หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2554

หลักสูตรฆ่าตัดคอ

ผงะ!โจรใต้นับร้อยคนจบหลักสูตร'ฆ่าตัดคอ'


    "มาร์ค"  เผยอินโดนีเซียรับปัญหา  3  จังหวัดภาคใต้เป็นเรื่องภายในไทย  พร้อมช่วยชี้แจงชาติมุสลิม   แต่โจรใต้ยังเหี้ยมไม่เลิก   ฆ่าตัดคอสองสามี-ภรรยาขณะออกรับจ้างกรีดยางในยะลา   ก่อนบึ้มใส่เจ้าหน้าที่เจ็บ  1  ราย   เชื่อตอบโต้หลังจับแกนนำอาร์เคเค 5  ราย  แพร่คลิปฆ่าตัดคอทั่วเมืองหวังข่มขู่
     เมื่อวันที่  22  กุมภาพันธ์   นายอภิสิทธิ์   เวชชาชีวะ   นายกรัฐมนตรี   กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ  อภิสิทธิ์   ระหว่างเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการว่า   เรื่องหนึ่งที่อินโดนีเซียได้ให้ความช่วยเหลือในการทำความเข้าใจกับประชาคมโลก   โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มมุสลิมมาโดยตลอด   ก็คือปัญหา  3  จังหวัดภาคใต้  ซึ่งตนก็ได้มาอธิบายถึงแนวนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบัน   และก็ได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีอินโดนีเซีย   ซึ่งยืนยันว่าท่านมองปัญหานี้เป็นปัญหาภายในของเรา   และก็พร้อมที่จะไปชี้แจงจุดยืนนี้ต่อกลุ่มประเทศมุสลิม  โดยเฉพาะในเวทีของ  OIC  เพื่อจะช่วยให้นานาชาติโดยเฉพาะโลกมุสลิมนั้น   มีความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล   ที่าจะยืนอยู่บนพื้นฐานของสันติวิธี   และการอำนวยความยุติธรรมควบคู่ไปกับการพัฒนา   และสร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่   ไม่เพียงแต่ดูในเรื่องของการใช้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงดูแลความสงบเรียบร้อยเท่านั้น
     ส่วนสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่   เมื่อเวลา  04.30  น. ตำรวจ  สภ.ท่าธง  อ.รามัน  จ.ยะลา  ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า   เกิดเหตุฆ่าตัดคอภายในสวนยางพาราบ้านโต๊ะพราน   ริมถนนสายโต๊ะพราน-บ้านพรุ   หมู่ที่  1  ต.ท่าธง   เมื่อไปถึงพบศพ  นายคงเพชร   จรรยาเลิศ  อายุ  35  ปี  อยู่บ้านเลขที่  98   ม.5  บ้านเกาะ  ต.ท่าธง  ตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่  5  นอนเสียชีวิต   สภาพศพถูกยิงตามร่างกายหลายนัด   ส่วนหัวขาดหายไป   ห่างกันเล็กน้อยพบศพนางเย็นใจ   จรรยาเลิศ   อายุ  35  ปี   ภรรยาที่ถูกยิงตามร่างกายและส่วนหัวขาดหายไปเช่นกัน   ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาศีรษะของผู้ตายอยู่   ได้เกิดระเบิดขึ้นห่างจากจุดพบศพประมาณ  10  เมตร   ทำให้  ส.ต.อ.อภิวัฒน์  ชายพจน์  อายุ  35  ปี  ผบ.หมู่  ป.สภ.ท่าธง  ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บสาหัส   ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลยะลา
