หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554

ทำงานให้คุ้มเงินเดือนหน่อย

ระดม ไล่ล่ากลุ่มก่อความไม่สงบถล่มฐานทหาร"ร.อ."กับลูกน้อง พลีชีพ 4 ศพ บาดเจ็บ 7 นาย ฝ่ายคนร้ายราว 40เปิดฉากด้วยเอ็ม 79 แล้วบุกเข้าประชิดปะทะกันดุเดือด ทลายคลังแสงในค่าย ปล้นปืนไปกว่า 50 กระบอก กระสุนกว่า 5,000 นัด ก่อนหนีขึ้นเทือกเขาบูโด เผยวางแผนลงมือมาอย่างดี ยิ่งกว่าคราวปล้นปืนค่ายทหาร เมื่อ 4 ม.ค.2547 "มาร์ค" เรียก "บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่" หารือเครียด อ้างรู้อยู่แล้วจะก่อเหตุในช่วงนี้ ใกล้ประชุมองค์การอิสลาม หวังสร้างเงื่อนไข ส่วน "เทือก" ก็อ้างอีกเพราะเจ้าหน้าที่ทำงานดี ชาวบ้านให้ความร่วมมือ จนกดดันให้โจรใต้ต้องก่อเหตุแสดงอำนาจ อิทธิพล ขณะที่ "ประยุทธ์" ถือเป็นบทเรียน กำชับห้ามเกิดอีก ย้ำห้ามรุนแรงตอบโต้ แต่ให้ใช้กฎหมายจัดการ

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 20 ม.ค. นายเดชรัฐ สิมศิริ รอง ผวจ.นราธิวาส พร้อมด้วย พ.ท.ธนิต แสงจันทร์ ผบ.ฉก.นราธิวาส 38 และพ.ต.ท.จันที แจ่มจันทร์ รอง ผกก.พิสูจน์หลักฐาน จ.นรา ธิวาส นำกำลังตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองเข้าตรวจสอบฐานปฏิบัติการทหาร ร้อย ร.15121 ฉก.นราธิวาส 38 ตั้งอยู่ที่บ้านมะรือโบตก หมู่ 1 ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ภายหลังถูกกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ลอบโจมตี เมื่อคืนวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ทหารเสียชีวิต 4 นาย ประกอบด้วย ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ ผบ. ร้อย ร.15121, ส.อ.อับดุลเลาะ ดะหยี, ส.ท.เทว รัตน์ เทวา และพลทหารประวิทย์ ชูกลิ่น และมีทหารได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก

จากการตรวจสอบพบโรงเรือน ซึ่งเป็นอาคารแบบน็อกดาวน์ และเพิงพักของทหาร ถูกวางเพลิงเสียหาย 4 หลัง รถจักรยานยนต์ถูกวางเพลิง 1 คัน โดยเฉพาะภายในโรงเรือนที่ดัด แปลงเป็นคลังอาวุธประจำฐาน ถูกคนร้ายงัดประตู และขโมยอาวุธปืนเอ็ม 16 และอาวุธปืนพกสั้น ขนาด 11 ม.ม. ไปกว่า 50 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนอีกกว่า 5,000 นัด ส่วนบริเวณรั้วสนามและหลุมเพลาะด้านหลังของฐาน พบไม้กระดานยาว 3 เมตร จำนวนกว่า 10 แผ่น วางพาดอยู่ คาดว่าเป็นของคนร้ายที่วางพาดเป็นสะพานวิ่งกรูเข้าโจมตีในระยะประชิด อีกทั้งยังพบหลุมระเบิดเอ็ม 79 กว่า 20 จุด ปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 เอ็ม 60 อาก้า ลูกซอง ปลอกกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. และขนาด 11 ม.ม. อีกกว่า 700 นัด เกลื่อนฐาน

