“สังคมหนึ่งเดียว - สมาน secular – ศาสนาปรองดอง” | ||||||||||||||||||||||||||||
ท่านผู้อ่านที่รัก ผมกลับมาจับปากกาอีกครั้งหนึ่่งหลังจากที่ต้องห่างหายไปเสียนาน ก็เพราะ เหตุการณ์รุกคืบของกลุึ่่มองค์กรที่อ้างชื่อของตัวเองว่า รักสันติ ที่ได้กระทำต่อ โรงเรียนวัดหนองจอก (เมื่อฮิญาบรุกรานวัดหนองจอก) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยอาศัยความอ่อนวัย ไร้เดียงสาของข้าราชการไทย ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารโรงเรียนวัดหนองจอก กระทรวงศึกษาธิการ ที่นอนหลับไม่รู้นอนคู้ไม่เห็น รู้ไม่ทันเล่ห์กล ของกลุ่มเคลื่อนไหวที่อ้างสันติ แต่แฝงเร้นไว้ในวาทะกรรมสวยหรู กรณีบีบให้โรงเรียนวัดหนองจอก อนุญาตให้นักเรียนหญิงมุสลิมคลุมฮิญาบในโรงเรียน ที่สอดประสานกับการรุกคืบทางการเมือง ต่อกรณีการหลอกล่อให้คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คลุมฮิญาบในการลงหาเสียงทางภาคใต้ และเข้ากันได้ดีเป็นปี่ กับ ขลุ่ย ต่อการงุบงิบ เสนอกฏหมายอิสลามเข้าสู่สภาผู้แทนราษฏรก่อนการประกาศยุบสภาเพียงไม่กี่วัน ของกลุ่ม สส.มุสลิมที่แทรกซึมไปทั่วทุกพรรคการเมือง กับ สส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่แสดงบทม้าอารีย์ เพียงเพื่อหวังคะแนนเสียงจากประชากรมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถึงกับลงทุนล้างศาสนาของตนเอง กฏหมายอิสลามที่งุบงิบนำเข้าสภา http://news.mcot.net/politic/inside.php?value=bmlk PTEzNjcyNyZudHlwZT10ZXh0
เนื้อหาร่าง พรก.ดังกล่าวแฝงเร้นไว้ด้วยขบวน การขยายฐานประชากรมุสลิมไปทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย เพื่อให้สามารถ จัดตั้งมัสยิด พร้อมทั้งศาลอิสลาม ได้ครบทุกจังหวัดในทันที ที่กฎหมายฉบับดังกล่าวผ่านการพิจารณาของท่าน สส. ผู้ทรงเกียรติ์ชองรัฐสภาไทย สอดคล้องกับการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานประชากรมุสลิมจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่ภาคเหนือ ภาคกลาง และ ภาคอิสานของประเทศไทยในขณะนี้ การจับจอง ซื้อที่ดินของกลุ่มประชากรจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ย้ายถิ่นฐานนี้ ได้รับเงินสนับสนุนเงินกู้ปลอดดอกเบี้ย จากธนาคารอิสลาม ที่ก่อตั้งขึ้นโดยงบประมาณที่เป็นเงินภาษีของประชากรส่วนใหญ่ในประเทศนี้ที่เป็นพุทธศาสนิกชน ขณะที่ความเคลื่อนไหวของกลุ่มองค์กรมุสลิมอีกส่วนหนึ่ง พยายามปลุกกระแสมุสลิม ให้เป็นประเด็นสาธารณะ ต่อกรณีความขัดแย้งทางความคิดในเวปไซท์สาธารณะ เช่น กรณี ดีเจ.เอฟ ผู้ดำเนินรายการคนหนึ่งของศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ที่ได้แสดงความเห็นตอบโต้กับผู้แสดงความเห็นในเวปไซท์ที่กล่าวจาบจ้วงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยข้อเท็จจริงคือ มีการโพสต์ข้อความ ดูหมิ่นดูแคลนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยคนโพสต์ข้อความอ้างว่าเป็นมุสลิม จะจริงหรือไม่มิอาจทราบได้แต่มีการปลุกระดมให้มุสลิมออกมาตอบโต้ดีเจ.