การวางแผนการร้ายต่ออิสลามกับการขยายตัวของอิสลาม
| |
การวางแผนการร้ายต่ออิสลามกับการขยายตัวของอิสลาม
อิสลามมิได้ถูกเริ่มใส่ร้าย แต่อิสลามได้ถูกวางแผนการร้ายเพื่อทำลายมาตั้งแต่ก่อนที่ศาสดามุฮัมมัดจะถูกส่งมาเสียอีก เนื่องจากบรรดาชาวคัมภีร์ในยุคก่อนอิสลามรู้ถึงการมาของท่านศาสดามุฮัมมัด จากบรรดาคัมภีร์ที่ถูกส่งมายังพวกเขา ด้วยความอิจฉาริษยาต่ออิสลาม
แต่ถึงกระนั้น อิสลามได้ผ่านร้อนผ่านหนาว มาจนถึงทุกวันนี้
จนกระทั่งปัจจุบัน ประชากรโลกทั้งหมดโดยประมาณ 6,000 ล้านคน
ที่นับถือศาสนาอิสลามประมาณ 2,000 ล้านคนทั่วโลก
ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก
คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ผู้มีจิตใจมืดมนจะเกิดความอิจฉาริษยา
และแสดงความอิจฉาริษยาออกมาโดยผ่านความโง่เขลาที่กดดันอยู่ภายในจิตใจของพวก
เขา
การวางแผนการร้ายเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของกลุ่มชนต่างๆเพื่อทำลายล้างอิสลาม
และลดจำนวนประชากรมุสลิม ต่างก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า
ในทางกลับกันประชากรมุสลิมกลับเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างที่ไม่คาดคิด
นั่นเป็นเพราะผู้คนทั่วโลกต่างกำลังจดจ้องถึงความเคลื่อนไหวของอิสลาม
และให้ความสนใจต่ออิสลามในด้านต่างๆ โดยเฉพาะหลักการยึดมั่นในศาสนาอิสลาม
จากการค้นคว้าของผู้มีสติปัญญาเพื่อหาข้อตัดสินว่า ศาสนาอิสลามสอนถึงความรุนแรงอย่างที่สื่อมวลชนแขนงต่างๆได้ประโคมข่าวทุกเช้าและเย็นหรือไม่ ? เมื่อพวกเขาได้ศึกษาจึงได้รู้ถึงสัจธรรมที่แท้จริงว่า อิสลามนั้นไม่ได้เลวร้ายอย่างที่สื่อทั่วโลกได้ป่าวประกาศกัน
ในปัจจุบันนี้ศาสนาอิสลามได้มีผู้นับถือมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักจากเกิดเหตุการณ์ 11 กันยา
ซึ่งตามรายงานต่างๆในหนังสือพิมพ์ภาษาอาหรับที่แปลโดยสถาบันศึกษาวิจัยตะวัน
ออกกลางพบว่า หลังจากเหตุการณ์ถล่มตึกเวิร์ลเทรดเมื่อวันที่ 11
กันยายน 2001 มีชาวอเมริกันพากันเข้ามารับอิสลามอย่างมากมาย
อา
ละอ์ บัยยูมี
ผู้อำนวยการกิจการอาหรับที่สภาเพื่อความสัมพันธ์อเมริกัน-อิสลาม(CAIR)
ได้เขียนไว้ในหนังสือพิมพ์ “อัลฮะยาต” ในลอนดอนว่า ขณะนี้ ชาวอเมริกันที่มิใช่มุสลิมกำลังให้ความสนใจ อิสลามมากขึ้น
ทั้งนี้เพราะมีสัญญาณต่างๆปรากฏให้เห็น
เช่นหนังสือเกี่ยวกับอิสลามและตะวันออกกลางในห้องสมุดต่างๆถูกยืมไปจนไม่
เหลือ...คัมภีร์กุรอ่านฉบับแปลภาษาอังกฤษจัดอยู่ในรายการหนังสือขายดีที่สุด
ของอเมริกา
นายนิฮาด อาวาด ประธานองค์การแคร์ (CAIR) ได้บอกหนังสือพิมพ์ “อุกาซ”ของซาอุดิอารเบียว่า “ชาวอเมริกัน
