ผู้หญิงมุสลิม ในฐานะภรรยา
| |
ผู้หญิงในฐานะภรรยา
โดย ชัยคฺ ยูซุฟ อัล-เกาะเราะฏอวียฺ นะญาฮ์ แปลและเรียบเรียง อิสลามเข้ามาล้มล้างระบบชีวิตแบบ นักบวชและความสันโดษจากทางโลก โดยสนับสนุน ให้มีการแต่งงาน และถือว่าการแต่งงานเป็นหนึ่งในสัญญาณและหลักฐานของอัลลอฮฺ ในสากล จักรวาล “และ ในบรรดาสัญญาณของพระองค์ ก็คือ พระองค์ได้ทรงสร้างคู่ครองสำหรับเจ้า จากหมู่ พวกเจ้าเอง เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้มีใจสงบในตัวนาง และพระองค์ได้ทรงให้มี ความรัก และความเมตตาในระหว่างพวกเจ้าแน่แท้ในสิ่งนั้นเป็นสัญญาณ สำหรับผู้ใคร่ครวญ” อัรรูม 21 เมื่อบรรดาเศาะฮาบะฮฺต้อง การความสันโดษจากทางโลก และอุทิศตัวของพวกเขาใน การเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ โดยถือศีลอดตลอดวัน ใช้เวลาทั้งหมดในเวลากลางคืน การทำอิบาดะฮฺ และออกห่างจากบรรดาผู้หญิง ท่านเราะซูลได้เตือนพวกเขาแล้วว่า “ขอ สาบานต่ออัลลอฺฮฺ ฉัน คือผู้ที่เกรงกลัวอัลลอฮฺที่สุดในหมู่พวกท่าน แต่ฉันถือศีลอด และก็ละศีลอด ฉันตื่นขึ้นมาอิบาดะต่ออัลลอฮฺในเวลากลางคืนและฉันก็นอน และฉันแต่งงาน กับผู้หญิง ใครที่หันห่างออกจากแบบอย่างของฉัน ก็ไม่ใช่พวกฉัน” (รายงานโดยอัลบุคอรี และมุสลิม) อิสลามได้ทำให้ภรรยาที่ดีให้เป็นทรัพย์สมบัติที่มีค่ามากที่สุดของผู้ชายคน หนึ่งเท่าที่ในชีวิตเขาสามารถจะมีได้ ภายหลังจากการเชื่อในอัลลอฮฺและปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์ เธอจะ เป็นกุญแจที่นำไปสู่ความสุขดังฮะดีษ ที่ท่านศาสดา (ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) กล่าวว่า “ฉันจะบอกทรัพย์ สมบัติที่ดีทีสุดสำหรับผู้ชายคนหนึ่งให้เอาไหม? นั่นก็คือ ภรรยาที่ดี ถ้าเขามองดูนาง นางก็จะทำให้เขาปลื้มปิติยินดี และหากสูเจ้าใช้นาง นางก็จะเชื่อฟัง และ ถ้าเขา ไม่อยู่กับนาง นางก็จะรักษาไว้ซึ่งทรัพย์สินของเขา และตัวของนางเอง” (รายงาน โดยอบูดาวูด) ท่านเราะซูล กล่าวว่า “โลกดุนยา(โลกนี้) คือสิ่งอำนวยสุข และสิ่งอำนวยสุขที่เลิศที่สุด ของมันคือ สตรีที่ดี” (รายงานโดยมุสลิม) และท่านยังกล่าวว่า “เมื่อบ่าวของอัลลอฮฺแต่งงาน เขาได้ทำให้ศาสนาของเขาสมบูรณ์ ไปครึ่งหนึ่ง และเขาต้องยำเกรงต่ออัลเลาะฮฺ เพื่อทำให้อีกครึ่งหนึ่งสมบูรณ์” (รายงาน โดยฮากิม) ท่านนบี ยังกล่าวว่า “มี 4 สิ่งถ้าคนใดคนหนึ่งได้รับ เขาก็จะได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ในโลกนี้ และโลกหน้า คือ หัวใจที่ขอบคุณ ลิ้นที่รำลึกถึงอัลลอฮฺ ร่างกายที่อดทนต่อความยากลำบาก และภรรยาที่ไม่มองสิ่งเลวร้ายและเงินตราของเขา” (รายงานโดยอัลฮัยตามี) ในอีกรายงานหนึ่ง “ไม่มองความเลวร้ายเพื่อต่อต้านของเขา” อิส