พบถ้ำเสือ แหล่งซ่องสุมและฝึกอาวุธ ณรงค์ ชื่นนิรันดร์ ผู้สื่อข่าว 8 ว. 5 เมษายน 2547 หลังจากที่ พลโทพิศาล วัฒนวงษ์คีรี แม่ทัพภาคที่ 4 มาปฏิบัติงานที่กองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้า ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้ประมาณ 11 วันประชาชนในพื้นที่ก็เริ่มแจ้งเบาะแส เพราะท่าทีของแม่ทัพคนใหม่ มีบุคลิกที่นุ่มนวล น่าเชื่อถือ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความเข้มแข็ง ในที่สุด หน่วยเฉพาะกิจยะลา ก็ค้นพบถ้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ในเขตอำเภอเมืองยะลา ชื่อถ้ำเสือ และเจ้าหน้าที่ก็คาดไม่ถึงว่า ถ้ำแห่งนี้จะเป็นที่ซ่องสุมกำลัง เพราะดูตามรูปการแล้วพบว่าภายในถ้ำจะมีการแบ่งเป็นห้อง ๆ บางแห่ง ก็มีลักษณะคล้ายหลุมเพาะ ที่มีไว้เพื่อฝึกอาวุธ ขณะที่ในถ้ำก็มีเป้าปืน มีสายไฟ แบตเตอร์รี่ กระบอกไฟฉาย ที่ตัดหัวตัดท้าย ท่อพีวีซี ยาวประมาณ 1 ฟุต สิ่งที่พบเห็น เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากยุทธปัจจัย ที่ใช้ในการฝึกรบ และอุปกรณ์ ที่ใช้ในฝึกทำระเบิด เมื่อข่าวเผยแพร่ออกไป กลุ่มที่อ้างตัวว่านับถือในลัทธิซูฟี ก็ออกมาให้ข่าวว่า บริเวณถ้ำเสือที่พบนั้น เป็นเพียงสถานที่ฝึกปฏิบัติธรรม หลุมเพาะที่เห็นเป็นเพียงที่ทำละหมาด ส่วนท่องพีวีซีเป็นเพียงเครื่องหมายที่ใช้กั้นเขตเท่านั้น ไม่ได้นำมาใช้ทำกระบอกระเบิดแต่อย่างใด โดยเจ้าของลัทธิที่ออกมาให้ข่าว ว่าเป็นชาวอีสานจากจังหวัดสุรินทร์ ที่มาได้ภรรยาที่ จังหวัดยะลา และก็ได้เข้าสู่ศาสนาอิสลาม โดยเป็นผู้ที่นำลัทธิซูฟีมาใช้ปฏิบัติธรรม แต่การอ้างของผู้นำลัทธิซูฟี กับสถานที่ที่พบเห็นคือภายในบริเวณถ้ำเสือ ต่างขัดกันอย่างสิ้นเชิง แต่ทางแม่ทัพภาคที่ 4 ก็ไม่ได้เคร่งครัดมากนัก ว่าหากใครเป็นเจ้าของ สิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ก็สามารถที่จะมารับคืนได้ ในขณะที่ พลโท พิศาล วัฒนวงษ์คีรี แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ให้สัมภาษณ์ นายสรยุทธ สุทัศนจินดา ผู้ดำเนินรายการข่าวเช้านี้ ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ในตอนเช้าวันที่ 5 เมษายน 2547 เวลา 07.00 น. พลโทพิศาล วัฒนวงษ์คีรี แม่ทัพภาคที่ 4 บอกว่า" พี่น้องประชาชนไม่ต้องสับสน