สงครามปฏิวัติกับองค์กรอาชญากรรมค้ายาเสพติด
| |
สงครามปฏิวัติ
คำนี้ดูเหมือนจะเป็นที่กล่าวถึงในยุคของสภาวะโลกปัจจุบัน
นับตั้งแต่ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ สิ้นสุด
จนถึงการหมดยุดสมัยของสงครามเย็น ซึ่งนักวิชาการด้านการทหาร
และความมั่นคงที่ได้ศึกษาความหมายของสงครามปฏิวัตินั้น
ได้กล่าว่าทฤษฎีนั้นได้ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย
และสภาวะการณ์ที่ต่างกันไปไม่ว่าจะเป็นแนวคิดของใครก็ตามเช่น คาร์ล
มาร์กช, เลนิน หรือประธาน เหมาเจ๋อตุง
แต่หากมองดูอย่างลึกซึ่งแล้วสงครามปฏิวัติคือสงครามประชาชน
ซึ่งมีแต่การระดมมวลชนเท่านั้นจึงจะสามารถสร้างพลังอันยิ่งใหญ่ของสงคราม
ปฏิวัติขึ้นมาได้
โดยมีปัจจัยทางการเมืองของกลุ่มต่อต้านโดยใช้กองกำลังติดอาวุธเข้าทำการ
ต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งเป้าหมาย
หรืออำนาจของกลุ่มที่เริ่มก่อการสงครามปฏิวัติ แต่สุดท้ายแล้ว การถูกทำลาย
และความเสียหายกับเกิดขึ้นกับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นโดยตรง
ไม่ว่าทางใดก็ตามโดยเฉพาะประชาชนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการต่อสู้
นับว่าน่าสงสารที่สุดกับสถานการณ์เหตุการณ์บริเวณนั้นโดยเฉพาะเด็ก
และเยาวชนในพื้นที่ช่วงชิง หรือต่อสู้ที่กลายเป็นเด็กด้อยโอกาส กำพร้า
อนาถา หรือแม้ถูกใช้เป็นเครื่องมือถึงขั้นบ่มเพาะ ปลุกระดมให้จับอาวุธ
เข้าร่วมสงครามด้วยวิธีใดก็ตามเพื่อให้กลุ่มของตนบรรลุเป้าหมายการเมืองตาม
ที่ต้องการ
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นโดยใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือทำให้เกิดรูปแบบของสงครามที่มีขบวนการปฏิวัติต่อสู้กับฝ่ายรัฐบาล ทุกพื้นที่
ของโลกจะต้องมีขบวนการที่เกิดขึ้น ๓
กระบวนการเป็นแนวร่วมอยู่ในพื้นที่ต่อสู้ หรือพื้นที่แย่งชิงเสมอคือ
ขบวนการการค้ายาเสพติด ขบวนการค้าอาวุธสงคราม และขบวนการค้าของเถื่อน
โดยมีปัจจัยร่วมคือการเมืองตั้งแต่ระดับท้องถิ่นถึงระดับชาติ และอิทธิพลมืด
(มาเฟีย) ร่วมด้วยเสมอ
เมื่อกลับมาดูสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ๓
จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยก็น่าจะอยู่ในองค์ประกอบของสงครามปฏิวัติ
โดยมีกลุ่มขบวนการ BRN – COORDINATE เป็นองค์กรนำในการใช้มวลชน (ประชาชน)
เข้าสู่การต่อสู้โดยใช้อัตลักษณ์ของท้องถิ่นเป็นตัวขับเคลื่อนต่อสู้กับรัฐ
ไทย เป้าหมายเพื่อแยกตัวปกครองตนเอง
และสิ่งที่มีความจำเป็นขององค์กรต่อสู้ในสงครามมวลชนที่สำคัญคือทุนทรัพย์
ที่ต้องใช้อย่างมหาศาล ในการขับเคลื่อนกำลังทหาร (RKK) และดูแลองค์กรนำ
(DPP) ในต่างประเทศ การเคลื่อนย้ายเดินทางเข้า – ออก
แต่ละครั้งต้องใช้เงินในการขับเคลื่อน แล้วมาจากไหนละ
แรงขับเคลื่อนสำคัญที่เป็นตัวปลุกระดมของขบวนการก่อเหตุรุนแรงในประเทศไทย
คือ เรื่องศาสนาอิสลามซึ่งหลักสำคัญในอิสลาม
นั้นจะปฏิเสธเรื่องของยาเสพติดอย่างสินเชิงเพราะเป็นสิ่งต้องห้ามเด็ดขาด
หรือ (ฮารอม) แต่ด้วยความจำเป็น
หรือผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นในขบวนการก่อเหตุการณ์ไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาค
ใต้ที่หน่วยงานด้านความมั่นคงตรวจพบทั้งพยาน หลักฐาน
ตั้งแต่ระดับกำลังปฏิบัติการทหาร (RKK) ถึงระดับองค์กรนำ (DPP)
ผู้ควบคุมสั่งการล้วนเกี่ยวพันกับขบวนการค้ายาเสพติด การฟอกเงิน
การค้าของเถื่อน ค้าอาวุธ
และการเมืองตั้งแต่ระดับท้องถิ่นถึงระดับชาติที่ได้กล่าวไว้แต่ต้น
ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในสงครามปฏิวัติแบ่งแยกรัฐปาตานี
ย้อนอดีตเหตุระเบิดครั้งใหญ่ อำเภอสุไหงโก – ลก ๑๓ กันยายน ๕๔
เกิดขึ้นหลังจากหน่วยงานความมั่นคงจับกุม นายอัสรี ยูโส๊ะ พร้อมยาบ้า
๑.๕ หมื่นเม็ด และกวาดล้างอย่างหนักถึงปัจจุบัน จนเจ้ามือหวยเถื่อน
หวยมาเลเซีย บ่อนการพนัน เจ้าพ่อเงินกู้
แทบหากินไม่ได้จนเกิดเหตุระเบิดล่าสุด เมื่อ ๒๐ กรกฎาคม ๕๕
ต้อนรับรอมฎอนที่ผ่านมา นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงโดย DSI, ปปส.
ยังตรวจพบหลักฐานสำคัญที่ต้องใช้กฎหมายของ ปปช.
เข้าตรวจสอบพิเศษคือพบมีเงินหมุนเวียนจากการฟอกเงินธุรกิจผิดกฎหมาย
ยาเสพติด
น้ำมันเถื่อนที่มีการส่งให้กับกลุ่มแกนนำสั่งการก่อเหตุรุนแรงในมาเลเซีย
โดยฟอกเงินผ่านร้านทอง ร้านขายสินค้าเสื้อผ้า ส่งเข้าทางมาเลเซีย
ไม่ต่ำกว่าปีละ ๑๓๐ ล้านบาท จนนำไปสู่การจับกุมร้านทอง บ้านเกาะตา
อ.สุไหงปาดี และร้านประเสริฐอาภรณ์ เทศบาลอำเภอสุไหง โก – ลก
ที่ผ่านมาในพื้นที่จังหวัดปัตตานี
ขบวนการก็ใช่จะน้อยหน้า
อิทธิพลมีตั้งระดับผู้ใหญ่บ้านถึงนักการเมืองท้องถิ่น เมื่อ ๘ กุมภาพันธ์
๕๕ หลังการจับกุม กำนันดัง ตำบลลุโบ๊ะ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี
นายมะรอนิง จาโก ก็เกิดเหตุระเบิด ระเบิดบริเวณสี่แยกหน้าสาธารณสุข
จังหวัดปัตตานี วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๕๕ ทันที ส่งผลมีผู้บาดเจ็บ ๑๕ คน
เสียชีวิต ๑ คน ที่สำคัญกลิ่นยาบ้ามิทันจางหาย
จากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร โกตาบารู เข้าจับกุมนายซอบรี หะยีสามะแอ
และ นายอาลียะ แยการีสง พร้อมยาบ้าเกือบ ๔ หมื่นเม็ด ปืนเอ็ม ๑๖ จำนวน ๑
กระบอก และปืนลูกซองยาว ๕ นัด จำนวน ๑ กระบอก ซึ่งนายซอรี หะยีสามะแอ
มีพี่ชายที่เป็นกลุ่มขบวนการก่อเหตุรุนแรงระดับมือประกอบระเบิดระดับพระกาฬ
ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงต้องการตัวคือนายไฟซอล หะยีสามะแอ
หลังจากนั้น ๒๕ กรกฎาคม ๕๕ ตำรวจภูธรโกตาบารู
ชุดจับกุมยาเสพติดโดนระเบิดคาร์บอมระหว่างเดินทางกลับจากคุ้มครองรักษาความ
ปลอดภัย ครู เสียชีวิต ๕ นาย บาดเจ็บ ๑ นาย
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเมืองท้องถิ่น
คดีที่ถูกองค์กรสิทธิมนุษยชนแกล้งลืมคือ ผู้ก่อเหตุรุนแรงลอบสังหาร
นายมุกตาร์ กีละ หัวหน้าพรรคประชาธรรม
ผู้ซึ่งประชาชนรู้ดีว่าคนผู้นี้รณรงค์ต่อต้านเรื่องยาเสพติดในพื้นที่อย่าง
หัวชนฝาไม่ยอมใครและเป็นที่ชื่นชอบจนนำมาซึ่งฐานเสียงที่มากขึ้นจนมีแนวโน้ม
