ที่เรียกกันว่า ซอย สายลม ครับ ตรงเข้ามาสุดซอยจะเป็นทางบังคับเลี้ยวขวา ไปนิดเดียวเจอ 3 แยก เลี้ยวซ้าย ครับ ตรงไปตามทางอีกนิด ก็จะเจอทางเข้า ร.1 รอ ครับ ก็ ถามน้องๆทหารที่ยืนเวรที่ประตูครับ ว่า สโมสร กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็ก รักษาพระองค์ อยู่ตรงไหน ถ้าจากประตูนี้ ไปนิดเดียวครับ

.... สอบถามติดต่อประสานงานเกี่ยวกับกิจกรรม :

1 พี่อ้น (ผู้ประสานงาน ร.1 พัน.4 รอ.) อ.ส. อาทิตย์ วสุไตรสิทธิ์ 0869941192

2 พี่เอ้ (เพจ narapeace) 0819016674 , 08636881233 Line ID : aey.3344 , FB : Aey Montra

3 แอดมิน มิ้ลโกะ (เพจ พลังใจฯ) 081-622-3143 Line ID: milko168 หรือ pattani_yala_nara , FB: Arpapun Jokowidjaja

4 พี่อุ๊ (กลุ่ม ผ้าขี้ริ้วอาสา) : 099-223-5490

โดย กิจกรรม “ ถึงพี่อยู่ไกล ยังห่วงใยน้อง ” ส่งของขวัญวันเด็ก และ ของใช้ที่จำเป็น ให้กับ ทหารในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ทำมาแล้ว 2 ครั้ง ครับ รูปแบบกิจกรรมตามสกู๊ปข่าวด้านล่างครับ

กิจกรรมครั้งที่ 2 เมื่อ ธันวาคม ๒๕๕๖ : http://www.youtube.com/watch?v=w0x4ADZrddQ

กิจกรรมครั้งที่ 1 เมื่อ มกราคม ๒๕๕๖ : http://www.youtube.com/watch?v=S7IAbuhUO4M

กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็ก รักษาพระองค์ ร่วมกับ กลุ่ม เครือข่ายจิตอาสา NARAPEACE ( นราพีซ) , กลุ่ม แฟนเพจ พลังใจเกินล้าน ส่งให้ทหาร ชายแดนใต้ กลุ่ม ผ้าขี้ริ้วอาสา และ แฟนเพจ ร่วมด้วยช่วย 3 จว.ร่วมด้วยช่วย 3 จว.ชายแดนใต้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำกิจกรรมจิตอาสา เพื่อ สนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และส่งความห่วงใยถึง น้องๆเยาวชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ครับ

กิจกรรมนี้ เพื่อ สนับสนุนให้ประชาชนทั่วไป และเยาวชน ทำกิจกรรมจิตอาสาร่วมกัน ครับ ทั้งนี้ ขอเชิญเพื่อนๆ ร่วมกิจกรรมที่แสดงถึงความห่วงใยใส่ใจกันกับกิจกรรม " ทำความดีให้พ่อเห็น เป็นคนดีให้พ่อดู เพื่อ น้องๆ และ พี่ๆทหาร 3 จังหวัดชายแดนใต้ "

มาช่วยกันสร้างภาพบรรยากาศแบบนี้ ร่วมกันอีกครั้งนะครับ http://www.youtube.com/watch?v=xnO4B1NxIi8

และ จะทำให้น้องๆ ในพื้นที่ ที่ต้องการกำลังใจจากพวกเราทุกคนได้รับโอกาส เหมือนน้องๆในพื้นที่อื่นๆของประเทศเรา แบบนี้ครับ http://www.youtube.com/watch?v=yhUr8RP9hps

บรรยากาสกิจกรรมครั้งที่ผ่านมาเมื่อ 3 สิงหาคม 2557 ครับ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.778208948869089.1073742262.157289794294344&type=1

"ยังไม่วาย_วางระเบิด ดีที่ทหารสังเกตุเห็น และกู้ทัน" วันนี้
              เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๕๗ เวลา ๑๖๐๐ น. ชป.ทลร.ฯ ฉก.ยะลา รับแจ้งจาก ฉก.ทพ.๓๓ ตรวจพบเสาสัญญาณวิทยุและสายไฟโผล่ออกมาจากข้างทาง เส้นทางสายสวนมะพร้าว - บาตูปูเตะ ม.๖ บ.บาตูปูเตะ ต.บ้านแหร อ.ธารโต จว.ยะลา จากการตรวจสอบพื้นที่ ซึ่งเป็นบริเวณทางโค้งข้างถนนเป็นดินสไลด์ พบเสาสัญญาณวิทยุและสายไฟโผล่ออกมาจากข้างทางมีถุงพลาสติกห่อหุ้มไว้ และมีสายไฟต่อพ่วงกับถังแก๊สปิกนิคสีส้ม ขนาดบรรจุ ๔ กก. จึงได้ทำลายวงจรระเบิด และเคลื่อนย้ายถังแก๊สออกจากหลุมระเบิดจากระยะไกล ทำการนิรภัยถังแก๊สให้ปลอดภัย และส่งมอบหลักฐานให้ สภ.ธารโต ดำเนินการต่อไป
หลักฐานที่พบ

  • ๑. ถังแก๊สปิกนิค ขนาดบรรจุ ๔ กก.
  • ๒. วิทยุสื่อสาร ( สีแดง ) ยี่ห้อ TYT
  • ๓. สะเก็ดระเบิด เหล็กเส้นตัดขนาด ๑ – ๒ ซม.
  • ๔. วงจร DTMF

PerMas จริงหรือที่เราว่าพวกเขาเป็นแมลงร้าย

ชบาสีขาว

            โดยทั่วไป นิสิต นักศึกษา ต้องมุ่งมั่นหมั่นศึกษาหาความรู้ เมื่อสำเร็จการศึกษาเขาเหล่านี้คือ ผู้สร้างอนาคตของประเทศชาติ ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ตอบแทนบุญคุณบุปการีที่ได้ตรากตร่ำหาเงินทองส่งเสียจนสำเร็จการศึกษา มีงานมีการ นี้คือความเข้าใจที่มีต่อนิสิต นักศึกษา

 

           แต่ ณ ปัจจุบันนี้บทบาทของนิสิต นักศึกษาบางคนบางกลุ่มได้เปลี่ยนไป ดังเช่น สหพันธ์นิสิตนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สนน.จชต.) ได้อาศัยสภาพของการเป็นนิสิตนักศึกษาต่อต้านการปฏิบัติงานของภาครัฐมากกว่าการสนใจศึกษาในสถาบันการศึกษา ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำ จนหลายๆฝ่ายเฝ้าจับตามอง ถึงแม้ว่าเขาเหล่านั้นจะออกมาปฏิเสธพฤติกรรมของตนเองหรือ กลุ่มในบทบาทบนพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงด้านความมั่นคงของประเทศที่ภาครัฐเร่งรีบแก้ไขปัญหาให้กลับคืนสู่สันติสุข แต่สิ่งเหล่านั้นเป็นได้เพียงแค่การแก้ตัวเท่านั้น