และขอเรียนให้ทราบชัดเจนคือ ถ้ำแห่งนี้เป็นที่สาธารณะ ซึ่งกลุ่มตาดีกัส ที่นิยมซูฟี เข้าไปใช้ถ้ำแห่งนี้อยู่ ส่วนมากจะเป็นวันพฤหัส ในช่วงเดือนรอมฎอน ขอยืนยันว่าทุกคนที่มาปฏิบัติธรรมเป็นคนดีทั้งนั้น ในสายตาของตนขอเรียนหน่วยราชการทุกหน่วยว่า ให้ระมัดระวัง ในการมองประชาชนว่าอย่าเป็นอย่างอื่นเลย คือพวกเรารักประชาชนและไม่ต้องห่วง พี่น้องที่นั่นก็ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น และประชาชนที่อยู่ในละแวกนั้นก็ให้รับทราบว่า เราเข้าใจว่าเป็นที่ปฏิบัติธรรม ข้าวของต่าง ๆ ก็จะเก็บไว้ให้ทั้งหมด พี่น้องที่ปฏิบัติธรรมไม่ต้องกังวลใด ๆ เราไม่มีการไปมอง หรือไปตั้งข้อหาใครทั้งนั้นว่าเข้ามาปฏิบัติธรรมแล้วจะมีปัญหาใด ๆ หรือไม่ การทำงานของเราถ้าหากเราได้เบาะแสอะไรหรือได้รับสิ่งผิดปกติอย่างไร เราก็จะเข้าไปดู แต่มิได้หมายความว่า เมื่อเข้าไปดูแล้ว เราจะไปมองว่าเป็นคนไม่ดี ทั้งหมด..ไม่มี กลุ่มตาดีกัส เป็นคนดี ขอยืนยันว่าที่มีการปฏิบัติธรรมนั้นเป็นเรื่องที่ดี เพียงแต่ว่าเป็นที่สาธารณะ เพราะฉะนั้นถ้าจะใช้ก็มีคนไปใช้หลากหลาย ใครเป็นเจ้าของสิ่งของ เราจะเก็บไว้ให้แล้วก็มาดูที่เรา เราก็สงสัยว่าเป็นแค่สงสัย และไม่เคยมองว่าใครไม่ดี ดูว่าเป้ายิงปืนมีไว้ทำไม กระบอกไฟฉายที่ตัดหัวตัดท้ายมีไว้ทำไม เป็นกระบอกไฟฉายโลหะ เฉพาะที่เห็นก็ประมาณ 7-8 กระบอก ไม่ทราบมีไว้ทำไม ถ้าเป็นที่ปฏิบัติธรรม มีจุด แอพโพส์ต (Approach) (ลักษณะคล้ายเป็นหอคอย)ไว้ทำไม มีบังเกอร์ไว้ทำไม และทำไมจะต้องตัดท่อ พีวีซี …ไม่เป็นไรครับ คือใครเป็นเจ้าของก็ต้องมาชี้แจง มาพบผม และผมพร้อมทุกอย่าง มาช่วยกันครับ…มีปัญหาอะไรมาคุยกัน ท่อพีวีซี มี 2 ขนาด ที่ตัดยาวกับตัดสั้น มีประมาณ 20 กว่าท่อน มีที่ยิงปืน มีสายไฟ มีแบตเตอร์รี่ ทั้ง ๆ ที่ในถ้ำนั้นก็มีไฟฟ้าใช้อยู่แล้ว ก็เป็นเพียงข้อสงสัย …อย่าไปกังวล แม้นกระทั่ง ชาร์จรายชื่อต่าง ๆ ..อะไร ต่าง ๆ ก็อย่างไปกังวล …มาช่วยกันครับ..มาช่วยกัน คณะตาดีกัส ที่เข้าไปทำงานก็อย่าไปกังวล เดี๋ยวผมจะไปคุยด้วย หรือจะมาหาผม และเชื่อว่ากลุ่ม ตาดีกัสเป็นคนดีครับ ถ้ามีใครเข้าไปใช้ถ้ำ แม้นว่าจะเป็นลูก ๆ หลาน ๆ ผมก็บอกลูก ๆ หลาน ๆ ว่ามีปัญหาอะไร ..