นักรัก ปัตตานี
หลังจากแกนนำโจรใต้มือประกอบระเบิด โดนเจ้าหน้าที่บุกจับกุมตัวได้ประกอบด้วย นายอาสมาล เจะบา, นายอาฟันดี กาพา และนายสุกรี สาแม ผู้ซึ่งได้พรากชีวิตผู้คนไปหลายสิบคน ก่อความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชนชาวปาตานี ต่อหน่วยงานรัฐ ก่อเกิดผลเชิงลบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม รวมถึงความรู้สึกของผู้ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักต้องจากไปจากการกระทำที่โหดร้าย ของกลางที่สามารถยึดได้เป็นระเบิดแสวงเครื่อง อาวุธสงครามจำนวนมาก และอุปกรณ์ประกอบระเบิดเพียบ เมื่อเดือนที่ผ่านมา...
ร่วมเดือนแล้วที่สายบุรีไร้เหตุการณ์ เพราะการจับกุม 3 แกนนำโจรใต้ครั้งนี้สามารถขยายผลจนนำไปสู่การทะลาย คลังแสง! โจรใต้...สถานที่ประกอบวัตถุระเบิด พื้นที่อำเภอสายบุรีนับเป็นพื้นที่สีแดง นับตั้งแต่ต้นปี 2547 เป็นต้นมา ซึ่งมีสถิติเหตุรุนแรงสูงมาก บางเดือนเกิดเหตุถี่ยิบในระดับวันเว้นวันเสียด้วยซ้ำ
ข่าวการจับกุม 3 แกนนำโจรใต้ เจ้าหน้าที่ทำการขยายผลเข้าทำการตรวจค้นบ้านพักหลายครั้งยังพบกระสุนและวัตถุประกอบระเบิดอีกหลายรายการ ข่าวดีที่ตามมาของชาวอำเภอสายบุรีและพี่น้องจังหวัดชายแดนใต้ เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวบุคคลเป้าหมายผู้ก่อเหตุรุนแรงที่สำคัญ นายยัฟรี สารอเฮง พร้อมกับยึดอาวุธปืนพกขนาด 9 ม.ม. จำนวน ๑ กระบอกนั้น ความคืบหน้าล่าสุดจากผลการซักถามในขั้นต้น นายยัฟรี สารอเฮง ยอมรับว่าอาวุธปืนพกสั้น ยี่ห้อซีแซด 76 ดี compackขนาด 9 มม. หมายเลขปืน A544769 ที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบเจอในบ้านของตนเองนั้น ตนได้รับมาจากนายยุครี การี ซึ่งเป็นสมาชิกแนวร่วมผู้ก่อเหตุรุนแรง อีกทอดหนึ่ง
เมื่อมีการตรวจสอบที่มาของอาวุธปืนพกขนาด 9 มม. ซึ่งได้มีการขูดลบเลขทะเบียนของอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวทิ้ง ผลออกมาว่ามีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 23 ต.ค.53 จากการพบศพของ นายอาฮำมัดฆายีดี เวาะแม็ง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.เกะรอฯ ซึ่งได้เสียชีวิตในพื้นที่ บ้านตาเน๊ะปูโย๊ะ ม.3 ต.เกะรอ อ.รามัน จ.ยะลา จากการตรวจสอบตัวของผู้เสียชีวิตในวันนั้น พบว่าตรงขอบกางเกงพบซองปืนพกชนิดอ่อนสีดำ 1 ซอง แต่อาวุธปืนได้หายไป ซึ่งคาดว่าคนร้ายได้แย่งชิงเอาไปด้วย
ส่วนการตรวจสอบหมายจับนายยัฟรี สารอเฮง ปรากฏว่ามีหมายจับ ป.วิ.อาญา ทั้งสิ้น 7 หมาย ด้วยกัน ซึ่งเป็นการลงมือก่อเหตุในพื้นที่ อำเภอสายบุรี จ.ปัตตานี ทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันชัดเจนว่ามีความสัมพันธ์กับ 3 แกนนำโจรใต้สายบุรีที่โดนจับกุมไปก่อนหน้านี้
นายอาฟันดี กาพา ซึ่งเป็นมือระเบิด โดนเจ้าหน้าที่จับกุมตัวเมื่อวันที่ 14 ส.ค.57 ให้การซักทอดว่า เป็นครูสอนการประกอบระเบิดแสวงเครื่อง ให้กับ นายยัฟรี สารอเฮง จนกระทั่งมีขีดความสามารถในการประกอบระเบิดเองได้หลายแบบด้วยกัน
นายซูไฮมิง ดือเระ สมาชิกแนวร่วมถูกควบคุมตัว เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.55 ให้การซัดทอดว่า นายยัฟรี สารอเฮง เป็นผู้กดระเบิด เหตุลอบวางระเบิดชนิดถังดับเพลิงสีแดง ทำให้นายชยพัทธ์ รักษายศ นายอำเภอไม้แก่น จ.ปัตตานีเสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนสายกูวิง – บ้านป่าไหม้ ม.3 ต.ไทรทอง อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.50
