หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

โอลันล้าอีกแล้ว ฉลองฮารีรายอ ด้วยการทำชั่ว


โอลันล้าอีกแล้ว ฉลองฮารีรายอ ด้วยการทำชั่ว
ยิงถล่มฮารีรายอ
พ่อลูกดับ เจ็บอีก4 ที่สายบุรี



ถล่ม - เจ้า หน้าที่ตรวจที่เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงกราดเข้าไปภายในงานเทศกาล ฮารีรายอ ที่บริเวณหาดวาสุกรี อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 4 ราย เมื่อวันที่ 31 ต.ค.
โจร ใต้กราดยิงถล่มงาน"ฮารีรายอ"สายบุรี ปัตตานี พ่อลูกชาวนครศรีฯดับ 2 พ่อค้าแม่ค้าสาหัสอีก 4 แถมยังลอบบึ้มซ้ำ ถล่มจนท.ตรวจจุดเกิดเหตุ แต่เกิดพลาดเป้า "ยะลา"ก็ดุ จนท.ปะทะเดือดสนั่นรามัน โจรใต้ดับ 2 ยอมมอบตัวอีก 1 ตร.โดนยิงเจ็บไป 2 เช็กประวัติพบเคยก่อคดีอื้อ อีกเหตุดักยิงชาวบ้านดับคาปิกอัพ เด็กชายวัย 11 เซ่นลูกหลงด้วย แถมยังมีลอบยิงเอ็ม 79 ตกกลางสถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านยะลา

เมื่อ เวลา 18.45 น. วันที่ 31 ต.ค. พ.ต.อ.อาซิส อุมายี ผกก.สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายยิงชาวบ้านเสียชีวิต ภายในงานเทศกาล ฮารีรายอ จัดขึ้นบริเวณหาดวาสุกรี ต.ตะลุบัน อ.สายบุรี ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 6 ราย และถูกนำส่ง ร.พ.สมเด็จพระยุพราชสายบุรี ต่อมามีผู้เสียชีวิต 2 ราย ทราบชื่อนายสายัณ ฤทธิกร อายุ 47 ปี และ น.ส.ประกายรัตน์ ฤทธิกร อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นพ่อลูก อยู่บ้านเลขที่ 84/2 หมู่ 5 ต.ชัยบุญตรี อ.เมืองนครศรีธรรมราช

ส่วนผู้บาดเจ็บ ประกอบด้วย นางนูรีน เพชรสุวรรณ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77 หมู่ 5 ต.ชัยบุญตรี อ.เมืองนครศรีธรรมราช นายสมชาย แสนทา อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128 หมู่ 8 ต.ดอนทราย อ.หนองหาน จ.อุดรธานี นางวรรณดี จุลเรศ อายุ 46 ปี ชาวอ.เมืองนครศรีธรรมราช และนายนพพล จุลกะ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 หมู่ 10 ต.หนองเมือง อ.ม่วง สามสิบ จ.อุบลราชธานี โดยทั้งหมดเป็นพ่อค้าแม่ค้าสิ่งของภายในงาน

ต่อมาขณะเจ้า หน้าที่ตำรวจ สภ.สายบุรี นำกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่ ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จากการตรวจสอบพบเป็นระเบิดแสวงเครื่อง บรรจุในกล่องเหล็ก โดยคนร้ายนำมาวางไว้ฝั่งตรงข้ามของร้านค้าที่เกิดเหตุ เพื่อลอบสังหารเจ้าหน้าที่ แต่เกิดระเบิดก่อน โดยการก่อเหตุครั้งนี้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุ รุนแรงที่ต้องการทำลายความเชื่อมั่นของเจ้าหน้าที่รัฐ

ที่ จ.ยะลา เวลา 13.30 น. พล.ต.ต.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบช.ศชต. นำกำลังตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ ตำรวจ สภ.รามัน ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 12 เจ้าหน้าที่อาสาสมัครทหารพรานที่ 41 กว่า 100 นาย เข้าปิดล้อมบ้านเป้าหมายในหมู่ 1 ต.ยะต๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา หลังรับแจ้งจากสายข่าวว่า นายมานะ มะแซจือนารง อายุ 35 ปี แกนนำก่อเหตุรุนแรง พร้อมพวกเข้ามากบดานในพื้นที่และเตรียมก่อเหตุ

ขณะ เจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมบ้านไม่มีเลขที่ ซึ่งเป็นบ้านเป้าหมายตามที่รับแจ้งมา และเรียกให้เจ้าของบ้านเปิดประตู เพื่อขอเข้าตรวจค้น กลุ่มคนร้ายที่อยู่ภายในบ้านใช้อาวุธปืนยิงสวนเจ้าหน้าที่ออกมา จนเกิดการยิงปะทะกันนานกว่า 1 ช.ม. เมื่อสิ้นเสียงปืนมี หนึ่งในคนร้ายที่อยู่ภายในบ้านออกมามอบตัว ทราบชื่อนายอับดุลรอเซะ เด็งสาแม อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/2 หมู่ 3 ต.บือมัง อ.รามัน เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสอบ สวนที่หน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 12

