หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เลือกเป็นโจร ก็ต้องจบแบบโจร อวสาน ชายชุดดำ คูหู เปเล่ดำ



เบื้องหลัง ‘เด็ดหัวโจรใต้’ คาห้องลับที่บาตง.....
โดย : ‘แบดิง โกตาบารู’
http://pulony.blogspot.com/2015/08/blog-post_4.html?m=0


          ใครจะรู้บ้างว่าในยามดึกดื่นค่ำคืนที่ทุกคนกำลังหลับใหลอย่างมีความสุข แต่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ปลายด้ามขวานของไทยเรา เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ อาสาสมัครรักษาดินแดน และอาสาสมัครทหารพรานต้องข่มตาหลับขับตานอนปฏิบัติหน้าที่อย่างมิย่อท้อ ฝนจะตกแดดจะออกอย่างไรไม่เคยปริปากบ่น ต้องเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกปักษ์รักษาผืนแผ่นดินไทย

          การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นการติดตามจับกุม ตรวจค้น หรือเชิญตัวผู้ต้องสงสัยอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย มีความชอบธรรมในการปฏิบัติแต่ไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน

        ที่ผ่านมาการประกาศใช้กฎหมายพิเศษไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ เลยต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน มีการอะลุ่มอล่วยยกเว้นไม่ได้มีการเข้มงวดกวดขันให้คนทั่วไปต้องเดือดร้อน


จุดจบโจรใต้ที่บาตง..ชายชุดดำในคลิปดัง

         การติดตามจับกุมผู้กระทำผิดยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และในค่ำคืนของวันที่ 2 สิงหาคม 2558 ก็เป็นอีกคืนหนึ่งที่ทีมงานไล่ล่าโจรใต้ได้รวมตัวเฉพาะกิจ หลังสืบทราบว่า นาย มะซูการีนอ ยะกูมอ ซึ่งเป็น ผกร. ระดับหัวหน้า kompi มีดีกรีความชั่วร้าย 9 หมาย ป.วิอาญา เป็นเครื่องหมายการันตี ได้เข้ามาหลบซ่อนตัวในพื้นที่ ตำบลบาตง อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส

        ผู้เขียนได้รับข้อมูลบอกเล่าจากแหล่งข่าววงใน ได้แฉเบื้องหลัง ‘เด็ดหัวโจรใต้’คาห้องลับที่บาตง มาเล่าสู่กันฟัง ผู้เขียนหลับตานึกภาพตามในขณะรับฟังจากคำบอกเล่า

        ขอพาท่านผู้อ่านย้อนกลับไปนึกภาพ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงระดมยิงบริเวณสามแยกบาตง นั่นคือจุดเริ่มต้นของการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยในเวลาต่อมา
          ความยากลำบากในการสืบหาตัวผู้กระทำผิด การรวบรวมข้อมูล พยานหลักฐาน และวิเคราะห์ความเชื่อมโยงจากความเคลื่อนไหวนำไปสู่การกำหนดตัวคนร้ายจะต้องมีความแม่นยำ หากพลาดพลั่งมานั่นหมายถึงคุกตะราง และถูกองค์กรภาคประชาสังคมโจมตีนำไปขยายผลเรียกร้องยังองค์กรระหว่างประเทศ

         เมื่อข้อมูลชัดเจนการวางแผนในการเข้าทำการติดตามจับกุมจึงเริ่มขึ้น ซึ่งมีการวางแผนกันยังสถานที่แห่งหนึ่งนอกพื้นที่อำเภอรือเสาะ เพื่อเข้าพิสูจน์ทราบต่อเป้าหมายดังกล่าวในทันที โดยการปฏิบัติการในครั้งนี้ได้มีการสนธิกำลังจากหลายๆ ฝ่ายร่วมกัน

         เมื่อทุกอย่างพร้อม วันนัดหมายมาถึงในค่ำคืนวันที่ 2 สิงหาคม 2558 ชุดไล่ล่าโจรใต้ฟาตอนี ได้เคลื่อนเข้าพื้นที่เป้าหมายอย่างเงียบเชียบ ทุกคนต่างไม่รู้ว่าจะเจอะเจออะไร และเกิดอะไรขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า หรือในใจหลายคนต่างคิด หากเกิดการปะทะซุ่มโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามจะเอาชีวิตรอดกลับไปหาลูกเมียและครอบครัวหรือไม่?

