สมุนโอลันล้า เผา อบต. ถามหาไทยพุทธ
| |
โจรใต้เหิมบุกเผา อบต.บาเจาะ หวังฆ่า ขรก.ไทยพุทธ โชคดีลาหยุดเลยรอด
ผบช.ศชต.ชี้คนร้ายเลือกก่อเหตุยิงอุสตาซโต๊ะอิหม่าม-ร้านน้ำชา มุ่งสร้างสถานการณ์เข้าใจผิดเป็นฝีมือ จนท. ยันปรับแผน รปภ.ตามความต้องการครูใต้แล้ว
เมื่อวันที่20 ธันวาคม เวลา 12.05 น. ร.ต.ท.บัญชา สำเนียงประเสริฐ ร้อยเวร สภ. บาเจาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายจำ นวน 7 คน บุกเผาสำนักงาน อบต.บาเจาะ ซึ่งตั้งอยู่บ้านดูกู ม.3 ต.บาเจาะ ได้รับความเสียหาย จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษฎา แก้วจันทร์ดี รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส, พ.ต.ท.เนติธร วัตต ธรรม นวท.สบ.3 กลุ่มงานสถานีตรวจที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10, ร.ต.อ.ประจวบ นิ่มเรือง สว.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุฃ
พบเพลิงกำลังโหมลุกไหม้อาคารสำ นักงาน เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานไปยังหน่วยบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลบาเจาะ เพื่อขอสนับสนุนในการฉีดน้ำแต่ด้วยภายในอาคารมีเอกสารและอุปกรณ์ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี จึงทำให้เพลิงลุกไหม้จนอาคารสำนัก งานได้รับความเสียหายทั้งหมดโดยต้นเพลิงเกิดขึ้นจำนวน 2 จุด คือที่บริเวณภายในห้องเก็บเอกสารและบริเวณฝาผนังห้องโยธา ซึ่งทั้ง 2 จุดมีคราบน้ำ มันเชื้อเพลิงเบนซินลอยอยู่บนผิวน้ำที่เจ้า หน้าที่ใช้สำหรับดับต้นเพลิง และมีแกล ลอนพลาสติกขนาด 5 ลิตร ตกอยู่ที่ต้นเพลิงทั้ง 2 จุด เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
นายอับดุลวาหะ ดุลยพินิจ ปลัด อบต.บาเจาะ เปิดเผยเหตุระทึกขวัญว่า ในระหว่างที่ตนและข้าราชการรวมถึงลูก จ้าง จำนวน 13 คน แยกเป็นหญิง 7 คน ชาย 6 คน กำลังรวมตัวเพื่อเดินทางไปรับชาย 6 คน กำลังรวมตัวเพื่อเดินทางไปรับประทานอาหารช่วงพักเที่ยงอยู่นั้น ได้มีคนร้ายจำนวน 7 คน มีอาวุธปืนครบมือบุกเข้าไปในสำนักงานพร้อมทั้งได้ใช้ปืนยิง ขึ้นฟ้าไปจำนวน 1 นัด ประกาศเป็นภาษายาวีว่า "ให้อยู่ในความสงบ ที่นี่มีคนไทยพุทธทำงานหรือไม่" จึงตอบไปว่าไม่มีแล้ว แต่คนร้ายพูดสวนเป็นภาษายาวีด้วยความไม่พอใจว่าอย่าโกหก
จากนั้นตนได้บอกไปว่าข้าราชการที่เป็นไทยพุทธคือ น.ส.สุชานาฎ แซ่ลี้ นักพัฒนาชุมชน 3 วันนี้ลาหยุดงาน 1 วัน สร้างความไม่พอใจให้กับคนร้าย 2 ใน 7 คนซึ่งในมือถือแกลลอนน้ำมันเชื้อเพลิง จึงได้แยกย้ายกันเผาสำนักงาน จนเพลิงเริ่มลุกไหม้ แล้วคนร้ายจึงได้พากันเดินออกจากสำนักงานไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นได้ตะโกนให้ทุกคนช่วยกันดับไฟก่อนที่จะประสานขอความช่วยเหลือไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว
"ลักษณะของคนร้ายมีเป้าหมายมาบุกยิง น.ส.สุชานาฎ ซึ่งเป็นข้าราชการไทยพุทธคนเดียวในที่สำนักงาน เมื่อยิงแล้วคนร้ายจะใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่เตรียมมาราดบนศพแล้วจุดไฟเผา ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่โหดเหี้ยมผิดมนุษย์ เมื่อเป็นเช่นนี้ผมและข้าราชการรวมถึงลูกจ้างเกิดความหวาดกลัว ไม่รู้ว่าจะกล้าเดินทางมาทำงานอีกหรือไม่ ไหนสำนักงานก็ถูกเผาวอดหมดทั้งหลัง" นายอับดุลวาหะระบุ
ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชาย แดนภาคใต้ (ศชต.) จ.ยะลา พล.ต.ท.ไพ ฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการ ศชต. ได้ประ เมินสถานการณ์การก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในขณะนี้ว่า เหตุที่เกิดกับเจ้าหน้าที่มีหลายเหตุ การณ์ และเหตุที่เกิดขึ้นกับครูและราษฎรที่เป็นเป้าหมายที่อ่อนแอ ซึ่งถือว่าเป็นจุดอ่อนในช่วงเวลานี้ ตั้งแต่อุสตาซโรงเรียนธรรมวิทยาถูกยิงที่ ต.เขาตูม อ.ยะรัง เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียม ความพร้อมว่าจะเป็นการสร้างเงื่อนไขเพื่อสร้างความแตกแยกระหว่างภาครัฐกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หลังจากนั้นเพื่อสร้างความแตกแยกระหว่างภาครัฐกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หลังจากนั้นมีเหตุการณ์ครูถูกยิงเสียชีวิตและบาดเจ็บมาอย่างต่อเนื่อง
โดยในช่วงเช้า ได้มีการประชุมผู้นำ 4 เสาหลักกับชาวบ้านในพื้นที่ อ.รามัน และหารือกับแม่ทัพภาคที่ 4 ในส่วนที่มีการยิงอุสตาซ โต๊ะอิหม่าม และยิงเข้าไปในร้านน้ำชา เนื่องจากประชาชนเคลือบแคลงใจว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ จึงมีการเร่งรัดในส่วนของคดีอย่างต่อเนื่องเพื่อทำความจริงให้ปรากฏและหากมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนจะมีการดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่กระทำ หรือเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ส่วนเป้าหมายทั้งครูและชาวไทยพุทธในพื้นที่ ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง เป็นช่องว่างให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบกระทำการได้ แต่ได้มีการประชุมปรับแผนอย่างต่อเนื่องและแผนการรักษาความปลอดภัยครูเป็นไปตามความต้องการของครูในพื้นที่
"ช่วงเวลานี้ ทาง ศชต.ได้มีการเน้นย้ำไปที่ครูที่เป็นไทยพุทธที่สอนอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งมีเพียง 1-2 คน ให้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1-2 คน ทำหน้าที่ประสานการทำงานครูตลอดเวลา ยามที่ครูต้องการไปทำธุระที่ไหน ก็ให้มีการประสานการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องพอเจ้าหน้าที่ปรับแผนการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างรัดกุม ทางกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบก็พยายามเบี่ยงเบนเป้าหมายอื่นต่ออย่างต่อเนื่องซึ่งทางเจ้าหน้าที่เองก็มีการดูแลรับผิดชอบในทุกส่วนอย่างต่อเนื่องไม่มีการทอดทิ้งในส่วนอื่น"พล.ต.ท.ไพฑูรย์ระบุ
นอกจากนี้ ได้มีการสั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรในแต่ละจังหวัดมีการบูรณาการทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่องและในช่วงเวลานี้ใกล้เทศกาลปีใหม่ด้วย เหตุการณ์ ข่าวแจ้งเตือนต่างๆ เริ่มมีรายงานเข้ามา ทาง ศชต.เองได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจห้ามหยุด ห้ามลา ห้ามพัก เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยของการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจห้ามหยุด ห้ามลา ห้ามพัก เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชนในพื้นที่ และเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการเข้ามาสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบในช่วงเทศกาลปีใหม่
