เปิดปมข้อเท็จจริง ตากใบ เป็นกับดักหลอก
| |
การเริ่มชุมนุมประท้วงของกลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มเมื่อ 25 ต.ค.47 เวลาประมาณ 0900 น. โดยมีกลุ่มบุคคล และประชาชนเข้าร่วมประชุมประท้วงที่หน้า สภ.อ.ตากใบ เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยตัว ชรบ. 6 คน ที่ ถูกทางการแจ้งข้อหายักยอกทรัพย์ของทางราชการ(ปืนลูกซอง) แจ้งความเท็จรับของโจรและซ่องโจร ในเบื้องต้นได้มีประชาชนและ กลุ่มบุคคลมาชุมนุมประท้วงประมาณ 200 - 300 คน
ต่อมาได้มีแกนนำกลุ่มผู้ประท้วงติดต่อให้ประชาชนทั้งในและนอก
พื้นที่มาร่วมชุมนุมประท้วงต่อกรณีดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 1,000-1,500 คน ส่วนใหญ่มาจากต่างอำเภอ
เช่น อ.บาเจาะ อ.จะแนะ อ.เจาะไอร้อง อ.สุไหงโก - ลก อ.สุไหงปาดี อ.สุคิริน เมืองนราธิวาส และ
อ.ตากใบ เพื่อกดดันให้เจ้าหน้าที่ยอมปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้ง
6 คนแม้ว่าผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ในพื้นที่พยายามชี้แจงทำความเข้าใจต่อ
กลุ่มบุคคลผู้ร่วมชุมนุมประท้วง ด้วยการพาผู้นำทางศาสนาประกอบด้วยคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาสและญาติของผู้ต้องหาทั้ง
6 คน มาขอร้องให้เลิกการชุมนุม
แต่กลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าวไม่ได้เชื่อฟังและยุติการชุมนุม ทั้งยังไม่ยอมรับฟังคำชี้แจงใดๆจากเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องกลุ่มแกนนำประมาณ
100 คนยัง ได้ส่งเสียงโห่ร้องตะโกนขับไล่และขว้างปาของแข็งเข้าใส่จนทำให้ผู้
สื่อข่าวได้รับบาดเจ็บหลายราย
เหตุการณ์ได้ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นด้วยการทำลายทรัพย์สินและยานพาหนะที่ใช้ในราชการจนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ซึ่ง
ทางราชการได้ชี้แจงซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงอยู่ในความ
สงบและให้ตัวแทนมาพูดคุยตกลงทำความเข้าใจตามแนวทางสันติวิธี
แต่ก็ไม่ยอมรับแนวทางในการแก้ปัญหา
บางครั้งขณะที่ผู้นำทางศาสนาชี้แจงยังมีแกนนำบางคนชูรองเท้าอย่างไม่ให้
เกียรติผู้นำทางศาสนาแต่อย่างใด
การชุมนุมประท้วงได้ยืดเยื้อไปจนถึงเวลา ประมาณ 1500 น. เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ในพื้นที่ในขณะนั้นพล.ท.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี มทภ.4 พล.ต.ท. มาโนช ไกรวงศ์
ผบช.ภ.9 นายศิวะ แสงมณี รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ฯลฯ ได้ประชุมหารือกันที่ห้องประชุม สภ.อ.ตากใบ เพื่อหาทางยุติการชุมนุมประท้วงจนได้ข้อยุติว่าให้ใช้มาตรการสลายการชุมนุมเบื้องต้นได้สั่งใช้รถดับ
เพลิงฉีดน้ำเข้าใส่ผู้ชุมนุมประท้วงเพื่อสลายการชุมนุม
แต่กลุ่มผู้ประท้วงกลับใช้ก้อนหินและสิ่งของที่หาได้ในบริเวณนั้นขว้างปาใส่เจ้าหน้าที่
ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร ทพ. นย.
และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอยู่ตลอดเวลาทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บหลายนาย ฝ่ายเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้แก๊สน้ำตาและยิงปืนขึ้นฟ้าจนกระทั่งควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
สามารถจับกุมแกนนำและกลุ่มผู้ประท้วงได้จำนวน 1,288 คน และตรวจพบอาวุธจำนวนหลายรายการ
เบื้องหลังเหตุการณ์กับดักขบวนการลวงประชาชน
1.