          PerMas สหพันธ์นักเรียน นิสิต นักศึกษา และเยาวชนปาตานี... นักศึกษากลุ่มนี้แปลงมาจาก สหพันธ์นิสิตนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สนน.จชต.) เดิม ซึ่ง สนน.จชต.เป็นการรวมตัวของสหพันธ์ นิสิตนักศึษาแต่ละจังหวัดของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งปัจจุบันยุบไปหมดแล้ว เหลือ PerMas องค์กรเดียว รวมทั้ง พีเอ็นวายเอส. กลุ่มนักศึกษาจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีศูนย์กลางอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เท่านั้น

          PerMas จริงหรือที่เราว่าพวกเขาเป็นแมลงร้าย... พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นแหล่งผลประโยชน์ของคนหลายๆกลุ่ม ขนาดต่างประเทศยังใฝ่ฝันต้องการเลย นับประสาอะไรที่บรรดาพวกคลั่ง ลัทธิอิสลามนอกรีตจากนอกประเทศไม่ต้องการ อย่างเช่น ขบวนการ บีอาร์เอ็น.( BRN.)คือองค์กรหนึ่งที่ ไม่รู้ว่าใครเป็นใครได้ใช้ความพยายามทุกรูปแบบเพื่อให้ได้มาซึ่งดินแดน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยบ่งการ ฆ่าไม่เว้นผู้นับถือศาสนาเดียวกันโดยบิดเบือนว่าฆ่าเพื่อศาสนาจะได้ไปสวรรค์ แต่ก็ยังคงหวั่นเกรงกฎหมาย อำนาจมืดที่มองไม่เห็นจะจับดำเนินคดีในฐานะกบฎต่อแผ่นดิน ประกอบกับความแก่ชราที่หมดความน่าเชื่อถือจากหลายๆฝ่าย ดังนั้นขบวนการ บีอาร์เอ็น.( BRN.) จึงได้เพาะเลี้ยงแมลงตั้งแต่ยังเยาว์วัยเพื่อใช้เป็นเครื่องมือ ให้ได้มาซึ่งดินแดน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แห่งนี้ PerMas ซึ่งเปรียบได้กับแมลงกลุ่มนั้นจึงทำทุกอย่าง เพื่อสนับสนุนความหวังของขบวนการ บีอาร์เอ็น.(BRN.) แลกกับผลประโยชน์ของกลุ่มที่ได้มาซึ่งเงินทอง หนทางค้าสิ่งผิดกฎหมาย บำเรอความสุขสำราญ หรือแม้กระทั่งการช่วยต่อสู้คดีให้กับครอบครัว

            งานที่สำคัญที่ PerMas ทำ หากมองผิวเผินนั่นคืองานเชิงรณรงค์ อย่างเช่น "สาตูปาตานี" เพื่อสร้างรูปแบบใหม่ของปาตานี สร้างเครือข่ายเพื่อขับเคลื่อนงานมวลชน สร้างและจัดตั้งองค์ความรู้ เป็นการทำงานเชิงความคิด และทำงานด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง แต่ในความรู้สึกลึกๆของนิสิต นักศึกษาด้วยกัน ประชาชนทั่วไป แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคง ยังคงเคลือบแคลงสงสัยต่อการกระทำของ PerMas นั่นคือ การปลุกระดม โดยเฉพาะการใช้เวทีเสวนาอย่างเช่น เวที สาตูปาตานี การผลิตสื่อ วีดีโอ การเขียนป้ายผ้า ใบปลิว ป่นสีสเปรย์บนท้องถนน แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครหากไม่ใช้กลุ่มคนที่มีการศึกษาอย่างสมาชิกของ PerMas จนกระทั่งสื่อมวลชนเผยแพร่เรื่องราวของ PerMas ว่าคือปีกข้างหนึ่งของ บีอาร์เอ็น.( BRN.) จนกลุ่ม PerMas ต้องรีบตอบโต้ แต่ที่สื่อมวลชนได้เผยแพร่




             ทำไม.... คน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เชื่อว่า PerMas คือปีกข้างหนึ่งของ บีอาร์เอ็น.( BRN.)
PerMas ได้พยายามปลุกกระแสด้วยการปลุกระดมสร้างร้อยร้าวให้เกิดขึ้นระหว่างประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลามกับศาสนาพุทธ อย่างเช่น เราถูกพวกบาบีเอาเปรียบ เราต้องไล่มันออกไป ปลุกระดมให้ประชา ชนกลัว พ.ร.ก. ทั้งๆที่ไม่รู้แน่ชัดว่า พ.ร.ก.ใช้เพื่ออะไรแต่กลัวว่าจะเกิดผลกระทบต่อตนเองและครอบครัวที่กระทำผิดอยู่ ปลุกระดมนำเหตุการณ์ความเป็นความตายของมุสลิมเรามาใช้ประโยชน์ ซึ่งทุกครั้งที่เกิดเหตุ PERMAS รีบฉวยโอกาสทันที

            ครูตาดีกาผู้หญิงถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่รัฐ เมื่อ 18 เม.ย.2556 เหตุอาจพัวพันกับกลุ่ม อาร์เคเค. ( RKK.) ด้วยการเป็นสายให้กลุ่มติดอาวุธ PerMas ต้องรีบร้อนเข้าช่วยเหลือเพราะเห็นว่านั่นคือเรื่องจริงที่ทำผิดพลาด 
 
              สุดท้ายที่ต้องเชื่อว่า PerMas คือแมลงร้าย นั่นคือ เมื่อ 3 ก.พ.57 ขณะที่นาย เจะมุ มะมัน พร้อมด้วยภรรยา และบุตรจำนวน 3 คน กลับจากการละหมาดที่มัสยิดในหมู่บ้าน เมื่อมาถึงบ้านพัก บ.ปะลุกาแปเราะ หมู่ที่ 7 ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จว.น.ธ. กำลังจะเข้าบ้านมีคนร้ายจำนวนหนึ่งซุ่มอยู่ข้างทางใช้ปืนสงครามลอบยิง ทำให้ลูกชาย 3 คนเสียชีวิต ส่วนภรรยา และนายเจะมุ ได้รับบาดเจ็บ การกระทำแบบนี้เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม ไร้มนุษยธรรม ไร้จิตสำนึก เข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ไม่เว้นกระทั่งเด็กที่ต้องตกเป็นเหยื่อของแผนชั่วๆ เพียงแค่ต้องการโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่ เพื่อสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งและความเกลียดชัง ระหว่างพี่น้องประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งหลังเกิดเหตุไม่นาน PerMas ได้สวมบทพระเอกโดยกลบเคลื่อนแผ่นร้าย ได้ยกกลุ่มสมาชิกไปที่บ้านของนายเจะมุ พร้อมกับได้กล่าวอ้างว่าทั้งหมดคือการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งๆที่ยังมิได้มีการสืบสวนหาข้อเท็จจริง และที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง PerMas ได้นำเหตุการณ์ดังกล่าวเข้าไปปลุกระดมในเวที สาตู ปาตานี