เอฟ ในเวปไซท์ดังกล่าว โดยมิได้กล่าวถึงกรรมที่ฝ่ายตนเองเป็นผู้รุกรานศาสนาอื่ืนก่อน มีการโพสต์ข้อความแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อต่อดีเจ.เอฟ ผู้ดำเนินรายการ จนถึงขั้นจะเอาชีวิต ซึ่งความพยายามปลุกกระแสดังกล่าว ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ส่วน...กลุ่้มที่อ้างตัวเองว่าเป็นมุสลิมรักสันติ และพยายามสร้างกระแสให้กลายเป็นการตื่นตัวแบบชี้นำทางความคิดในกลุ่้มมุสลิมในกรุงเทพมหานคร ที่เคยอยู่ร่วมกันกับคนไทยพุทธในแบบสังคมหนึ่งเดียว โดยไม่นำเรื่องของศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะความพยายามสร้างเงื่อนไขความขัดแย้ง โดยอ้างความเห็นตามลัทธิความเชื่อที่ตนเองนับถือ ที่คนหนองหนองจอกรุ่นแล้วรุ่นเล่า ที่อยู่ด้วยกันอย่างสันติ และไม่เคยมีความขัดแย้งทางศาสนามาก่อน กำลังถูกก่อเชื้อขึ้น โดยมุสลิมสุดโต่งจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กับสำนวน จุดไฟในนาคร กำลังเกิดขึ้น ในขณะเดียวกันกับในซีกโลกอีกด้านหนึ่ง ความรุ่นแรง และความไม่สงบในหลาย ๆ ประเทศ ที่เกิดจากน้ำมือของมุสลิมหัวรุนแรง ที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก หรือแม้แต่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ก็ยังมิเคยหยุดหย่อนหรือเบาบางลง การเคลื่อนไหวของ สส.มุสลิม การเคลื่อนไหวของกลุ่มองค์กรมุสลิม ที่อ้างสันติ การเคลื่อนไหวของ ศอ.บต. และกลุ่มก่อการร้ายสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่กำลังดำเนินอยู่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มองดูจากภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกันนั้น แท้จริงแล้วท่วงทำนองของการเคลื่อนไหวดังกล่าว เป็นการเคลื่อนไหวที่สอดประสานกัน ในความพยายามสร้างฐานพลัง ในขณะที่สถานการณ์ทางสังคม การเมืองการปกครองของประเทศนี้อยู่ในภาวะของความอ่อนแอ รอการพลิ๊กฟื้นจึงนับเป็นโอกาศเหมาะ ที่กลุ่มองค์กรณ์เหล่านี้ พยายามแทรกตัวเข้าไปมีบทบาทอยู่ในทุกองค์กรที่เคลื่อนไหวอยู่ในกระแสความขัดแย้งนี้ ในลักษณะ ใครชนะ กูเอาด้วยหมด กลุ่มมุสลิมที่เคลื่อนไหวอยู่ในคนเสื้อเหลืองของพลตรีจำลอง ศรีเมืองหรือกลุ่มมุสลิมที่เคลื่อนไหวอยู่ในองค์กรของ นปช. (คนเสื้อแดง) กลุ่มมุสลิมที่เคลืีอนไหวอยู่ใน พรรคมาตุภูมิ พรรคประชาธิปัตย์ หริือแม้แต่ในพรรคไทยรักไทย ที่สอดประสานกันกับการดำเนินการของกลุ่มคนที่อ้างสันติที่กำลังคุกคามโรงเรียนวัดหนองจอก อยู่ในขณะนี้ จึงนับเป็นการนำร่องในการสร้างสัญลักษณ์อิสลามทั่วแผ่นดิน ที่กำลังจะตามมา ในไม่ช้า ความพยายามในการเปลี่ยนแปลงสังคมให้เป็นไปตามที่กลุ่มองค์กรต่าง ๆ เหล่านี้กำลังดำเนินการอยู่ ไม่ว่าจะสร้างวาทกรรมสวยหรูประการใด แท้จริงแล้ว ก็คือกิเลส ตันหา อุปปาทาน ที่ไม่ได้เพิ่งจะเกิดขึ้น แต่มันเกิดขึ้นมาในอดีตแทบนับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการใช้กำลัง ใช้เล่ห์เพทุบายต่อแผ่นดินนี้ ในประวัติศาสตร์จากรึกการก่อกบฏของคนกลุ่มนี้ไว้ ๑๑ ครั้ง http://www.surasiha.com/TMLX.asp