จาก นั้นเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ พบคนร้ายเสียชีวิต 2 รายอยู่ภายในบ้านดังกล่าว ทราบชื่อนายมานะ มะแซจือนารง อายุ 35 ปี ใกล้กันพบอาวุธปืนเอ็ม 16 ตกอยู่ข้างตัว 1 กระบอก และปืนพกสั้นขนาด 9 ม.ม. อีก 1 กระบอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และนายอุสมัน วารี อายุ 26 ปี ถูกยิงเสียชีวิต โดยมีอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. ตกอยู่ข้างมือ นอกจากนี้ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ยังถูกยิงบาดเจ็บ 2 ราย ทราบชื่อส.ต.ท.เกียรติศักดิ์ ปานเพชร อายุ 27 ปี และ ส.ต.ท.วัชรินทร์ นิลสังกาด อายุ 26 ปี เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ บช.ศชต. โดยทั้ง 2 นายถูกยิงเข้าที่ขาได้รับบาดเจ็บ จึงนำตัวส่ง ร.พ.รามัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายมานะ มะแซจือนารง เป็นชาว ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และเป็นผู้ต้องหาคดีความมั่นคงที่มีหมายจับ ป.วิ อาญา รวม 3 หมาย และมีส่วนในการก่อเหตุร้ายในพื้นที่หลายเหตุการณ์ โดยเฉพาะเหตุการณ์ซุ่มยิงทหารพราน 41 เสียชีวิต 3 นาย และแม่บ้าน 1 ราย ขณะขับรถกระบะเดินทางไปซื้อเสบียงในพื้นที่ อ.เมืองยะลา เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยเชื่อว่าการเข้ามากบดานของนายมานะพร้อมพวกนั้น มีเป้าหมายที่จะก่อเหตุร้ายในพื้นที่

ต่อมาเวลา 16.00 น. ศูนย์วิทยุ สภ.รามัน จ.ยะลา รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงชาวบ้านเสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย บริเวณถนนชนบท บ้านบูเกะบือราแง หมู่ 3 ต.อาซ่อง อ.รามัน จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพนายดอรอแม ซาอุ อายุ 49 ปี และด.ช.อัคมาล ซาอุ อายุ 11 ขวบ ทั้ง 2 คนอยู่บ้านเลขที่ 94 หมู่ 1 ต.อาซ่อง อ.รามัน ส่วน ด.ช.อัสมิน มะสูติง อายุ 9 ขวบ อยู่บ้านเลขที่ 94/2 หมู่ 1 ต.อาซ่อง บาดเจ็บสาหัสและถูกส่งต่อ ร.พ.ศูนย์ยะลา

จากการสอบสวนทราบ ว่า ขณะนายดอรอแมขับรถกระบะ โดยมีด.ช.อัคมาลและด.ช.อัสมินนั่งอยู่ภายในรถ เพื่อไปขนดิน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนลูกซองยิงใส่รถกระบะ เป็นเหตุให้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่

ถัด มา ร.ต.ต.วีระยุทธ ปิ่นทองพันธ์ ร้อยเวร สภ.เมืองยะลา รับแจ้งจากสถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านยะลาว่า มีหัวระเบิดเอ็ม 79 ตกใส่หลังคาโรงอาหาร ภายในสถานสงเคราะห์ ต.สะเตง อ.เมืองยะลา จึงแจ้งให้ พ.ต.อ.ปิยวัฒน์ เฉลิมศรี รอง ผบก.ภ.จว.ยะลา ทราบ และรุดตรวจสอบ

ที่ เกิดเหตุพบกลุ่มครูและแม่บ้านของสถานสงเคราะห์ยืนจับกลุ่มอยู่หน้าโรงอาหาร ด้วยอาการตื่นตระหนก เจ้าหน้าที่จึงปิดกั้นสถานที่เกิดเหตุ และกันบุคคลไม่เกี่ยวข้องอยู่ห่างจากรัศมีระเบิด ก่อนเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดจะเข้าตรวจสอบ โดยพบหัวระเบิดเอ็ม 79 รวม 1 หัวตกอยู่ที่พื้น สภาพพร้อมระเบิดทันที ส่วนที่เพดานหลังคาพบรูขนาดเท่าหัวระเบิดเอ็ม 79 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดจึงเก็บกู้และนำไปทำลายทิ้ง

จาก การสอบสวนนางวรรณดี เกื้อเกษ แม่บ้านของสถานสงเคราะห์ทราบว่า ขณะที่กำลังทำอาหารให้กับเด็กในช่วงเที่ยง ได้ยินเสียงคล้ายมีวัตถุกระทบหลังคาของโรงอาหาร จากนั้นมีหัวระเบิดเอ็ม 79 ตกลงมาจากหลังคา ทำให้ฝ้าเพดานทะลุเป็นรู จึงตะโกนบอกเจ้าหน้าที่ในโรงอาหารให้มาดู เมื่อพบเป็นหัวระเบิดเอ็ม 79 ต่างพากันวิ่งหนีออกจากโรงอาหารกันอย่างชุลมุน

