หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

รอมฏอน ภัยรายวันจากสมุนโอลันล้า

รอมฏอน ภัยรายวันจากสมุนโอลันล้า

       เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ต.อ.จีรเศรษฐ ดาวเงินตระกูล ผกก.ภ.สายบุรี จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันบนถนนสาย 42 ปัตตานี-นราธิวาส ม.5 บ้านปะลุกายามู ต.ละหาร นำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

        พบกองเลือดจำนวนมาก และพบจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ ทะเบียน ขทม 897 นราธิวาส ตกข้างทาง ส่วนคนเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี ทราบชื่อ อาสาสมัครทหารพราน ฟาดือรี อารง อายุ 23 ปี สังกัด ร้อย ทพ.4808 กรมทหารพรานที่ 48 มีบาดแผลถูกยิงเข้าท้ายทอย 1 นัดอาการสาหัส แพทย์ได้ส่งต่อมายังโรงพยาบาลปัตตานี

สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ อส.ทพ.ฟาดือรีขี่จักรยานยนต์มาจากซื้อกับข้าวเพื่อเตรียมละศีลอดที่ตลาดนัดต้นไทร โดยมีนางพาตีเม๊าะ เจาะเลาะ ภรรยานั่งซ้อนท้ายมาด้วย มาถึงที่เกิดเหตุมีคนร้าย 2 คนขี่จักรยานยนต์ตามประกบยิงหลายนัดแล้วหลบหนีไป หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ไล่สกัดจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุ คาดฝีมือแนวร่วมในพื้นที่สร้างสถานการณ์                

      ยิงผัวเมียดับ 2 ศพที่ระแงะ

         ในเวลาต่อมา พ.ต.อ.จิระเดช พระสว่าง ผกก.สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต 2 ราย บนถนนในหมู่บ้านฮูลูปาเระ หมู่ 1 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จึงพร้อมด้วย พ.อ.เฉลิมชัย สุทธินวล ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 พ.ต.อ.จันที แจ่มจันทร์ หน.กองพิสูจน์หลักฐาน ภ.จ.นราธิวาส และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารและฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบศพผู้เสียชีวิตทั้งสองรายอยู่ในท่านั่งคุกเข่าคว่ำหน้าจมกองเลือดในลักษณะคล้ายร้องขอชีวิต ศพแรกทราบชื่อคือ 
  • นายทรงชัย พรหมจันทร์ อายุ 40 ปี ถูกกระสุนปืนพกขนาด 9 มม. ยิงเข้าที่ ศีรษะและใบหน้าจนพรุน และศพถัดมาทราบชื่อคือ 
  • นางนิตยา ฝ่ายนารีผล อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของนายทรงชัย ถูกยิงด้วยกระสุนปืนชนิดเดียวกันที่บริเวณศีรษะและใบหน้าจนพรุนเช่นกัน 
       และใกล้กันเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนพกขนาด 9 มม. ตกอยู่บนถนนจำนวน 10 ปลอก สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายทั้งสองได้ขับรถ จยย.ออกจากบ้านพักเพื่อนำผักไปขายที่ตลาดตันหยงมัส เสร็จแล้วขับรถกลับบ้านพัก ถึงที่เกิดเหตุมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนดักซุ่มอยู่ข้างทาง วิ่งออกมาขวางหน้ารถ ก่อนจะใช้ปืนขู่บังคับให้ผู้ตายทั้งสองจอดรถและลงจากรถ ผู้ตายทั้งสองจึงก้มคุกเข่ายกมือไหว้เพื่ออ้อนวอนขอชีวิต แต่คนร้ายไม่สนใช้อาวุธปืนจ่อยิงผู้ตายทั้งสองอย่างโหดเหี้ยม และก่อนหลบหนีคนร้ายยังได้ขโมยรถ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่าสปาร์ค สีเทาแดง ทะเบียน ขธฉ-499 นราธิวาส ของผู้ตายหลบหนีไปด้วย

นราธิวาส - เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง 2 ผัวเมียชาวไทยพุทธเสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยม แม้ทั้ง 2 คนจะก้มกราบร้องขอชีวิต เหตุเกิดขณะที่ทั้ง 2 คนกำลังขับรถ จยย.กลับจากตลาดตันหยงมัส
       
