ปัญหาของภาคใต้
| |
ปัญหาของภาคใต้
“และ
พวกเจ้าจงยึดสายเชือก ของอัลลอฮ์โดยพร้อมกันทั้งหมด และจงอย่าแตกแยกกัน
และจงลำรึกถึงความเมตตาของอัลลอฮ์ที่มีแด่พวกเจ้า
ขณะที่พวกเจ้าเป็นศัตรูกัน
แล้วพระองค์ได้ทรงให้สนิทสนมกันระหว่างหัวใจของพวกเจ้า
แล้วพวกเจ้าก็กลายเป็นพี่น้องกันด้วยความเมตตาของอัลลอฮ์
และพวกเจ้าเคยปรากฏอยู่บนปากหลุมแห่งไฟนรก
แล้วพระองค์ก็ทรงช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากปากหลุมแห่งนรกนั้น ทำนองนั้นแหละ
อัลลอฮ์จะทรงแจกแจงแก่พวกเจ้าซึ่งบรรดาโองการของพระองค์เพื่อว่าพวกเจ้าจะ
ได้รับแนวทางอันถูกต้อง” (Al-Quran 3:103)
จังหวัดชายแดนทางภาคใต้ซึ่งเคยมีแต่ความสงบสุข
เป็นผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและเศรษฐกิจที่
รุ่งเรือง ซึ่งไม่มีภาคไหนในประเทศไทยที่มีทุกอย่างครบสมบูรณ์เท่าภาคใต้
พระองค์ทรงให้ความอุดมสมบูรณ์แด่กลุ่มชนผู้ศรัทธา
“แท้จริงอัลลอฮ์ไม่ทรงพิจารณาที่รูปร่าง หน้าตาของพวกท่าน แต่พระองค์จะทรงพิจารณาที่หัวใจของพวกท่าน” (บันทึกโดย มุสลิม)
เมื่อก่อนเวลาฟังข่าวทางภาคใต้จะไม่รู้สึกอะไรถึงคนที่โดนฆ่าตายไป
และชอบสนับสนุนให้รัฐบาลใช้ความรุนแรงปราบปราม
แต่เดี๋ยวนี้เวลาที่ได้รับรู้ข่าวสารทางภาคใต้จะมีความรู้สึกสงสารและ
ร้องไห้ทุกครั้ง
เมื่อมีชาวไทยมุสลิมหรือชาวไทยพุทธต้องเสียชีวิตให้กับเหตุการณ์อันเลวร้าย
ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในภาคใต้ที่สงบสุข
แต่ก่อนนั้นไม่ว่าใครจะตายที่ไหนไม่เคยสนใจ
จนบางครั้งยังนึกเลยว่าพวกเขาสมควรตาย คงจะเป็นความรู้สึกเหมือนกับหลายๆ
คนในตอนนี้ที่ไม่เข้าใจในศาสนาอิสลามและก็ไม่ยอมที่จะศึกษา
แต่ตอนนี้ความรู้สึกที่รับรู้มีแต่ความเศร้าโศก ความปวดร้าว
เมื่อได้ยินข่าวของการฆ่าพี่น้องมุสลิม ไม่ว่าจะในประเทศไทยหรือต่างประเทศ
“หาก
มนุษย์มีหุบเขาทองคำหนึ่งแห่ง เขาก็อยากจะมีอีกสองแห่ง
และจะไม่มีอะไรเต็มปากของเขา นอกจากดินเท่านั้น
และอัลลอฮ์ทรงให้อภัยแก่ผู้ขออภัยต่อพระองค์” (บันทึกโดย
บุคอรีย์และมุสลิม)
พระองค์อัลลอฮ์
ได้ทรงสอนให้ยุซรอเผื่อแผ่ความรักให้กับมนุษย์ทุกคน
เพราะเราเกิดมาจากดินเหมือนกันเรานั้นมีค่าและเท่าเทียมกัน
แต่ตอนนี้ทางจังหวัดชายแดนใต้ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม
ผู้ที่ศรัทธาในพระองค์อัลลอฮ์
พวกเขาทั้งหลายเหล่านั้นเริ่มไขว้เขวกับแผนการของชัยฏอน มารร้าย