นายกามา อาลี อายุ 37 ปี/52 อยู่บ้านเลขที่
137 ม.5 บ.โคกกูแว ต.พร่อน
อ.ตากใบ จว.น.ธ. หน.ชรบ. บ.โคกกูแว ฯ ซึ่งถูกดำเนินคดี
พร้อมพวกอีก 5 คน ( ชรบ.ผู้ใต้บังคับบัญชา ) ในข้อหาร่วมวางแผนปล้นปืน
ชรบ. บ.โคกกูแวฯ ทั้ง 6 คนให้การรับสารภาพ จนนำไปสู่การชุมนุมประท้วงเหตุการณ์ตากใบ
เมื่อ 25 ต.ค.47 โดยศาลพิพากษาจำคุก 7
ปี ภายหลังได้รับการลดหย่อนเหลือจำคุกเพียง
3 ปี 6 เดือนตามคดีดำที่ 1639/2547
คดีแดงที่ 1638/2547 ลง 8 ธ.ค.47 โดยพ้นโทษ เมื่อ 28 มี.ค.51 ต่อมานายกามาฯ
ถูกควบคุมตัวอีกครั้งหนึ่ง เมื่อ 6 มิ.ย.51 เนื่องจากตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าก่อความไม่สงบในพื้นที่ อ.ตากใบ ฯ
2.
ความเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจากการสัมภาษณ์หลังถูกจับ
2.1 ประมาณเดือน พ.ค.- มิ.ย.47 นายกามาฯ ยอมรับว่าถูกชักชวน/ปลุกระดมจาก นายไชนุง ยะปา ราษฎร บ้านเลขที่ 167 ม.5 บ.โคกกูแว ต.พร่อน อ.ตากใบฯ ในขณะนั้นนายไชนุงฯ
เป็นครูสอนศาสนา ร.ร.ตาดีกานูรลูฮูดาห์ บ.โคกกูแวฯ โดยใช้อาคารโรงเรียนตาดีกา เป็นสถานที่บรรยายปลุกระดม โดยมี นายอับดุลเลาะ บีเบ๊าะ บุตรชายโต๊ะอิหม่ามมัสยิด นูรลู
ฮูดาห์ และนายอาแว บินมะ อดีตสมาชิก อบต. ม.5 บ.โคกกูแวฯ คอยช่วยเหลือ/จัดหาสมาชิกมาเข้ารับฟังการบรรยายปลุกระดม ทั้งสองคนร่วมกันเป็นผู้ชักชวนลักษณะบังคับขู่เข็ญให้ราษฎรในหมู่บ้านเข้าเป็นแนวร่วมหากปฏิเสธก็จะได้รับอันตรายหรือถูกทำร้ายโดยมีสมาชิก/แนวร่วมในหมู่บ้านโคกกูแวฯ ประมาณ 20 คน ซึ่งแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ กลุ่มละประมาณ
5 - 6 คน เพื่อเข้ารับฟังการบรรยายแต่ละครั้ง ในแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ
30 นาที
2.2 ผู้ที่กระทำพิธีสาบานตน (ซูมเปาะ) ให้กับนายกามาฯ คือ นายไชนุงฯ โดยเอามือประสานกันและให้สัญญาว่าจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของขบวนการแบ่งแยกดินแดนเท่าที่จำได้ จำนวน 4 ข้อ คือ
1) ต้องเข้าร่วมกิจกรรมตามที่ได้รับคำสั่ง
2) ช่วยกันบริจาคเงินหรือทรัพย์สิน
3) ขอพรต่อพระเจ้าให้ปฏิบัติงานสำเร็จตามเป้าหมาย
4) ต้องสมัครใจเข้ารับการฝึกร่างกาย, ยุทธวิธีต่าง ๆ หรือการฝึกยิงปืนหรือวางระเบิด
2.3 การเตรียมก่อเหตุ
- ก่อนเกิดเหตุเมื่อประมาณเดือน
ก.ย.47 ได้มีการร่วมประชุมวางแผนที่ ร.ร.ตาดีกานูรลูฮูดาห์ ม.5 บ.โคกกูแว ต.พร่อน อ.ตากใบฯ จำนวน 3 ครั้ง และ นายนิเซ็ง นิสุหลง/นิมุ อายุ 38 ปี/51 แกนนำใน อ.ตากใบฯ
ได้โทรศัพท์ไปหานายกามาฯ และข่มขู่ให้นำอาวุธปืนของ ชรบ.ไปให้ หากคนใดไม่ให้หรือขัดขืนจะทำร้ายทั้งผู้ที่ขัดขืนและครอบครัวด้วย โดยให้นำอาวุธปืนไปไว้ตามที่นัดในวันที่ 11 ต.ค.47
2.4 ข้อเท็จจริงวันเกิดเหตุจุดเริ่มต้นของกับดัก
- เมื่อ 11 ต.ค.47 เวลาประมาณ 1800 นายนิเซ็งฯ ได้สั่งการให้นายกามาฯ ไปบอกกับ ชรบ.ทุกคนนำปืนไปที่คลองชลประทานตามจุดที่นัดหมายไว้ และในเวลาประมาณ 1900 นายนิเซ็งฯ และนายรอมอลีฯ ได้เดินทางมารับอาวุธปืนไป โดยใช้รถ จยย. จำนวน 2