ประมาณ 34,000 คนได้เข้ารับอิสลามแล้วหลังจากเหตุการณ์วันที่ 11 กันยายน
และนี่เป็นอัตราสูงที่สุดในสหรัฐนับตั้งแต่อิสลามมาถึงที่นี่”
ตัวเลขและการศึกษาการขยายตัวของอิสลามในตะวันตกพบว่า
จำนวนประชากรมุสลิมในยุโรปมีประมาณ 20 – 25 ล้านคน
แต่เฉพาะในสหรัฐอเมริกามีจำนวนมุสลิมประมาณ 11 ล้านคนด้วยกัน
ผู้ที่มิใช่มุสลิมได้กล่าวหาอิสลามด้วยข้อกล่าวหาที่ว่า “อิสลามจะไม่มีผู้นับถือจำนวนหลายล้านคนทั่วทุกมุมโลกเช่นนี้ หากไม่ได้ใช้การเผยแผ่ด้วยกำลังบีบบังคับ”
แน่นอนคำตอบที่ดีที่สุดเพื่อขจัดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอิสลามที่ว่า
อิสลามนั้นเผยแผ่ศาสนาด้วยคมดาบ โดยนักประวัติศาสตร์เด ลาซี โอ เลอรี
ที่เขียนหนังสือ “อิสลาม ณ ทางแยกนั้น” (Islam at the crossroad) ได้แก้ตัวแก่มุสลิมทั้งหมดว่า
“อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์ได้อธิบายตัวมันเองไว้อย่างชัดเจนแล้ว
เรื่องเล่าของมุสลิมผู้บ้าคลั่งที่กำลังขยายตัวไปทั่วโลก
และใช้กำลังหรือที่พูดกันว่าใช้คมดาบเพื่อปราบปรามเอาชนะชนชาติอื่นๆนั้น เป็นหนึ่งในเรื่องที่เหลวไหลที่สุด เท่าที่นักประวัติศาสตร์เคยกล่าว”
ผู้ที่มีสติปัญญาจะเข้าใจได้ทันทีว่า การบีบบังคับไม่ใช่ทางออกที่ดีสำหรับทุก ๆ เรื่อง และทางออกที่ดีที่สุดคือ การให้เขารับรู้ว่าสิ่งใดดี สิ่งใดไม่ดี
แน่นอนหากอิสลามใช้ความรุนแรงในการเผยแพร่ศาสนา หากอิสลามไม่ดีจริง
ผู้คนที่นับถืออิสลามคงจะออกนอกศาสนาอิสลามกันเป็นส่วนมากในสภาวะที่มุสลิม
ถูกกดขี่ในทุกๆด้าน
แต่กลับกันผู้คนต่างศาสนิกต่างก็หลั่งไหลกันเข้ามาสนใจศึกษาและนับถือศาสนา
อิสลามในที่สุดอิสลาม
﴾ ادْعُ إِلَى سَبِيْلِ رَبِّكَ بِالْحِكْمَةِ وَالْمَوْعِظَةِ الْحَسَنَةِ وَجَادِلْهُمْ بِالَّتِي هِيَ أَحْسَنُ ﴿
“เจ้าจงเรียกร้องสู่แนวทางแห่งพระผู้อภิบาลของเจ้าด้วยวิทยปัญญาและการตักเตือนที่ดี และจงโต้แย้งพวกเขาด้วยสิ่งที่ดีกว่า” (อันนะฮล์ : ๑๒๕)
อัลลอฮ์ ไม่ทรงอนุญาตให้ผู้ศรัทธาทำสงครามหรือใช้ความรุนแรง ในการเผยแพร่ศาสนา หากแต่ พระองค์ทรงสั่งใช้ให้เผยแพร่อิสลามด้วยกับการใช้วิทยปัญญา ด้วยกับแบบฉบับที่ดีงามและ การตักเตือนในเรื่องดี หากผู้ใดไม่รับเอาในสิ่งดี ๆ ที่นำเสนอให้ เขาผู้นั้นได้สละสิทธิ์ที่จะรับมัน
หลายครั้งที่เห็นว่าศาสนาอิสลามเข้าไปมีส่วนเกี่ยวพันธ์กับสงคราม
ไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบัน แต่สาเหตุของสงครามก็เพราะมุสลิมถูกรังแก
ถูกเอารัดเอาเปรียบ ไฉนเลยจะนิ่งเฉยอยู่ได้
﴾ وَقَاتِلُوْا فِي سَبِيْلِ اللهِ الَّذِيْنَ يُقَاتِلُوْكُمْ وَلاَ تَعْتَدُوْا إِنَّ اللهَ لاَ يُحِبُّ الْمُعْتَدِيْنَ ﴿