อาอ๊อด(พลโทพิศาล วัฒนวงศ์คีรี แม่ทัพภาคที่ 4 ) ก็อยู่ทั้งคน ลุงตุ้ยก็อยู่( พลเอกชัยสิทธิ์ ชินวัตร ผู้บัญชาการทหารบก) ผ่านเข้าศูนย์ดำรงธรรม หรือเข้าเว็บไซต์ ลุงตุ้ย ดอท คอม ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของ ผู้บัญชาการทหารบก..แล้วลูก ๆ หลานตอนนี้ก็เยอะครับ ใครไม่มีงานทำก็มาช่วยกัน แผ่นดินเกิดร่วมกัน ทุกคนก็เป็นพี่น้องกัน ไม่ต้องกังวลครับ ไม่มีการตั้งข้อหาอะไร กับใครทั้งนั้น …ไม่ต้องกังวลครับ พี่น้องที่อยู่รอบ ๆ ถ้ำ ก็ไม่ต้องห่วง..แต่อย่างใด ถึงแม้นจะมีการกระทำไปแล้วก็ไม่ต้องห่วง ลูก ๆ หลาน ๆ ที่ไปอาจจะมีบ้าง ลูก ๆ ที่คึกคะนองต่าง ๆ ก็ไม่ต้องกังวล เชียงใหม่ก็เยอะครับ…เชียงใหม่ก็ 200 กว่าคน ลูกคนรวยทั้งนั้น ขี่มอเตอร์ไซต์ เอา สปาต้า ไปฟัน..ไม่เป็นไรครับ ที่กรุงเทพก็ยิงกัน ลูกหลานไป..ไม่เป็นไรมาช่วยกัน ช่วยอาอ๊อด ป้องกันชาติบ้านเมือง เราจะได้มีความสุข รัฐไม่มองประชาชนเป็นผู้ร้าย…ไม่เคยครับ เรารักประชาชนครับ ปัญหาตรงนี้ พี่น้องก็บอกผม ผมก็ไปพบ…ไปทุกหมู่บ้าน เกือบจะทุกตำบลด้วยซึ่งไป ท่านกำนันผู้ใหญ่บ้านก็บอกกันมาว่า ปัญหาที่แท้จริงก็คือ ทำอย่างไรจะได้ช่วยลูกหลานที่ตกงาน ลูกหลานที่มีปัญหา เนื่องจากความที่มีลูกเยอะ และยากจน จะช่วยเขาอย่างไร และเขาก็ขอร้องว่าให้เอาลูกหลานมา ดูซิพอจะหางานทำให้ได้ไหม มาพูดคุยกัน และมาช่วยกันดูแล ทางสื่ออย่าไปกังวล ไม่ต้องไปสัมภาษณ์ที่ไหน มาถาม อาอ๊อด ที่มีข่าวว่าจัดฉากไม่มีครับ ไปจัดทำไมครับ ไม่เคยคิดว่าประชาชนเป็นคนร้าย ไม่เป็นไรครับความจริงเป็นอย่างไรก็จะปรากฏเป็นอย่างนั้นครับ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ใครไม่เข้าใจนโยบายของรัฐบาล ไม่เข้าใจนโยบายของท่านนายก มาแนะนำ…มาบอกว่าจะให้เราทำอย่างไร …ไม่ต้องกังวลครับ ขออนุญาตฝากสักนิดหนึ่งครับว่า…ราษฎรอาจจะเดือดร้อนสักนิดหนึ่งนะครับ เราไปตั้งอะไรต่าง ๆ ขอให้อดทนนิดหนึ่ง ลูกหลานก็ขอให้ระวังนิดหนึ่ง เพราะว่าการทำงานของเราที่เป็นแบบยุทธศาสตร์ ของทหารก็ขอให้ลูกหลานระวังด้วยนะครับ " หลังจากที่แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านพ้นไป ทำให้บรรยากาศการสร้างความเข้าใจระหว่างประชาชนในพื้นที่ เริ่มเข้าใจว่า ทหารยังเป็นมิตรกับประชาชน และเรื่องที่พบเห็นและเกิดขึ้นนั้น ไม่มีการจัดฉาก หรือสร้างสถานการณ์ของทางการแต่อย่างใด |
หน้าเว็บ
▼
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น