“
ผู้ใดได้พบกับแนวทางที่ถูกต้อง แท้จริงเขาจะอยู่ในทางนั้นเพื่อตัวเขาเอง
และผู้ใดหลง แท้จริงเขาจะหลงต่อตัวเขาเอง ” (Al-Quran17:15)
จากประสบการณ์ในการเดินทางไปทำงานในแต่ละภาคของประเทศไทย
ทำให้ได้รับรู้ถึงเศรษฐกิจและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน
ความสมบูรณ์ของเศรษฐกิจและวัฒนธรรมทางภาคใต้นั้นเข้มแข็งและแข็งแกร่งกว่า
ทุกภาค พื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ไม่เคยเกิดอุทกภัยหรือภัยธรรมชาติที่ร้ายแรง
พื้นที่ส่วนใหญ่เพาะปลูกสวนยางพาราและสวนปาล์มไม้ยืนต้นซึ่งสามารถเก็บผล
ผลิตได้ทั้งปีไม่เดือดร้อนจากพิษเศรษฐกิจมากมายนัก
ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม
ทำให้มีสิ่งที่เป็นอบายมุขและการค้ากามารมณ์นั้นน้อยมาก
ปัญหาอาชญากรรมต่างๆหรืออุบัติเหตุมีสถิติที่น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับ
จังหวัดอื่นตามภาคต่างๆ
แต่แล้วสิ่งต่างๆที่เป็นความสงบสุข กลับมาพังทลาย
การบิดเบือนคำสอนของศาสนา การยุยงให้มุสลิมแตกแยก
การฆ่าพี่น้องมุสลิมด้วยกันเอง การไม่สนใจกันของประชาชนในพื้นที่
การขาดซึ่งความสามัคคี ความเห็นแก่ตัวของผู้ใช้อำนาจในทางที่ผิดบางกลุ่ม
ทำให้ภาคใต้ที่เคยสงบสุขและมีเศรษฐกิจที่เฟื่องฟู ได้พังทลายลงมา
“หรือ
ว่าพวกเขาได้ยึดถือเอาคนอื่นจากพระองค์เป็นผู้คุ้มครอง
แต่อัลลอฮ์คือผู้คุ้มครองและพระองค์คือผู้ทรงให้ชีวิตแก่คนตาย
และพระองค์คือผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง ” (Al-Quran 42:9)
“
คือบรรดาพวกที่ยึดเอาศาสนาของพวกเขาเป็นสิ่งให้ความเพลิดเพลิน
และเป็นของเล่นและชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้ก็ได้หลอกลวงพวกเขาด้วย
ดังนั้นในวันนี้เราจะลืมพวกเขาบ้าง ดังที่พวกเขาลืมการพบกับวันของพวกเขานี้
และการที่พวกเขาปฏิเสธบรรดาโองการของเรา ” (Al-Quran 7:51)
ผู้ที่สำเร็จการศึกษาทางศาสนาจากประเทศอาหรับแต่ไม่สามารถช่วยให้พี่น้อง
มุสลิมในพื้นที่เข้าใจข้อเท็จจริงของศาสนาได้
ไม่สามารถทำให้พี่น้องมุสลิมสามัคคี ปรองดองกันได้
คงจะไม่มีคุณค่ากับที่ได้ไปร่ำเรียนมา
แล้วผู้มีความรู้เหล่านี้จะตอบอย่างไรกับพระองค์ในวันแห่งการสอบสวน
นักวิชาการแต่ละกลุ่มมักอ้างว่ากลุ่มของตนเองนั้นถูกต้องตามหลักการ
กลุ่มของตนเองนั้นจะได้เข้าสวรรค์
พวกท่านรู้ได้อย่างไร
พวกท่านมั่นใจอย่างนั้นหรือ ?
