หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

อภิโถ๋ สตีฟ จอปส์


อภิโถ๋ สตีฟ จอปส์
มุกใหม่ธัมมชโย
สตีฟ จอปส์ ตายแล้วไปไหน ?

ครูไม่ใหญ่ตอบอนุบาลในฝัน
"ไปเป็นเทพบุตรจ๊ะ"


ธัมมชโย ศาสดาพยากรณ์
ระดับนอสตราดามุสเรียกพี่





           หลังจากออกมุก-ออกทะเล ครั้งใหญ่ ด้วยการ "จัดหนัก" จัดพระธุดงค์กำมะลอ "ธุดงค์ธรรมชัย" นำหลวงพ่อสดทองคำหนักหนึ่งตันไปวัดปากน้ำ จนหัวหน้าพระธุดงค์คือ พระธรรมกิตติวงศ์ ได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์เป็นกรณีพิเศษจาก "ปราชญ์หลวง" เป็น "ตลกหลวง" ไปแล้ว วันนี้ ธัมมชโยหันไปเล่นบท "โหรหลวง" กลุ่มเดียวกับ "พระห้อยพระโหน" โหนกระแสคนดังระดับโลก "สตีฟ จอปส์" เจ้าของแบรนด์ดัง "แอปเปิ้ล" ออกซี่รี่พิเศษ"Where is Steve Jobs" เป็นเรื่องเล่าหลังความตายของสตีฟ จอปส์ ว่าปัจจุบันกลายเป็นเทพบุตร กำลังเสวยสุขอยู่ในมหาวิมาน เพราะได้อานิสงส์ผลบุญจากผู้ที่สร้างพระธรรมกายแล้วอุทิศกุศลส่งไปให้ ก็แปลว่าสตีฟ จอปส์ ได้กลายเป็นสาวกธรรมกายในปรโลกไปแล้ว แบบว่าเอามาเป็นสาวกตอนเป็นคนไม่ได้ ก็ตามไปเอามาเป็นตอนเป็นผีนี่แหละ ได้ไม่ได้ก็ให้มันรู้ไปสิ อิอิ

           อ้า..คณะกรรมการมหาเถรสมาคมทั้งหลายว่าไงฮะ ขอประทานกราบเรียนถามว่า ทุกวันนี้มหาเถรสมาคมประชุมกันเรื่องอะไร มีเรื่องพระธรรมวินัยหรือไม่ แล้วเรื่องธัมมชโยพยากรณ์กรรมเหมือนมีตาทิพย์ไปทั่วโลกนั้น มันถูกหรือผิดพระธรรมวินัย และอยู่ในเกณฑ์วินิจฉัยของมหาเถรสมาคมหรือไม่ หรือว่ามหาเถรสมาคมไม่มีญาณวิเศษเหมือนธัมมชโย จึงไม่สามารถจะวินิจฉัยได้ ก็ขอความเมตตาชี้แจงหน่อยครับ จะให้โฆษกเสียงทอง "นพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์" ออกมาเชียร์ เหมือนเรื่องธุดงค์ธรรมชัยก็ตามสะดวกนะครับ ตายแล้วธัมมชโยอาจจะตามไปพยากรณ์ว่า "นพรัตน์กำลังเป็นเทพบุตรสายธรรมกายอยู่ในวิมานทองหนักหนึ่งตัน"

 ****************************


ซึ่งในระหว่างที่ท่านเทพบุตร สตีฟ จ็อบส์ กำลังเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตอยู่ในสังคมภุมมะเทวาแห่งนั้นก็ได้มีกระแสธารแห่งบุญจากที่แห่งหนึ่ง ไปเชื่อมจรดที่ศูนย์กลางกายของท่านเทพบุตรใหม่ สตีฟ จ็อบส์ ซึ่งทันทีที่กระแสบุญดังกล่าวได้ไปจรดเชื่อมที่ศูนย์กลางกายของเขา ก็เป็นผลทำให้ใจของเขาบังเกิดความสว่างไสวขึ้นมาในทันที แล้วภาพของแหล่งกำเนิดแสงสว่าง ที่มาจากคนกลุ่มหนึ่งที่ได้สร้างองค์พระธรรมกายประจำตัวให้กับตัวเขาและก็นึกถึงเขาก็ได้ไปปรากฏฉายขึ้นภายในใจของเขา