รายงานข่าวจากชุดคลี่คลายคดีความมั่นคงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประเมินเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า กลุ่มคนร้ายที่ลงมือปฏิบัติการน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 30 คน วางแผนบุกโจมตีอย่างดี และมีระบบมากกว่าเหตุการณ์บุกปล้นปืนที่กองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อคืนวันที่ 4 ม.ค. 2547 อีกทั้งกลุ่มคนร้ายรู้ความเคลื่อนไหวภายในฐานเป็นอย่างดี และคาดว่ากำลังของคนร้ายอย่างน้อย 80 เปอร์เซ็นต์ เคยร่วมบุกปล้นปืนที่ผ่านมาด้วย โดยมีนายมะแซ อุเซ็ง แกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบเป็นผู้บงการ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ส่วนการติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้ายนั้น กำลังทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง สนธิกำลังประมาณ 300 นาย พร้อมสุนัขสงครามดมกลิ่น กระจายกำลังกันโอบล้อมเทือกเขาบูโดด้านหลังฐาน ซึ่งเป็นเส้นทางเข้าโจมตีและหลบหนีของกลุ่มคนร้าย เจ้าหน้าที่พบรอยเลือดตามเส้นทางที่มุ่งหน้าขึ้นสู่เทือกเขา ห่างจากฐานประมาณ 500 เมตร คาดว่ากลุ่มคนร้ายถูกเจ้าหน้าที่ยิงได้รับบาดเจ็บด้วยหลายคน จึงส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบตามโรงพยาบาล และสถานีอนามัย อาจเป็นไปได้ว่าคนร้ายจะแฝงตัวปะปนกับชาวบ้านเข้าไปรักษาอาการบาดเจ็บ

ขณะ เดียวกัน ที่ร.พ.นราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโร รัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 เดินทางเข้าเยี่ยมทหาร 6 นายที่ได้รับบาดเจ็บ ในจำนวนนี้สาหัส 2 นาย ยังคงอยู่ในห้องไอซียู คือ ส.อ.สุคน ชูศรี อายุ 28 ปี ถูกกระสุนเข้าที่ก้นและช่วงล่าง และพลฯ ธันวา ยอดแก้ว อายุ 22 ปี ถูกกระสุนเข้าที่ปอดเฉี่ยวหัวใจ

พล.ท.อุดมชัย กล่าวว่า แม้ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้เตรียมความพร้อม และเฝ้าระวังในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง แต่ต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลุ่มคนร้ายลงมือปฏิบัติการอย่างอุก อาจ และมีข้อผิดพลาดทำให้เกิดช่องโหว่ ดังนั้น จะต้องประเมินและหาแนวทางแก้ไข เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกต่อไป แม้สูญเสียกำลังพลแต่ทุกนายก็พยายามเต็มที่แล้ว โดยยิงปะทะกันนานประมาณ 30 นาที 


ด้าน พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. วันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงประมาณ 40 คน เข้าปะทะกับทหาร ซึ่งอยู่ในที่ตั้งฐานปฏิบัติการ ร้อย ร.15121 โดยคนร้ายเข้าโจมตีทางด้านหลังของฐานปฏิบัติการ จึงเกิดการยิงปะทะกันขึ้น ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงจึงล่าถอยไป หลังเกิดเหตุพบทหารเสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บ 7 นาย

พ.อ.บรรพตกล่าวว่า สำหรับอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่นั้นขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่าสูญหายไป จำนวนเท่าไหร่ เชื่อว่ากลุ่มคนร้ายอาศัยช่วงชุลมุนลักลอบหยิบไปก่อนที่จะหลบหนีด้วย และหลังเกิดเหตุแม่ทัพภาคที่ 4 สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ปิดล้อมพื้นที่ทันที เพื่อไล่ล่ากลุ่มคนร้าย พร้อมทั้งสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ ส่องแสงสว่าง รวมทั้งในช่วงเช้าที่ผ่านมาแม่ทัพภาคที่ 4 ก็เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบด้วยตนเองแล้ว ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าอาจจะมีเจ้าหน้าที่บางรายแจ้งเบาะแสให้กลุ่มคนร้ายนั้น ยังไม่มีรายงานยืนยันแน่ชัด อยู่ในระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่

ผู้ สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับ ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ ผบ.ร้อย ร.15121 ที่เสียชีวิตจากเหตุกลุ่มก่อความไม่สงบโจมตีฐาน เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 38 และมีศักดิ์เป็นหลานชาย พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีต รมว. กลาโหม

