หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557

อีกทีกับเรื่องฮิญาบ


            เก็บเอามาคุยอีกทีเรื่องการออกกฏหมาย ห้ามสวมผ้าคลุมหน้าในที่สาธารณะในฝรั่งเศส การคลุมผมหรือการแต่งกาย หากไม่เอาศาสนามาอ้าง ก็ถือเป็นเสรีภาพส่วนบุคคล แต่สถานที่ทำงาน หรือสถานธุระกิจส่วนตัว มีสิทธิตามกฏหมายเช่นเดียวกันที่จะออกระเบียบ เครื่องแต่งกาย ของพนักงานให้เหมาะสมและ มีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในที่ทำงาน ซึ่งศาสนาอิสลาม อนุโลมได้ไม่มีข้อห้าม ถ้าเป็นความปลอดภัยของ เพื่อนร่วมงาน และสถานที่ทำงาน ในเรื่อง การป้องกันเพื่อ สุขภาพ และ อุบัติเหตุ

           ในอเมริกา อเมริกันมุสลิม (ไม่เกี่ยวกับในเมืองไทยและประเทศซาอุดิอารเบีย) แบ่งออกเป็น สองกลุ่ม ทั้งสองกลุ่ม เข้าใจเช่นเดียวกันว่า การสวมฮิญาบเป็น สิทธิส่วนบุคคล ที่จะสวมฮิญาบเนื่องจาก เข้าใจว่าเป็นหลักการของศาสนา หรือ การไม่สวมฮิญาบไม่มีข้อบังคับให้สวมตามหลักการของอิสลาม ซึ่งแล้วแต่ว่าผู้ใดจะตีความบทบัญญัติในอัลกุรอานไปในทางใด

  

          ในซาอุดิอารเบีย กฏหมายการสวมฮิญาบใช้บังคับบุคคลในสังคมชั้นสูงไม่ได้เนื่องจาก พวกเจ้าชายเจ้าหญิงต่างๆ นิยมการแต่กายแบตะวันตก และ ถ้าเป็นหลักการบังคับในศาสนาอย่างเช่นการทำละหมาดและการถือศีลอดแล้ว เขาจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นกฏหมายการสวมฮิญาบในซาอุดิอารเบีย จึงจำกัดอยู่ในประชาชนชาวอรับเท่านั้น, มีประเทศมุสลิมในภาคตะวันออกกลางอีกหลายประเทศ ที่ไม่บังคับในเรื่องการคุมฮิญาบ


          ทำไมสมัยนี้จึงมีการบังคับให้มุสลิมสวมฮิญาบในสังคมมุสลิม ทั่วโลก? 

          เนื่องจากอิทธพลทางการเงินของซาอุดิอารเบีย์ มุสลิม ลัทธิวะฮาบีย์ ได้แผ่ขยาย ไปทั่วโลกโดยเฉพาะ ใน South East Asia วะฮาบีย์ต้องการ ให้การสวมฮิญาบ เป็นเอกลักษณ์ของมุสลิม ซึ่งทำให้เห็นได้ชัด ในความแตกต่างระหว่าง มุสลิม กับ กาเฟร, 

             ใช้การบังคับโดยอาศัยการตีความหมายของ ศาสนา ส่วนมากมาจาก ฮาดีษ สำหรับตาม อัลกุรอาน การตีความหมาย ในระดับนักวิชาการ ทั้งซุนนีย์และ นิกายต่างๆ ยังมีความเห็นไม่ตรงกัน เลยปล่อยให้เป็นไปตาม สิทธิส่วนบุคคล ถ้าไม่สวมฮิญาบ ก็ไม่ขาดจากความเป็นผู้ศรัทธาต่อศาสนาอิสลาม แต่อาจจะผิดหลักการศาสนาตามความเชื่อของลัทธิที่ยึดประเพณีอรับเป็นหลักศรัทธา