ลามได้ให้ความสำคัญแก่ผู้หญิง ในฐานะของภรรยาและมองว่าการทำหน้าหน้าที่ของ เธอ เมื่อมีการแต่งงานเปรียบเสมือนการญิฮาด(ต่อสู้ในหนทางของอัลเลาะฮฺ) อัล-เฏาะบะเราะนียฺ รายงานว่า ได้มีผู้หญิงคนหนึ่งมาหาท่านเราะซูล(ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) และกล่าวว่า “โอ้ ท่านเราะซูลของอัลเลาะฮฺ ฉันเป็นตันแทนในหมู่ผู้หญิงมาบอกบางอย่างแก่ท่าน ไม่มี ใครในหมู่พวกเขาที่สามารถรู้ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ และไม่มีใครมอบหมายให้ฉันมาหาท่าน” เธอบอกเกี่ยวกับเรื่องของเธอและเธอได้กล่าวว่า “อัลลอฮฺ คือพระเจ้าของทั้งผู้ชาย และ ผู้หญิง การต่อสู้ในหนทางของอัลเลาะฮฺ(ญิฮาด)มีให้สำหรับผู้ชาย ถ้าพวกเขาทำสำเร็จพวกเขาได้รับสิ่งตอบแทน และถ้าพวกเขาก็จะได้ตายชะฮีดพวกเขาก็จะไม่ตาย (สำหรับผู้ได้รับชะฮีดจะ ไม่นับว่าตาย) และได้รับสิ่งที่อัลลอฮฺได้จัดเตรียมไว้ ดังนั้นอะไรเล่า เป็นสิ่งที่เท่ากัน (สำหรับ ผู้หญิง) ในการเชื่อฟังอัลลอฮฺของพวกเรา ? ท่านเราะซูลกล่าวว่า “เชื่อฟังสามีของเจ้าและทำตามหน้าที่ของเธอ” (รายงานโดย อัลฮัยตามี) อิสลามได้ประกาศให้มีสิทธิของภรรยาต่อสามีของนาง และไม่ได้ทำให้นางเป็นเพียงแค่หุ่นเชิด ในทางตรงกันข้าม อิสลามได้จัดสิ่งที่เหนือกว่าผู้ปกป้องและผู้ดูแลให้แก่เธอ สิ่งแรกคือศรัทธาและเคร่งครัดในศาสนา เรื่องที่สอง คือ การรู้ รับผิดชอบในทางสังคม และการมี ความตื่นตัว(ทางสังคม) ประการที่สาม คือ ชะรีอะฮฺและการปฏิบัติตาม สิทธิอันแรกของเธอคือ ค่ามะฮัร ซึ่งอิสลามกำหนดให้ผู้ชายมอบแก่ผู้หญิงเพื่อ เป็นสัญลักษณ์ของความปรารถนา(จากการแต่งงาน) ในการสมรสและความต้องการเธอ อัลลอฮฺ ได้กล่าวว่า “และจงให้แก่บรรดาหญิงซึ่งมะฮัรของ นางด้วยความเต็มใจ แต่ถ้านางเห็นชอบที่จะให้ สิ่งหนึ่งแก่พวกเจ้าจากมะฮัรนั้นแล้ว ก็จงบริโภคสิ่งนั้นด้วยความเอร็ดอร่อยและโอชา” อัน นิซาอฺ 4 วลีที่ว่า “ด้วยความเต็มใจ” เป็นเครื่องหมายว่า มะฮัรฺเป็นของขวัญไม่ใช่ราคาหรือค่า ความพอใจ ที่เขาได้จากนาง อย่างที่บางคนยืนกราน เราพบเห็นในอารยธรรมอื่นๆ ที่ผู้หญิงจ่ายเงินของเธอเองโดยทั้งหมด ซึ่งตาม ธรรมชาติแล้ว ผู้ชายเรียกร้องกับเธอมากกว่า ที่เธอเรียกร้องกับเขากระนั้นหรือ? สิทธิประการสองของเธอคือการได้รับการเลี้ยงดู สามีจำเป็นต้องจัดหาอาหาร เสื้อผ้า ที่พักอาศัย และยารักษาโรค แก่ภรรยาของเขาตามสภาพฐานะและรายได้ คนรวยก็มีระดับของ มัน และคนจนก็มีระดับสำหรับมัน ท่านเราะซูลได้กล่าวถึงสิทธิต่อผู้หญิงว่า “ท่านจำเป็นต้องให้อาหารและเสื้อผ้าอย่างให้เกียรติแก่หล่อน” (บันทึกโดยอบู ดาวูด) เกียรติในที่นี้หมายถึงสิ่งทีปฏิบัติต่อผู้ศรัทธาและมีศีลธรรมตามประเพณีนิยมที่ ปฏิบัติกัน อัลลอฮฺ ทรงกล่าวว่า “ควร ให้ผู้มีฐานะร่ำรวยจ่ายตามฐานะของเขา ส่วนผู้ที่การยังชีพของเขาเป็นที่คับแค้นแก่ ่เขา ก็ให้เขาจ่ายตามที่อัลลอฮฺทรงประทานมาให้แก่เขา อัลลอฮฺมิได้ทรงให้เป็นที่ลำบากแก่ชีวิต ใด เว้นแต่ตามที่พระองค์ทรงประทานมาแก่ชีวิตนั้น หลังจากความยากลำบาก อัลลอฮฺจะทรงทำ ให้เกิดความสะดวกสบาย” (65: 7)” สิทธิประการทีสามของเธอคือ การอยู่ร่วมโดยให้เกียรติกับเธอ อัลลอฮฺทรง กล่าวว่า “และจง อยู่ร่วมกับพวกนางด้วยดี” อัน นิซาอฺ 19 มันเป็นสิทธิร่วมกันระหว่างความสัมพันธ์ของสามีภรรยาที่จะต้องปฏิบัติดีต่อกัน ในทุกด้าน ดังเช่นการมีมารยาทดีต่อกันการถ้อยทีถ้อยอาศัย การพูดดีต่อกันการยิ้มให้กัน การหยอกล้อ และมีอารมณ์ขันและอื่นๆ ท่านเราะซูลได้กล่าวว่า ผู้ศรัทธาที่ดีที่สุด คือผู้ที่มีมารยาท และอ่อนโยนที่สุดต่อผู้ใต้ปกครองของเขา (บันทึกโดย ตริมีซียฺ) อิบนุ ฮิบบานได้บันทึกในสายรายงานของท่านหญิงอาอีชะฮฺที่ท่านเราะซูลกล่าวว่า “คนที่ดี ที่สุดในหมู่พวกท่านคือผู้ที่ทำดีต่อครอบครัวของเขา และฉันคือผู้ที่ทำดีต่อครอบครัวของฉัน” (บันทึกโดย อิบนุ ฮิบบาน) ในการตอบแทนสิทธิที่เธอได้รับภรรยาจำเป็นต้องเชื่อฟังสามีของเธอทุกๆอย่าง ยกเว้นในเรื่องการไม่เชื่อฟังอัลลอฮฺ เธอต้องดูแลรักษาทรัพย์สินของเขา ไม่ใช้จ่ายไปนอกจากจะได้รับ อนุญาตจากสามีและไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาในบ้านแม้แต่ญาติของตัวเอง ยกเว้นจะได้รับการอนุญาตจากสามี หน้าที่เหล่านี้ไม่เป็นภาระหนัก เกินไปหรืออยุติธรรมต่อเธอ เนื่องจากทุกๆสิทธิที่ได้รับ จะต้องมีหน้าที่ที่ตอบแทน มันเป็นสิ่งที่ยุติธรรมในอิสลามที่หน้าที่ทั้งหมดไม่ได้ตกเป็นของฝ่าย หญิงหรือฝ่ายชายฝ่ายเดียว อัลลอฮฺทรงกล่าวว่า “และพวกนางนั้นจะได้รับเช่นเดียวกับสิ่งที่เป็นหน้าที่ของพวกนางจะต้องปฏิบัติโดย ชอบธรรม” อัลบะเกาะเราะฮฺ 228 ดังนั้นสตรีได้รับสิทธิมากมายในขณะเดียวกันเธอก็มีหน้าที่หลายอย่างที่จะต้องปฏิบัติ ถ้อยคำ ยกย่องที่ถูกบันทึก ถึงคำกล่าวของท่านอิบนุ อับบาส ขณะท่าน กำลังส่องกระจกดูการแต่งตัว และเครื่องแต่งกายของท่าน ขณะท่านมองกระจกท่านได้กล่าวว่า ฉันแต่งตัวของฉัน เพื่อภรรยา ของฉัน ดังที่เธอได้ทำเพื่อฉัน หลังจากนั้นท่าน ได้กล่าว อายะฮฺกุรอาน “หากพวกเขาปรารถนาประนีประนอม และพวกนางนั้น จะได้รับเช่นเดียวกับสิ่งที่เป็น หน้าที่ของพวกนางจะต้องปฏิบัติโดยชอบธรรม” อัลบะเกาะเราะฮฺ 228 นี่เป็นตัวอย่างอันดีเลิศที่แสดงถึงความรู้อันลึกซึ้งในอัล กุรอานของบรรดาเศาะฮาบะฮฺ) ที่มา muslimahtodayhttp://www.piwdee.net/kabmafak2.htm | |
http://narater2010.blogspot.com/
|
หน้าเว็บ
▼
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น