วันเดียวกัน เวลา 12.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เรียกพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เข้าพบเพื่อรายงานเหตุถล่มฐานทหาร และต่อมาเวลา 15.00 น. นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า เสียใจแก่ผู้สูญเสียและครอบครัว ขณะนี้กองทัพได้ปรับแนว ทาง ในบางเรื่อง เนื่องจากการวางกำลังในขณะนี้ค่อนข้างจะกระจาย อาจเปิดช่องให้เกิดเหตุ พื้นที่เกิดเหตุมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง อีกทั้งจังหวะเวลาทำให้พอคาดการณ์ได้ว่าเกี่ยวข้องกับการประชุมองค์การการ ประชุมอิสลาม (โอไอซี) เกี่ยวข้องกับการตอบโต้ หรือยั่วยุแนวทางของรัฐบาลในเรื่องพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ผู้สื่อข่าวถาม ว่าเกี่ยวข้องกับโอไอซีในแง่ใด นายกฯกล่าวว่า โดยปกติพอใกล้การประชุมจะมีความพยายามก่อเหตุ หรือยั่วยุให้เกิดการตอบโต้ด้วยความรุนแรง เพื่อนำไปใช้เป็นเงื่อนไข เมื่อถามว่าเหตุใดการข่าวถึงไม่ทราบว่าจะมีการก่อเหตุ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จริงๆ มีรายงานอยู่บ้าง แต่อาจจะมีจุดอ่อนบางเรื่อง ซึ่งกองทัพจะปรับแนวทาง

ต่อข้อถามว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลต่อการ ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พื้นที่เกิดเหตุไม่ใช่เลย เพราะเราประ เมินสถานกาณ์ ระดับความรุนแรง ความเสี่ยงของแต่ละพื้นที่ ตรงนี้ค่อนข้างเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง ตามสภาพภูมิประเทศ และปัจจัยอื่นๆ พื้นที่ไหนมีความพร้อมยกเลิกได้เราก็ยกเลิก พื้นที่ที่ยังไม่มีความพร้อมก็ไม่มีความคิดที่จะยกเลิก

ผู้สื่อข่าว ถามว่าผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มใด นายกฯ กล่าวว่า กลุ่มที่มีเป้าหมายทางการเมือง หรือก่อความไม่สงบ ก็เป็นกลุ่มเดิม เพียงแต่เปลี่ยน แปลงรายละเอียดโครงสร้างไปบ้าง ถ้าดูจากอายุก็จะเป็นอีกรุ่นหนึ่ง จะต่างจากรุ่นเก่าๆ เมื่อถามว่าเป้าหมายยังต้องการแบ่งแยกดินแดนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังมีส่วนหนึ่ง และเมื่อถามย้ำว่าแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหรือ ไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่

นายกฯกล่าวต่อว่า ผบ.ทบ.ยืนยันว่าเหตุที่เกิดขึ้นฝ่ายตรงข้ามอาจจะมีเจตนายั่วยุ จึงกำชับว่าลักษณะการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่จะต้องยึดกรอบกฎหมายอย่างเคร่ง ครัด ไม่ตกเป็นเหยื่อของการยั่วยุ วงจรของความรุนแรง แล้วเอาไปเป็นเงื่อน ไข โดยเฉพาะไปขยายผลในเวทีต่างประเทศด้วย

ต่อข้อถามว่าเหตุการณ์นี้ ซ้ำรอยกรณีปล้นปืนเมื่อปีพ.ศ.2547 หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มองว่าลักษณะเหตุการณ์ไม่ได้เหมือนกันเสียทั้งหมด สภาพเหตุการณ์ตรงนี้เป็นเรื่องการวางกำลัง ที่จะต้องปรับ ต้องยอมรับว่าระยะหลังเราใช้วิธีกระจายออกไปดูกลุ่มต่างๆ ค่อนข้างมาก ที่ผ่านมาจะเริ่มมีลักษณะใช้วิธีกึ่งวินาศกรรม ลอบทำร้ายกลุ่มเป้าหมายที่อาจจะถือว่าอ่อนแอ เมื่อมีกำลังไปดูแลตรงนั้นก็เลยกระจายออกไป และเมื่อถามว่าช่วงต้นปีมักมีเหตุการณ์รุนแรง นายกฯกล่าวว่า เราคาดการณ์ว่าจังหวะเวลาช่วงต้นปี บางทีก็นับครบรอบเหตุการณ์ และการประชุมโอไอซี เราก็คาดอยู่แล้วว่าจะต้องมีความพยายามก่อความรุนแรง