“พวกท่านจงต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮ์ (ซึ่งเป็นหนทางที่เป็นธรรมกับทุก ๆ ฝ่าย) ต่อบรรดาผู้ที่ทำสงครามกับพวกเจ้า และจงอย่ารุกราน แท้จริงอัลลอฮ์ไม่ทรงชอบบรรดาผู้ที่รุกราน” (อัลบะกอเราะห์ : ๑๙๐)
อิสลามไม่อนุญาต ให้ทำสงครามกับศาสนิกอื่น ๆ
แม้กระทั่งการด่าว่าสิ่งที่พวกเขายึดถือเป็นพระเจ้า
ไฉนเลยอิสลามจึงเป็นศาสนาที่ป่าเถื่อนในสายตาของชาวโลก
หากมิใช่มีการประโคมข่าวจากบรรดาผู้ที่ใส่ร้ายป้ายสี จากอำนาจมืด
ที่คอยหาจุดด่างดำบนผ้าขาว แต่นั้นมิใช่ปัญหาสำหรับอิสลาม
﴾ وَلاَ يَحِيْقُ الْمَكْرُ السَّيِّءُ إِلاَّ بِأَهْلِهِ ﴿
“และแผนการชั่วร้ายนั้นจะไม่ห้อมล้อมผู้ใดนอกจากเจ้าของมันเท่านั้น” (ฟาฏิร : ๔๓)
ใน
สายตาของคนที่มีสติปัญญา จะคิดไตร่ตรองได้ทันทีว่า ในเมื่ออิสลามไม่ดีจริง
ทำไมอิสลามถึงได้แผ่ขยายตัวอย่างรวดเร็วจนมีประชากรมากขึ้นในทุกๆวัน
จากการที่มนุษยชาติหันเข้ามารับนับถือศาสนาอิสลาม
วาติกัน (รอยเตอร์) ได้รายงานว่า อิสลามเข้ามาแทนที่คาทอลิกในฐานะศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในโลกแล้ว จากการเปิดเผยของวาติกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม 2008
นาย Monsignor Vittorio Formenti ซึ่งเป็นผู้รวบรวมหนังสือสถิติปี 2008
ของวาติกันที่เพิ่งออกวางตลาด กล่าวว่า
“จำนวนชาวมุสลิมในปัจจุบันคิดเป็นร้อยละ 19.2 ของประชากรโลก
ส่วนชาวคาทอลิกมีราวร้อยละ 17.4 ของประชากรโลก”
“นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เรามิได้เป็นที่หนึ่งอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากจำนวนชาวมุสลิมล้ำหน้าเราไปแล้ว”
นาย Formenti ให้สัมภาษณ์ L'Osservatore Romano หนังสือพิมพ์ของวาติกัน เขาได้บอกว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นของปี 2006
เขากล่าวอีกว่า “แต่หากรวมคริสต์ทุกนิกายทั้งแองกลิเคิน ออร์โธดอกซ์
และโปรแตสแตนท์ ชาวคริสต์จะมีราวร้อยละ 33 ของประชากรโลก หรือราว 2
พันล้านคน”
“วาติกันคาดว่า มีชาวคาทอลิกทั่วโลก 1.13 พันล้านคน
แต่มิได้บอกตัวเลขจำนวนชาวมุสลิมไว้ ซึ่งโดยทั่วไปคาดกันว่ามีประมาณ 1.3
พันล้านคน”
นาย
Formenti กล่าวว่าอัตราชาวคาทอลิกต่อประชากรโลกยังคงเท่าเดิม
แต่ชาวมุสลิมมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเพราะอัตราการเกิดสูงขึ้น
และการเปลี่ยนมารับนับถือศาสนาอิสลามมากขึ้น
เรียบเรียงโดย... อะห์หมัด มุสตอฟา อาลี โต๊ะลง | |
http://narater2010.blogspot.com/
|
หน้าเว็บ
▼
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น