          จุดหมายปลายทางที่ทุกคนกำลังมุ่งหน้าไป และได้รับรู้จากปาก ผบ.เหตุการณ์ คือพื้นที่หมู่ที่ 3 ตำบลบาตง อำเภอรือเสาะ ซึ่งจะต้องเข้า 2 ที่หมายด้วยกัน กับการใช้กำลัง 3 ชุดปฏิบัติการพิเศษ ผบ.เหตุการณ์ เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติการด้วยตนเอง โดยมีหน่วยกำลังในพื้นที่นำทาง และ ควบคุมเส้นทางเข้าออกหมู่บ้านเป้าหมาย เพื่อให้ชุดปฏิบัติการพิเศษเข้าไปพิสูจน์ตามที่มีการวางแผนกันไว้

            แต่แล้วการเดินทางของชุดไล่ล่าโจรใต้ฟาตอนีจะต้องหยุดชงักลง หลายคนในทีมสงสัย มีการยกเลิก การเข้าพิสูจน์ทราบ 2 ที่หมายในพื้นที่ หมู่ 3 ผบ.เหตุการณ์สั่งปรับแผนให้เข้าปฏิบัติการในพื้นที่หมู่ 5 แทน โดยเจาะจง บ้านภรรยาของ นายมะซูการือนอ ยะกูมอ แทน ในเมื่อ ผบ.เหตุการณ์ สั่งทุกคนจึงเปลี่ยนเป้าหมายในการเดินทางในค่ำคืนนี้กันใหม่

        กว่าจะมาถึงที่หมายค่อนรุ่งของวันใหม่ทำเอาอ่อนล้า แต่ทุกคนไม่ท้อถอย มีการจัดวางกำลังบล็อกพื้นที่โดยรอบบริเวณบ้านเป้าหมาย ส่วนรอบนอกมีการวางกำลังควบคุมเส้นทางเข้าออกหมู่บ้าน

         ท่ามกลางความเงียบสงัดของค่ำคืน ผบ.เหตุการณ์ ได้สั่งให้ไปเชิญบุคคลที่กำลังหลับไหลอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าวทั้งหมดออกมา พร้อมทำการชี้แจงอธิบายเหตุผลถึงความจำเป็นในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อใช้กำลังเข้าพิสูจน์ทราบ เนื่องจากมีเบาะแสมาว่า นายมะซูการือนอ ยะกูมอ ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับ ป.วิอาญา 9 หมาย มาหลบซ่อนพักพิงอยู่ในบ้านหลังนี้

          ยังไม่ทันที่มีการชี้แจงเสร็จสิ้น ทั้งภรรยา และพ่อตานายมะซูการือนอฯ รีบชิงปฏิเสธเจ้าหน้าที่ในทันทีทันใดว่า นายมะซูการือนอฯ ไม่ได้มาพักอาศัยในบ้านหลังดังกล่าว

        ในเมื่อดั้นด้นมาถึงขนาดนี้แล้ว ต้องอดหลับอดนอนและใกล้จะสว่างเต็มที เพื่อความบริสุทธิ์ใจ เจ้าหน้าที่จึงขอให้ภรรยา นายมะซูการือนอฯ พาเข้าไปทำการตรวจดูภายในบ้าน เพื่อพิสูจน์ความจริงให้เห็นกับตา ตรวจค้นอย่างละเอียดกลับไม่เจออะไรที่ผิดปกติ ตามที่บุคคลในบ้านได้กล่าวไว้ แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ขอเข้าไปอีกครั้งซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่ก็คว้าน้ำเหลวเหมือนเช่นในครั้งแรก