ส่วน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มก่อความไม่สงบต้องการท้าทาย ภายหลังที่นายสุเทพ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.เพิ่งลงพื้นที่ว่า คนละประเด็น การลงพื้นที่เพื่อติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ รับฟังปัญหาประชาชน เยี่ยมเจ้าหน้าที่ และประชาชนในพื้นที่ เพราะประชาชนคาดหวังให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว หวังจะได้การคุ้มครองให้มีความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน มีความเป็นอยู่และรายได้ดีขึ้น ดังนั้น รัฐบาลทุ่มเทกำลังทุกอย่างลงไป เพื่อให้บรรลุความต้องการของประชาชน

รองนายกฯกล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 4 นาย ขอยกย่องว่าทำงานได้ดีมาก ซึ่งรัฐบาลต้องดูแลครอบครัวที่อยู่ข้างหลังต่อไป คิดว่าสาเหตุสำคัญของเหตุ การณ์เมื่อคืนที่ 19 ม.ค. เนื่องจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เริ่มมีผลในทางบวกมากขึ้น ประชา ชนหันมาสนับสนุนภาครัฐ ฝ่ายผู้ก่อการร้ายจึงต้องการแสดงอำนาจ อิทธิพล จึงระดมคนลงมาจากเทือกเขาบูโด เป็นกองกำลังขนาดใหญ่ประ มาณ 30-40 คน เข้าล้อมโจมตีเจ้าหน้าที่เป็นจุดๆ ทำให้เกิดความเสียหาย แต่จะเป็นกลุ่มใดนั้นยังแยกไม่ได้ ทางเจ้าหน้าที่พยายามติดตามจับกุมให้ได้

ส่วนนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำนายกฯ ร่วมกล่าวถึงกรณีที่สงสัยอาจมีเจ้าหน้าที่เป็นหนอนบ่อนไส้ว่า อยู่ระหว่างการสอบสวน ขณะที่ทางกองทัพได้จัดชุดติดตามไล่ล่ากลุ่มก่อความไม่สงบ เพราะมีการปะทะ และเข้าใจว่าฝ่ายตรงข้ามได้รับบาดเจ็บ คาดว่า 1-2 วันนี้ น่าจะได้รายละเอียด

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประ ธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ขอร้องนายถาวร เสนเนียม รมช. มหาดไทย ให้ไปอยู่ประจำในพื้นที่เป็นหลัก แต่ได้รับการชี้แจงว่าไม่มีอำนาจ คิดว่าอย่างน้อยหากมีคนประสานบ้างก็จะดี เพราะการเป็นหนึ่งเดียว กันในการทำงาน หรือการร่วมมือของแต่ละฝ่าย เป็นเรื่องจำเป็น เพราะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะโยนความรับผิดชอบไปให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแต่ผู้เดียวเป็นเรื่องยาก ซึ่งมีทั้งเรื่องการป้องกัน การพัฒนา ผสมผสานกันไป ต้องพัฒนาพื้นที่ ต้องมีอาชีพ ขณะเดียวกันต้องปราบปรามป้องกันไปด้วย

นายชวนกล่าวว่า ส่วนการปรับโครงสร้างศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ขณะนี้เพิ่งเริ่มต้นยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม ต้องให้เวลา เพราะกฎหมายเพิ่งออกมา ส่วนจะใช้ได้หรือไม่ต้องดูกันต่อไป เพราะปัญหาความมั่นคงไม่ใช่เรื่องทดลอง เพราะพลาดมาเมื่อพ.ศ.2544-2545 เกิดจากการไม่เข้าใจปัญหา มองแค่เป็นโจรกระจอก และความผิดพลาดครั้งนั้นจึงเป็นผลพวงมาถึงทุกวันนี้ และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแก้ไข แต่ควรทำให้ดีขึ้นกว่านี้