             เวที สาตู ปาตานี ด้วยการบังคับให้นายเจะมุ เข้าร่วมบนเวทีด้วย สังเกตเห็นว่านายเจะมุเอง ก็ยังไม่พร้อมที่จะพูดอะไร ทำไมนะมันช่างเหมาะเหม็งกันเสียจริงๆ ระหว่างเกิดเหตุกับการจัดเวที สาตู ปาตานี ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะครับ เพราะ PERMAS ทำได้แต่ไม่เนียน และ เมื่อ 23 ก.พ.57 คนร้ายใช้รถกระบะเป็นยานพาหนะ กราดยิงแล้วเผาบ้านชาวบ้าน 2 หลัง ที่หมู่ 4 บ.บันนังกูแว ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จว.ย.ล. เป็นเหตุให้ชาวบ้านสองสามีภรรยาเสียชีวิต 2 ราย บ้านเรือนเสียหาย รถยนต์โดนเผา 3 คัน ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนอาก้า และ M-16 ตกเกลื่อนกว่า 50 ปลอก หลังก่อเหตุคนร้ายได้ขับรถหลบหนีและโปรยตะปูเรือใบระหว่างเส้นทาง การกระทำของผู้ก่อเหตุรุนแรงพยายามยั่วยุและสร้างความแตกแยกระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ การกระทำเช่นนี้ได้มีการวางแผนไว้อย่างดีโดยใช้ประชาชนที่ไร้ทางต่อสู้เป็นเหยื่อแล้วโยนความผิดให้กับเจ้าหน้าที่รัฐเช่นเดิม ที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนแต่เป็นการกระทำเดิมๆ เมื่อหลักฐานเปิดเผยสุดท้ายผู้กระทำผิดก็หนีไม่พ้นสมาชิก PerMas ภายใต้การนำของ บีอาร์เอ็น.(BRN.)

             PerMas คือแมลงร้ายที่ถูกเลี้ยงดูโดยขบวนการ บีอาร์เอ็น.( BRN.) ผู้มีบทบาทหน้าที่ดำเนินงานด้านปลุกระดมประชาชนให้ต่อต้านนโยบายการทำงานของภาครัฐทั้งภายในประเทศและนอกประเทศ จัดตั้งกลุ่มใต้ดินอย่าง อาร์เคเค.(RKK.) เพื่อทำงานใต้ดินต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ข่มขู่ สร้างความหวาดกลัวต่อประชาชนทั่วไป

            ภาพลักษณ์ของ PerMas ยังคือนิสิต นักศึกษา ที่ขาวบริสุทธิ์ ผู้เป็นอนาคตของประเทศชาติ ภาครัฐคงต้องหามาตรการที่จะทำให้ PerMas คงสภาพภาพลักษณ์ที่บริสุทธิ์นี้ได้อย่างไร ? เพราะ PerMas ในสายตาและความรู้สึกของคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เขาคือ “แมลงร้าย” ที่ยังคงบินได้เสรีพร้อมที่จะกัดกินความสงบสุขของคน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แห่งนี้อย่างไรความผิด เพราะเขาคือฝ่ายวางแผนและเลือกผู้ปฏิบัติอันเลวร้ายที่เป็นภัยต่อประชาชนและความมั่นคงของชาติอย่างเงียบๆ ในฐานะ “ แมลงร้าย ” ตัวหนึ่งของ ขบวนการ บีอาร์เอ็น. (BRN.)





***********************************

สถานที่ก่อสร้างมัสยิด ต้นตอแห่งปัญหา


    พื้นที่ก่อสร้างมัสยิด บ้านโป่งน้ำร้อน หมู่ที่ 6  ตำบลแม่เจดีย์ใหม่  เดิมเป็นพื้นที่ของนายทอง สุยะทากำนันตำบลเวียงกาหลง ( ปัจจุบัน กรกฎาคม 2555  เป็นผู้สมัคร นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเวียงกาหลง ) เดิมที่แห่งนี้ เป็นพื้นที่เขา ความลาดชันเกิน 35 องศา ชาวบ้านใช้เป็นแหล่งป่าชุมชน หากินหาอยู่ในพื้นที่ ( ของป่า เห็ด ไม้ฟืน ) ต่อมา ปรากฎ ได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ จนท.บนอำเภอคนหนึ่ง (เสมียน อ.เวียงป่าเป้า) และขายต่อมาเป็นทอดๆ จนตกถึงมือนายทอง สุยะทา ก่อนหน้านั้นชาวบ้านไม่เคยทราบมาก่อน ว่าเป็นของใคร ผู้ใด มีเอกสารสิทธิ หรือ ไม่ จนนายทอง สุยะทา เข้ามาเปิด หน้าดินไปขาย เพื่อถมที่ ต่างๆมากมายหลายที่ พื้นที่เขา ดังกล่าว ถูกปรับให้ต่ำลงระดับหนึ่ง และ เป็นพื้นที่ไม่สูงมากนัก ณ ปัจจุบัน ส่วนการตกมาเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ใด ใครขายใครซื้อ ชาวบ้านยังไม่ทราบชื่อผูครอบครองกรรมสิทธิ์ ( สมควรเสาะหาหลักฐานการครอบครองได้ไม่ยากนัก แต่ไม่ใช่ประเด็นความขัดแย้ง และปัญหา ) 

              รูปภาพทางขึ้นสถานที่ก่อสร้างมัสยิด 




   
    ชาวบ้านในพื้นที่ เขียนป้าย ข้อความ ไม่ต้องการ / ติดยังทางขึ้นสถานที่ก่อสร้าง

    
  ชมรมน้อย-หนานฯ อาจารย์วัดบ้านเวียงป่าเป้า นำชาวบ้านฮือประท้วงต้านสร้างมัสยิดอิสลาม กลัวกระทบวิถีพุทธ และความมั่นคงในพื้นที่เหมือนเหตุการณ์ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะที่ทางอำเภอจนปัญญาแก้ นัดแกนนำชาวบ้าน-กรรมการอิสลามหาทางออกร่วมที่ศาลากลางจังหวัดสิ้นเดือนนี้ แต่เบื้องต้นเตรียมขอผู้รับเหมาชะลองานก่อน
 
       เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (24 เม.ย.) ณ ที่ว่าการ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย กลุ่มชาวบ้านจาก14 หมู่บ้านของ ต.แม่เจดีย์ใหม่ อ.เวียงป่าเป้า ประมาณ 1,000 คน นำโดยชมรมน้อย-หนานเวียงป่าเป้า และชมรมอาจารย์วัดเวียงป่าเป้า ได้ไปชุมนุมกันเพื่อขอความชัดเจนจากทางอำเภอ กรณีได้มีผู้เข้าไปก่อสร้างมัสยิดศาสนาอิสลาม บนที่ดินประมาณ ไร่ ที่บ้านโป่งน้ำร้อน ม.ต.แม่เจดีย์ อ.เวียงป่าเป้า ติดถนนสายเชียงราย-เชียงใหม่ เนื่องจากกลุ่มชาวบ้านดังกล่าวกลัวว่าจะกระทบวิถีชีวิต วัฒนธรรมของชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ
       การชุมนุมดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่อำเภอ นำโดยนายเชิดชาย พิบูลย์วุฒิกุล นายอำเภอเวียงป่าเป้า นัดหมายกรรมการอิสลามที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง ตัวแทนกลุ่มชาวบ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฯลฯ ในพื้นที่ไปประชุมกัน แต่ปรากฏว่ามีเฉพาะกลุ่มชาวบ้านที่ไปประชุม พร้อมกับรวมตัวชุมนุมประท้วงกัน โดยชูป้ายแสดงความเห็นและเปิดให้ลงชื่อคัดค้าน ส่วนฝ่ายของกรรมการอิสลามไม่ได้เข้าร่วมประชุมแต่อย่างใด
http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       นายบุญนาค จอมธรรม ประธานชมรมน้อย-หนานเวียงป่าเป้า กล่าวว่า ชาวบ้านไม่อยากให้มีการก่อสร้างสถานที่ทางศาสนาอื่นในพื้นที่ แม้การก่อสร้างมัสยิดตามหลักศาสนาอิสลามนั้นยอมรับว่าตามกฎหมายระบุไม่ต้องมีการทำประชาคม แต่จากการสอบถามความเห็นของชาวบ้านในภาพรวมพวกเขาก็ไม่ต้องการจริงๆ เพราะเกรงจะเกิดปัญหาต่างๆ ตามมา
       ที่ผ่านมาเคยจัดประชุมหารือกับฝ่ายผู้จัดตั้งมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ข้อยุติ ทางฝ่ายมัสยิดยืนยันจะก่อสร้างเพราะไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่ชาวบ้านก็เกรงจะมีผลกระทบ เช่น ความมั่นคงเพราะเห็นจากเหตุการณ์ที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้วิถีชีวิตจะเปลี่ยนไป วัฒนธรรมที่จะถูกกระทบ จึงขอให้มีการชะลอการก่อสร้างไปก่อน แต่ปรากฏว่าปัจจุบันการก่อสร้างคืบหน้ามาได้ราว เดือนแล้ว มีการปรับที่และขึ้นโครงอาคารแล้ว ทำให้ชาวบ้านรวมตัวกันออกมาชุมนุมประท้วงครั้งนี้
       น.ส.เขมภัทร แสงมณี ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า ชาวบ้านไม่ได้ต่อต้านศาสนาอื่นรวมทั้งศาสนาอิสลาม แต่อยากให้ย้ายไปสร้างที่อื่นได้หรือไม่ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวตั้งอยู่ติดกับวัดซึ่งชาวบ้านอาศัยอยู่กันตามวิถีชาวพุทธและเรียบง่าย จึงกลัวว่าจะได้รับผลกระทบและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมา นายเชิดชาย พิบูลย์วุฒิกุล นายอำเภอเวียงป่าเป้า ลงมาชี้แจงชาวบ้านที่ชุมนุมว่า ทางกรรมการอิสลามที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างได้โทรศัพท์แจ้งเหตุผลของการไม่ร่วมประชุม เพราะมีการชุมนุมประท้วงกัน ส่วนตนก็ตัดสินเรื่องนี้ไม่ได้เพราะทางราชการต้องทำตามกฎหมาย ครั้นจะเจรจาสองฝ่ายก็มาไม่ครบกัน ดังนั้น วันที่ 30 เมษายน 55 จะมีการนัดประชุมเฉพาะแกนนำที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายชาวบ้านและกรรมการอิสลาม ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย โดยจะขอให้ทางจังหวัดเป็นเจ้าภาพ
          อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (25 เม.ย.) นายอำเภอเวียงป่าเป้าจะนำคณะพร้อมตำรวจไปยังบริเวณที่ก่อสร้างเพื่อขอให้ผู้รับเหมาได้ชะลอการก่อสร้างไปก่อนจนกว่าการเจรจาจะได้ข้อยุติ ทำให้ชาวบ้านพอใจและสลายตัวรอฟังข่าวต่อไป


รูปภาพแผนที่ก่อสร้าง / สถานที่ตั้ง




  
   เชียงราย - เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 24 เม.ย. ที่ห้องประชุมที่ว่าการ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย กลุ่มชาวบ้านจากพื้นที่ 14 หมู่บ้านของ ต.แม่เจดีย์ใหม่ อ.เวียงป่าเป้า ประมาณ 1,000 คน นำโดยชมรมน้อย-หนานเวียงป่าเป้า และชมรมอาจารย์วัดเวียงป่าเป้า ได้ไปชุมนุมกันเพื่อขอความชัดเจนจากทางอำเภอ กรณีได้มีผู้เข้าไปก่อสร้างมัสยิดตามศาสนาอิสลามบนที่ดินประมาณ ไร่ พื้นที่บ้านโป่งน้ำร้อน ม.ต.แม่เจดีย์ อ.เวียงป่าเป้า ติดถนนสายเชียงราย-เชียงใหม่ เนื่องจากกลุ่มชาวบ้านดังกล่าวกลัวว่าจะกระทบวิถีชีวิต วัฒนธรรม ของชาวบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ 
    โดยการชุมนุมดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ทางอำเภอนำโดย นายเชิดชาย พิบูลย์วุฒิกุล นายอำเภอเวียงป่าเป้า จัดให้มีการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาโดยนัดหมายกรรมการอิสลามทีเกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง ตัวแทนกลุ่มชาวบ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฯลฯ ในพื้นที่ไปประชุมกัน แต่ปรากฎว่ามีเฉพาะกลุ่มชาวบ้านที่ไปประชุมรวมทั้งมีการชุมนุมของชาวบ้าน โดยมีป้ายแสดงความเห็นและเปิดให้ลงชื่อคัดค้าน ส่วนฝ่ายของกรรมการอิสลามไม่ได้เข้าร่วมประชุมแต่อย่างใด ภายหลังทราบว่ามีการชุมนุมของกลุ่มผู้คัดค้านจำนวนมาก เพราะเกรงจะกระทบกระทั่งกันขั้นรุนแรง

รูปภาพการชุมนุม ที่ว่าการอำเภอเวียงป่าเป้า  24 เมษายน 2555








นายบุญนาค จอมธรรม ประธานชมรมน้อย-หนานเวียงป่าเป้า กล่าวว่า ชาวบ้านไม่อยากให้มีการก่อสร้างสถานที่ทางศาสนาอื่นในพื้นที่ เพราะการก่อสร้างมัสยิดตามหลักศาสนาอิสลามนั้น ยอมรับว่าตามกฎหมายระบุไม่ต้องมีการทำประชาคม แต่จากการสอบถามความเห็นของชาวบ้านในภาพรวมพวกเขาก็ไม่ต้องการจริงๆ เพราะเกรงจะเกิดปัญหาต่างๆ ตามมาจึงเคยมีการประชุมหารือกับฝ่ายผู้จัดตั้งมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งได้ก็ไม่ได้ข้อยุติ เพราะทางฝ่ายมัสยิดยืนยันจะก่อสร้าง เพราะไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่ชาวบ้านก็เกรงจะมีผลกระทบ เช่น ความมั่นคง เพราะเห็นจากเหตุการณ์ที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ วิถีชีวิตจะเปลี่ยนไป วัฒนธรรมที่จะถูกกระทบ จึงขอให้มีการชะลอการก่อสร้างไปก่อน แต่ปรากฎว่าในปัจจุบันการก่อสร้างคืบหน้ามาได้ราว เดือนแล้วโดยมีการปรับที่และขึ้นโครงอาคารแล้ว ทำให้ชาวบ้านออกมาชุมนุมดังกล่าว
      น.ส.เขมภัทร แสงมณี ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า ชาวบ้านไม่ได้ต่อต้านศาสนาอื่นรวมทั้งศาสนาอิสลาม แต่อยากให้ย้ายสถานที่ไปก่อสร้างที่อื่นได้หรือไม่ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวตั้งอยู่ติดกับวัด ซึ่งชาวบ้านอาศัยอยู่กันตามวิถีชาวพุทธและเรียบง่าย จึงกลัวว่าจะได้รับผลกระทบและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในที่สุด
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 30 เม.ย.จะมีการนัดประชุมเฉพาะแกนนำที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายชาวบ้านและกรรมการอิสลามที่เกี่ยวข้องที่ศาลากลาง จ.เชียงราย โดยจะขอให้ทางจังหวัดเป็นเจ้าภาพ กระนั้น ในวันที่ 25 เม.ย.ก็จะนำคณะพร้อมตำรวจไปยังบริเวณสถานที่ก่อสร้าง เพื่อขอให้ผู้รับเหมาก่อสร้างได้ชะลอการก่อสร้างไปก่อนจนกว่าการเจรจาจะได้ข้อยุติ ทำให้ชาวบ้านพอใจและสลายตัวไปรอฟังข่าวต่อไป.
ที่มา:ฟาตอนีออนไลน์
http://www.muslim2world.com/index.php?topic=1035

