หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558

เหล้าและใบโคคาใช้มอมเมาเด็กก่อนบูชายัญ



          ในปี 1999 (2542) มีการพบศพเด็กชาว Inca (อิงก้า) อายุกว่า 500 ปี เป็นหนึ่งในตัวอย่างศพที่เก็บรักษาไว้ได้อย่างดีที่สุดเที่เคยค้นพบ เพราะสภาพอากาศหนาวเย็นบริเวณหลุมฝังศพ ศพทั้งสามอยู่ในสภาพตายซากฝังอยู่ในหลุมศพ ตั้งอยู่ที่ยอดเขาสูงตะหง่าน 22,100 ฟุต (6,700 เมตร) บนภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่ Vocal Llullaillaco (โหว่กั่น ยู้ยาอี้ย่าโก่) เทือกเขา Andes (อ้านเด่) ใกล้กับชายแดนอาร์เจนตินกับชิลี เป็นส่วนหนึ่งของ พิธีศักดิ์สิทธิ์ capacocha rito (กาป่าโช่กา ริโต้) มีการเตรียมการเป็นอย่างดี ก่อนชั่วโมงสุดท้ายที่ความตายจะมาถึง พิธีกรรมนี้เกิดขึ้นช่วงกลางจักรวรรดิ Inca ตามที่ได้บันทึกเหตุการณ์/ประวัติศาสตร์โดยชาวสเปญ หลังได้รับชัยชนะครอบครองอาณาจักร Inca

         แต่ข้อมูลที่ให้รายละเอียดเรื่องราวที่ผ่านมา ที่รวบรวมมาจากสิ่งทอ เครื่องประดับ และข้าวของที่พบอยู่ในหลุมศพ ทำให้ปะติดปะต่อเรื่องราว/เหตุการณ์ ได้จากผลการตรวจตัวอย่างเส้นผมคนตายทั้ง 3 คน พบว่า เด็กเหล่านี้มีการดื่มกิน  Chicha (ชิชา) (เหล้าข้าวโพดและผลไม้อื่น)  และใบ Coca (โก้ก่า/โคคา) (ใบพืชที่มีปริมาณโคเคนสูง) จำนวนมากเป็นเวลากว่า 1 ปี เพื่อมอมเมาเหยื่อให้มึนงงและสับสน จำต้องยอมรับชะตากรรมอย่างไร้ความรู้สึก ที่ต้องเสียสละชีวิตเพื่อบูชายัญ อันเป็นส่วนหนึ่งพิธีกรรมศาสนา Inca เด็กสาววัย 13 ขวบ หรือที่เรียกว่า สาวน้ำแข็ง/สาวน้อย เด็กชาย Llullaillaco และเด็กหญิงสายฟ้า (มีรอยฟ้าผ่าที่ศพตามการตั้งชื่อของนักวิจัย) มีอายุระหว่าง 4 และ 5 ขวบ ก่อนหน้านี้เชื่อกันว่า เด็กทั้ง 3 คนมีอายุมากกว่าประมาณการไว้ 2 ปี แต่ผลการวิเคราะห์จาก CT Scan ระบุผลชัดเจนตามนี้



          ผลการศึกษาครั้งใหม่พบว่า เด็ก ๆ ชาวอินคาต่างถูกขุนให้อ้วนขึ้น ก่อนที่จะเสียชีวิตในพิธีบูชายัญ นักวิจัยได้ค้นพบเรื่องราวที่น่าตกใจ/น่าเศร้า จากการเก็บตัวอย่างเส้นผม Andrew Wilson (เอ็นดริว วิลซั่น) นักโบราณคดีมหาวิทยาลัย Bradford (เบร็ดเฟริต) สหราชอาณาจักร กล่าวว่า  " เรื่องมัมมี่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก แต่ในความคิดของผม เธอจะต้องมีการเตรียมการเป็นอย่างดีสำหรับการเป็นมัมมี่ ตามที่ผมได้ศึกษา เธอดูราวกับว่าเพิ่งจะหลับไป ผมคิดว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากอากาศที่เย็นจัด มัมมี่ที่นี่ไม่ใช่มัมมี่ถูกผึ่งให้แห้ง หรือเป็นเพียงแค่โครงกระดูก แต่เป็นคน เป็นเด็ก และข้อมูลที่เราได้รวบรวมขึ้นมา จากผลการศึกษาเส้นผม ความจริงได้ชี้ชัดไปว่า มีเรื่องราวที่ทำให้พวกเราต้องสะเทือนใจ ก่อนถึงวาระสุดท้ายของเธอ ในช่วงหลายเดือนและหลายปีที่ผ่านมา "