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า คนร้ายอาจต้องการยิงไปยัง กก.ตชด.ที่ 443 ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านยะลา แต่กระสุนเกิดพลาดมาตกใส่โรงอาหารและระเบิดด้าน จึงไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

ที่ จ.นราธิวาส พล.ท.อดุมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผบช.ศชต. นายประดิษฐ์ สุคนธสวัสดิ์ รอง ผวจ.นราธิวาส พล.ต.พิสิทธิ์ สิทธิสาร ผบ.ฉก.นราธิวาส และนายวีระชิต ช่วยมั่นคง ผอ.ส่วนส่งเสริมและพัฒนาการมีส่วนร่วม ตัวแทนของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศอ.บต. ร่วมกันเสวนารับฟังความคิดเห็นจาก 4 เสาหลัก ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ 72 หมู่บ้าน 9 ตำบลของ อ.รือเสาะ โดยมีการเสนอแก้ไขปัญหาใน 4 เรื่อง ประกอบด้วย การแก้ไขปัญหาความมั่นคง การพัฒนาด้านคุณภาพชีวิตของประชาชน ปัญหาเรื่องสาธารณูปโภคและปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด โดยหากแก้ไขลุล่วงไปด้วยดี ประชาชนในพื้นที่กว่า 60,000 คน สามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข นอกจากนี้ ยังมีการเสนอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานชุดละ 2 ปี จากเดิม 1 ปี เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการทำงาน

ด้านพล.ท.อุดมชัยกล่าวว่า กองทัพไม่ได้คิดว่าพวกกลุ่มผู้หลงผิดเป็นโจร แต่เป็นบุคคลที่มีความเห็นต่างและสามารถพูดคุยเคลียร์กันได้ ส่วนที่เห็นมีการวิสามัญนั้น เพราะมีการขัดขืนดื้อดึงและใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ก่อน เราจึงจำเป็นต้องใช้ความรุนแรงตอบโต้ ซึ่งปัญหาภาคใต้จะคลี่คลายไปได้ ต้องแก้ไขปัญหาความมั่นคงก่อน แล้วปัญหาเรื่องอื่นจะตามมาในทางที่ดี

ที่ จ.พิษณุโลก นายปรีชา เรืองจันทร์ ผวจ.พิษณุโลก พร้อม นายธานินทร์ สมบูรณ์สาร พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปัตตานี ในฐานะผู้แทนศอ.บต. ร่วมพบปะพูดคุยกับญาติของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งทหาร ตำรวจและอาสาสมัคร ซึ่งเคยปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2547 และได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ จนเสียชีวิตและทุพพลภาพ เพื่อรวบรวมเอกสารมอบอำนาจและเร่งรัดดำเนินการโอนเงินเยียวยาพัฒนาคุณภาพ ชีวิต 100,000 บาท และสรุปข้อมูลการเยี่ยมบ้านทายาทของผู้ได้รับผลกระทบ โดยส่วนใหญ่พบปัญหาขาดเสาหลักของครอบครัวในการดำเนินชีวิต มีภาระค่าเล่าเรียนของบุตรหลานและหนี้สิน มีรายได้ไม่แน่นอน

ที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ต้องช่วยกันประณามการก่อเหตุร้ายว่าชีวิตจิตใจคนพวกนี้ทำมาจากอะไร เพราะบางครั้งลงมือได้แม้กระทั่งเด็ก ผู้หญิง ประชาชน ผู้บริสุทธิ์ พระ และเจ้าหน้าที่ รวมไปถึงชาวมุสลิม ดังนั้นประชาชนต้องร่วมมือกันต่อสู้กับคนกลุ่มนี้ที่มีไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตอนนี้เริ่มมีชาวบ้านมาร่วมกันเจ้าหน้าที่มากขึ้น

"สถานการณ์ ภาคใต้ที่รุนแรงขึ้น เพราะไปฟังคนบางกลุ่มที่เสียผลประโยชน์ กลุ่มที่ทำอะไรไม่สะดวกมีปัญหากับเจ้าหน้าที่ จะบอกว่าเจ้าหน้าที่ไม่ดี และอยากให้มีการตรวจสอบข้อมูลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ก่อน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เมื่อถามถึงรองนายกฯ ที่จะมาดูแลปัญหาภาคใต้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกคนเป็นกังวลเรื่องนี้แต่ขึ้นอยู่กับรัฐบาล เพราะคนทำงานยังเป็นคนเดิมคือ ตน และมีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.รมน. เมื่อศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชาย แดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) ยังไม่เกิดขึ้นก็ต้องใช้การทำงานที่แบบเดิมไปก่อน ส่วนกระบวนการคัดกรองผู้ที่เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 21 รวม 111 คนนั้น ได้ดำเนินการไปแล้ว 2 คน ที่อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ในส่วนกฎหมายต้องมาพิจารณาว่าจะลดโทษได้อย่างไร ซึ่งต้องได้รับการยอมรับของทุกภาคส่วนที่มีผลกระทบด้วย
http://narater2010.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น