       เมื่อเวลา 14.50 น. วันนี้ (21 ก.ค.) พ.ต.อ.จิระเดช พระสว่าง ผกก.สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต 2 คน บนถนนในหมู่บ้านฮูลูปาเระ หมู่ 1 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จึงพร้อมด้วย พ.อ.เฉลิมชัย สุทธินวล ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 พ.ต.อ.จันที แจ่มจันทร์ หัวหน้ากองพิสูจน์หลักฐาน ภ.จ.นราธิวาส และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
       
       พบศพผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน อยู่ในท่านั่งคุกเข่าคว่ำหน้าจมกองเลือดในลักษณะคล้ายร้องขอชีวิต ศพแรกทราบชื่อคือ นายทรงชัย พรหมจันทร์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 209/3 หมู่ 1 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส มีบาดแผลถูกกระสุนปืนพกขนาด 9 มม.ที่ศีรษะ และใบหน้าจนพรุน และศพถัดมาทราบชื่อคือ นางนิตยา ฝ่ายนารีผล อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 209/3 หมู่ 1 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นภรรยาของนายทรงชัย มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนชนิดเดียวกันที่บริเวณศีรษะ และใบหน้าจนพรุนเช่นกัน และใกล้กันเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนพกขนาด 9 มม.ตกอยู่บนถนนจำนวน 10 ปลอก จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
       
       จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายทั้ง 2 ได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพักเพื่อนำผักไปขายที่ตลาดตันหยงมัส แล้วเสร็จได้ขี่รถจักรยายยนต์เพื่อเดินทางกลับบ้านพัก ถึงที่เกิดเหตุมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนดักซุ่มอยู่ข้างทาง วิ่งออกมาขวางหน้ารถ ก่อนจะใช้ปืนขู่บังคับให้ผู้ตายทั้งสองจอดรถ และลงจากรถ ผู้ตายทั้งสองจึงก้มคุกเข่ายกมือไหว้เพื่ออ้อนวอนขอชีวิต แต่คนร้ายไม่สนใช้อาวุธปืนจ่อยิงศีรษะ และใบหน้าของผู้ตายทั้งสองอย่างโหดเหี้ยม และก่อนหลบหนีคนร้ายยังได้ขโมยรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นสปาร์ค สีเทาแดง ทะเบียน ขธฉ 499 นราธิวาส ของผู้ตายหลบหนีไปด้วย ส่วนสาเหตุเบื้องต้นสันนิษฐานเป็นฝีมือกลุ่มก่อความไม่สงบ แต่ไม่ตัดทิ้งประเด็นอื่นๆ


          ลากตัวโจรรอมฏอนได้อย่างทันควัน

      
       นราธิวาส - ตำรวจรือเสาะ รวบแล้ว 1 ในทีมมือปืนยิงอดีตทหารพราน 46 เสียชีวิต ขณะขับ จยย.ไปเยี่ยมญาติ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อ ตร.ส่งตัวดำเนินคดีหลังพยานหลักฐานแน่นหนา
  
       วันนี้ (22 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายนิรอสลี โต๊ะนิ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30 ม.4 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ซึ่งศาล จ.นราธิวาส ได้ออกหมายจับในคดีร่วมกับ นายมะซรู คาเร็ง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18/1 ม.1 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ก่อเหตุยิงนายอัสมาดี อาแวนิยา อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90 ม.7 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ทหารพราน กรมทหารพรานที่ 46 เสียชีวิต ส่วนภรรยาได้รับบาดเจ็บ ขณะขี่รถ จักรยานยนต์ไปเยี่ยมญาติ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 ก.ค.56 ที่ผ่านมา บริเวณบนถนนในหมู่บ้านนาดา ม.3 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส
        
       ในขณะที่ นายนิรอสลี โต๊ะนิ 1 ในผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่ขี่รถจักรยานยนต์ให้ นายมะซรู มือปืนยิงนายอัสมาดี อดีตทหารพรานเสียชีวิต ได้แฝงตัวเข้าไปซื้อสินค้าภายในร้านมินิมาร์ท เขตเทศบาลตำบลรือเสาะ และเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.รือเสาะ โดยให้ น.ส.อิลฮาม กูมอ อายุ 19 ปี ภรรยาของ นายนิรอสลี อดีตทหารพรานมาทำการชี้ตัว ซึ่ง น.ส.อิสฮาม จำได้แม่นยำว่าเป็นผู้ขี่รถจักรยานยนต์ ให้นายมะซรู ที่หลบหนีใช้อาวุธปืนยิงสามีของตนจริง 
       
