เมื่อชาวไทยพุทธกลุ่มน้อยตกเป็นเป้าในการก่อเหตุ
แบมะ ฟาตอนี
สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องต้อนรับปีงบประมาณใหม่ หน่วยงานภาครัฐที่เป็นเจ้าภาพแก้ไขปัญหาความไม่สงบ มีการสับเปลี่ยนกำลังกันซึ่งยังไม่เข้ารูปเข้ารอยเท่าที่ควร แต่กลุ่มโจรใต้ไม่ได้ให้โอกาสในการตั้งตัว ไม่มีการพักครึ่งเวลาเหมือนเล่นกีฬาในการเตรียมความพร้อม ยังคงรักษาความเสมอต้นเสมอปลายในการกระทำความชั่วด้วยการมุ่งหน้าก่อเหตุร้ายรายวันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ แต่เป็นที่น่าสังเกตในระยะหลังๆ มีการเจาะจงกลุ่มกลุ่มเป้าหมายต่อกลุ่มคนไทยพุทธในพื้นที่มากยิ่งขึ้น
ไทยพุทธถูกลอบทำร้าย 31 ต.ค.-2 พ.ย.57เสียชีวิต 6 ราย บาดเจ็บ 12
- 31 ต.ค.57 เวลาประมาณ 19.00 น. คนร้ายได้ทำการลอบวางระเบิดจำนวน 4 จุด ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ปัตตานี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บ 3 ราย
- ขณะในช่วงบ่ายวันเดียวกันคนร้ายจำนวน 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์ไม่ทราบสีและยี่ห้อเป็นยานพาหนะ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง จ.ส.ต.เจษฎายุทธ แก้วนะ เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด ตชด.44 เสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณฝั่งตรงข้ามศูนย์เด็กเล็ก ปาตาติมอ เขตเทศบาล ต.ตะลุบัน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี
- วันเสาร์ที่ 1 พ.ย.57 คนร้าย 4 คน สวมหมวกไหมพรหมปิดบังใบหน้า ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และใช้อาวุธปืน M-16 กราดยิงชาวไทยพุทธ ในพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา หน้าร้านขายของชำ ชาวบ้านเสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 7 ราย ซึ่งหนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บมีเด็กผู้หญิง พลอยถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บไปด้วย
- 2 พ.ย.57 เหตุคนร้ายตามประกบยิงนักศึกษาหญิงมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส บนถนนเลี่ยงเมืองสายนราธิวาส-เจาะไอร้อง ช่วงบริเวณบ้านทำเนียบ ม.6 ต.ลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส และ น.ส.สุทิดา ตั้งใจ ได้เสียชีวิตเมื่อ 5 พ.ย.57 อย่างสงบที่โรงพยาบาล
- 2 พ.ย.57 เวลา 19.50 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุสีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงราษฎรไทยพุทธ เสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เหตุเกิดบ้านตาเซะ ม.2 ต.นานาค อ.ตากใบ จ.นราธิวาส
จะเห็นได้ว่าตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค.- 2 พ.ย.57 มีชาวไทยพุทธเสียชีวิตจากการถูกลอบทำร้ายไปแล้ว 6 รายด้วยกัน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 12 ราย ในส่วนของผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดในพื้นที่เมืองจังหวัดปัตตานี เป็นหญิงสาวชาวลาวที่ได้มาทำงานในประเทศไทย
จากความรุนแรงที่เกิดขึ้นดังกล่าวมีการมุ่งเน้นการก่อเหตุต่อกลุ่มเป้าหมายที่อ่อนแอ เมื่อวันที่ 3 พ.ย.57 เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2/2557 เพื่อต้องการมิให้เกิดความสูญเสีย และต้องการแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงกับผู้บริสุทธิ์อีกต่อไป 5 ข้อด้วยกัน คือ
จากความรุนแรงที่เกิดขึ้นดังกล่าวมีการมุ่งเน้นการก่อเหตุต่อกลุ่มเป้าหมายที่อ่อนแอ เมื่อวันที่ 3 พ.ย.57 เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2/2557 เพื่อต้องการมิให้เกิดความสูญเสีย และต้องการแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงกับผู้บริสุทธิ์อีกต่อไป 5 ข้อด้วยกัน คือ
- 1.ในนามเครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสีย และ
- ผู้ได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยพุทธ หรือคนไทยมุสลิม
- 2. ขอให้นักสิทธิมนุษยชน แสดงจุดยืนอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชนที่เป็นเป้าหมายอ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยมุสลิม หรือคนไทยพุทธ และผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
- 3. ขอให้ประชาชน ผู้นำชุมชน องค์การภาคประชาสังคม ตื่นตัวตระหนักต่อสถานการณ์การใช้ความรุนแรงอันไร้ขอบเขตและไร้มนุษยธรรม ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