ความขัดแย้งในสังคม โดยเฉพาะในสังคมที่นำเอาความขัดแย้งทางศาสนามาเป็นเครื่องมือในการแสวงหาอำนาจ มิใช่เิพิ่งจะเกิดขึ้น แต่มันเกิดขึ้นมาทุกครั้งที่มีลัทธิความเชื่อใหม่เกิดขึ้นในสังคมมนุษย์ เมื่อสิ่งใหม่กับสิ่งเก่าปะทะกัน ความขัดแย้งย่อมเกิดขึ้น ในอดีตความขัดแย้งในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับลัทธิความเชื่อ เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง การปกครอง แต่เป็นเรื่องในระดับจิตสำนึก ที่ไม่นำออกไปเกี่ยวข้องกับสังคม ไม่เอาไปบีบบังคับคนทีีไม่เชื่อลัทธิเดียวกับตนเอง ต้องทำตาม เชื่อตามหรือปฏิบัติตาม ในขณะเดียวกัน สิ่งที่ตนเองเชื่อ และปฏิบัติอยู่นั้น ก็ต้องไม่ก้าวล่วงเข้าไปในสิ่งที่คนอื่นเชื่อ ตราบนั้นสังคมก็จะสงบสุข Secular หรือ คามิยรัฐ ประวัติศาสตร์ประัเทศอิสลามบางช่วงบางตอนได้แสดงให้เห็นชัดเจนในเรื่อง Secular หรือ คามิยรัฐ ที่จักรวรรดิออตโตมานเปลี่ยนแปลงเป็นสาธารณรัฐเตอร์กี ในปี พ.ศ.๒๔๖๔ (ค.ศ.1921) หลังจากร่วมแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ ๑ จักรวรรดิออตโรมานเตอร์ก แตกสลาย ดินแดนอาหรับในตะวันออกกลางหลุดมือไปหมดแล้วก็ได้มีการจัดการปกครองประเทศกันใหม่ ในที่สุดถึงปี ๒๔๖๔ สภามีมติประกาศชื่อประเทศเป็นเตอร์กี ปี ๒๔๖๕ ยุบเลิกตำแหน่งสุลต่าน ปี ๒๔๖๖ ประกาศให้ประเทศเป็นสาธารณรัฐเตอร์กี โดยมีมุสตาฟา เคมาล (เคมาล อะตาเตอร์ก)เป็นประธานาธิบดีคนแรก ปล่อยทิ้งคอนสแตนติโนเปิล เมืองหลวงเก่าของจักรวรรดิออตโตมาน(ที่ยึดมาจากจักรวรรดิโรมันตะวันออกหรือบีแซนทีนตั้งแต่ ค.ศ.1453 = พ.ศ.๑๙๙๖) เสีย ตั้งแองกอราเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐใหม่ เตอกร์สลัดความเป็นรัฐอิสลามเพื่อแยกเรื่องศาสนาออกจากการเมืองการปกครอง โดยยึดหลัก Secular หรือ คามิยรัฐ ทั้ง ๆ ที่ประชากรร้อยละ 99 นับถือศาสนาอิสลาม ที่เหลือเป็นคริสเตียนและยิว ในปี ๒๔๖๗ ยุบเลิกตำแหน่งกาหลิฟ ล้มราชวงศ์ออตโตมานที่สุลต่านออสมาส/อุสมานที่ ๑ ตั้งไว้เมื่อปี ๑๘๓๓/ค.ศ.1290 และขับสมาชิกราชวงศ์ออตโตมานออกจากเตอร์กีหมดสิ้น และปี ๒๔๗๑ ให้เตอร์กีเป็นคามิยรัฐ หรือ รัฐคามิยการ (secular state) คือ รัฐที่ปกครอง โดยไม่นำเอาศาสนามาเป็นเครื่องมือในการปกครอง ไม่นำเอาศาสนามาเป็นกฏหมายบังคับใช้กับประชาชนในรัฐ สตรีเอาผ้าคลุมหน้าออก ชาวเตอร์กหันไปแต่งกายอย่างชาวตะวันตก ใช้อักษรโรมันแทนอักษรอาหรับ และนับวันเวลาตามปฏิทินฝรั่งแทนฮิจเราะห์ ครั้นถึง พ.ศ.๒๔๗๓ ก็ให้เปลี่ยนชื่อเมืองคอนสแตนติโนเปิลเป็นอิสตันบุล (Constantinople -> Istanbul) และเมืองหลวงใหม่ จากแองกอรา เป็นแองการา (Angora -> Ankara) ประวัติศาสตร์มุสลิมสมัยที่่จักรวรรดิออตโตมาน (Ottoman Empire) ของเตอร์ก ที่ได้เป็นศูนย์อำนาจของอิสลามมาเกินกว่า ๖ ศตวรรษ ตั้งแต่ ค.ศ.1290 (พ.