ปัญหาโจรใต้ มาเลเซีย คนกลางหรือตัวการ | |
ปัญหาโจรใต้ มาเลเซีย คนกลางหรือตัวการ
ก่อนที่ผมจะวิเคราะห์ข้อเสนอของบีอารืเอ็นในบทความนี้ ในบทความเกี่ยวกับปัญหาความรุนแรงภาคใต้ ทั้ง 3 ตอนที่ผ่านมา คือ
ผมได้มุ่งประเด็นไปที่ มาเลเซียคือผู้อยู่เบื้องหลังในการสนับสนุนกลุ่มโจรใต้ เพื่อหวังผลในการครองครองดินแดน 3 จังหวัดของไทย ไปเป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซีย
และข่าววานนี้ได้เริ่มปรากฎภาพชัดเจนแล้วว่า นายฮาซัน ตอยิบ แกนนำ BRN ที่กำลังเจรจากับรัฐบาลไทยโดย สมช. ได้เปิดเผยท่าทีและความต้องการของพวกโจรชัดเจนแล้วว่า คืออะไร ในข้อเรียกร้อง 5 ประการ ตามนี้
นายฮัสซัน ตอยิบ กล่าวว่า "องค์กร บี.อาร์.เอ็น. คือแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติของชาวมลายูปาตานี ก่อตั้งโดยมีจุดประสงค์เพื่อป็นแนวร่วมแห่งชาติมลายูปาตานี้ เพื่อให้ชาวมลายูปาตานีจากทุกชนชั้นในสังคมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันภายใต้หนึ่งแนว เป็นนักต่อสู้เพื่อประชาชนปาตานี เพื่อที่จะชาวมลายูปาตานีเป็นอุมมะห์ (ประชาชาติ) ที่มีความสามัคคีและมีความแข็งแกร่ง หลังจากนั้นเราจะได้อิสรภาพ (หรือเสรีภาพ) และสามารถมีการปกครองของพวกเราที่มีความยุติธรรมสูงที่สุด
ด้วยเหตุนี้ สำหรับประชาชนปาตานีทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นเชื้อสายสยาม (ไทย) เชื้อสายมลายู หรือเชื้อสายจีนก็ตาม ประชาชนทุกคนที่อยู่ในแผ่นดินปาตานี กระผมขอเรียกร้องว่า ทุกท่านไม่จำเป็นต้องตั้งข้อสงสัยหรือเป็นห่วงเกี่ยวกับเรื่องความยุติธรรมนี้"
นายอับดุลกาลิม คาลิบ สมาชิกกลุ่มบีอาร์เอ็น ระบุว่า "ถ้าจะพูดถึงสถานการความรุนแรงที่เกิดขึ้นในปาตานี เราจำเป็นต้องอ้างอิงประวัติศาสตร์ เมื่อปาตานีตกเป็นอานานิคมของสยามเมื่อ ค.ศ. 1785 ระบบการ (ปกครองที่) กดขี่ชาวมลายูอย่างโหดร้ายก็เกิดขึ้น ตั้งแต่บัดนั้น ขบวนการปลดปล่อยชาว (bangsa) ปาตานีก็เกิดขึ้น เพื่อปลดปล่อยชาวมลายูปาตานีที่ถูกกดขี่และใช้ชีวิตอย่างทรมานจากการปกครองแบบอานานิคมของสลาม(ขบวนการเหล่านี้เกิดขึ้น) เพื่อมุ่งไปสู่สันติภาพที่แท้จริง"
ส่วนประเด็นและมุมมองต่อการหารือสันติภาพระหว่างฝ่ายบีอาร์เอ็นกับตัวแทนรัฐบาลไทย นายคาลิบ กล่าวว่า "เราจะดำเนินการต่อสู่จนถึงกำจัดการปกครองแบบอาณานิคมและการกดขี่ของชาวมลายูปาตานี การพูดคุยก็จะยังคงดำเนินต่อไปภายใต้เงื่อนไข 5 ประการ กล่าวคือ
------------------------
มาเลเซีย ประเทศที่มีการแบ่งชนชั้นทางเชื้อสายชนชาติ
ก่อนอื่น ผมเชื่อว่า นายฮาซัน ตอยิบ ไม่ได้ใช่ตัวแทน BRN หรอก แต่เป็นตัวแทนของมาเลเซียมากกว่า การเป็นตัวแทน BRN เป็นแค่ฉากบังหน้าเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนถึงตัวการใหญ่ตัวจริงคือ มาเลเซีย !!