อัลลอฮ์ เท่านั้นที่รู้ วัลลอฮุ อะอฺลัม
ทุกกลุ่มอ้างว่าตนเองยืนหยัดเพื่อศาสนา
เพราะฉะนั้นโปรดกลับมาสามัคคีและร่วมมือกันเพื่อศาสนาอันบริสุทธิ์ของพระ
องค์อัลลอฮ์ เถิด
“ที่
ดียิ่งแห่งกิจการทั้งหลาย คือกิตาบุลลอฮ์ และที่ดียิ่งแห่งแนวทางนั้นคือ
แนวทางของมุฮัมมัด และกิจการที่เลวยิ่งคือที่คิดกันขึ้นมาใหม่
และทุกช่องที่บิดอะฮ์เป็นการหลงผิด” (บันทึกโดย อิบนุมาญะฮ์)
เหตุรุนแรงในภาคใต้นั้นได้มีการปล่อยข่าวให้เกิดความระแวงและสงสัยกันเอง
แม้แต่เจ้าหน้าที่
ที่ทำหน้าที่อยู่ในพื้นที่ไม่ทราบว่าท่านเข้าใจหลักการทางศาสนาอิสลามหรือ
ไม่ แต่ที่น่าเศร้าคือบุคคลคนที่มีอัลกุรอาน
แต่กลับไม่ใช้อัลกุรอานมาเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่างๆ
“มี
คัมภีร์ฉบับหนึ่งซึ่งถูกประทานลงมาแก่เจ้า
ดังนั้นจงอย่าให้ความอึดอัดเนื่องจากคัมภีร์นั้นมีอยู่ในหัวอกของเจ้า
ทั้งนี้เพื่อเจ้าจะได้ใช้คัมภีร์นั้นตักเตือน(ผู้คน)
เพื่อเป็นข้อเตือนใจแก่ผู้ศรัทธาทั้งหลาย” (Al-Quran 7:2)
ผู้นำศาสนาบางท่าน
ทำไมถึงปล่อยให้มีการบิดเบือนศาสนาอันบริสุทธิ์ของพระองค์อัลลอฮ์
ทำไมถึงปล่อยให้มีการกล่าวร้ายป้ายสีกันเอง
ไม่ว่าจะเป็นมุสลิมที่อยู่ภาคไหนของประเทศไทย ส่วนไหนของโลก
พวกเรานับถือศาสนาอิสลามเหมือนกัน อย่าก่อความแตกแยกในกลุ่มชนเลย
บุคลิกของผู้นำทางศาสนาต้องเป็นแบบฉบับมาจากท่านนะบีมุฮัมมัด
เพราะฉะนั้นพี่น้องมุสลิมควรพิจารณาดูว่าผู้ที่กำลังสอนศาสนาที่ท่านเชื่อ
และฟังอยู่นั้น ได้นำแบบฉบับของท่านนะบีมาใช้หรือไม่ ท่านนะบีมุฮัมมัด
ไม่พูดเท็จ ไม่พูดจาก้าวร้าว ไม่ใส่ร้ายป้ายสี ไม่พูดจาเหยียดหยามและ
ไม่ฮุก่มพี่น้องด้วยกันเอง ท่านสุภาพ อ่อนโยน นอบน้อม และ อดทน
“ไฉน
เล่าผู้ที่รู้แจ้งในอัลลอฮ์ และนักปราชญ์เหล่านั้นจึงไม่ห้ามพวกเขา
ในการที่พวกเขาพูดในสิ่งที่เป็นบาป และในการที่พวกเขากินสิ่งที่ต้องห้าม
ช่างเลวจริงๆสิ่งที่พวกเขาทำ” (Al-Quran 5:63)
คนใต้ส่วนใหญ่จะส่งเสริมและสนับสนุนให้ลูกหลานได้เรียนหนังสือและศึกษาหา
ความรู้ เห็นได้จากการที่มีนักศึกษาจากทางภาคใต้มาศึกษาตามสถาบันต่างๆ ทั้ง
มหาวิทยาลัยเปิดและมหาวิทยาลัยปิด
นิสัยที่ดีเยี่ยมของคนภาคใต้คือการรักพวกพ้อง
แต่ตอนนี้พวกท่านกำลังทำร้ายและเข่นฆ่ากันเองโดยไม่มองว่าเป็นพวกไหน
“ผู้
ใดในหมู่พวกท่านเห็นความชั่ว ก็จงเปลี่ยนแปลงมันด้วยมือ
หากไม่มีความสามารถก็จงตักเตือนด้วยวาจา
ถ้ายังไม่สามารถทำได้อีกก็ให้คัดค้านด้วยใจ
และนั่นคือระดับต่ำสุดของการศรัทธา” (บันทึกโดย มุสลิม)
“ และหากพวกท่านเชื่อฟังปฏิบัติตามมนุษย์ธรรมดาเช่นเดียวกับพวกท่าน ดังนั้นแน่นอนพวกท่านเป็นผู้ขาดทุน ” (Al-Quran 23:34)