- 4. ขอให้กองกำลังติดอาวุธทุกฝ่าย ยุติความรุนแรงต่อพี่น้องผู้บริสุทธิ์
- 5. เพิ่มการรักษาความปลอดภัย และดูแลชุมชน หมู่บ้านที่มีพี่น้องไทยพุทธ และชุมชน หมู่บ้านที่มีพี่น้องไทยพุทธ และมุสลิม อาศัยอยู่ร่วมกันเป็นพิเศษ
นอกจากนั้นยังมีมูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพได้มีข้อเรียกร้องและข้อเสนอแนะต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
- 1. ทุกฝ่ายต้องยุติการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก
- 2. รัฐต้องเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนข้อเท็จจริงของทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย ทั้งนี้ทุกฝ่ายไม่ควรด่วนสรุปจนกว่าการสืบสวนสอบสวนจะเสร็จสิ้น
- 3. ในการดำเนินนโยบายแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยสันติวิธี รัฐบาลต้องมีมาตรการอย่างจริงจังในการลดการแพร่กระจายของอาวุธในพื้นที่
- 4. เร่งให้มีการเยียวยา ฟื้นฟูสภาพจิตใจครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ รวมถึงสังคมที่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง
- 5. รัฐบาลและประชาชน รวมถึงผู้นำทางศาสนาต้องร่วมกันแสวงหาแนวทางเพื่อยุติความรุนแรง และป้องกันการสร้างความเกลียดชัง การยั่วยุ หรือการผลักใสให้ประชาชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นศัตรูต่อกัน ควรมีการหารืออย่างสร้างสรรค์เพื่อหาทางออกร่วมกันบนพื้นฐานของความอดทน อดกลั้น ความจริงใจและการยอมรับในความเห็นที่แตกต่างเพื่อให้สังคมกลับสู่สภาพปกติโดยเร็วที่สุด
ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างที่เราทราบกันดีว่าประชากรส่วนใหญ่เกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่นับถือศาสนาอิสลาม ส่วนที่เหลือเป็นชาวไทยพุทธ ชาวไทยเชื้อสายจีนที่เข้ามาทำมาค้าขาย วิถีชีวิตด้านสังคมจิตวิทยาในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนเหล่านี้มีผลกระทบ โอดครวญว่าเป็นชนกลุ่มน้อยในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ อยู่ท่ามกลางผู้คนส่วนใหญ่ที่ต่างศาสนากัน รวมทั้งประเพณีและวัฒนธรรม ในอดีตที่ผ่านมาการอยู่ร่วมกันของผู้คนไม่เคยมีปัญหา ถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกันอยู่ร่วมกันอย่างพหุวัฒนธรรม
หลังจากเกิดเหตุปล้นปืนกองพันพัฒนาที่ 4 เมื่อต้นปี 47 จุดก่อเกิดโจรใต้ นำไปสู่การสร้างสถานการณ์ทุกรูปแบบ เพื่อยัดเยียดความเจ็บปวด สร้างความสูญเสียให้กับประชาชนผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งผู้คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตลอดระยะเวลาผ่านไปสิบกว่าปี มีผู้คนบางส่วนเริ่มเบื่อหน่ายต่อการกระทำของโจรใต้ ได้ละทิ้งถิ่นฐานไปตั้งรกรากยังจังหวัดอื่นที่มีความปลอดภัยกว่า
หน่วยงานภาครัฐรู้ปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างดี แก้ปัญหาด้วยการรณรงค์ให้ผู้คนเหล่านี้ไม่ละทิ้งถิ่นฐานทำมาหากิน อีกทั้งไม่ส่งเสริมให้ทำการขายที่ดินทำกินแบบถูกๆ ตกไปอยู่ในกำมือของผู้มีอิทธิพลและคนที่แสวงหาผลกำไร
แต่การกระทำของกลุ่ม ผกร.และบุคคลบางกลุ่ม ยังคงมุ่งที่จะลอบทำร้ายคนไทยพุทธ ตั้งเป้าทำการขับไล่คนต่างศาสนาเหล่านี้ออกนอกพื้นที่ แล้วทำการยึดครองโดยใช้วิธีสร้างความหวาดกลัวด้วยการก่อเหตุ เข่นฆ่า ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง และทำลายพืชผลทางการเกษตร บีบบังคับให้ยอมจำยอมขายที่ทำมาหากินแบบถูกๆ
ในนามผู้เขียนอยากเรียกร้องให้กลุ่ม องค์กร และภาคประชาสังคมที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งกลุ่มผู้นำศาสนาหันมารณรงค์และสร้างความเข้าใจต่อประชาชน ร่วมกันต่อต้านความรุนแรงทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการใช้ความรุนแรงต่อเด็กและสตรี รวมไปถึงกลุ่มเป้าหมายอ่อนแอทั้งไทยพุทธ ไทยมุสลิม ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์ไฟใต้ ขอชื่นชมกลุ่มองค์กรที่กล้าออกมาประณาม และเรียกร้องต่อสังคมให้ยุติความรุนแรงและหาทางออกปัญหาร่วมกัน หวังเป็นอย่างยิ่งหากการดำเนินการเอาจริงเอาจังของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งได้แรงสนับสนุนจากองค์กร ภาคประชาสังคม ในการเดินหน้าพูดคุยเพื่อสันติสุข...กลับคืนมา เมื่อนั้นพี่น้องปาตานีคงจะนอนตาหลับ ไม่ต้องหวาดระแวง ประกอบอาชีพ ใช้ชีวิตประจำวันอย่างปกติสุขต่อไป
----------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น