ไสยศาสตร์อิสลาม ไสยเวทมุสลิม คุณไสยอิสลาม



             ไสยศาสตร์อิสลาม, ใครว่าไสยศาสตร์เป็นเรื่องต้องห้ามในอิสลาม แต่มุสลิมหลายคนกล่าวว่าไม่เกี่ยวข้องกับอิสลาม แต่อัลกุรอ่านได้อธิบายสิ่งนี้ไว้ นั่นคือเรื่องไสยศาสตร์ มันก็ต้องเกี่ยวข้องกับอิสลามโดยเฉพาะความเชื่อว่าไสยศาสตร์มีจริงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

  • และพวกเขาได้ปฏิบัติตามสิ่งที่บรรดาชัยฏอนในสมัยสุลัยมานอ่านให้ฟัง และสุลัยมานไม่ได้ปฏิเสธความศรัทธา แต่ทว่า
  • ชัยฏอนเหล่านั้นต่างหากที่ปฏิเสธความศรัทธาโดยการสอนไสยศาสตร์ให้แก่ผู้คนและ
  • สิ่งที่ถูกประทานมาแก่มลาอิก๊ะฮฺทั้งสองคือฮารูตและมารูต ณ เมืองบาบิล และเขาทั้งสองจะไม่สอนผู้ใดจนกว่าจะกล่าวว่า “แท้จริง เราแค่เป็นผู้ทดสอบเท่านั้น ท่านจงอย่าปฏิเสธความศรัทธาเลย” แม้กระนั้น 
  • ผู้คนก็ยังศึกษาจากเขาทั้งสอง 
  • ซึ่งมันได้เป็นสาเหตุให้เกิดการแตกแยกระหว่างผู้ชายกับภรรยาของเขา และ
  • พวกเขาไม่อาจใช้สิ่งนั้นทำอันตรายแก่ผู้ใดได้นอกจากด้วยการอนุมัติของอัลลอฮฺเท่านั้นและ
  • พวกเขาก็เรียนสิ่งที่เป็นอันตรายต่อพวกเขาและมิได้เป็นคุณแก่พวกเขา และแน่นอน 
  • พวกเขารู้ว่าใครก็ตามที่ซื้อมันจะไม่มีส่วนแห่งความดีใดในโลกหน้าและความชั่วคือราคาที่พวกเขาขายชีวิตของพวกเขาถ้าหากพวกเขารู้” (กุรอาน 2:103)
อธิบายได้ดังนี้


  • 1. สุลัยมานได้รับไสยศาสตร์มาจากมลาอิกะห์ หรือเทวทูตสองท่านชื่อ ฮารูตและมารูต ซึ่งสุลัยมานยังคงเป็นมุสลิม (ไม่ปฏิเสธศรัทธา)
  • 2. ชัยฏอนก็ได้สอนไสยศาสตร์ให้แก่ผู้คน โดยที่มาจากแหล่งเดียวกันคือ เทวทูตสองท่านนั้น
  • 3. อัลลอฮ์ให้มลาอิกะห์นำไสยศาสตร์ลงมาแก่สุลัยมาน รวมถึงคนอื่น ๆ เพื่อการทดสอบไม่ใช่การใช้งาน
  • 4. นอกจากมลาอิกะห์สอนสุลัยมาน มลาอิกะห์สองท่านนั้นยังสอนคนอื่นอีกด้วย ไม่ใช่แค่ชัยฏอน
  • 5. ผลของไสยศาสตร์ทำให้สามีภรรยาแตกแยกกัน (การทำเสน่ห์หรือเปล่า)
  • 6. ไสยศาสตร์ทำอันตรายกับผู้ใดก็ได้ หากอัลลอฮ์อนุญาต
  • 7. ไสยศาสตร์เป็นอันตรายกับตัวผู้เรียนด้วย และไม่มีคุณค่าใด
  • 8. ราคาของไสยศาสตร์คือความความดีที่เสียไป

ถามว่า

  • ความพิเศษของสุลัยมานคือ สามารถติดต่อกับสิ่งมีชีวิตชนิดพิเศษอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "ญิน" และสามารถใช้งานพวกมันได้ ไสยศาสตร์คือวิธีติดต่อและใช้งานพวกมันใช่หรือไม่ และการที่ชัยฏอนได้ยินวิธีการนี้และนำไปเผยแพร่ให้คนอื่น ๆ ก็เพราะพวกมันเป็นญิน
  • ไสยศาสตร์ของสุลัยมานตกทอดมาถึงปัจจุบันหรือไม่
  • หากไสยศาสตร์ของสุลัยมานตกทอดมา ก็ต้องมี เพื่อการทดสอบ และใช้งานจริง ตรงนี้ตัดสินอย่างไร
  • อัลลอฮ์เกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์ เพราะไสยศาสตร์จะสำเร็จหรือไม่มันต้องผ่านการอนุมัติใช่หรือไม่
          เป็นการพิสูจน์ว่า อิสลามกับไสยศาสตร์เป็นของคู่กันไม่ใช้สิ่งต้องห้ามอันใด และเป็นการพิสูทจ์ว่า ไสยศาสตร์ ปัญญา และชีวิตเป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้เพียงแต่ว่าให้ใช้ไปทางขาวหากจะใช้ไปทางมืดต้องขออนุญาติต่อพระอัลลอห์ ก่อน

          พูดถึงไสยศาสตร์มุสลิม ทำให้ผมนึกถึงเรื่องข้างบ้านผมแต่ก่อนมีพ่อค้าผ้าไหมและนมชื่อ อารยา ผู้ร่ำรวยแกเป็นหมอไสยศาสตร์มุสลิมแกชาญทั้งไสยเวท การเพ่งกสิณแบบอิสลามได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ถ้าของพุทธจะมี 10 แต่อิสลามรู้สึกจะมี 4 ครับ 