คัน ยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน (ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน) สำหรับนายรอมอลี
ฯ ขับขี่ตามหลังโดยไม่ทราบว่าเดินทางไปที่ใด
3. พฤติกรรมหลังการจับกุมเวลาที่ขบวนการรอปลุกระดม
- เมื่อประมาณกลางเดือน ต.ค.47 นายกามาฯ ถูก
จนท.ตร.สภ.ตากใบฯ จับกุมตัว ที่บ้านพักในข้อหาร่วมปล้นปืนของทางราชการ พร้อมเพื่อน รวม 6 คน โดย
ควบคุมตัวไว้ที่ สภ.ตากใบฯ จำนวน
8 วัน จึงได้ย้ายสถานที่ควบคุมไปไว้ที่
สภ.เมืองนราธิวาส จำนวน 5 วัน ขณะที่ถูกควบคุมตัว ที่ สภ.เมืองนราธิวาส ได้มีราษฎรในพื้นที่ ๓
จชต. มาร่วมชุมนุมประท้วงเพื่อให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งหมด จากการวางแผนเตรียมปล่อยข่าวลือ
และปลุกระดมชาวบ้านโดยการเตรียมการของขบวนการ ซึ่งเป็นมูลเหตุแห่งการชุมนุมประท้วงที่หน้า สภ.ตากใบฯ เมื่อ 25 ต.ค. 47
และปิดกั้นไม่ให้ผู้ชุมนุมกลับบ้าน
จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
และกลุ่มก่อความไม่สงบนำเอาเหตุการณ์ดังกล่าวมาเป็นข้อกล่าวอ้างในการชี้นำ/ปลุกระดม ว่า จนท.จับกุม
และทำร้ายผู้บริสุทธิ์ตามแผนที่วางไว้ก่อนแล้วเพื่อเป็นเงื่อนไขของพื้นที่
และให้องค์กรสิทธิมนุษยชนเข้าร่วมจุดกระแสเพื่อให้ประชาคมโลกมองภาพ
เหตุการณ์ว่าเป็นการใช้อำนาจของรัฐรังแกชนกลุ่มน้อยใน 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไร้มนุษยธรรม
- ขบวนการ BRN Co - ordinate อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงที่หน้า สภ.ตากใบ เมื่อ 25 ต.ค. 47 มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน โดยการหลอกลวง ข่มขู่ และบีบบังคับให้ ชรบ.นำอาวุธ ไปมอบให้ขบวนการฯ
ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมายจนนำไปสู่การจับกุม หลังจากนั้นปลุกระดมให้ราษฎรชุมนุมประท้วงกดดันให้
จนท.ปล่อยตัวเตรียมการและใช้รถขนคนมาร่วมชุมนุมประท้วง ก่อเหตุจลาจลเพื่อยั่วยุให้
จนท.ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมจนทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
สร้างบาดแผลร้าวลึกในสังคม จชต. ซึ่งผลสุดท้ายเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์จนทำให้ นายกามาฯ เข้าใจเป็นอย่างดีว่าตนเองถูกหลอกจากกลุ่มก่อความไม่สงบและได้
สำนึกผิดกับการกระทำของตนเอง ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงที่หน้า
สภ.ตากใบฯ เป็นเหตุให้พี่น้องชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม
บาดเจ็บ และเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่มีผลดีเลยที่จะนำ
เรื่องเหตุการณ์ตากใบมาเป็นเครื่องมือในการเคลื่อนไหวตอกย้ำความรู้สึก
ประชาชนให้ผูกยึดกับความสูญเสีย และทำให้ผู้ร้ายตัวจริงคือ
กลุ่มขบวนการแสวงประโยชน์จากการสูญเสียของประชาชนที่หลงกล
และทำร้ายผู้บริสุทธิ์ทุกวัน
การดำเนินการเยียวยาช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
1.