ที่กรมทหาร ราบที่ 11 รักษาพระองค์ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เข้มงวดปิดล้อม ตรวจค้นและจับกุม ประ ชาชนมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหามากขึ้น จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่มีการต่อสู้กัน อีกฝ่ายมุ่งหวังให้เกิดความน่ากลัว เพื่อให้ประชาชนกลับไปเป็นฝ่ายเขา ดังนั้น เราจำเป็นต้องใช้กำลังทหาร และมีบางกฎหมาย หรือมีมาตรการพิเศษขึ้นมา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้สะดวก เพราะกฎหมายปกติ ผู้ก่อเหตุจะหลบซ่อนได้อย่างรวดเร็ว และซ่อง สุมกำลังได้อย่างกว้างขวาง

"เป็นธรรมดาที่ฝ่ายหนึ่งเฝ้าระวัง อีกฝ่ายหนึ่งจ้องปฏิบัติการ จึงมีจังหวะเวลาที่การระมัดระวังอาจหย่อนไปบ้าง ทำให้ปัญหาเกิดขึ้น ถือว่าเป็นบทเรียน ได้สั่งกำชับไปแล้วว่าต้องไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นโดยเด็ดขาด พยายามติดตามปิดล้อมจับกุมตรวจค้น นำอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ มา รวมถึงดำเนินการต่อผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย ขอย้ำว่าไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้กำลัง หรือใช้ความรุนแรง ฝ่ายเราจะต้องใช้กฎหมายเข้าไปปฏิบัติการ" ผบ.ทบ.กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ได้สั่งการตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ให้ไล่ล่าติดตาม ตรวจค้น ต้องนำกำลังเข้าไปปฏิบัติการต่อผู้ถืออาวุธ สั่งให้ใช้เฮลิคอปเตอร์ติดกล้องเข้าตรวจค้นพิสูจน์ทราบ โดยเฉพาะเทือกเขาตะเว จุดซ่องสุมบริเวณพื้นที่ป่าภูเขา วันนี้ต้องใช้กำลังขนาดใหญ่เข้าไปปฏิบัติการ หากสถานการณ์ยังมีความรุนแรงอยู่ จำเป็นต้องตั้งด่านจุดตรวจสกัด และประชาชนต้องร่วมมือด้วย เพื่อความปลอดภัย ใครก็ตามทำให้บ้านเมืองเดือดร้อน ระส่ำระสาย คนเหล่านั้นสมควรถูกประณาม

สำหรับ สถานการณ์รุนแรงอื่นๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เวลา 08.30 น. พ.ต.อ.วิโรจน์ บุญยะรัตน์ ผกก.สภ.ยะรัง จ.ปัต ตานี รับแจ้งเหตุระเบิดที่คอสะพาน บ้านต้น มะขาม หมู่ 4 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง รุดไปที่เกิดเหตุไม่พบผู้บาดเจ็บ สอบสวนทราบว่าขณะที่ทหาร ร้อย ร.8022 ฉก.ปัตตานี 21 จำนวน 4 นาย ใช้รถจักรยานยนต์ 2 คัน กลับจากลาดตระเวนเส้นทางคุ้มครองครู เกิดระเบิดขึ้น แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับอันตราย โดยคนร้ายซุกวัตถุระเบิดแสวงเครื่องไว้ริมถนน

ต่อมาเวลา 09.20 น. พ.ต.ท.ประทีป สุขสาร สารวัตรเวร สภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุระเบิดถนนที่บ้านบือเร๊ะ ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่รุดไปที่เกิดเหตุพบซากรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นสแมช สีน้ำเงิน ไม่ติดป้ายทะเบียน พบเศษวัตถุระเบิดกระจายเกลื่อน และมีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 2 นาย ทราบชื่อ จ.ส.อ.ประยูร ขุนสวัสดิ์ อายุ 55 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดที่แขนซ้าย และ จ.ส.อ.จำลอง ภิรมย์สุข อายุ 49 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดที่ลำตัว นำส่งร.พ. บาเจาะ