     จากการสอบสวนทราบว่า   ผู้ตายทั้งสองได้ออกจากบ้านพักมารับจ้างกรีดยางของเพื่อนบ้านเป็นประจำทุกวัน   เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่น้อยกว่า  6-7  คน  อาศัยความมืดในสวนยางเป็นที่หลบซ่อนตัว   ใช้อาวุธสงครามยิงทั้งสองจนเสียชีวิต   จากนั้นได้ตัดคอผู้เสียชีวิตนำไปด้วย   พร้อมวางกับดักระเบิดชนิดแสวงเครื่องจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ   น้ำหนักประมาณ  5  กก.  เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า   เป็นการก่อเหตุเพื่อตอบโต้ที่เจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมตรวจค้น   และสามารถจับกุมแกนนำอาร์เคเคจำนวน  5  คนได้พร้อมด้วยอาวุธสงคราม  ในพื้นที่  ต.อาซ่อง  อ.รามัน  ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้เคียงกัน
     มีรายงานข่าวว่า   ได้มีชาวบ้านในเขตเทศบาลนครยะลาเปิดเผยกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวของ  กอ.รมน.ภาค  4  ว่า  ได้รับภาพคลิปฆ่าตัดคออย่างโหดร้ายทางมือถือโดยบังเอิญ   ขณะขับรถอยู่ในย่านชุมชนตลาดเก่าเขตเทศบาลนครยะลา  ซึ่งจากการตรวจสอบที่มาของภาพ   พบว่าเป็นลักษณะของบลูทูธ   ซึ่งได้มอบให้กับเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวตรวจสอบ   และพบว่าเป็นเหตุการณ์ที่กลุ่มก่อความไม่สงบฆ่าโหด  2  ทหารพราน  ที่บ้านประจันทร์  อ.ยะรัง  จ.ปัตตานี  ซึ่งหลังจากยิงถล่มทหารพรานแล้ว   ผู้ก่อเหตุได้วิ่งเข้าไปใช้มีดบั่นศีรษะผู้ตายที่เป็นมุสลิม   จากนั้นได้จุดไฟเผา   ซึ่งเจ้าหน้าที่ยอมรับว่าเป็นเหตุการณ์จริง   และกำลังตรวจสอบหาแหล่งที่มาของการส่งสัญญาณบลูทูธดังกล่าวแล้ว
     เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวความมั่นคงระดับสูงในจังหวัดชายแดนภาคใต้   เปิดเผยว่า   ขณะนี้แนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้   ได้เริ่มใช้ยุทธวิธีการอันน่าสะพรึงกลัว  โหดเหี้ยม  อำมหิต  และเพิ่มความถี่ขึ้น   ในลักษณะการลอบสังหาร  เชือดคอ  ตัดศีรษะ  เพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่ให้รุนแรงขึ้น   เนื่องจากขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการรุกหนักและควบคุมสถานการณ์ได้มากขึ้น   การฆ่าตัดคอเป็นหลักสูตรหนึ่งในยุทธวิธีก่อการร้ายของขบวนการแบ่งแยกดินแดนภาคใต้   ที่ได้ทำการฝึกสอนให้กับแนวร่วมปฏิบัติการ   โดยเมื่อเหยื่อที่ถูกลอบสังหารเสียชีวิตแล้ว   ก็จะทำการพลิกตัวให้นอนคว่ำ   จากนั้นเชือดลูกกระเดือกด้วยมีดปาดตาล   ซึ่งหลักสูตรฆ่าตัดคอจะมีอยู่ในคลิปวิดีโอ   และมีการเรียนทางคลิปวิดีโอด้วย  ซึ่งทางการตรวจค้นพบเมื่อปี  2548  ที่ผ่านมา  เชื่อว่าผู้สำเร็จหลักสูตรฆ่าตัดคอมีจำนวนนับร้อยคน
     นอกจากนี้   พ.ต.ท.ต่วนเดร์   จุฑานันท์   รอง  ผกก.สส.สภ.ยะรัง  จ.ปัตตานี  ได้รับแจ้งพบศพนอนตายอยู่ริมถนน    สายราตาปันยัง-พงสตา  หมู่ที่  1  บ้านสะนอ  ต.สะนอ  สภาพนอนคว่ำหน้าอยู่ในพงหญ้าข้างทาง   จึงเข้าตรวจค้นหาหลักฐานในตัว  ทราบชื่อว่านายเจ๊ะปอยี   อูมาร์  อายุ  35  ปี  อยู่บ้านเลขที่  39/4  ถ.โรงอ่าง  ต.สะบารัง  อ.เมืองปัตตานี   สภาพศพที่ขาทั้งสองข้างถูกมัดด้วยผ้าอย่างแน่นหนา   โดยที่ลำตัวพบบาดแผลถูกแทงด้วยของแหลมจำนวน  4  แผล  และใบหน้าถูกทุบจนกะโหลกแตก   โดยที่หน้าอกมีรอยสัก  2  แห่ง  และในที่เกิดเหตุพบซองมีดพกสีดำ  ยาว  30  ซม.เปื้อนเลือดตกอยู่  เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