         แต่แถวบ้านผมนี้สิไม่ธรรมดาเลย เพราะฝั่งซ้ายเป็นจอมไสยเวทที่จบมาจาก เขมร ชื่อ สมหมาย ส่วน อากุลยอ อยุ่ฝั่งขวาส่วนผมอยู่ตรงกลางอย่าเข้าใจผิดเป็นสนามมวยลุมพินีล่ะ รู้สึกว่าอา สมหมาย ไม่ค่อยถูกกับอา อารยา เพราะแกไม่ค่อยถูกกลับคุณไสยอิสลาม เพราะเท่าที่ผมรู้ๆมาว่าคุณไสยอิสลามมักชนะคุณไสยเขมร อยู่เรื่อยทำให้สองบ้านนี้เป็นปรปักษ์กันทั้งที่อาอารยา ไม่อยากจะมีปัญหากับใครแต่ไม่อาจพ้นและผมก็พลอยติดร่างแห (ซวยจริงๆกู) เพราะคุณอาทั้ง 2 แกสาดไสยเวทกันดังโครมครามไอ้ผมหรือไม่เป็นอันหลับอันนอนมีทั้งกรีดร้อง เสียงหัวเราะที่สยดสยอง เสียงเสือ เสียงวัว เสียงควาย เสียงต่อเสียงแตน เสียงลม เสียงฟ้าผ่า โอ้ยจะบ้าตายไปๆมาๆ จนผมต้องย้ายออกจากที่นั้นไม่ไหวแล้ว โอ้ย เห็นได้ยินข่าวมาหลังจากย้ายมาแล้ว อาสมหมายเสียแล้วผมคงรู้อยู่แล้วว่าแกตายเพราะอะไร

          อารยา นอกจากแกจะเก่งแล้ว แกยังมีลูกสาวสวยชื่อน้อง มาฮาน สวยมากเลยครับแค่เห็นหน้าก็รู้เคยเลือบไปเห็นน้องเขาตอนอยู่ในบ้านไม่ได้คลุม โอ้แม่เจ้า สวยมากๆ และบังเอิญแถวบ้านผมมันมี กุ๊ย 3 ตัวชอบมายอกล้อแซวน้องมาฮานอา อารยาแกเลยสังคยานาปล่อยหุ่นไม้ผีสิงผมเรียกว่า ตุ๊กตาสะกดวิญญาณ ปล่อยมาหลอกไอ้ 3 กุ๊ยหนีหายไปเลย

แหล่งข้อมูลจาก topicstock.pantip.com

อิสลามห้ามการสักยันต์


           อิสลามห้ามการสักทุกรูปแบบ ไม่ว่าการสักนั้นจะสักคำว่า อัลลอฮฺ ก็ตาม ซึ่งจะเห็นได้จากมุสลิมที่ออกมาจากคุก ส่วนใหญ่แล้วจะมีรอยสักกัน ทั้งนั้น ซึ่งผู้ที่สักและผู้ที่ถูกสักนั้น พึงทราบเถิดว่า กำลังถูก สาปแช่งจากท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มีรายงานจากอับดุลลอฮฺ อิบนิ อุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา เล่าว่า

أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ لَعَنَ الْوَاصِلَةَ وَالْمُسْتَوْصِلَةَ وَالْوَاشِمَةَ وَالْمُسْتَوْشِمَةَ

               “อันที่จริงแล้วท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้สาปแช่งผู้หญิงที่มีอาชีพทำผมปลอม ผู้หญิง ที่ใช้ผมปลอม ผู้ที่ทำการสัก และผู้ที่ถูกสัก”
(บันทึกโดยมุสลิม : 2124)



            ดังนั้นสรุปว่า อาจารย์ จะชำนาญในด้านการสักยันต์แบบไหนก็แล้วแต่ แต่การนำพระนามของอัลลอฮฺ หรืออัลกุรอ่านมาเกี่ยวข้องกับ การสักยันต์นั้นถือว่าดูหมิ่นอิสลามเป็นอย่างมาก เพราะอิสลามไม่มีการสัก การสัก ยันต์เป็นสิ่งที่ผิดต่อหลักการศาสนาอิสลาม ถึงแม้ว่าผู้สักหรือ ผู้ที่ถูกสักจะบอกว่าเป็นมุสลิมก็ตาม และถ้าผู้ที่ถูก สักยังมีความเชื่อว่าสักแล้ว จะป้องกันภัย จะเจอโชคลาภ มีเงินทอง และอีกหลาย ๆ อย่าง เท่ากับ ว่ากำลังตั้งภาคี ต่ออัลลฮฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ซึ่งบั้นปลายของผู้ที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺนั้น มีจุดหมายเดียวคือไฟนรก

อะอูซุบิลลาฮิมินซาลิก

.........................
Nipon Pongtanee




ผกร.ระเบิดรางรถไฟ ใคร? เดือดร้อน


ผกร.ระเบิดรางรถไฟ ใคร? เดือดร้อน
แบมะ ฟาตอนี

            เมื่อวันที่ 12 กันยายน 57 เวลาประมาณ 06.25 น. ได้เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายระเบิดเส้นทางรถไฟ ก่อนถึงสะพานคลองไอแดง ประมาณ 50 เมตร ในพื้นที่ ม.7 บ.ตันหยงลิมอ ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เป็นเหตุให้รางรถไฟได้รับความเสียหายไม่สามารถใช้การได้ในการก่อเหตุครั้งนี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตแต่อย่างใด 

              จากการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พบว่าลักษณะของระเบิดเป็นระเบิดแสวงเครื่องบรรจุอยู่ในถังแก๊สหุงต้มสีส้ม ขนาด 25 กก. จุดชนวนระเบิดด้วยวิทยุสื่อสาร สะเก็ดระเบิดเป็นเหล็กเส้นตัดท่อน ขนาด 3 หุน ความยาวประมาณ 2 – 3 ซม. แรงระเบิดทำให้รางรถไฟได้รับความเสียหาย ซีเมนต์ที่ใช้เป็นหมอนรองรางรถไฟ ได้รับความเสียหายจำนวน 4 หมอน ไม่สามารถใช้งานได้ และ แรงระเบิดทำให้เกิดหลุมกว้างประมาณ 1.2 เมตรลึกประมาณ 90 ซม. ห่างจากสะพานคลองไอแดง ประมาณ 48 เมตร เจ้าหน้าที่รถไฟ แขวงบำรุงทางตันหยงมัส ได้เปิดเผยว่าอาจใช้เวลาในการซ่อมแซมประมาณ 1 สัปดาห์ จึงจะสามารถใช้การได้ตามปกติ

         ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้จำนวน 4 คน ดังนี้


1. นายต่วนปา ต่วนสุหลง อายุ 29 ปี ที่อยู่ 61 ม.7 บ.ตันหยงลิมอ ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส


2. นายต่วนซูไฮมี ลอเซง อายุ 20 ปี ที่อยู่ 45 ม.7 บ.ตันหยงลิมอ ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส

          สองรายแรกชาวบ้านแจ้งว่าเป็นคนดูต้นทาง บุคคลสองคนนี้ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีพฤติกรรมขับขี่รถจักรยานยนต์มาซุ่มดูการปฏิบัติของ เจ้าหน้าที่ที่ลาดตระเวนเส้นทางรถไฟตั้งแต่ตอนเช้าซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยปฏิบัติแต่อย่างใด อีกทั้งนายต่วนปาฯ เป็นน้องชายของ นายตูแวรอมะยี ต่วนสุหลง ซึ่งเสียชีวิตจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 56 ที่ผ่านมา