และเมื่อท่านเทพบุตรใหม่ สตีฟ จ็อบส์ ได้เห็นภาพของการทำบุญดังกล่าวแล้ว ตัวเขาก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไรดังนั้นตัวเขาจึงไม่ได้อนุโมทนาบุญกับคนเหล่านั้นอีกทั้งตัวเขาก็ไม่รู้ว่าจะอนุโมทนาอย่างไรด้วย แต่สิ่งที่ตัวเขารับรู้ได้ในตอนนั้นก็คือตัวเขารู้สึกดีใจ ชอบใจ และเป็นสุขใจ เมื่อตัวเขารู้สึกเช่นนั้นตัวเขาจึงได้นึกขอบคุณคนเหล่านั้นด้วยความรู้สึกที่อิ่มเอิบเบิกบานใจนั่นเอง

ส่วนคำถามข้อต่อไป ที่ถามว่าบุพกรรมใดที่ทำให้คุณสตีฟ จ็อบส์ต้องมาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับอ่อนในภพชาติปัจจุบันนี้


เราก็คงจะต้องมาติดตามกันต่อในตอนต่อไป

ที่ Live.dmc.tv คืนนี้เวลา 20.00 น.
บางตอนจาก Where is Steve Jobs
โดย ครูไม่ใหญ่ แต่ กูใหญ่


         เว็บไซต์วัดพระธรรมกายสร้างความฮือฮาในโลกโซเชียล เมื่อเผยแพร่บทความ "สตีฟ จ็อบส์ ตายแล้วไปไหน" อ้างเป็นคำถามจากวิศวกรอาวุโสของแอปเปิล ส่วนผู้ตอบคือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาส ระบุว่า สตีฟ จ็อบส์ ได้ไปเกิดใหม่เป็น "เทพบุตรภุมมะเทวาระดับกลางสายวิทยาธรกึ่งยักษ์"...



         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ได้เกิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลายในโลกออนไลน์ เมื่อเว็บไซต์วัดพระธรรมกาย www.dmc.tv ได้เผยแพร่บทความเรื่อง "สตีฟ จ็อบส์ ตายแล้วไปไหน ตอนที่ 1" โดยระบุว่า นายโทนี่ ซวง (TonyTseung) วิศวกรอาวุโส ของบริษัทแอปเปิล จากนครคิวเปอร์ทีโน่ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เขียนจดหมายมาถึงพระเทพญาณมหามุนี เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ถามว่า สตีฟ จ็อบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล อิงค์ ยักษ์ใหญ่วงการไอทีโลก ที่เสียชีวิตไปเมื่อช่วงปลายปีที่แล้วนั้นเวลานี้ไปอยู่ที่ไหน เป็นอย่างไรบ้าง

          โดยเว็บไซต์ DMC ได้เผยแพร่คำตอบซึ่งระบุว่า พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เป็นผู้ตอบว่า ก่อนที่ สตีฟ จ็อบส์จะเสียชีวิตนั้น ภายในใจของเขาก็ยังมีความรู้สึกเป็นห่วงและกังวลในเรื่องราวต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว ซึ่ง ณ ช่วงเวลานั้นตัวเขายังอยากที่จะอยู่กับครอบครัวและยังไม่พร้อมที่จะจากครอบครัวไป หรือเรื่องของบริษัทที่ตัวเขามีความรู้สึกที่ภาคภูมิใจมากๆ ซึ่งตัวสตีฟ จ็อบส์เองก็มีโครงการต่างๆ ที่ตัวเขาได้คิดเอาไว้เยอะแยะมากมาย ซึ่งยังไม่ได้ทำ และมีความรู้สึกกังวลว่า "บริษัทที่ตัวเขาได้ทุ่มเทสร้างมาจะมีอนาคตต่อไปเป็นอย่างไร" เป็นต้น ซึ่งสิ่งที่ตัวเขาคิดคำนึงนั้นก็ได้กลายเป็นภาพที่ติดเข้าไปอยู่ในใจของเขา ภาพเหล่านั้นก็มีทั้งภาพที่ทำให้ตัวเขารู้สึกสบายใจ ไม่สบายใจ และกังวลใจ หรือถ้าพูดเป็นภาษาที่พวกเรานักเรียนอนุบาลฯ คุ้นเคยหรือคุ้นหูกันก็คือภาพเหล่านั้นเป็นภาพที่ทำให้ใจใสและใจหมองนั่นเอง