     จากการสอบสวนทราบว่า   ผู้ตายน่าจะถูกอุ้มมาจากที่อื่นโดยคนร้ายที่ไม่ต่ำกว่า  2  คน  เนื่องจากเป็นที่เปลี่ยวและมืด   โดยคนร้ายได้มัดขาทั้งสองข้างก่อนจะลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยม   แล้วทิ้งศพไว้เพื่ออำพรางคดีก่อนจะหลบหนีไป   เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานน่าจะเป็นการหักหลังเกี่ยวกับธุรกิจผิดกฎหมายและยาเสพติด   อย่างไรก็ตาม  เจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
     ขณะที่  พ.ต.อ.สมพงษ์   ชิงดวง  รอง  ผบก.ภ.จ.นราธิวาส   เป็นผู้อำนวยการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่   13  อำเภอของ  จ.นราธิวาส  รวม 400  นาย  ใช้กฎอัยการศึกในการบุกจู่โจมตรวจค้นเป้าหมายต้องสงสัย  50  จุดนานกว่า 3 ชั่วโมง  และสามารถจับกุมนายซูดิง   แมเร๊าะ   อายุ  40  ปี  ผู้ต้องหาตามหมายจับ  พ.ร.ก.ฉุกเฉิน   ซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยร่วมก่อเหตุคดีความมั่นคงในพื้นที่  อ.ระแงะหลายคดี  รวมทั้งนายดอฮะ  ตาตา   พร้อมของกลางอาวุธปืนพกสั้นขนาด  .357  หนึ่งกระบอก  และกระสุนปืน  12  นัด   อีกรายคือ  นายชวลิต   สังข์แก้วป่า  อายุ  42  ปี  พร้อมอาวุธปืนพกสั้นขนาด  .22  หนึ่งกระบอก  และกระสุนปืน  4  นัด   นอกจากนี้  ยังสามารถจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดได้   4  คน  คือ  1.นายอับดุลเลาะ   แวยี   อายุ  24  ปี,  นายอัดลัน  ตานิง  อายุ  26  ปี,  นายมุสตอปาร์  เดร์  อายุ  22  ปี  และนายรอสาห์  วะนา  รวมของกลางได้ยาบ้าจำนวน  189  เม็ด  ยาแก้ไอชนิดน้ำเชื่อมจำนวน  50  ซีซี
     ที่วัดนพวงศาราม   อ.เมืองปัตตานี   พล.ต.ท.อดุลย์   แสงสิงแก้ว   ผู้ช่วย  ผบ.ตร.  และนายธีรเทพ   ศรียะพันธ์   ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี   เป็นประธานวางพวงหรีดและรดน้ำศพ  ส.ต.ท.เลิศวิลัย   สอนไชย   อายุ  27  ปี  ผู้บังคับกองร้อยปราบจลาจล  สภ.นาประดู่  อ.โคกโพธิ์  จ.ปัตตานี   เสียชีวิตจากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดขณะที่  ส.ต.ท.เลิศวิลัย  พร้อมตำรวจรวม  5  นายออกลาดตระเวนมาถึงถนนสาย  409  ปัตตานี-ยะลา  หมู่ที่  5  บ้านชมพู  ต.ปากล่อ  อ.โคกโพธิ์   เมื่อวันที่  17  ก.พ.ที่ผ่านมา  ทำให้  ส.ต.ท.เลิศวิลัยได้รับบาดเจ็บสาหัส  เนื่องจากสมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจนไม่รู้สึกตัว   และได้เสียชีวิตเมื่อเวลา  04.00  น.ของวันที่  22  ก.พ.  ซึ่งหลังจากทำพิธีรดน้ำศพแล้ว    ญาติและสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะได้เคลื่อนศพไปยังท่าอากาศยานปัตตานี ต.บ่อทอง   อ.หนองจิก  เพื่อนำขึ้นเครื่องบินของกองบินตำรวจกลับไปบำเพ็ญกุศล  ที่บ้านหมู่ 6  ต.ยวด  อ.สร้างคอม  จ.อุดรธานี
     ที่ห้องประชุมไพลิน   โรงแรมเบตงเมอร์ลิน  อ.เบตง  จ.ยะลา  นายธีระ   มินทราศักดิ์   ผู้ว่าราชการ  จ.ยะลา  ได้บรรยายพิเศษเรื่อง   แนวทางการประชาสัมพันธ์สนองยุทธศาสตร์ยะลาสันติสุข   โดยมีสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ภาครัฐใน  จ.ยะลา  ร่วมสัมมนาจำนวน 70  คน   โดยนายธีระกล่าวว่า   การสัมมนาครั้งนี้เป็นวิธีการหนึ่งที่อยากจะเห็นสื่อมวลชนในจุดเล็กๆ  ไม่ว่าจะเป็นดีเจ  พิธีกร  ผู้สื่อข่าววิทยุ  โทรทัศน์   หนังสือพิมพ์   และฝ่ายประชาสัมพันธ์ของจังหวัด  มีความรัก   ความสามัคคี  และมีแนวความคิด   วิธีการในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องให้กับประชาชน   สร้างเครือข่ายด้านการประชาสัมพันธ์ในพื้นที่   ทั้งนี้เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับจังหวัดยะลา   ตามยุทธศาสตร์ยะลาสันติสุขไปในทิศทางเดียวกัน   รวมถึงเพื่อสร้างความเข้าใจ  ลดความหวาดระแวง  สร้างความยุติธรรม  นำยะลาสันติสุข