ในช่วงที่การเจรจาระหว่างตัวแทนรัฐบาลไทยกับโจร BRN ครั้งแรก ๆ ทางมาเลเซียได้หน้าได้ตาว่า เป็นผู้ที่เข้ามาช่วยไทยเพื่อแสวงหาสันติภาพในพื้นที่ภาคใต้ ประหนึ่งมาเลเซียคือผู้รักสันติภาพพร้อมช่วยเพื่อนบ้านที่มีปัญหาขัดแย้งเรื่องดินแดนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มกบฎแบ่งแยกดินแดนในฟิลิปปินส์ ก็มีมาเลเซียเป็นคนกลางเจรจา
หรือจะเป็นกลุ่มกบฎอาเจะห์ ที่อินโดนีเซีย ก็มีมาเลเซียเป็นคนกลางเจรจา แต่จริง ๆ ลึก ๆ แล้ว ทุกประเทศต่างรู้ดีว่า ไอ้คนกลางนี่แหละที่มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับกลุ่มกบฎแบ่งแยกดินแดนทุกกลุ่มในหลายประเทศ
เพราะแนวคิดของผู้นำมาเลเซียตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษ ได้สืบทอดกันต่อ ๆ กันมาทุกคนว่า มาเลเซียจะต้องผนวกดินแดนที่มีชาวมลายูในประเทศต่าง ๆ รวมกับมาเป็นมาเลเซียให่ได้ (เช่นประเทศบรูไน เป็นชาวมลายู ก็กลัวเสียดินแดน จึงขออยู่ใต้อาณัติของอังกฤษต่อมาเป็นเวลานาน)
(หรือเมื่อไม่กี่ปีก่อน มาเลเซียก็ฟ้องศาลโลกได้เกาะเล็กๆ จากอินโดนีเซียมาแล้วเช่นกัน แล้วปรากฎว่าบริเวณเกาะที่ มาเลเซียได้มา มีน้ำมันเยอะ !!)
อีกทั้งมาเลเซียมีการแบ่งชนชั้นทางสังคม โดยกำหนดในรัฐธรรมนูญไว้ด้วย ที่เรียกว่า "ภูมิปุตรา" ซึ่งชาวมาเลเซียแท้ นับถือศาสนาอิสลาม ใช้ภาษามลายู ประพฤติปฏิบัติตามประเพณีมลายู จะได้รับสิทธิพิเศษในฐานะชนชาติเจ้าของประเทศดั้งเดิม มีสิทธิเหนือกว่าชาวจีน และชาวอินเดีย หรือชาวไทย ที่อยู่ในมาเลเซีย
แนวคิดแบ่งชนชั้นแบบนี้ ทำให้นายลีกวนยู ไม่พอใจ อีกทั้งนายลีกวนยู กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในมาเลเซีย จนมีข่าวลือว่า นายลีกวนยู จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
ด้วยเหตุนี้ทำให้ ตนกูอับดุล ราห์มาน นายกรัฐมนตรีคนแรกของมาเลเซีย ผู้นำเรียกร้องเอกราชของมาเลเซีย จึงเสนอให้ลีกวนยู แยกสิงคโปร์ออกจากมาเลเซีย ไปดีไหม เพราะคนในสิงคโปร์เองก็เป็นคนจีนมากกว่าคนมลายู ซึ่งนายลีกวนยู ก็เริ่มไม่พอใจสิทธิพิเศษของคนมลายูแท้ที่มีมากกว่าชนชาติจีนอยู่แล้ว จึงยอมตกลงแยกสิงคโปร์ออกจากประเทศมาเลเซีย
ซึ่งจริง ๆ แล้ว แนวคิดนี้เป็นการหลงผิดโดยแท้ เพราะความจริงแล้ว คนไทยไม่เคยแบ่งแยกชนชั้นกับคนไทยเชื้อสายมลายู แต่เพราะการได้รับปลูกฝังจากพวกไม่หวังดีต่อไทย จนเกิดความเชื่อว่าตนเองไม่ใช่คนไทย แต่เป็นคนมลายูต่างหาก ที่ทำให้เกิดอคติต่อรัฐบาลไทย ต่อข้าราชการไทย ต่อระบบการศึกษาของไทย