ศ.๑๘๓๓) เป็นยุคที่สงบสุข ปราศจากความขัดแย้งระหว่างมุมสิลมกับสังคมโลกสมัยนั้น จนกระทั่งจักรวรรดิออตโตมานล่มสลาย และศูนย์กลางของอิสลามกลับไปอยู่ในหมู่ชนชาวอาหรับแถบตะวันออกกลาง คล้ายยุคเริ่มกำเนิด คือ สิ้นยุคมุสลิมเตอร์กเป็นใหญ่ กลับมาสู่ยุคของมุสลิมอาหรับ ความขัดแย้งระหว่างมุสลิมกับสังคมรอบข้างก็หวลกลับคืนมาอีกครั้ง นี่ย่อมเป็นตัวอย่างได้เป็นอย่างดีว่า เมื่อใดก็ตามที่นำเอาเรื่องศาสนาและลัทธิความเชื่อเข้ามาปนเปเกี่ั่ยวข้องกับการเมืองการปกครอง เมื่อนั้นความขัดแย้งทางความคิด ความเชื่อ จะ้เกิดขึ้น กรณีนี้ น่าจะเป็นทางสว่างให้ได้เป็นอย่างดีสำหรับกรณีความขัดแย้งเรื่องการปลุกระดมความคิด คลุมฮิญาบ เข้าไปในโรงเรียนวัด ที่วัดหนองจอกในขณะนี้ สมาน Secular - ศาสนาปรองดอง เป็นความปรารถนาของเจ้าอาวาสวัดหนองจอก และผู้บริหารโรงเรียนวัดหนองจอกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันท่านจึงได้ใช้หลักการ คามิยรัฐ หรือรัฐคามิยการ (secular state) ในการดูแลโรงเรียนวัดหนองจาก เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อชุมชนบริเวณรอบ ๆ วัดจึงทำให้สังคมนั้น อยู่กันมาอย่างสงบสุข ที่ผมคิดเช่นนั้นเพราะว่า โรงเรียนวัดหนองจอกตั้งเป็นโรงเรียนระดับท้องถิ่นของกรุงเทพมหานครมานานแสนนาน เป็นโรงเรียนวัด ตั้งอยู่ในที่ดินของวัดซึ่งถึือว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์ มีนักเรียนจากชุมชนใกล้เคียงที่ผู้ปกครองส่งบุตรหลานที่เป็นคนต่างศาสนา กันเข้ามารับการศึกษาอบรม ให้ความรู้ิอย่างเท่าเทียมกัน โดยมิได้เคยมีการกีดกัน หรือแบ่งแยกศาสนา นักเรียนไทยพุทธ นักเรียนไทยมุสลิม นักเรียนไทยคริสต์ เรียนห้องเรียนเดียวกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน นักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชนอยู่กันอย่างสงบสุข สันติ มีแต่ความปราถนาดีต่อกัน และถือว่า เราคือสังคมเดียวกัน โดยมิได้นำเอาศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องในการบริหาร การปกครอง ไม่มีนักเรียนคนใดแต่งชุดประจำชาติ ชุดประจำศาสนา ทุกคนแต่งกายชุดนักเรียนไทย ไม่มีความขัดแย้งใด ๆ เกิดขึ้น ตราบจนกระทั่ง มุสลิมหัวรุนแรงสองกลุ่้ม ที่แย่งกันเป็นใหญ่ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กลุ่มหนึ่งสู้ไม่ได้ ต้องหลีกทางให้กลุ่มเจ้าแม่องค์กรอิสระ และหลบเข้ามาอยู่ในเมืองหลวง มาเริ่มต้นแทรกซึมสร้างอิทธิพลในกลุ่มสังคมมุสลิม โดยเฉพาะมุสลิมย่านหนองจอก ซึ่งมีบางส่วนเชื่อมโยง สอดประสานกับผู้ก่อความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาสร้างประเด็นแยก สังคมหนึ่งเดียว ให้แตกกันด้วยเริ่มจาก ชูประเด็นเรืื่องศาสนาขึ้นมา คราวนี้ได้สร้างเครื่องแบบใหม่ให้นักเรียนมุสลิม ซึ่งสังคมชุมชนวัดหนองจอกไม่เคยแบ่งแยกว่าพุทธหรือมุึสลิม แต่คนกลุ่มนี้ต้องการสร้างความแปลกแยก แตกต่าง เหมือนที่เคยสร้างสำเร็จมาแล้วในสามจังหวัดชายแดนใต้ โดยเริ่มจากประเด็นการคลุมฮิญาบในโรงเรียนวัดหนองจอก ขึ้นมา มีผู้ปกครองนักเรียนมุสลิมบางคนเห็นด้วย จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ แต่บาดแผลเล็ก ๆ ที่ชุมชนวัดหนองจอก มีมุสลิมบางส่วน ยอมให้คนนอกท้องถิ่นที่มาจากไหนก็ไม่รู้ แต่ปากคาบคัมภีร์ อ้างคัมภีร์ ได้แบ่งแยกสังคม และชุมชนวัดหนองจอกเรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ตัวอย่างเรื่องการคลุมฮิญาบนี้ แม่แต่ประชากรมุสลิมในประเทศมุสลิมบางประเทศ ที่ไม่ยอมรับหลักการนี้ มีการข่มขู่เอาชีวิตกัน ถึงขนาดให้เลือกว่า จะคลุมฮิญาบ หรือตาย ถ้าไม่ทำตามสิ่งที่พวกเขาต้องการ คือ ตาย ศาสนาอะไรที่ข่มขู่ บังคับขู่เข็ญ ถ้าใครไม่เชื่อ ต้องบังคับให้เชื่อกระนั้นหรือ "ถ้าผู้หญิงปฏิเสธที่จะสวมใส่ชุดอิสลามอย่างเคร่งครัดพวกเธอจะถูกตัดศีรษะ" Women broadcasters told to wear hijab or face death http://www.timesonline.co.uk/tol/news/world/middle_east/article1884454.ece ความรุนแรงที่พยายามบีบบังคับคนอื่นให้เชื่อตามนี้ มิได้มีอยู่แต่ในคนที่เป็นศาสนิกเดียวกันเท่านั้น กลุ่้มมุสลิมหัวรุนแรงเหล่านี้ พยายามอย่างยิ่งที่จะบีบบังคับให้คนในศาสนิกอื่น เชื่อตามที่ตนเชื่อ และต้องปฏิบัติตาม มิฉนั้น ก็จะต้องถูกทำลายล้าง เช่นกรณี มุสลิมหัวรุนแรง ขู่บึ้ม ทุกแห่ง ที่จัดคริสต์มาส ผวา! มุสลิมหัวรุนแรง ขู่บึ้ม ทุกแห่ง ที่จัดคริสต์มาส สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มอิสลามหัวรุนแรงเปิดเผยเทปเสียงขู่วางระเบิดในวันคริสมาส โดยใช้ชื่อว่า “เวลาแห่งการโจมตีมาถึงแล้ว” โดยเทปมีความยาวหนึ่งนาที ระบุว่า ไฟคริสต์มาสจะเป็นสัญญาณให้ระเบิดของพวกเขาทำงาน นอกจากนี้ เนื้อความในเทปเสียงประกาศ ว่า การไม่ใส่ใจต่อคำเตือนกรณีการนองเลือดของประเทศมุสลิมจะบังเกิดผลในการโจมตี แท้ที่จริงแล้ว อิสลาม เป็นคำภาษาอาหรับ الإسلام แปลว่า การสวามิภักดิ์ ซึ่งหมายถึงการสวามิภักดิ์อย่างบริบูรณ์แด่ อัลลอฮฺ พระผู้เป็นเจ้า ด้วยการปฏิบัติตามคำบัญชาของพระองค์ อิสลาม มีรากศัพท์มาจากคำว่า อัส-สิลมฺ หมายถึง สันติ โดยนัยว่าการสวามิภักดิ์ต่อพระผู้เป็นเจ้าจะทำให้มนุษย์ได้พบกับสันติภาพทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ศาสนาอิสลามเป็นศาสนามนุษยชาติตลอดกาล ตั้งแต่แรกเริ่มของการกำเนิดของมนุษย์ คือนบีอาดำ ผ่านศาสดามาหลายท่านในแต่ละยุคสมัย จนถึงศาสดาท่านสุดท้ายคือมุฮัมหมัด และส่งผ่านมายังปัจจุบันและอนาคต จนถึงวันสิ้นโลก แต่มิได้หมายความว่า เป็นการสวามิภักดิ์ ต่อบุคคลที่อ้างตัวเองว่าเป็นครูสอนศาสนา เป็นอิหม่าม อ่านภาษาอาหรับได้ แล้วแปลความหมายคัมภีร์ แล้วก็อ้างว่านี่คือพระประสงค์ พวกเอ็งจงทำตาม แท้จริงแล้ว คนพวกนี้แหละ คือ มุชริก ตัวจริงที่แอบอิงหาผลประโยชน์ หาความยิ่งใหญ่ แสวงหาอำนาจ โดยอ้างพระเจ้า ลุงคำต๋า | ||||||||||||||||||||||||||||
http://Narater2009.blogspot.com |
หน้าเว็บ
▼
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น