           เหตุผลเกี่ยวกับเรื่องการสวมฮิญาบเป็นการลด อาชญากรรมทางเพศได้นั้น สถิติที่ได้รับจากประเทศมุสลิม เป็นสถิติที่เชื่อถือไม่ได้ เนื่องจาก สตรีมุสลิมที่ถูกลวนลามไม่กล้าแจ้งความ และถึงแม้แจ้งความก็ไม่มีการเก็บสถิติอย่างถูกต้อง 

         ดังนั้น ตามที่ประเทศในภาคตะวันออกกลาง อ้างเหตุผลในการที่ว่า ฮิญาบลดอาชญากรรม จึง ไม่ใช้สถิติที่ถูกต้อง เนื่อง จาก อาชญากรรมทางเพศ ในระดับสังคมชั้นสูงของประเทศในภาคตะวันออกกลาง ไม่มีการรายงาน เนื่อง จาก ทางภาคปฏิบัติ สตรีในประเทศเหล่านี้ ไม่มีสิทธิเท่าผู้ชาย

        แต่อิสลามมีการให้สิทธิสตรีเท่าชาย ซึ่งมีอยู่ในทฤษฏีตามอัลกุรอานเท่านั้น แต่ผู้ออกกฏหมายเป็นชาย ดังนั้น ภาคปฏิบัติสังคมทั่วไปจึง เห็นว่าสตรีในภาคตะวันออกกลาง โดยทั่วไปไม่มีสิทธิเท่า ชาย และยังมีสภาพเช่นเดียวกับสตรีอรับก่อนอิสลามเหลืออยู่มาก

          ในการโต้เถียงกันตามกระทู้ต่าง ๆ ในโลกอินเทอร์เน็ท  ฝ่ายมุสลิมมักจจะหยิบเอาทฤษฏี และ หลักการศาสนา อิสลาม ตามอัลกุรอานมา โต้ตอบ ดูทำให้สวยงาม แต่ตามความเป็นจริง แล้ว น้อยมากที่มุสลิมอรับจะปฏิบัติต่อเพศหญิงตามอัลกุรอาน,

           นี่เป็นจุดเสียในสังคมมุสลิมที่จะต้องแก้ไข เราจะเห็นว่า สภาพสตรีในประเทศอื่นๆที่ไม่ใช่เผ่าพันธ์ อรับ จะมีสิทธิมากกว่าสตรีมุสลิมในประเทศ อรับ ซึ่งยังใช้ประเพณีอรับก่อนอิสลามบังคับใช้เป็นกฏหมายปฏิบัติอยู่ ดังนั้นการที่มุสลิมไทยพยายามแก้ตัวให้สังคมอรับมุสลิมนั้น จึงทำให้คนไทยและชาวโลกฟังไม่ขึ้น จึงเกิดมีการ โต้เถียงและล้อเลียน อยู่ในเวบนี้เป็นประจำ

           ภาพข่าวต่างๆที่ร้ายแรงและป่าเถื่อน ที่มุสลิมกระทำในสังคมมุสลิม และชาวโลกที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ไม่ใช่หลักการของศาสนาอิสลาม ตามอัลกุรอาน. หรือ ตามบัญญัติในอัลกุรอานซึ่งเป็น ความจริงมุสลิมทุกๆคนปฏิเสธไม่ได้




            แต่ข้อเสียคือมุสลิมทั่วโลกไม่ยอมรับรู้และแกล้งทำไม่รู้ว่า เรื่องราวตามข่าวต่างๆนั้นมีจริงและเป็นการกระทำของมุสลิม โดยอ้างและแก้ตัวว่าถูกใส่ร้ายจากสังคมอื่น ๆ และผู้ที่ต้องการทำลายอิสลาม, ปัญหาเรื่องเลวๆต่างๆจึงแก้ไขไม่ได้

         และถ้าใครก็ตามอธิบายให้ชาวโลกได้ เข้าใจ จะกลายเป็นศัตตรูของสังคมมุสลิม และเลยเถิดไปถึงการกล่าวหาว่าเป็นศัตรูของ อิสลามไป ซึ่งเป็นการตัดความเชื่อถือของผู้ที่ อธิบายความจริง ไป ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่สังคมมุสลิมจะต้องลืมตารับความเป็นจริง และช่วยกันแก้ไข ให้ถูกต้อง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น