จะชนะถึงระดับประเทศ และต้องจบชีวิตด้วยน้ำมือของขบวนการผู้ก่อเหตุรุนแรง
ซึ่งถูกชาวบ้านยิงตายในเวลาใกล้เคียงพร้อมอาวุธปืนโดยผู้สังหารนายมุกตาร์ฯ
นั้นเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงกลุ่มบ้านกูจิงรือปะนั่นเอง
และหลักฐานสำคัญที่ทำให้ฝ่ายความมั่นคงให้ความมั่นใจว่า
ขบวนการกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติด
คือการเข้าจับกุม และยึดทรัพย์เครือข่ายของตระกูล เปาะดาเอาะ
ซึ่งมีทรัพย์สินทั้งบ้าน ที่ดิน รถยนต์ และทองคำ มากกว่า ๔๐๐ ล้านบาท
และพบหลักฐานสำคัญคือการโอนเงินจากขบวนการยาเสพติดให้กับผู้นำขบวนการก่อ
เหตุรุนแรงในประเทศมาเลเซียปีละไม่ต่ำกว่า ๖๐ ล้านบาท โดยใช้นามว่า
“อาเยาะซู” และมีการเดินทางไปมอบเงินด้วยตัวเองถึงมือ มะแซ อูเซ็ง ทุกปี
ทั้งนี้หน่วยงานความมั่นคงยังพบหลักฐานการซื้ออาวุธให้กลุ่มกองกำลัง RKK
และการจ่ายค่าตอบแทนเป็นยาเสพติดโดยปืน ๑
กระบอกที่ได้จากเจ้าหน้าที่แลกยาบ้าได้ ๑ ถุง หรือเงินสดในราคา ๒๐,๐๐๐ บาท
และการที่หน่วยงานความมั่นคงต้องนำ ปปช. และ DSI
มาร่วมด้วยเพราะพบหลักฐานในเรื่องการออกเงินกู้ การกว้านซื้อที่ดิน
หวยเถื่อนทั้งมาเลเซีย และไทย น้ำมันเถื่อน บ่อนการพนัน และอาวุธ
ซึ่งทั้งหมดฟอกเงินผ่านธนาคาร, ร้านค้าทองคำ, ร้านรับแลกเงิน, ร้านขายผ้า
และในมาเลเซียคือธุรกิจร้านกาแฟหรือเครือข่ายขายตรง
ทั้งหมดคือผลประโยชน์ที่กลุ่มขบวนการก่อเหตุรุนแรงได้รับปีหนึ่งไม่ต่ำกว่า
๑,๐๐๐ ล้านบาท
เมื่อกองกำลังปฏิวัติมีอาวุธในมือ
มีกำลังทหารที่สั่งการเคลื่อนไหวอย่างเสรี มีระเบิด
เป็นอาวุธทุกครั้งที่มีการก่อเหตุ ฝ่ายความมั่นคงทั้งตำรวจทหาร บ้านเมือง
จะโฟกัส ไปที่กลุ่มขบวนการก่อเหตุรุนแรง ทั้งไล่ติดตาม
แม้ตั้งด่านตรวจก็เพ่งเล็งที่ตัวบุคคลเป้าหมาย
จึงเปิดโอกาสให้กลุ่มค้ายาเสพติดเคลื่อนไหว
โยกย้ายจำหน่ายได้เสรีจนธุรกิจยาบ้าเฟื่องฟูที่สุดในพื้นที่จังหวัดภาคใต้
ใครเอาของไปไม่จ่ายก็ตาย
ใครแจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับเครือข่ายคนนั้นตาย
เมื่อการสังหารเจ้าหน้าที่เอาอาวุธมาแลกยาได้ ประชาชนไม่กล้าปิดปากเงียบ
เมื่อมีจำนวนเงินมากมหาศาลจากการค้ายาบ้าก็ปล่อยเงินกู้ร้อยละ ๒๐
ใครเปี้ยวตาย เปิดบ่อนการพนัน ค้าหวยเถื่อน น้ำมันเถื่อน
รวมถึงเงินทุนซื้อเสียงเมื่อมีการเลือกตั้งทุกระดับโดยมี RKK
เป็นกองกำลังสนับสนุนเหมือนกับพรรคฝ่ายค้านพรรคหนึ่งในประเทศมาเลเซีย
โดยเฉพาะการบังคับ ข่มขู่ กว้านซื้อที่ดินสวนยางพาราโดยมีนอมินีบังหน้า
ซึ่งมีข้อมูลค่ามหาศาลแบบไม่มีใครกล้าขวาง
สุดท้ายการกระทำของกลุ่มขบวนการก่อเหตุรุนแรงที่อ้างว่าปฏิวัติเพื่อประชาชน
นั้น หาใช่อุดมการณ์หรือนักรบของประชาชนวีระบุรุษฟาตอนีแต่ประการใด
หากนั่นคือองค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่ (Organnized Crime) หรือ มาเฟีย (Mafia)
หรือกลุ่มคนหรือสมาชิกกลุ่มคน
ที่อยู่อาศัยเงื่อนไขบางประการรวมตัวกันขึ้นประกอบมิจฉาชีพ
ในการทำมาหากินเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มตนเอง และสุดท้ายก็คือคนมาลายู
ลูกหลานมาลายูมุสลิมใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้นี้แหละที่จะทุกข์ร้อน
เจ็บซ้ำอย่างแสนสาหัส
ประชาชนต้องลำบากทุกข์เข็ญหาได้ประโยชน์ใดเลยจากการสร้างสถานการณ์ของกลุ่ม
เผด็จการมุสลิมที่อ้างว่าทำเพื่อคนมาลายู
แต่ที่สาหัสคือลูกหลานมลายูต้องตกเป็นทาสยาเสพติด ขาดการศึกษาหมดอนาคต
สุดท้ายก็ตกเป็นเครื่องมือของขบวนการที่อ้างว่าทำเพื่อมาลายู
ปัตตานี
จากปัญหาที่ซับซ้อนในมิติขององค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่ที่มีขบวนการแบ่งแยก
ดินแดน และกองกำลังทหารติดอาวุธ RKK ขับเคลื่อนควบคุมประชาชน
หน่วยงานความมั่นคงจึงกำหนดยุทธศาสตร์ การแก้ไขปัญหาภัยแทรกซ้อนเป็น ๑
ในยุทธศาสตร์ แก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
และเป็นวาระแห่งชาติในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน
และจากความพยายามของฝ่ายความมั่นคงร่วมกันทุกภาคส่วนที่ลงความเห็นจากทุกเวทีเสวนา
ทุกกลุ่มชุมชนที่ว่าขณะนี้ปัญหายาเสพติดเป็นภัยคุกคามระดับต้นฯ
ของจังหวัดชายแดนภาคใต้
และเพิ่มมากขึ้นกว่าทุกภาคอื่นก็ด้วยปัจจัยของกลุ่มขบวนการที่สนับสนุนที่
กล่าวมาข้างต้น ล่าสุดจากการขับเคลื่อนร่วมกันของรัฐบาล
และผู้นำศาสนาในพื้นที่ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี, ยะลา,
นราธิวาส, สงขลา และ สตูล ที่มองเห็นปัญหาว่าลูกหลานกำลังออกห่างจากศาสนา
และมัวเมาในยาเสพติดจนตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มผู้หวังดี
จึงได้รวมตัวกันกำหนดปฏิญญาปัตตานี ๒๕๕๕ ณ โรงแรม ปาร์ควิว รีสอร์ท
อำเภอเมืองจังหวัดปัตตานี โดยใช้ศาสนาอิสลาม เป็นข้อปฏิบัติ และข้อห้าม
จากภัยคุกคามของกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน ภัยของยาเสพติด
จนเป็นองค์กรอาชญากรรมสร้างความทุกข์ร้อนอย่างแสนสาหัสให้กับประชาชน ๓
จังหวัดชายแดนภาคใต้ คงถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วนของประเทศ
องค์กรภาคประชาสังคม (NGO), องค์กรท้องถิ่น, ประชาชนทั่วประเทศ
และพี่น้องมุสลิมมาลายู ต้องตื่นจากหลุมพราง
และกับดักของกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนเสียที
หันหน้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหาพิษภัยของ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยความจริงใจ
ไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายใดแต่เพียงลำพัง
เพราะผลลัพธ์สุดท้ายผู้ที่ได้เสียจากการแก้ไขปัญหาหรือปล่อยปะละเลยไม่สนใจ
เอาแต่โยนความผิดให้ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายเดียว
ผู้ที่ต้องรับกรรมประสบแต่ความทุกข์ยากลำบาก คือประชาชนพี่น้อง ๓
จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประชาชนมลายูมุสลิม
ลูกหลานมลายูทั้งหลายที่ถูกหลอกใช้ครอบงำ โดยขบวนการแบ่งแยกดินแดน
ที่จะเข้ามาปกครอง มาลายูปัตตานีด้วยระบบเผด็จการมุสลิม
บินหลาดง ยะลา
| |
http://narater2010.blogspot.com/
|
หน้าเว็บ
▼
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น