ญาติของผู้เสียชีวิตได้ฟ้องคดีแพ่งกับส่วนราชการดังนี้.-
ศาล จว.ป.น. ดำเนินการฟ้องเป็น 3 สำนวน
1. คดีหมายเลขดำที่ 899/2548
2. คดีหมายเลขดำที่ 903/2548
3. คดีหมายเลขดำที่ 911/2548
ศาล จว.ป.น. ได้นำสำนวน 3 สำนวนเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทตั้งแต่
19 มิ.ย.49 จนถึง 7 พ.ย.49 โดยโจทย์ทั้ง 3 สำนวนฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยในความผิดฐานละเมิด
เป็นเงิน ๑๐๗,๔๔๘,๘๗๓ บาท ทั้ง 2 ฝ่าย
ได้นำหลักเกณฑ์ในการคำนวณค่าขาดไร้อุปการะ ค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่น จึงเหลือยอดเงินจำนวน 42,201,000 บาท จำเลยได้นำเงินดังกล่าวไปวางที่ศาลครบถ้วนแล้ว คดีแพ่งทั้ง๓ คดีจึงยุติ
ศาล จว.น.ธ. ดำเนินคดีเป็น ๔ สำนวน
1. คดีหมายเลขดำที่ 150/2549
2. คดีหมายเลขดำที่ 734/2548
3. คดีหมายเลขดำที่ 733/2548
4. คดีหมายเลขดำที่ 744/2548
รวม 4 คดี โจทย์รวม
30 คน เรียกค่าเสียหายรวม 22,637,999.57 บาท
เมื่อ 5 มิ.ย. 50 ศาล จว.น.ธ. ได้นัดไกล่เกลี่ยข้อพิพาทโดยคู่ความทั้ง 2 ฝ่าย ได้ตกลงค่าเสียหายและเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท โดยโจทย์ทั้ง 4 สำนวนฟ้องร้องค่าเสียหายจากจำเลยในความผิดฐานละเมิดจาก 22,637,999.57 บาท เหลือจำนวน 6,935,500 บาท ซึ่งเมื่อ 9 ส.ค.50 ศาล จว.น.ธ. ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทย์กับจำเลย พร้อมกับโจทย์ทั้งหมดได้ยื่นคำร้องถอนฟ้องแล้ว ศาลได้ตรวจดูสัญญาประนีประนอมยอมความแล้วเห็นว่าไม่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย จึงพิพากษาให้เสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญา
2. รัฐบาล ปัจจุบันโดย นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มีมติคณะรัฐมนตรีให้จ่ายเงินเยียวยาโดย ศอ.บต. พิจารณาเยียวยาตามผู้ร้อง
ผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ตากใบคนละ 7,500,000 บาท รวมทั้งการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม คุณธรรมจากภาครัฐด้วยดี ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์จนถึงปัจจุบันจนผู้ได้รับผลกระทบมีชีวิต
และจิตใจดีขึ้นกว่าอดีตที่ผ่านมา
รายา ยาลอ
| |
http://narater2010.blogspot.com/
|
หน้าเว็บ
▼
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น