ทั้ง ๆ ที่ ความจริงแล้ว ในอดีต การที่ข้าราชการไทยรังแกชาวบ้าน ทำตัวเป็นเจ้าใหญ่นายโตมันเกิดขึ้นในทุกจังหวัด แต่เพราะชาว 3 จังหวัดใต้โดนยุยงจากพวกแบ่งแยกดินแดมาตลอด จึงทำให้เกิดความเกลียดชังเจ้าหน้าที่รัฐแบบผิดปกติมากกว่าคนไทยทั่วไปจะเป็น
------------
มาเลเซียตี 2 หน้า
ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่มาเลซียกำลังได้หน้าในการเป็นคนกลางเจรจรโจรใต้กับรัฐบาลไทย ได้เกิดกลุ่มติดอาวุธของสุลต่านซูลู จากฟิลิปปินส์เรียกร้องดินแดนรัฐซาบาร์คืนจากมาเลเซีย จนทำให้ทางการมาเลเซียส่งกองกำลังไปปราบพวกแบ่งแยกดินแดนอย่างรุนแรง จนมีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน
เห็นรึยีงว่า ? เวลามาเลเซียเกิดปัญหาแบ่งแยกดินแดนกับตัวเอง มาเลเซียก็ได้ใช้วิธีการรุนแรงเฉียบขาดในการปราบพวกแบ่งแยกดินแดนทันที !!
แม้ทายาทสุลต่านซูลู จะอ้างข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ว่า รัฐซาบาห์ควรเป็นของพวกเขา ไม่ควรเป็นดินแดนของมาเลเซียก็ตาม
แต่ผู้นำมาเลเซียได้ตอบโต้กลับไปว่า "ถ้าอ้างเรื่องประวัติศาสตร์ แบบนี้ก็วุ่นวาย เพราะเรื่องอาณาจักรโบราณในอดีตมันจบไปแล้ว" (ผมเคยอ่านคำตอบโต้ของนายกมาเลย์ในประเด็นนี้ เมื่อไม่นานนี่เอง แต่ผมพยายามหาอยู่หลายชั่วโมงยังหาไม่เจอครับ ไว้ถ้าหาเจอจะนำมาลงอีกที)
---------------------
วิเคราะห์ข้อเสนอของนายฮาซัน ตอยิบ
นายฮาซัน ตอยิบ มันอ้างประวัติศาตร์อาณาจักรปัตตานีโบราณ เพียงแค่นี้ก็ฟังไม่ขึ้นแล้ว เพราะนี่โลกยุคใหม่ที่แบ่งเป็นประเทศไปแล้ว ไม่มีอาณาจักรโบราณอีกแล้ว และเมื่อวานนี้ ผมได้อ่านเรื่อง พยานปากสำคัญคดีกรือเซะ เขาได้เล่าว่า เขาและเพื่อน ๆ วัยหนุ่ม โดนครูสอนศาสนาปลุกฝังให้เกลียดประเทศไทย อ้างเรื่องรัฐปัตตานี คนปัตตานีโดนทารุณจากรัฐไทย แล้วสุดท้ายพวกเพื่อน ๆ ของเขาหลายคนก็ไปตายในกรือเซะ หลายคนก็บุกจู่โจมหน่วยทหารจนถูกยิงตาย แต่ไอ้ครูสอนศาสนาคนนั้นหายหัวไปไหนไม่รู้ ไม่ได้อยู่ร่วมสู้ด้วย
เท่ากับพวกเขาและเพื่อนโดนหลอก แต่โชคดีเขาเกิดปัญหาทางบ้านก่อนวันเกิดเหตุ เลยแยกตัวออกมาก่อน ไม่งั้นคงตายในกรือเซะเหมือนเพื่อน ๆ เช่นกัน
ในข้อเสนอข้อที่ 1 มันต้องการให้มาเลเซียเป็นคนกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ย นี่ก็ชัดเจนว่า มันเปิดโอกาสให้มาเลเซียเข้ามามีบทบาทจัดการในดินแดนของราชอาณาจักรไทย เท่ากับให้มาเลเซียแทรกแซงกิจการภายในของไทยได้