พวกท่านกำลังทำอะไรกันอยู่
หรือว่าพวกท่านไม่ได้มีความรักกันในกลุ่มชนพี่น้องมุสลิม
และไม่ได้ปฏิบัติตามแนวทางของอัลอิสลาม ตามแบบฉบับของท่านนะบี
พวกท่านกำลังบิดเบือนศาสนาหรือว่าปฏิเสธศรัทธา ทุกท่านผู้มีปัญญา
ผู้มีอัลกุรอานอยู่ในจิตวิญญาณได้โปรดอธิบายให้พี่น้องด้วยกันเองเข้าใจ
ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาเพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องมุสลิมด้วยกันเอง
เพื่อให้ศาสนาอิสลามกลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิม
เวลายุซรอถามเพื่อนมุสลิมที่อยู่ทางใต้ว่า
เมื่อไหร่ปัญหาทางภาคใต้ถึงจะจบเสียที
พวกเขาเหล่านั้นจะตอบมาเหมือนกันหมดว่า “อินชาอัลลอฮ์” หมายถึง หากพระองค์ทรงประสงค์ แต่สำหรับพระองค์อัลลอฮ์ คงจะบอกพวกท่านอย่างเดียวกับที่พระองค์ได้บอกกลุ่มชนทั้งหลายว่า
“
....แท้จริงอัลลอฮ์จะมิทรงเปลี่ยนแปลงสภาพของชนกลุ่มใดจนกว่า
พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงสภาพของพวกเขาเอง
และเมื่ออัลลอฮ์ทรงปรารถนาความทุกข์แก่ชนกลุ่มใด ก็จะไม่มีผู้ตอบโต้พระองค์
และสำหรับเขาจะไม่มีผู้ช่วยเหลือนอกจากพระองค์ ”(Al-Quran 13:11)
ผมอยากให้ภาคใต้กลับสู่ความสงบสุขและสันติ
เพราะผู้ที่ทุกข์ระทมคือผู้หญิงที่ต้องสูญเสียสามี
ผู้หญิงที่ควรได้รับการปกป้องและเด็กๆที่ควรได้รับการดูแลจากพ่อของเขา
ตอนนี้มีผู้หญิงหม้ายและเด็กกำพร้ามากมาย
ทำไมนะพวกท่านถึงไม่สงสารพี่น้องมุสลิมด้วยกันเองบ้าง
“และ
พึงรู้เถิดว่า แท้จริงทรัพย์สินของพวกเจ้าและลูกๆของพวกเจ้านั้น
เป็นสิ่งทดสอบชนิดหนึ่งเท่านั้น และแท้จริงอัลลอฮ์นั้น ณ
พระองค์มีรางวัลอันใหญ่หลวง” (Al-Quran 8:28)
รัฐบาลกี่ยุคกี่สมัยมาแล้วที่ใช้เงินหว่านซื้อผู้คนไม่เคยมีรัฐบาลไหนที่
ประสบความสำเร็จในการบริหารและแก้ปัญหาภาคใต้ได้ด้วยเงิน
แล้วปัญหายิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อผู้ศรัทธาสูญหายโดยไร้ร่องรอย
แต่ไม่สามารถจับโจรได้ทั้งๆ ที่เป็นข่าวใหญ่โต
ประชาชนถูกยิงในมัสยิดตายกันเกือบร้อยไม่สามารถเอาผิดใครได้
ทั้งๆที่เราก็ทราบกันดีว่าใครที่เป็นผู้บัญชาการ
และยังมีผู้บริสุทธิ์ต้องตายกันอีกมากมายทั้งคนไทยมุสลิม และไทยพุทธ
“
แล้วจะเป็นอย่างไรเล่า เมื่อเราได้ชุมนุมพวกเขาไว้สำหรับวันหนึ่ง
ซึ่งในวันนั้นไม่มีการสงสัยใดๆ
และแต่ละชีวิตจะถูกตอบแทนอย่างครบถ้วนในสิ่งที่ชีวิตนั้นได้แสวงหาไว้
โดยที่พวกเขาจะไม่ถูกอธรรม ”(Al-Quran 3:25)
มนุษย์ขายตัวเองให้เป็นทาสของเงิน
พวกที่มีตำแหน่งใหญ่โตทั้งหลายถูกซื้อด้วยเงิน เกียรติยศ
ศักดิ์ศรีซื้อหาได้ด้วยเงิน โดยไม่เคยคิดที่จะตอบแทนแผ่นดินที่ได้อยู่อาศัย