สอบสวนทราบว่า ร.ต.พงศธร เฟื่องปาง นำกำลังทหาร 5 นาย นั่งรถกระบะและรถจักร ยานยนต์ ออกพบปะชาวบ้านในพื้นที่ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุมีคนร้ายแฝงตัวอยู่ข้างทาง ใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดที่ผูกไว้ในตะแกรงรถจักรยานยนต์ริมถนน คาดว่าระเบิดมีน้ำหนักประมาณ 10 ก.ก. ทำให้มีทหารบาดเจ็บดังกล่าว

อีก เหตุในเวลา 10.50 น. ร.ต.ท.ศุภกิจ ศรี ไพร ร้อยเวร สภ.บันนังสตา จ.ยะลา รับแจ้งเหตุระเบิดที่ถนนสายตะบิงตีงี-ศรีสาคร หมู่ 3 บ้านทรายแก้ว ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จึงนำกำลังรุดไปที่เกิดเหตุพบหลุมระเบิดกว้าง 2 เมตร ลึก 1 เมตร เศษถังดับเพลิงและสะเก็ดระเบิด คาดเป็นวัตถุระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนัก 15 ก.ก. จุดชนวนด้วยแบตเตอรี่ สอบสวนทราบว่าขณะที่ ตชด.พลร่ม 7 นาย มี ด.ต.วิชัย แตงอ่อน เป็นหัวหน้าชุด ใช้รถกระบะลาดตระเวนเส้นทาง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายจุดชนวนระเบิดถล่ม แรงระเบิดทำให้ท้ายรถเสียหาย เจ้าหน้าที่บาดเจ็บเล็กน้อย ถูกนำส่งร.พ.บันนังสตา

เวลา 19.00 น. ที่วัดบางนรา จ.นราธิวาส พล.ท.อุดมชัย เป็นประธานพิธีรดน้ำศพ ร.อ. กฤช ส.อ.เทวรัตน์ และ พลฯประวิทย์ ท่าม กลางบรรยากาศเศร้าสลด มีข้าราชการและชาวบ้านกว่า 1,000 คน มาร่วมพิธี รวมทั้ง พล.ท. สุนทร และนางสุมนมาศ คัมภีรญาณ พ่อและแม่ของ ร.อ.กฤช เดินทางมาร่วมด้วย ส่วน ส.อ.เทว รัตน์ มีนางจุฑามาศ ภรรยาและลูกชายวัย 5 ขวบ และ 2 ขวบ และ พลฯประวิทย์ มีนายประพันธ์ และนางจิราวรรณ เทวา พ่อและแม่มารอรับศพ

นอก จากนี้ ยังมอบเงินช่วยเหลือ พร้อมทั้งปูนบำเหน็จ 9 ชั้นยศ โดย ร.อ.กฤช เป็น พล.อ. ส่วน ส.อ.เทวรัตน์ เป็น พ.อ. และ พลฯประ วิทย์ เป็น ร.อ. และในวันที่ 21 ม.ค. จะเคลื่อนทั้ง 3 ศพ ขึ้นเครื่องบินที่หมวดบินเฉพาะกิจภาคใต้ กองทัพเรือ จ.นราธิวาส กลับไปบำเพ็ญกุศลตามภูมิลำเนา โดยศพ ร.อ.กฤช บำเพ็ญกุศลที่ ต.บางโขน อ.เมือง จ.นนทบุรี ส่วน ส.อ.เทว รัตน์ กลับไป จ.กาญจนบุรี และพลฯประวิทย์ ที่ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 5 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนว่าเกี่ยวข้องกับเหตุถล่มฐานทหารหรือไม่

ต่อมา เวลา 20.30 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนยิงใส่ฐานทหาร หมวดทหารม้าที่ 3 กองร้อยทหารม้าที่ 1 ฉก.ยะลา 16 ตั้งอยู่ภายในโรงเรียนบ้านบัวทอง ต.บ้านแหร อ.ธารโต จ.ยะลา โดยยิงใส่ 1 ชุด 10-15 นัด ก่อนจะหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น