       แต่ในเบื้องต้น นายนิรอสลี ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายนิรอสลี ส่งฟ้องศาลตามกระบวนการยุติธรรมต่อไปแล้ว 


        รองโฆษก ทบ.ยันทหารไม่ใช่ความรุนแรงตรวจชายแดนใต้ช่วงรอมฎอน แจงเหตุปะทะ ผู้ต้องหายิงครู จนท.ลาดตระเวนเจอ แล้วถูกยิงก่อน เป็นเหตุให้ตอบโต้ เทียบผู้ต้องหาวางบึ้ม ยอมมอบตัว ไร้รุนแรง และปล่อยตัวร่วมศาสนกิจกับครอบครัว ส่วนเหตุปะทะบนเขานราธิวาส ยึดอาวุธได้ แม้วืดจับกุม ชี้โจรใต้หวังป่วน แถมมีชุด จนท.หวังโยนบาป ตรงกับกระแสข่าว รับ นายกฯ-ผบ.ทบ.ชม
       
       วันนี้ (22 ก.ค.) พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทหารใช้ความรุนแรงในการปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงเดือนรอมฎอนว่า ยืนยันว่าในช่วงรอมฎอน เจ้าหน้าที่ได้เน้นอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนได้ทำบุญ พร้อมกับการลาดตระเวนเพื่อรักษาความปลอดภัยให้พื้นที่มีความเรียบร้อย สำหรับกรณีเหตุปะทะที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เป็นเหตุการณ์ที่น่าเสียใจเนื่องจากขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการลาดตระเวนระวังป้องกันและรักษาความปลอดภัยอยู่ภายในพื้นที่ บังเอิญเกิดเหตุเผชิญหน้ากันกับนายมะสุเพียน มามะ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดียิงครู และผู้ต้องสงสัยเหตุวางระเบิดในหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา โดยนายมะสุเพียนได้ใช้อาวุธต่อสู้เจ้าหน้าที่ก่อน จึงทำให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องดำเนินตามขั้นตอนของการใช้กฎหมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้มีการสูญเสียเกิดขึ้น
       
       พ.อ.วินธัยกล่าวต่อว่า ไม่เหมือนกับอีกเหตุการณ์ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน กรณีนายอัมลี เจ๊ะโซ๊ะ เป็นผู้ต้องหา ซึ่งมีหลักฐานว่าเป็นผู้ประกอบระเบิดและผู้วางระเบิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนไปพบเหมือนกัน แต่นายอัมลี เจ๊ะโซ๊ะไม่ได้มีลักษณะที่จะต่อสู้ขัดขืน และมีท่าทีที่จะขอเข้าแสดงตัวกับ จนท. ผ่านนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้อำนวยความสะดวกให้ตามขั้นตอน มีการให้ประกันตัวกลับไปอยู่บ้าน ซึ่งนายอัมลี เจ๊ะโซ๊ะยังคงสามารถไปประกอบศาสนกิจร่วมกับครอบครัวได้ปกติ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่ต้องการที่จะใช้ความรุนแรงและมีเจตนาที่จะสนับสนุนให้ประชาชนมีความสุขในเดือนแห่งการทำบุญ
       
       พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ส่วนอีกเหตุเมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่มีการปะทะกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงประมาณ 5-6 คน นอกเมืองบนเขาเขตรอยต่อ ต.กาลิซา อ.ระแงะ จ.นราธิวาส กับ ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส แม้กลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดจะหลบหนีไปได้ แต่เราสามารถยึดอาวุธ กระสุน และสิ่งอุปกรณ์ได้หลายรายการ เช่น กระสุนเอ็ม 16 ข้าวสารอาหารแห้ง ถังแก๊ส และเสื้อผ้าชุดทหารพราน 5 ชุด, ชุดลายพราง 2 ชุด, ชุด ชรบ.2 ชุด แสดงให้เห็นว่าผู้ก่อเหตุยังมีความพยายามที่จะก่อเหตุ ที่สำคัญคือมีเครื่องแบบเจ้าหน้าที่อยู่ด้วยจำนวนมาก ซึ่งสอดคล้องกับกระแสข่าวว่าผู้ไม่หวังดีบางกลุ่มที่พยายามบิดเบือนด้วยการชี้นำสังคมว่าเหตุที่เกิดในช่วงนี้จะเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่นั้น ทาง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.รมน. และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้แสดงความชื่นชมกำลังพลในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย
http://narater2010.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น