ปล้นปืนทหาร สัญญาณแห่งความรุนแรงครั้งใหญ่http://peace.chaotainews.com/index.php?option=com_content&view=article&id=2058:2011-01-31-08-20-50&catid=10:2008-07-22-05-57-22&Itemid=10การโจมตีฐานที่นราธิวาสเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2554 เป็นตัวเตือนที่น่ากลัว ถึงกลุ่มก่อความไม่สงบในภาคใต้ยังคงมีกำลังที่มีศักยภาพและมีความสามารถในการก่อเหตุขนาดใหญ่ และแสดงให้รัฐบาลเห็นว่า การลดระดับความรุนแรงนั้นคงเป็นไปได้ยาก น่าแปลก การโจมตีในฐานทหาร ในอำเภอระแงะนราธิวาส ในครั้งนี้ต้องสงสัยว่าเป็น การย้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 7 ปีก่อน เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547วันที่ 4 มกราคม 2547 "วันเสียงปืนแตก" โดยคนร้ายก่อเหตุเผาโรงเรียน 20 แห่ง ใน จ.นราธิวาส ซึ่งเชื่อว่าเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจ เพื่อเข้าปล้นปืนจากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส การจู่โจมครั้งนี้คนร้ายได้อาวุธปืนของทางราชการไปเป็นจำนวนมากอันมีปืนไรเฟิล 400 กระบอก ปืนพก 20 กระบอก ปืนกล 2 กระบอก ซึ่งปัจจุบัน ก็ยังไม่สามารถเอาคืนกลับมาได้หมดและมีทหารเสียชีวิต 4 นาย นั่นทำให้รัฐบาลเสียหน้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ไม่พอใจเป็นอย่างมาก กล่าวตำหนิทหารที่ไม่ระมัดระวัง และถึงกับพูดว่า "ถ้าคุณมีกองทหารทั้งกองพันอยู่ที่นั่น แต่คุณก็ยังไม่ระวังตัว ถ้าอย่างนั้นก็สมควรตาย" การดำเนินงานของคนร้ายที่ก่อเหตุในการโจมตีฐานทหารที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา คนร้ายได้มีการเตรียมการมาอย่างดี โดยน่าจะมีกลุ่มผู้กอ่เหตุในครั้งนี้ประมาณ 50 คนพร้อมอาวุธครบมือ และคาดว่าคนร้ายกลุ่มนี้น่าจะได้อาวุธไปกว่า 50 กระบอก คือ อาวุธปืนอูซี่ 14 กระบอก เอ็ม 16 A2 30 กระบอก ปืนกลสำหรับติดตั้งบนรถยนต์วีว่า 2 กระบอก กระสุนชนิดต่างๆอีก 4 พันกว่านัด ถูกปล้นไป ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหาร 4 นายเสียชีวิตรวมทั้ง ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ ผบ.ร้อย ร.15121 ฉก.นราธิวาส ที่ 38 หัวหน้าฐาน และยังมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่กองทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวถึงการโจมตีในครั้งนี้ว่า เกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่ภายในฐานกำลังพักผ่อนหลังรับประทานอาหารเย็นเสร็จ กลุ่มคนร้ายได้วางแผนการดำเนินงานมาอย่างดี โดยกระจายกำลังและแบ่งการทำงาน โดยคนร้ายประมาณ 10 คน ได้โจมตีบริเวณด้านฐานซึ่งมีทหารยามอยู่ หลังเกดเหตุพบว่าคนร้ายต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่ เพราะทหารส่วนใหญ่รีบมุ่งหน้าไปป้องกันทางด้านหน้าของฐานที่กำลังถูกโจมตี ขณะที่กลุ่มคนร้ายอีกส่วนประมาณ 20 คนเข้าจู่โจมอย่างรวดเร็วโดยบุกเข้ามาทางด้านหลังของฐาน ซึ่งไม่มีการป้องกันอะไรเป็นพิเศษ ทำให้คนร้ายสามารถเข้าโจมตีฐานและขโมยอาวุธปืนของทางการไปได้สำเร็จ นอกจากนี้ กลุ่มคนร้ายยังได้ทำการสกัดเส้นทางการเดินทางเข้าไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ โดยการตัดต้นไม่ขวางถนน โปรยตะปูเรือใบ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องจัดกำลังโดยใช้เฮลิครอปเตอร์บินไล่ล่าคนร้าย หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้กระจายกำลังค้นหาไล่ล่ากลุ่มคนร้าย ซึ่งคาดว่าน่าหลบหนีและกบดานอยู่ในพื้นที่ รวมทั้งควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเข้ามาสอบปากคำ เห็นได้ชัดเจนว่า จุดประสงค์หลักของการโจมตีในครั้งนี้ คือ ความต้องการยึดอาวุธ และการท้าทายอำนาจรัฐบาลโดยแสดงให้เห็นว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบยังคงมีศักยภาพและพร้อมที่จะก่อเหตุในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ห่างจากเหตุการณ์คนร้ายถล่มฐานทหารที่ นราธิวาสไม่ถึงสัปดาห์ (25 มกราคม 2554) ความรุนแรงของสถานการ์ใต้ดูจะวุ่นวายมากขึ้น เมื่อได้เกิดเหตุบนถนนสาธารณะระหว่างอ.