3.นายอารซู ดะเซะ อายุ 27 ปีที่อยู่ 41/1 ม.7 บ.ตันหยงลิมอ ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส


4.นายมูฮำหมัด ดือราเซะ อายุ 47 ปี ที่อยู่ 42 ม.7 บ.ตันหยงลิมอ ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะจ.นราธิวาส

           บุคคลที่ 3 และ 4 ชุดติดตามจับกุมตรวจพบเสื้อยืดสีขาว กางเกงวอร์มสีดำ ซึ่งตรงกับลักษณะเสื้อผ้าของบุคคลต้องสงสัยในการจุดระเบิดที่สวมใส่ตามที่ชาวบ้านแจ้ง ซึ่งชุดดังกล่าวถูกถอดทิ้งไว้ในบ้านพร้อมทั้งวิทยุสื่อสาร

         เจ้าหน้าที่จึงอาศัยอำนาจตาม พรบ.กฎอัยการศึกควบคุมตัวบุคคลดังกล่าวเป็นเวลา ๗ วันเพื่อซักถาม ณ กรมทหารพรานที่ 46 ต.กะลุวอ อ.เมือง จ.นราธิวาส

         ผลกระทบจากกลุ่มผู้ก่อเหตุระเบิดรางรถไฟในครั้งนี้ได้ขยายเป็นวงกว้างของผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากการรถไฟไม่สามารถให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสารได้ นักเรียน นักศึกษาที่ต้องใช้บริการรถไฟเป็นพาหนะในการเดินทางไปโรงเรียนทุกวันได้รับความลำบากในการเดินทาง ส่วนในเรื่องเศรษฐกิจ และวิถีชีวิตของประชาชนโดยรวมในพื้นที่ ที่มีการขนส่งพืชผลทางการเกษตรได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัส โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่มีการขนส่งผลผลิตลองกองเพื่อนำไปจำหน่ายยังนอกพื้นที่ของพี่น้องชาวมลายูปาตานี จนถึงแหล่งเศรษฐกิจ อ.สุไหงโกลก ก็พลอยได้รับผลกระทบไม่สามารถขนส่งสินค้าทางรถไฟได้โดยสะดวก จึงเป็นเรื่องที่พวกเราสมควรประณามต่อการกระทำของผู้ก่อเหตุรุนแรงในครั้งนี้ ที่ไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของของประชาชนชาวปาตานีด้วยกัน


             การกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงแทบทุกครั้งมุ่งหวังทำร้ายหมายเอาชีวิตเจ้าหน้าที่ที่ลาดตระเวนเส้นทางรถไฟ เพื่อดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสาร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีรายได้น้อย แต่โจรใต้กลับไม่คิดถึงผลกระทบที่ตามมา พี่น้องประชาชนที่ต้องใช้รถไฟในการเดินทางเข้าเมือง และขนส่งสินค้าทางการเกษตรเพื่อนำเงินรายได้มาเลี้ยงดูครอบครัวก็ได้รับความยากลำบาก รวมทั้งลูกหลานของเราเองที่ต้องใช้รถไฟในการเดินทางไปศึกษาเล่าเรียนพลอยได้รับความเดือดร้อนจนกว่าการรถไฟจะซ่อมบำรุงเสร็จ เราทุกคนควรภาคภูมิใจที่เกิดมาในผืนแผ่นดินไทย มีเส้นทางรถไฟที่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้โดยสะดวกทั่วประเทศ ใครก็ตามที่คิดทำลายทางรถไฟถือว่าเป็นคนไม่ดี และมีความผิดจะต้องถูกจับมาดำเนินคดีในที่สุด

*****************************

ครูสตรีมุสลิม เหยื่อสังเวยโจรใต้



ครูสตรีมุสลิม เหยื่อสังเวยโจรใต้
โดย...บินหลา ปัตตานี
-----------------------------------------------------------------

            เช้าวันที่ 28 สิงหาคม 2557 ได้เกิดเหตุการณ์ที่เศร้าสลดและสะเทือนใจกับประชาชนและวงการครูเป็นอย่างมาก จากการกระทำของ ผกร. ที่ลอบวางระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊ส ต่อคณะครูและเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัยครูสถานีตำรวจภูธรโคกโพธิ์ บริเวณพื้นที่ ถ.สายท่าเรือ-บางโกระ หมู่ 2 บ.บางโกระ ต.ท่าเรือ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้ นางสาวปาติเมาะ แซมะแช อายุ 28 ปี ครูโรงเรียนบ้านท่าเรือ อ.โคกโพธิ์ ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา นางลำดวน ชูดวง ครูโรงเรียนบ้านท่าเรือ ได้รับบาดเจ็บและดาบตำรวจ ประดิษฐ์ เอี่ยมศรี ตำรวจชุดรักษาความปลอดภัยครู สถานีตำรวจภูธรโคกโพธิ์ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

  • - เหตุการณ์ทำร้ายครูในปี 57 นี้เป็นรายที่ 5 แล้วที่ครูต้องสังเวยชีวิตเพราะโจรใต้ และเป็นรายที่ 173 ของสิบปีไฟใต้ นับว่าเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของบุคลากรครูอีกครั้งหนึ่ง  จากการกระทำของกลุ่ม ผกร. ซึ่งสร้างความเศร้าโศกเสียใจของเพื่อนครู ญาติมิตรและประชาชนในพื้นที่ สร้างความสลดใจกับผู้ที่ได้รับทราบข่าวตลอดจนสร้างความสะเทือนขวัญต่อบุคคลากรครูใน จชต. เป็นอย่างมากโดยเฉพาะนักเรียนบ้านท่าเรือที่ต้องสูญเสียครูอันเป็นที่รักของเขาไปก่อนเวลาอันควร
  • - ย้อนรอยอดีต ครูปาติเมาะ แซมะแซ เป็นครอบครัวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านควนลาแม ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เป็นลูกคนที่ 8 ในจำนวน 9 คน ของตระกูล แซมะแซ พ่อแม่เสียชีวิตแล้ว รับผิดชอบดูแลน้องชายแทนพ่อแม่ การศึกษาในวัยเด็กได้เข้าเรียนระดับประถมที่โรงเรียนบ้านควนลาแม อ.โคกโพธิ์ ระดับมัธยมที่โรงเรียนซอลีฮียะ ต.ทุ่งพลา อ.โคกโพธิ์ สายวิทย์-คณิต และระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา จบปริญญาตรี สาขาวิทยาศาสตร์ทั่วไป หลังจบการศึกษาได้เข้าทำงานในตำแหน่ง ครูอัตรจ้าง ที่โรงเรียนราชมุณี ต.ทุ่งพลา อ.โคกโพธิ์ ในปี 53 ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษาโดยสอนวิชาวิทยาศาสตร์ และเมื่อประมาณต้นปี 56 ได้ย้ายมาสอนเป็นครูอัตราจ้างที่โรงเรียนบ้านท่าเรือ ต.บางโกระ อ.โคกโพธิ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับประถม โดยสอนในวิชาวิทยาศาสตร์ ในชั้น ป.4-ป.6