จากการเปิดเผยของ นายฮาแว บือราเฮง ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.50 ให้การซัดทอดว่า นายยัฟรี สารอเฮง มีส่วนรู้เห็นและเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุที่สำคัญในพื้นที่ อ.สายบุรี 5 เหตุการณ์ ด้วยกัน คือ
- เหตุการณ์แรก คนร้ายลอบวางระเบิด และซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ทหารลาดตระเวน สังกัด ร้อย ร.30211 บริเวณถนนชนบทสายเจาะกือแย - โต๊ะบาลา ม.6 พื้นที่ ต.กะดุนง อ.สายบุรี เมื่อวันที่ 21 ก.พ.50
- เหตุการณ์ที่สอง คนร้ายลอบวางระเบิดบนถนนช่องทางเข้าบ้านบือเระ บริเวณ ถนนสายกะลาพอ – บือเระ พื้นที่ ม.๑ ต.บือเระ อ.สายบุรี เมื่อวันที่ 15 พ.ค.50
- เหตุการณ์ที่สาม คนร้ายลอบวางระเบิด จนท.ทหารชุด ร้อย ร.3021บริเวณถนนสายสายเจาะกือแย - โต๊ะบาลา ม.6 ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี เมื่อวันที่ 18 ส.ค.50
- เหตุการณ์ที่สี่ คนร้ายลอบวางระเบิด จนท.ทหารชุดปฏิบัติการจิตวิทยา ( สันติสุข 111 ) หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ บริเวณ ถนนสายชนบท ม.7 บ้านกะลาพอ พื้นที่ ต.เตราะบอน อ.สายบุรี เมื่อวันที่ 18 ต.ค.50
- เหตุการณ์ที่ห้า คนร้ายลอบวางระเบิดบนถนนสาย 42 บริเวณหัวสะพาน บ้านเจาะกือแย อ.สายบุรี ระหว่างบ้านบาโงมูลง – บ้านเจาะกือแย
เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนใต้ ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาไม่ได้ส่งผลดีต่อสังคม และประชาชนชาวปาตานีเลย มีแต่ความสูญเสียและคราบน้ำตาที่กลุ่มขบวนการได้หยิบยื่นให้ครั้งแล้วครั้งเล่า การกระทำที่รุนแรงในการก่อเหตุแต่ละครั้งเกิดจากความคิดสุดโต่งของแกนนำ สั่งการให้สมาชิกแนวร่วมในพื้นที่ก่อเหตุสร้างสถานการณ์ เพียงเพื่อไม่ต้องการสันติวิธี ปฏิเสธกระบวนการพูดคุยซึ่งนำมาสันติสุข ประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายต่อวิธีการเดิมๆ ที่กลุ่มขบวนการได้ปฏิบัติอยู่ เสียงส่วนใหญ่ของประชาชนในพื้นที่ต้องการให้มีการพูดคุยสันติภาพ เพื่อยุติความรุนแรงทั้งปวง หันหน้ามาพัฒนาพื้นที่แห่งนี้เพื่อรองรับการเข้าสู่ประตูประชาคมอาเซียนปี 58
สุดท้ายสมาชิกแนวร่วมผู้ก่อเหตุรุนแรงที่โดนเจ้าหน้าที่จับกุม ต่างถูกขบวนการทอดทิ้ง ไม่เหลียวแล ถูกหลอกใช้ให้ปฏิบัติการก่อเหตุเสร็จแล้วปล่อยให้เผชิญกับการถูกควบคุมตัวอยู่อย่างลำพัง ลูกเมียต้องได้รับความเดือดร้อนอยู่อย่างยากลำบากเมื่อขาดเสาหลักของครอบครัวไป
หากผู้หลงผิดยังไม่ยอมคิดกลับเนื้อ กลับตัว ผลลัพธ์ที่ตามมาหากไม่ตายก็ถูกจับกุม หมดสิ้นซึ่งอิสรภาพ ต้องเข้าไปชดใช้กรรมในคุกกับผลการกระทำชั่วที่ผ่านมา หน่วยงานภาครัฐยังมีความยินดีเปิดช่องทางและโอกาส ให้กับผู้ที่มีความคิดต่างจากรัฐอยู่เสมอ โดยการเข้ามารายงานตัว แสดงตน หันหลังให้กับขบวนการ กลับมาทำคุณงามความดี กลับมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับครอบครัวอย่างมีความสุขไม่ต้องหนีการจับกุม เพื่อคืนความสุขให้กับลูกหลานชาวปาตานี คงอีกไม่นานเมื่อทุกฝ่ายร่วมมือกันแก้ไขคลี่คลายสถานการณ์ด้วยการพูดคุย สร้างความปรองดอง ความเข้าใจกันอย่างถ่องแท้ จริงใจ และเมื่อนั้นรอยยิ้มแห่งสันติสุขจะเกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินปาตานีแห่งนี้....
*****************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น