ในข้อเสนอที่ 2 มันเรียกประเทศไทยว่า นักล่าอาณานิคมสยาม ซึ่งจริง ๆ แล้ว หากศึกษาประวัติศาสตร์จริง ๆ ปัตตานีต่างหากที่รุกรานสยามก่อน จนสยามต้องยกไปปราบ และไม่ใช่เฉพาะชาวสยามเท่าน้น แม้แต่อาณาจักรมะละกาก็เคยรุกรานปัตตานี เพียงแต่พวกโจรมันอยากจะอ้าง และมันอยากจะไปเป็นมาเลเซีย จึงไม่โทษมะละกา หรือมาเลเซียในปัจจุบัน
ในข้อเสนอที่ 3 มันต้องการให้ประเทศในอาเซียน ซึ่งก็คือมาเลเซีย และ OIC หรือองค์กรความร่วมมืออิสลาม เข้ามาแทรกแซง เพื่อหวังให้เกิดการยกระดับปัญหาให้สู่ระดับนานาชาติ จนอาจถึงให้นานาชาติร่วมกดดันไทย เพื่อให้ไทยต้องจัดทำประชามติกับคนใน 3 จังหวัดใต้ว่า ต้องการแยกตัวไปตั้งรัฐอิสระจากราชอาณาจักรไทยหรือไม่
ในข้อเสนอที่ 4 ให้ปล่อยตัวนักโทษก่อการร้ายทั้งหมด นี่เท่ากับมันต้องการทำลายอำนาจกฎหมายของรัฐไทยลง เพราะพวกมันฆ่าเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้บริสุทธิ์มากมาย แต่มันต้องการให้ปล่อยพวกมันให้พ้นผิดง่าย ๆ ประหนึ่งรัฐไทยต้องตกเป็นเบี้ยล่างพวกมันไปแล้ว
ในข้อเสนอที่ 5 มันอ้างว่า พวกมันไม่ใช่กลุ่มแบ่งแยกดินแดน แต่เป็นผู้ปลดแอกชาวปัตตานี นั่นแสดงว่า มันกำลังบอกว่า ดินแดน 3 จังหวัดใต้ไม่เคยเป็นของราชอาณาจักรไทย ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของแผ่นดินไทยมาแต่แรกอยู่แล้วแต่เป็นดินแดนที่ถูกนักล่าอาณานิคมสยามยึดครองไปต่างหาก
ป้ายผ้าที่เขียนด้วยภาษามาเลเซีย ติดไปทั่วใน 3 จังหวัดใต้ และบางอำเภอในสงขลา เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา
ซึ่งแปลความได้ว่า "สันติภาพจะไม่เกิดขึ้น ตราบใดที่สิทธิการเป็นเจ้าของยังไม่ได้รับการยอมรับ"
ความหมายน่าจะหมายถึง ความรุนแรงจะไม่จบ ตราบใดที่รัฐไทย( สิทธิการเป็นเจ้าของ) ยังปกครองรัฐปัตตานี
นี่คือการปฏิเสธความเป็นรัฐไทยโดยแท้
-------------------------
จากที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ มันทำกันเป็นกระบวนการ และต้องมีตัวการใหญ่ที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง ไม่งั้นพวกมันไม่กล้าหาญทำได้ถึงขนาดนี้หรอกครับ
และตัวการนั้น ผมยังยืนยันว่าเป็น มาเลเซีย เท่านั้น ที่จะคอยรับผลประโยชน์จากการแยกตัวของรัฐปัตตานีออกจากราชอาณาจักรไทย
หากรัฐบาลไทยไม่มุ่งเป้าไปที่ตัวการใหญ่อย่างมาเลเซีย ก็ไม่มีทางแก้ปัญหานี้ได้สำเร็จหรอกครับ เพราะมาเลเซียมันทำตัวลอยเหนือปัญหา ทั้ง ๆ ที่ตัวมันเองคือตัวการใหญ่แห่งปัญหาแท้ ๆ
คลิกอ่าน สันดานมาเลเซียกับแผนแบ่งแยกดืนแดน
| |
http://narater2010.blogspot.com/
|
หน้าเว็บ
▼
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น