ชาวบ้านถูกซื้อด้วยเงิน การรอคอยเงินที่จะแจกให้
“อัลลอฮ์
ได้ประทับตราบนหัวใจของพวกเขา และบนหูของพวกเขาแล้ว
และบนตาของพวกเขาก็มีสิ่งบดบังอยู่
และเขาเหล่านั้นจะได้รักการลงโทษอันมหันต์” (Al-Quran 2:7)
“แท้จริงอัลลอฮ์จะประวิงเวลาไว้สำหรับผู้อธรรม แต่เมื่อพระองค์ลงโทษเขาแล้วเขาก็จะไม่รอดพ้นไปได้” (บันทึกโดย บุคอรีย์และมุสลิม)
และเมื่อถึงวันตัดสิน
(วันกิยามะฮ์) เงินจะไม่มีความหมายอีกต่อไป
รัฐบาลจะใช้เวลาในการแก้ปัญหาอีกนานเท่าไหร่ไม่รู้
โดยส่วนมากมุสลิมที่เสียชีวิตจะเป็นเด็กวัยรุ่นหรือบุคคลวัยทำงานเป็นกำลัง
ของครอบครัว สื่อมวลชนทั้งหลายเคยเข้าไปดูกันบ้างไหม
เมื่อเสาหลักในครอบครัวได้เสียชีวิตพวกเขาดำเนินวิถีชีวิตกันอย่างไร เด็กๆ
อยู่กันอย่างไร การศึกษาเป็นอย่างไร
ผู้หญิงหม้ายที่ต้องเลี้ยงดูครอบครัวของพวกเธอเองนั้นประสบปัญหาอะไร
“หรือ
ดั่งฝนที่หล่นลงมาจากฟากฟ้า โดยที่ในฝนนั้นมีทั้งบรรดาความมืด
ฟ้าคำรณและฟ้าแลบ
พวกเขาจึงเอานิ้วมือของพวกเขาอุดหูพวกเขาไว้เนื่องจากฟ้าผ่า
ทั้งนี้เพราะความกลัวตาย และอัลลอฮ์นั้นทรงล้อม
พวกปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้นไว้” (Al-Quran 2:19)
การสนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนาโรงเรียนสถานศึกษาของเด็กๆ
อยากให้ทำด้วยความจริงใจ
และควรให้ความรู้การศึกษาแก่พวกเขาเหล่านั้นอย่างจริงจัง
การสร้างอาคารเรียนก็ควรสร้างแบบถาวรและแข็งแรง
“คนที่ดีที่สุดในหมู่พวกท่านคือ คนที่เรียนอัลกุรอานและสอนอัลกุรอาน” (บันทึกโดย บุคอรีย์และมุสลิม)
ไม่ควรทุ่มเทเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการสร้างโรงงาน
ในขณะที่เหตุการณ์ต่างๆ ยังไม่สงบ ถึงแม้จะสร้างโรงงานสัก 100
แห่งแต่ถ้าไม่มีใครสามารถเดินทางไปทำงานได้แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร
องค์กรที่มีส่วนในการแก้ไขปัญหาควรที่จะศึกษาถึงวิถีชีวิตของมุสลิมอย่าง
จริงจัง สภาพเศรษฐกิจทางภาคใต้ตามชายแดนมาเลเซียนั้นดีอยู่แล้ว
การฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจคือทำให้มีความสงบในภาคใต้ เพียงแค่ความสงบ
ความสันติจะส่งผลถึงเศรษฐกิจโดยรวมไม่เฉพาะแต่ภาคใต้เพียงภาคเดียว
มันส่งผลถึงเศรษฐกิจโดยรวมทั้งประเทศไทย
ควรจะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุมิใช่ปลายเหตุ
“โดย
ที่พวกเขาลังเลใจในระหว่านั้น จะไปทางพวกนี้ก็ไม่ไป จะไปทางพวกนั้นก็ไม่ไป
และผู้ใดที่อัลลอฮ์ให้หลงทางแล้ว เจ้าก็จะไม่พบทางใดๆ
สำหรับเขาเป็นอันขาด ”(Al-Quran 4:143)