ยะหาและอ.กาบัง จ.ยะลา แรงระเบิดอานุภาพสูงทำให้รถกระบะขาดสองท่อนมีผู้เสียชีวิตทันทีเจ็ดคนและต่อมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีกสอง คน รวมมีผู้เสียชีวิต 9 คน และบาดเจ็บอี ก 2 คน ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ แต่เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาที่เดินทางกลับจากไปหาของป่าในพื้นที่ ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา จ.ยะลา จากการตรวจสอบทั้งหมดเป็นชาวไทยพุทธ ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย จ.ยะลา ในขณะที่รัฐบาลก็ได้ออกมาประชาสัมพันธ์ ว่า สถานการณ์ดีขึ้น ขณะความรุนแรงที่ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองอย่างดูจะเป็นเงาในทางกลับกันอย่างสิ้นเชิง แอนโธนี เดวิส (Anthony Davis) นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคง ที่ทำงานให้แก่ ไอเอชเอส-เจนส์ (IHS-Jane''s) กล่าวว่า การโจมตีฐานทหารที่ระแงะนั้น ดูจะเป็นการเปิดเฟส การทำงานใหม่อีกครั้งของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ซึ่งการก่อเหตุในครั้งนี้คนร้ายมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน ซึ่งนอกจากจะเป็นการปล้นอาวุธแล้ว นี่ยังถือการส่งสัญญาณบางอย่างถึงรัฐบาลว่าไม่ควรประมาทพวกเขา ล่าสุดคนร้ายได้วางระเบิดชุดคุ้มครองพระที่ปัตตานี เป็นเหตุเจ้าหน้าที่ทหารรวมทั้งพระสงฆ์ ต่างได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดในช่วงเช้า ของวันที่ 28 ม.ค.54 ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวกำลังปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองพระสงฆ์ออกบิณฑบาตมาตามถนนโรงเหล้า ภายในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุคนร้ายได้จุดชนวนระเบิดขึ้น แรงระเบิดทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ซึ่งกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าวสามารถจับภาพคนร้ายไว้ได้ แต่คนร้ายสวมหมวกกันน็อกปิดบังทำให้เป็นการยากต่อการติดตาม และรวมไปถึงเหตุการณ์ยิงฆ่ารายวันในพื้นที่ 3 จว.ภาคใต้ถี่เกิดขึ้นถี่ในเวลานี้ ท่ามกลางศึกทุกด้านที่เข้ามาประชิดรัฐบาล ดูเหมือนรัฐบาลเองก็ต้องตอบคำถาม ของฝ่ายค้าน ที่ลงความเห็นว่า รัฐบาลล้มเหลวในการแก้ปัญหาภาคใต้ ... โดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า สถานการณ์ในพื้นที่ดีขึ้น แต่ก็คงจะไม่สามารถยุติได้ในวันนี้ ``มันไม่ได้เป็นเช่นการปิดไฟ และการก่อความไม่สงบเกิดขึ้นเป็นเวลาหลายปี [ตั้งแต่ปี 2547]เราจะต้องใช้เวลาในการแก้ไขมัน.'' แนวทางการเจรจา น่าจะเป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยบรรเทาสถานการณ์ลงได้บ้าง บางคนบอกอาจเสียหน้าถ้าต้องเจรจากลุ่มผู้ก่อการร้าย ที่จริงไม่รู้ว่ากลัวเสียหน้าที่ต้องเจรจา หรือเสียหน้าที่ยังตอบไม่ได้ว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายเป็นใคร.... |
หน้าเว็บ
▼
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น