     ผู้ว่าราชการ  จ.ยะลา  กล่าวว่า  ในปี  2552  ทางจังหวัดมีแผนงานและโครงการต่างๆ  มากมาย   ไม่ว่าจะเป็นวาระของรัฐบาล   หรือแนวทางแนวคิดของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้   รวมทั้งการพัฒนาของทางจังหวัดเองไปสู่ทิศทางการแก้ไข   ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องเชิงลึก   และในด้านความมั่นคงแล้ว   ทางจังหวัดจะต้องแก้ไขปัญหาด้านความเป็นอยู่   การมีคุณภาพชีวิตที่ดีของพี่น้องประชาชนด้วย   ดังนั้น  การทำกิจกรรมต่างๆ  ของจังหวัดจะต้องแจ้งให้สื่อมวลชนรับทราบ   เพื่อนำไปประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนชาวไทยและผู้ที่ยังไม่รู้ได้รับทราบว่า   ใน  3-10  ปีข้างหน้า  ยะลาจะมีการพัฒนาไปในทิศทางใดบ้าง
     พ.ท.นริศ   รุจานันท์   รองผู้บังคับการกรมทหารช่างที่  2  เปิดเผยว่า  กองพลพัฒนาที่  2  โดยกรมทหารช่างที่  2  ซึ่งดำเนินการก่อสร้างโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ที่  39 อ.ระแงะ  จ.นราธิวาส   ใกล้แล้วเสร็จ   และพร้อมส่งมอบได้ประมาณเดือน  มี.ค.นี้  ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก   เพื่อเป็นการสานต่อความสัมพันธ์ระหว่างคณะครู  นักเรียน  กับหน่วยทหารกองพลพัฒนาที่  2  ได้จัด  "โครงการทัศนศึกษาสัมพันธ์สานฝันเยาวชนไทยใต้ฟ้าเดียวกัน"  เพื่อสร้างทัศนคติและความรู้   ความเข้าใจอันดีแก่พี่น้องประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้   นำไปสู่การสร้างความสมานฉันท์และสันติสุข   ด้วยการนำคณะครูและนักเรียนจากโรงเรียนราชประชานุเคราะห์  39  อ.ระแงะ  จ.นราธิวาส  จำนวน  100  คน  เดินทางไปทัศนศึกษาและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับเยาวชนใน  จ.นครราชสีมา
     พ.ท.นริศ   กล่าวว่า  สำหรับ  รร.ราชประชานุเคราะห์  39  เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว   ที่ได้พระราชทานแก่เยาวชนในพื้นที่  5  จังหวัดชายแดนภาคใต้   ผ่านมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์   โดยมอบให้กองทัพบกดำเนินการก่อสร้าง    และในจังหวัดนราธิวาส   กองทัพบกได้มอบหมายให้กองพลพัฒนา   โดยกรมการทหารช่างที่  2  ดำเนินการตั้งแต่วันที่  28  พ.ย.48   ซึ่งการเดินทางไปร่วมทัศนศึกษาและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของเยาวชนในครั้งนี้   นอกจากเยาวชนทั้ง  2  จังหวัดจะมีโอกาสได้รู้จักกัน   ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น  ประสบการณ์  และวัฒนธรรมซึ่งกันและกันแล้ว   จะยังก่อให้เกิดความรู้สึกรัก  ศรัทธา   และเชื่อมั่นต่อกองทัพบก   รวมทั้งหน่วยทหารที่เสียสละแรงกายแรงใจในการปฏิบัติหน้าที่   เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น