เรื่องตราอาหารฮาลาลที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ความน่าเชื่อถือก็เสื่อมถอย เพราะอะไร ถ้าไม่ใช่ “ช่องทางพิเศษ”
เมื่อใดที่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาในการคอรัปชั่น
เศรษฐกิจและสังคมจะไม่สามารถฟื้นคืนได้
เพราะมีผู้บริหารประเทศบางคนที่ยังมีความเห็นแก่ตัวอยู่
อยากให้พี่น้องมุสลิมที่มีความรู้ ความสามารถ
เป็นผู้ที่ยึดถืออัลกุรอานและซุนนะฮ์ย่างแท้จริงเข้าไปบริหารกิจการต่างๆที่
เกี่ยวข้องกับพี่น้องมุสลิม
มิใช่ให้ใครมาดูแลก็ได้โดยที่พวกเขาไม่เข้าใจถึงกฎหมาย หลักความสำคัญ
กฎระเบียบ และการปฏิบัติของศาสนาอิสลาม
อยากเรียกร้องให้พี่น้องมุสลิมที่กำลังหลงผิดอยู่ในอำนาจเงินตกเป็นเบี้ย
ล่างให้กับคนบางกลุ่มที่คิดร้ายและไม่หวังดีต่อศาสนาอิสลามหันกลับมามองพี่
น้องมุสลิมด้วยกันเอง และพัฒนาเศรษฐกิจของมุสลิมให้เจริญเติบโต
พี่น้องมุสลิมที่พระองค์อัลลอฮ์ ให้ท่านสุขสบาย
พวกท่านยิ่งต้องปฎิบัติตนให้อยู่ในกรอบหลักการของคัมภีร์อัลกุรอานและซุนนะ
ฮ์ เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับสังคมมุสลิม ช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมด้วยกัน
ซึ่งเป็นการขอบคุณต่อพระองค์อัลลอฮ์ ที่ดีที่สุด
“
แท้จริงผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น ทรัพย์สมบัติของพวกเขาและลูกๆของพวกเขานั้น
จะไม่อำนวยประโยชน์ของพวกเขาให้พ้นจากการลงโทษของอัลลอฮ์ได้แต่อย่างใดเลย
และชนเหล่านี้แหละคือเชื้อเพลิงแห่งไฟนรก ” (Al-Quran 3:10)
ควรสร้างความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องในอัลกุรอาน
และหลักปฏิบัติของศาสนาอิสลามให้แก่เหล่าทหาร เจ้าหน้าที่
ก่อนที่จะลงไปปฏิบัติงานทางภาคใต้เพื่อทำให้รู้ว่า
อันที่จริงแล้วพื้นฐานหลักความศรัทธาของมุสลิมคืออะไร ทำไมจึงศรัทธาพระเจ้า
ทำไมแนวคิดของมุสลิมถึงคิดแตกต่างกับชาวพุทธ
เพราะชาวไทยพุทธกับชาวไทยมุสลิมคิดกันคนละทาง มองกันคนละมุม
ถ้าผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ลงพื้นที่จริงแล้วยังไม่สามารถเข้าใจถึงวิถีการ
ดำเนินชีวิต และความคิดของคนในท้องที่แล้วจะแก้ปัญหากันได้อย่างไร
อย่างไรก็ตามคนที่ศึกษาศาสนาอิสลามไม่จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนศาสนา
เพราะยุซรอเห็นคนไทยพุทธที่มาศึกษาศาสนาอิสลามแต่พวกเขาไม่ได้เปลี่ยนเข้ามา
รับอิสลาม ไม่ว่าพวกเขาจะศึกษาและเข้าใจมากขนาดไหนก็ตาม อัลลอฮ์
พระองค์เดียวเท่านั้นที่จะเป็นผู้ชี้ทางนำแห่งแสงสว่างให้กับพวกเขา
“อุปมา
พวกเขานั้น ดังผู้ที่จุดไฟขึ้น
ครั้นเมื่อไฟได้ให้แสงสว่างแก่สิ่งที่อยู่รอบๆตัวเขา
อัลลอฮ์ก็ทรงนำเอาแสงสว่างจากพวกเขาไป และปล่อยพวกเขาไว้ในบรรดาความมืด
ซึ่งพวกเขาไม่สามารถจะมองเห็นได้” (Al-Quran 2:17)
การศึกษาอิสลามนั้นเพื่อให้เข้าใจและเข้าถึง
ไม่ว่าจะมีสักกี่องค์กรที่เข้าไปทำงานแต่ถ้าไม่ศึกษากันอย่างแท้จริงแล้ว
จะมีประโยชน์อันใดที่จะสูญเสียงบประมาณให้องค์กรเหล่านั้น
ที่สำคัญเจ้า
หน้าที่ ที่อยู่ในพื้นที่ควรที่จะได้ศึกษาศาสนาอิสลามด้วย
เพราะอยู่ในพื้นที่แต่ไม่เคยคิดที่จะรับรู้ว่าคนในท้องถิ่นเขาคิดกันอย่างไร
เขาคิดแบบนี้เพราะอะไร
สาเหตุนี้จึงทำให้แตกแยกได้ง่ายแม้จะอยู่ด้วยกันมานานเพราะความเข้าใจที่ไม่
ตรงกันนั่นเอง แม้ตัวของท่านจะอยู่ในพื้นที่
แต่หัวใจและความคิดนั้นไม่ได้ใกล้ชิดกับพี่น้องมุสลิมเลยแม้แต่น้อย
“
และผู้ใดที่แสวงหาความผิดหรือบาปกรรมไว้
แล้วก็โยนบาปกรรมนั้นให้แก่ผู้บริสุทธิ์ แน่นอน
เขาได้แบกความเท็จและบาปกรรมอันชัดเจนไว้ ” (Al-Quran 4:112)
“ผู้ศรัทธาที่เข้มแข็งย่อมดีกว่าและเป็นที่รักของอัลลอฮ์มากกว่าผู้ศรัทธาที่อ่อนแอ” (บันทึกโดย มุสลิม)
สิ่งที่สำคัญที่สุดคงเป็นพี่น้องมุสลิมทุกกลุ่มชนที่บอกว่าตนเองนั้นเป็นผู้
ศรัทธาพระเจ้าอย่างแท้จริง
มุสลิมทุกคนควรศึกษาอัลกุรอานให้เข้าใจอย่างแท้จริง
และต้องปฏิบัติตามซุนนะฮ์ของท่านนะบี มุสลิมทุกคนนั้นทราบดีว่าอัลลอฮ์
จะไม่ให้อภัยผู้ที่ตั้งภาคี
คือเชื่อและนับถือบุคคลหรือสิ่งอื่นเทียบเคียงกับพระองค์
“
และผู้ใดที่ฝ่าฝืนเราะซูล
หลังจากที่คำแนะนำอันถูกต้องได้ประจักษ์แก่เขาแล้ว
และเขายังปฏิบัติตามที่มิใช่ทางของบรรดาผู้ศรัทธานั้น
เราก็จะให้เขาหันไปตามที่เขาได้หันไป และเราจะให้เขาเข้านรกญะฮันนัม
และมันเป็นที่กลับอันชั่วร้าย ” (Al-Quran 4:115)
“จงกล่าวว่าฉันศรัทธาต่ออัลลอฮ์ แล้วจงยืนหยัดตามคำกล่าวนั้น” (บันทึกโดย มุสลิม)
“เป็นบาปเพียงพอแล้วสำหรับบุคคลที่พูดทุกอย่างที่เขาได้ฟังมา” (บันทึกโดย มุสลิม)
“
พวกเขามิได้มองไปดูที่นก (บิน) อยู่เบื้องบนพวกเขาดอกหรือ
มันกางปีกและหุบปีก (ของมัน) ไม่มีผู้ใดไปจับดึงมันไว้ได้
นอกจากพระผู้ทรงกรุณาปรานี แท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง ”
(Al-Quran 67:19)
แม้ผมจะเข้ารับอิสลามได้ไม่นานนัก แต่มีความรู้สึกเสียใจอย่างมาก
เมื่อได้อ่านสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นออกข่าวหรือเขียนข้อความต่างๆ
บิดเบือนศาสนาอิสลามที่มีแต่ความสันติ กลายเป็นกลุ่มชนที่ก่อการร้าย
ก่อความรุนแรง
ถ้าผู้มีปัญญาและไขว่คว้าหาความรู้ควรที่จะศึกษาศาสนาเปรียบเทียบโดยใช้
เหตุผลและความเป็นจริง
โดยการค้นคว้าหาข้อมูลมาก่อนโดยไม่คิดที่จะลำเอียงหรือต่อเติม
พวกเขาจะได้เห็น รับรู้สัจธรรมและความเป็นจริง