           เมื่อเหตุดังกล่าวได้มาส่งผลรวมกับอัธยาศัยพื้นฐานของตัวเขาซึ่งเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์และสุนทรียภาพทางศิลปะสูงมาก คือเป็นคนที่ชอบอยู่กับสิ่งของที่สวยงาม และชอบความเพอร์เฟกต์ จึงส่งผลให้หลังจากที่ละจากโลกนี้ไปแล้ว สตีฟ จ็อบส์ ได้ไปบังเกิดใหม่เป็น "เทพบุตรภุมมะเทวาระดับกลางสายวิทยาธรกึ่งยักษ์" ที่มีที่อยู่ที่อาศัยซ้อนอยู่บนโลกมนุษย์ใกล้ๆ กับที่ทำงานเดิมของตัวเขาในทันที

           นอกจากนี้ เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายยังได้อธิบายลักษณะของ "ภุมมะเทวาสายวิทยาธรกึ่งยักษ์" คือ ภุมมะเทวาที่มีอัธยาศัย 2 อย่างมาผสมผสานกัน ได้แก่ อัธยาศัยของวิทยาธรที่รักในการเรียนรู้ศาสตร์และความรู้ต่างๆ กับอัธยาศัยของยักษ์ที่มักโกรธ ขี้โมโห และหงุดหงิดง่าย มีลักษณะกายเหมือนกับเทพบุตรภุมมะเทวาระดับกลาง เพียงแต่ผิวจะเป็นสีดำอมแดงมีเลือดฝาดและหยาบกว่าผิวของเทพบุตรภุมมะเทวาระดับกลาง ซึ่งโดยปกติทั่วไปจะมีผิวขาว ผ่องใสและละเอียดกว่าผิวของมนุษย์ อีกทั้งเวลาโกรธ เทพบุตรสตีฟ จ็อบส์ ก็จะมีเขี้ยวงอกออกมาอีกด้วย

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื้อหาเรื่องดังกล่าวถูกผู้ใช้อินเทอร์เน็ตนำไปเผยแพร่ต่อผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ และเว็บไซต์ต่างๆ จนมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

         โดยทางเว็บไซต์ DMC ได้ชี้แจงว่า เนื่องจากทางสถานีโทรทัศน์ DMC ได้มีการนำเสนอเนื้อหาเรื่อง Where is Steve Jobsและได้มีเว็บไซต์ต่างๆ สรุปเนื้อหา Where is Steve Jobs ไปในไว้ในเว็บไซต์ของตน เป็นการสรุปเนื้อหาดังกล่าวโดยความเห็นส่วนตัว ซึ่งอาจมีการเพิ่มตัดแต่งประเด็น หรือเสริมความเห็นส่วนตัวเข้าไป ทำให้เนื้อหาในบางเว็บไซต์ผิดพลาดและไม่สมบูรณ์ จึงขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณและเทียบเคียงกับต้นฉบับจากทาง dmc.tv ซึ่งได้นำเสนอเนื้อหาต้นฉบับที่ถูกต้องไว้แล้ว

         เรื่องราว Where is Steve Jobs เป็นความรู้ที่ได้จากการปฏิบัติสมาธิในพระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกายเมื่อฝึกปฏิบัติจนเชี่ยวชาญชำนาญแล้ว ผู้ปฏิบัติจะสามารถรู้เห็นเรื่องราวกฎแห่งกรรมการเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งได้นำมาถ่ายทอดให้เข้าใจง่ายๆ ในรายการโรงเรียนอนุบาล "ฝันในฝันวิทยา" โดยพระเทพญาณมหามุนี เจ้าอาวาส เพื่อให้เข้าใจถึงเรื่องราวความจริงของชีวิตว่า เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน อะไรเป็นเป้าหมายของชีวิต นำไปสู่ผลการปฏิบัติของผู้ฟัง ทำให้ผู้ฟังเกิดความเกรงกลัวต่อบาป รักในการทำบุญกุศล รักการปฏิบัติธรรม

         พร้อมทั้งทิ้งท้ายว่า เรื่องราว Where is Steve Jobs นี้เป็นเพียงทรรศนะหนึ่งเท่านั้น ผู้ฟังมีสิทธิ์ที่จะเชื่อหรือไม่ก็ได้


ข่าว : ไทยรัฐ20 สิงหาคม 2555
http://narater2010.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น