รายงานข่าวจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) เปิดเผยว่า ตามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ ผอ.กอ.รมน., นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ, พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้เน้นให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาเกี่ยวกับสวัสดิภาพความปลอดภัยของครูในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งนายบุญสม ทองศรีพราย ประธานสมาพันธ์ครูจังหวัดชายแดนภาคใต้, พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 สน. ได้จัดการประชุมหารือ จนได้ข้อยุติคือ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ยืนยันถึงความสำคัญของบุคลากรครูที่ถือเป็นบุคคลที่จะต้องดำเนินการช่วยเหลือ สนับสนุน และปกป้องอย่างสุดความสามารถ
จากข้อเสนอแนะในที่ประชุมเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่โรงแรมซีเอสปัตตานี กอ.รมน.ภาค 4 สน. มีแนวทางที่จะเพิ่มมาตรการการรักษาความปลอดภัยให้แก่ครู โดยจะปรับแผนการใช้กำลังพลภายใต้การบังคับบัญชาทำการรักษาความปลอดภัยให้แก่ครูทั้ง 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ตลอด 24 ชั่วโมง ครอบคลุมห้วงระยะเวลาเดินทางไป-กลับขณะทำการสอนในโรงเรียน ในส่วนของหน่วยรับผิดชอบพื้นที่จะมีการตั้งหน่วยงานเฉพาะ รับผิดชอบการรักษาความปลอดภัยให้แก่ครู ในแต่ละพื้นที่และมีการระบุความรับผิดชอบเป็นการเฉพาะให้โรงเรียนในพื้นที่สามารถทำข้อตกลงกับหน่วยกำลังรับผิดชอบรักษาความปลอดภัยแก่ครูในแต่ละพื้นที่ เพื่อยืนยันถึงตัวบุคคลโรงเรียน พื้นที่ และห้วงเวลาในการรักษาความปลอดภัยให้ชัดเจน
นอกจากนี้ จะริเริ่มให้มีการประเมินค่าประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้พิจารณาการตอบแทนและทบทวนขีดความสามารถด้วย เพื่อสร้างความร่วมมือในการดูแลรักษาความปลอดภัย
เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวความมั่นคงที่ปฏิบัติการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า กลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ได้หันมาใช้กลุ่มเยาวชนและประชาชนที่ติดเยาเสพติดทุกประเภท ซึ่งแต่เดิมจะปฏิเสธบุคคลกลุ่มประเภทติดยาเสพติดเข้าเป็นแนวร่วม แต่ระยะภายหลังเนื่องจากขาดกำลังคนที่จะเข้ามาเป็นแนวร่วมและปฏิบัติงาน จึงอาศัยกลุ่มติดยาเสพติดมีอยู่ทุกหมู่บ้าน ทั้งชาวไทยมุสลิมและไทยพุทธ เพื่อปฏิบัติการก่อกวนตามงานที่ใช้เป็นครั้งคราว
ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฯ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราช มนตรี เป็นประธานเปิดงานสัมมนานานา ชาติ "ว่าด้วยการสร้างประชาชาติตัวอย่างด้วยระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ" โดยมี ดร. มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีประ เทศมาเลเซีย ร่วมปาฐกถาพิเศษ และมี เอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย หรือผู้ แทนจาก 6 ประเทศ ประกอบด้วย ประ เทศซาอุดีอาระเบีย บรูไน อินโดนีเซีย อิหร่าน มาเลเซีย และประเทศไนจีเรีย พร้อมด้วยบุคลากรทางการศึกษาและนักศึกษาจากประเทศมาเลเซีย เข้าร่วมการสัมมนา จำนวนกว่า 2,000 คน
ดร.วิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงาน สำนักจุฬาราชมนตรีประจำภาคใต้ ในฐานะหัวหน้าโครงการศูนย์ประสานงาน สำนักจุฬาราชมนตรีประจำภาคใต้ ในฐานะหัวหน้าโครงการจัดสัมมนาฯ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำ คัญต่อการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนในภาคใต้เป็นอย่างมาก เพราะถือเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะการศึกษาที่มีคุณภาพจะช่วยยกระดับความคิดของประชาชนสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตในทุกๆ ด้าน.
| |
http://narater2010.blogspot.com/
|
หน้าเว็บ
▼
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น