“ผู้ใดกล่าวในเรื่องของอัลกุรอานโดยไม่มีความรู้ ก็ให้เขาเตรียมที่นั่งของเขาไว้ในไฟนรก” (บันทึกโดย ติรมิซีย์)
บุคคลที่จะศึกษาอิสลามได้นั้นต้องเปิดใจของท่านให้กว้างและพร้อมที่จะยอมรับ
ท่านจะต้องวางจิตใจไว้ตรงกลาง
เพราะถ้ามีจิตใจที่คับแคบและฟังข้อมูลด้านเดียว โดยไม่รับรู้ความเป็นจริง
จะทำให้สิ่งที่ท่านบอกว่าตนเองหวังดีกลายเป็นการทำลายประเทศชาติทางอ้อม
เหตุการณ์ต่างๆ จึงไม่สงบลงเสียที
“ฉัน
ได้ถูกใช้ให้ทำการต่อสู้กับมนุษย์ จนกว่าพวกเขาจะปฏิญาณว่า
แท้จริงไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ และแท้จริงมุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของ
อัลลอฮ์ และพวกเขาจะต้องดำรงการละหมาด และชำระซะกาต
แล้วเมื่อพวกเขาได้ปฏิบัติดังกล่าวแล้ว
พวกเขาก็ได้รับการคุ้มครองจากฉันซึ่งเลือดของพวกเขา ทรัพย์สินของพวกเขา
ยกเว้นสิทธิของอัลอิสลาม และการสอบสวนของพวกเขาขึ้นอยู่กับอัลลอฮ์
ผู้ทรงสูงส่ง” (บันทึกโดย บุคอรีย์ และ มุสลิม)
มี
บ้างไหมสื่อมวลชนที่มีความกล้าพอที่จะเสนอข่าวให้ผู้นำศาสนาอิสลามรุ่นใหม่
ที่กล้าพูดความจริงโดยไม่ได้มีผลประโยชน์ทางการเมือง
มาพูดคุยและอธิบายเกี่ยวกับหลักการทางศาสนาอิสลามเพื่อให้คนต่างศาสนิกได้
ทราบข้อมูลที่แท้จริง
“ท่าน
ทั้งหลายจะพบคนเลวที่สุดในวันกิยามะฮ์ คือคนที่มีสองหน้า
กล่าวคือไปหาพวกหนึ่งด้วยใบหน้าหนึ่ง
และจะไปหาอีกพวกหนึ่งด้วยกับอีกใบหน้าหนึ่ง” (บันทึกโดย บุคอรีย์ และ
มุสลิม)
แต่คงจะหาสื่อมวลชนที่กล้าหาญเหล่านั้นยาก
ขนาดสื่อของรัฐบาลเองยังไม่กล้าที่จะให้มุสลิมออกมาแสดงความคิดเห็นเลย
ไม่รู้ว่าเขาเหล่านั้นเกรงกลัวอะไรกันอยู่
หรือพวกท่านกำลังกลัว “ สัจธรรม ความจริง ” ที่จะปรากฏขึ้น
“ จงกล่าวเถิดเมื่อความจริงปรากฏขึ้นความเท็จย่อมมลายไป แท้จริงความเท็จนั้นย่อมมลายไปเสมอ ” (Al-Quran 17:81)
“
ท่านทั้งหลายจงอย่าอิจฉาริษยากัน จงอย่าขายโก่งราคากัน จงอย่าโกรธกัน
จงอย่าหันหลังให้กัน บางคนในหมู่พวกท่าน จงอย่าขายตัดราคากับอีกบางคน
แต่พวกท่านจงเป็นบ่าวของอัลลอฮ์ อย่างฉันท์พี่น้องกัน
มุสลิมนั้นเป็นพี่น้องของมุสลิม และเขาจะต้องไม่โกงพี่น้องของเขา
ไม่นิ่งดูดายพี่น้องของเขา ไม่เหยียดหยามพี่น้องของเขา
ความยำเกรงอยู่ตรงนี้ ท่านชี้ไปที่หน้าอกของท่านถึง 3 ครั้ง
เป็นความชั่วช้าพอแล้วสำหรับคน
คนหนึ่งที่เขาเหยียดหยามพี่น้องของเขาที่เป็นมุสลิม
ทุกสิ่งของมุสลิมต่อมุสลิมนั้นเป็นที่ต้องห้าม ไม่ว่าจะเป็นเลือด
ทรัพย์สิน และ เกีรยติยศของเขา” (บันทึกโดย มุสลิม)
| |
http://narater2010.blogspot.com/
|
หน้าเว็บ
▼
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น