        ในขณะที่ทุกคนท้อและสิ้นหวังอยู่นั้น จุดเปลี่ยนในเวลาต่อมาเมื่อมีการชวนพ่อตานายมะซูการือนอฯ พูดคุย มีการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ อีกทั้งยังได้แอบยืนยันว่า นายมะซูการือนอฯ ยังหลบซ่อนตัวอยู่ในภายในบริเวณบ้าน

          เมื่อได้รับการยืนยันเช่นนั้น ผู้ที่สมควรเข้ามามีส่วนร่วมในการพูดคุย คงหนีไม่พ้นผู้นำศาสนา และผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่จะต้องมาเกลี่ยกล่อมให้เป้าหมายออกมามอบตัว เพื่อลดระดับความรุนแรงหาทางออกด้วยแนวทางสันติวิธี...

         เพียงไม่กี่นาที โต๊ะอิหม่าม และผู้ใหญ่บ้านก็มาถึงยังบริเวณบ้านหลังดังกล่าว กระบวนการเกลี่ยกล่อมให้บุคคลเป้าหมายที่หลบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านให้ยินยอมออกมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ก็ดำเนินไป แต่กลับไร้ผลไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ทั้งสิ้นมาจากภายในบ้าน...

          เหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือ เวลาผ่านไปช่างรวดเร็วเกือบใกล้รุ่งสางของวันใหม่ ในที่สุดเจ้าหน้าที่ต้องเล่นบทบาทเข้าไปตรวจค้นอีกครั้งหนึ่งโดยมี พ่อตานายมะซูการือนอฯ พร้อมด้วย โต๊ะอิหม่าม และผู้ใหญ่บ้าน ร่วมเข้าไปตรวจสอบด้วยกัน...

         การตรวจค้นยังคงดำเนินต่อไป แต่ยังคงไร้วี่แววตัวตน นายมะซูการือนอฯ แม้กระทั่งบ้านชั้นบน ซึ่งเป็นห้องนอนของนายมะซูการือนอฯ ซึ่งมีห้องน้ำส่วนตัว ก็ยังไม่พบสิ้งผิดปกติใด ๆ ทั้งสิ้น...

         ตรวจอย่างละเอียดเท่าไหร่ก็ไมพบบุคคลเป้าหมาย ในขณะที่ทุกคนกำลังสิ้นหวัง บังเอิญเป็นเพราะความช่างสังเกตของสมาชิกทีมไล่ล่าโจรใต้ฟาตอนี ได้เหลือบไปเห็นเห็นถังน้ำหน้าห้องน้ำมีก๊อกน้ำต่อไว้ แต่ในถังกลับไม่มีน้ำสักหยดเดียว นำมาซึ่งความสงสัย จึงให้พ่อตา นายมะซูการือนอฯ เข้าไปขยับถังน้ำดังกล่าวดู...

         และในทันทีที่มีการขยับถังน้ำดังกล่าว เสียงปืนนัดแรกได้แผดก้องขึ้นแทรกความเงียบสงบของค่ำคืน และต่อด้วยนัดสองนัดสาม ส่งผลให้พ่อตา นายมะซูการือนอฯ และเจ้าหน้าที่ ซึ่งอยู่บริเวณนั้นได้ผละออกจากบริเวณนั้นทันทีเข้าที่กำบังเพื่อความปลอดภัย

        นายมะซูการือนอฯ ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในห้องลับได้ทำการยิงเบิกทางเพื่อทำการหลบหนี ใช้จังหวะที่เจ้าหน้าที่กำลังชุลมุน ออกมาจากห้องลับ แล้วทำการยิงใส่เจ้าหน้าที่ซ้ำอีกระลอก กระสุนไปถูกโล่เจ้าหน้าที่ที่กำลังถืออยู่ กระสุนได้แฉลบไปถูกขาจนได้รับบาดเจ็บ...

        เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ การปะทะจึงเกิดขึ้น ปรากฏว่า นายมะซูการือนอฯ รีบหนีลงไปหลบซ่อนตัวในห้องลับอีกครั้งหนึ่ง

        ในวินาทีนี้อาวุธปืนนานาชนิดได้ระดมยิงเข้าใส่ภายในห้องลับหลายสิบนัดตรงปากทางเข้า แต่กระนั้นเจ้าหน้าที่ยังไม่มั่นใจว่า นายมะซูการือนอฯ ถูกกระสุนปืนดังกล่าวหรือไม่ เพื่อความปลอดภัย จึงได้ขว้าง flash bank และ แก๊สน้ำตาเข้าใส่จนกระทั่ง นายมะซูการือนอฯ หนีดิ้นทุรนทุรายออกมาจากห้องลับ และได้จบชีวิตลงตามข่าวสารที่ได้มีการนำเสนอของสื่อมวลชนทุกแขนงในเวลาต่อมา

         ยุทธวิธีที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง หันมาใช้แนวทางสันติวิธี...ลดการใช้กำลังใช้หลักการเจรจาเป็นสำคัญ ซึ่งปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในทุกระดับการพูดคุยเท่านั้นที่จะสร้างความเข้าใจและหาทางออกของปัญหาร่วมกัน อันจะนำไปสู่กระบวนการสร้างสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้...

         นายดาโอ๊ะ หรือหะยีดาโอ๊ะ ท่าน้ำ อดีตแกนนำขบวนการพูโลใหม่ที่กำลังจะได้รับการพักโทษเพื่อกลับมาใช้ชีวิตกับครอบครัวในวัยชรา ได้กล่าวว่า “กระบวนการพูดคุยสันติสุขจะสำเร็จในช่วงรัฐบาลนี้ โดยเขาเห็นด้วยกับการพูดคุย เพราะเป็นวิธีที่จะทำให้ปัญหายุติลงได้”

         ส่วนนายมะแอ สะอะ หรือ หะยีสะมะแอ ท่าน้ำ อดีตแกนนำพูโล ที่ได้รับการพักโทษและได้รับอิสรภาพไปแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม 2558 ซึ่งตรงกับวันฮารีรายอ อีฎิ้ลฟิตริ กล่าวว่า “เชื่อมั่นที่รัฐบาลได้แสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในแนวทางสันติวิธี และการสร้างบรรยากาศของการพูดคุยเพื่อสันติสุข”

          ผู้ที่กระทำผิด หากสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี สังคมย่อมให้อภัยดั่งเช่น“หะยีสะมะแอ ท่าน้ำ”และ “หะยีดาโอ๊ะ ท่าน้ำ” ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต้องโทษในเรือนจำ สุดท้ายได้รับการพักโทษกลับมาพัฒนาถิ่นเกิด

        การต่อสู้ตามแนวทางสันติ...หันหน้ามาพูดคุย...หยุดใช้ความรุนแรง ผู้ที่หลงผิดสามารถเข้าร่วม “โครงการพาคนกลับบ้าน” รายงานตัวแสดงตนต่อเจ้าหน้าที่รัฐใกล้บ้าน เพื่อกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุขกับครอบครัว ดีกว่าถือปืนใช้ความรุนแรงในการต่อสู้....มีแต่ตายสถานเดียว...

        เป็นอันว่าภารกิจชุดไล่ล่าโจรใต้ฟาตอนีในค่ำคืนนี้ได้จบสิ้นลงบนความสูญเสียที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ต้องได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ส่วน นายมะซูการือนอฯ ถูกจับตาย ในความเป็นจริงแล้วต้องการจับเป็นเพื่อส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายเท่านั้น เหตุการณ์เช่นนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย หากนายมะซูการือนอฯ เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตั้งแต่แรก จุดจบแบบนี้ใครๆ ต่างไม่อยากให้เกิดขึ้น และที่สำคัญครอบครัวไม่ต้องมาเสียใจกับการจากไปของบุคคลอันเป็นที่รัก...อย่างไม่มีวันหวนกลับ......

---------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น