  • - ในด้านการปฏิบัติงาน ครูปาติเมาะ พักอาศัยอยู่ที่บ้านพ่อแม่ที่ บ.ควนลาแม ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ ชีวิตประจำวันในตอนเช้าจะเดินทางโดย รถจักรยานยนต์มาสอนนักเรียนที่โรงเรียนบ้านท่าเรือ ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร และตอนเย็นหลังโรงเรียนเลิกจะเดินทางกลับบ้าน ที่ บ.ควนลาแม ในการดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โคกโพธิ์ ซึ่งโดยปกติจะมีคณะครูของโรงเรียนบ้านท่าเรือ ร่วมเดินทางจำนวน 6 คน ในวันเกิดเหตุมีคณะครูร่วมเดินทาง จำนวน 3 คน สำหรับในวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ ครูปาติเมาะ จะไปสอนนักเรียนตาดีกา ที่ บ.ควนลาแม นับว่าเป็นบุคคลากรทางการศึกษาที่ทรงคุณค่าคนหนึ่งที่มุ่งมั่นในการอบรมสั่งสอนเยาวชนในพื้นที่บ้านเกิด ให้มีความรู้และการศึกษาที่สูงขึ้น เป็นครูที่เพื่อนครูผู้บังคับบัญชา ยอมรับว่าเป็นคนเก่ง คนดี นิสัยดี ตั้งใจเป็นครูอย่างจริงจัง เป็นที่เคารพรักของลูกศิษย์เป็นอย่างมาก
  • - วาระสุดท้ายของครูปาติเมาะฯ เมื่อเช้าวันที่ 28 สิงหาคม 2557 ขณะเดินทางเพื่อมาสอนนักเรียนตามปกติเหมือนทุกวัน โจรชั่วได้วางระเบิดคร่าชีวิตของเธอไป การกระทำของ โจรชั่วเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม แม้แต่ครูผู้หญิงซึ่งเป็นมุสลิมด้วยกันยังไม่ละเว้น เพียงเพื่อให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นเท่านั้น

  • - การกระทำของกลุ่ม ผกร.ดังกล่าวสร้างความรู้สึกหวาดกลัวหวาดผวาในหมู่เพื่อนร่วมงานทำให้โรงเรียนต้องปิดการเรียนการสอน เป็นการทำลายโอกาสทางการศึกษาของเยาวชนในพื้นที่โดยเฉพาะในโรงเรียนบ้านท่าเรือ จะเห็นว่า กลุ่ม ผกร. ต้องการทำลายบรรยากาศแห่งความสุขของพี่น้องประชาชนและทำลายความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ ที่ต้องการให้ยุติความรุนแรง ทำลายระบบการศึกษา ไม่ต้องการให้เยาวชนได้เรียนได้มีความรู้เพื่อจะได้ครอบงำและชักจูงให้เข้าขบวนการ หรือกระทำในสิ่งที่ไม่ดีได้ง่ายขึ้น
  • - ท้ายนี้ผู้เขียนขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของครูปาติเมาะ และขอเป็นกำลังใจกับบุคคลากรครูใน จชต. ได้มุ่งมั่นทำหน้าที่ให้ความรู้แก่เยาวชนในพื้นที่ต่อไป อย่าให้ ผกร. ดึงลูกหลานของพวกเราไปทำในทางชั่วขอให้ครูปาติเมาะ แซมะแซ ได้รับความเมตตาจากพระองค์ ได้รับสิ่งที่ต้องการสูงสุดคือสรวงสวรรค์ ส่วนผู้ที่วางระเบิดครูปาตีเมาะ ขอให้ได้รับละนะห์ (สิ่งที่อัปมงคลหรือสิ่งที่เลวร้ายที่สุด) จากพระองค์ ให้ได้รับความทุกทรมานไปตลอดกาล.

ครอบครัวนักข่าวที่ถูกไอซิสสังหาร ตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ถูกจับเป็นตัวประกัน


ครอบครัวเจมส์ โฟลีย์ ผู้ถูกกลุ่มติดอาวุธไอซิสจับเป็นตัวประกันและสังหารเผยแพร่ผ่านวิดีโอ ตั้งกองทุนเพื่อเป็นเกียรติแก่ลูกและเพื่อช่วยเหลือนักข่าวรวมถึงญาติของผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ขณะเดียวกันก็ยังมีข้อถกเถียงเรื่องควรให้เงินประกันเพื่อไถ่ตัวประกันจากกลุ่มก่อการร้ายหรือไม่

20 ก.ย. 2557 ครอบครัวของเจมส์ โฟลีย์ นักข่าวชาวอเมริกันที่ถูกกลุ่มติดอาวุธไอซิสจับเป็นตัวประกันและสังหารโหดเผยแพร่ผ่านวิดีโอตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมนักข่าวชาวอเมริกันที่ทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ให้ความช่วยเหลือครอบครัวชาวอเมริกันที่มีญาติถูกจับเป็นตัวประกัน และส่งเสริมโอกาสการศึกษาของวัยรุ่นในเมือง
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (19 ก.ย.) จอห์น และไดแอน โฟลีย์ พ่อและแม่ของเจมส์ประกาศก่อตั้งกองทุนเจมส์ ดับเบิลยู โฟลีย์ "เพื่อส่งเสริมความใฝ่ฝันและอุดมคติของคนยุคอนาคต"
หลังข่าวการสังหารโฟลีย์โด่งดังไปทั่วโลกครอบครัวโฟลีย์ซึ่งอาศัยในเขตนิวอิงแลนด์ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ ก็กลายเป็นที่สนใจของสาธารณชนและได้ร่วมถกเถียงว่าจะจัดการกับปัญหาการลักพาตัวและเรียกค่าไถ่โดยกลุ่มติดอาวุธไอซิสอย่างไร
ก่อนหน้านี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เจมส์ โฟลีย์ ถูกจับตัวไปขณะกำลังทำข่าวความขัดแย้งอยู่ในซีเรีย ในช่วงเวลานั้นเขาถูกทุบตีและทารุณกรรมจนกระทั่งถูกสังหารโดยกลุ่มไอซิสในที่สุด แต่กองทุนของโฟลีย์ซึ่งถูกตั้งขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือครอบครัวที่ต้องทนทุกข์กับการที่ญาติถูกจับเป็นตัวประกัน ก็ทำให้นักข่าวผู้กล้าคนนี้เสมือนได้รับการเชิดชูเกียรติ
ครอบครัวโฟลีย์แถลงข่าวว่า "เป้าหมายอย่างแรกของกองทุนคือการสร้างศูนย์ทรัพยากรเพื่อช่วยเหลือครอบครัวของตัวประกันชาวอเมริกันในขณะที่พวกเขาต่อสู้เพื่อให้บุคคลอันเป็นที่รักของตนได้กลับบ้าน"
นี่เป็นประเด็นที่ครอบครัวโฟลีย์มีความรู้สึกร่วมอย่างลึกซึ้งกับครอบครัวที่ถูกกลุ่มไอซิส รวมถึงกลุ่มก่อการร้ายหรือกลุ่มอาชญากรอื่นๆ จับเป็นตัวประกัน
กองทุนของเจมส์ โฟลีย์ ไม่เพียงแค่ต้องการช่วยเหลือญาติของผู้ถูกลักพาตัวเท่านั้น แต่ยังต้องการให้เกียรติสิ่งที่โฟลีย์เคยทำไว้เช่นการเป็นครูสอนผู้ด้อยโอกาส