การวิจัยจากเส้นผม

           เพราะเส้นผมงอกขึ้นเดือนละประมาณ 1 เซนติเมตร และยังคงไม่เปลี่ยนแปลงหลังจากนั้น เส้นผมงอกขึ้นในอัตราที่ค่อนข้างคงที่ ทำให้สามารถกำหนดระยะเวลา และชนิดของอาหารที่คนเรากินได้ (ระยะเวลาสัมพันธ์กับความยาวเส้นผม)

          " สาวน้อยมีผมยาวที่ถักทอ ความยาวเส้นผมบอกระยะเวลา และบันทึกอาหารการกินที่เธอดื่มกิน เช่น ใบ Coca และเหล้า Chicha เหล้าหมักที่ทำจากข้าวโพดหรือผลไม้อื่น ๆ มีสัญลักษณ์ที่แสดงว่าพวกเธอถูกคัดเลือกเพื่อการเสียสละ โดยใช้เวลาเป็นปีก่อนที่ความตายจะมาเยือนอย่างแท้จริง ในช่วงเวลานี้ชีวิตพวกเธอเปลี่ยนไปอย่างผิดหูผิดตา มีการกินดื่มอย่างไม่อั้นทั้งใบ Coca กับเหล้า Chicha ของเหล่านี้ปกติจะถูกสงวนไว้ให้กลุ่มชนชั้นสูงเท่านั้น ไม่ได้ใช้กันอย่างพร่ำเพรื่อในชีวิตประจำวัน "



         " พวกเราคาดว่า สาวน้อยเป็นหนึ่งใน aellas (อ่าเอ้ย่า) เป็นสาวน้อยวัยรุ่นที่ได้รับการคัดเลือกแล้ว เธอต้องออกห่างจากชุมชน/สังคมดั้งเดิมของเธอ ภายใต้การควบคุมดูแลของพวกหมอผี ข้อสังเกตเรื่องพิธีกรรมนี้ มีการจดบันทึกตามคำบอกเล่าชาว inca มีอยู่ในส่วนหนึ่งจดหมายเหตุบันทึกชาวสเปน "

         " ผลการตรวจสอบตัวอย่างเส้นผมจากเด็กที่โชคร้ายเหล่านี้ เรื่องราวที่น่าหดหู่และเย็นยะเยือกเริ่มคลี่คลาย จากการที่เด็กถูกขุนให้อ้วนขึ้นเพื่อการเสียสละ "

        การวิเคราะห์ที่ผ่านมาโดยกลุ่มนักวิจัยของ Wilson ด้วยพื้นฐานการวัดไอโซโทปทางกัมมันตรังสี จากตัวอย่างธรรมชาติเส้นผม (และตัวอย่าง DNA อีกทีมหนึ่ง) นักโบราณคดีพบว่าก่อนหน้านี้เด็กได้รับการเลี้ยงดูตามปกติ ด้วยอาหารประเภทพืชผักทั่วไป เช่น มันฝรั่ง ข้าวโพด บ่งบอกว่าพวกเขามีพื้นเพมาจากครอบครัวชาวบ้าน/ชาวนา 1 ปีก่อนจะเข้าพิธีบวงสรวง มีการปรับปรุงอาหารเตรียมความพร้อมเด็กที่จะเข้าพิธี โดยให้เด็ก ๆ ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี



         " ไอโซโทปและ DNA ที่ใช้ในการพิสูจน์ศพ  ได้เปิดเผยนัยสำคัญพิธีกรรมก่อนบูชายัญว่า มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในเรื่องอาหารของพวกเด็ก ๆ แสดงให้เห็นว่าอาหารเด็กที่ถูกคัดเลือก อุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารชั้นดีเหมือนชนชั้นสูง เช่น โปรตีนจากเนื้อสัตว์ (เนื้อลาม่าแห้ง) ข้าวโพด ใบ Coca เหล้า Chicha พร้อมกับสัญลักษณ์ในการไว้ผม ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ถูกจัดฉากขึ้นมา พร้อม ๆ กับการยกระดับชนชั้น/สถานะของเด็ก ๆ เริ่มมีการนับเวลาถอยหลังชีวิตพวกเด็ก ๆ ที่จำต้องเสียสละเพื่อการบูชายัญ ทุกคนจะมีอัตราการบริโภคใบโคคากับเหล้าสูงมาก ในช่วงก่อน 2-3 สัปดาห์ก่อนเดินทางถึงที่บูชายัญ "

        หลักฐานที่รวบรวมมาพร้อมกับหลักฐานอื่น ๆ ทางด้านโบราณคดีและรังสีวิทยา ให้ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า สาวน้อยที่มีอายุได้รับชื่อเสียงมากกว่าเด็กหญิงเด็กชาย ได้รับการปฏิบัติแตกต่างจากเด็กชาย Llullaillaco กับเด็กหญิงสายฟ้า หลังจากที่ถูกเลือกให้ต้องทำพิธีกรรมบูชายัญจากจักรพรรดิ์ Inca สาวน้อยได้เปลี่ยนสถานะภาพเป็นบุคคลสำคัญ ส่วนเด็กชายกับเด็กหญิง อาจจะทำหน้าที่เป็นบริวาร/คนรับใช้เธอที่ปรโลก



       " สาวน้อย กลายเป็นคนอื่นมากกว่าที่เคยเป็นมา การเสียสละของเธอถูกยกย่องว่าเป็นเกียรติยศ " การเสียชีวิตของพวกเด็ก ๆ ยังคงเป็นปริศนา แต่ Wilson และทีมงานสันนิษฐานว่า บรรดาเด็ก ๆ ต่างเดินทางออกจากเมืองหลวง Cuzco (กู้โกะ) อาณาจักร Inca ไปที่ภูเขาไฟ Llullaillaco ตามเส้นทางจะแวะพักแต่ละหมู่บ้าน มีการดื่มเหล้า Chicha และกินใบ Coca จำนวนมาก ใข้เวลาเดินทางมาถึงบริเวณภูเขาประมาณ 3 - 4 เดือน ในช่วงเวลานี้นักวิจัยพบโมเลกุลเหล้า Chicha ใบ Coca จากตัวอย่างเส้นผมของเด็กทั้ง 3 คนในอัตราที่สูงมาก

         มัมมี่สาวน้ำแข็ง/สาวน้อยสภาพศพที่ถูกค้นพบ อยู่ในท่านั่งไขว่ห้างและเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ราวกับว่าเธอกำลังนั่งหลับอยู่ในช่วงเวลาที่ความตายมาเยือน ยังพบว่า มีใบโคคาปึกใหญ่ที่ยังเคี้ยวคาอยู่ในปากและฟันของเธอ บ่งบอกว่าให้เธอผ่อนคลายก่อนที่จะเสียชีวิต ยังมีผ้าโพกศีรษะบนศีรษะของเธอ ผมถักเปียอย่างประณีต มีข้าวของวางอยู่บนผ้าทอที่ได้รับการพาดบนหัวเข่าของเธอ


ต้น Coca ที่มา http://en.wikipedia.org/wiki/File:Colcoca01.jpg

            ผล CT Scan ศพสาวน้อย รายงานว่า  “ เธอเสียชีวิตขณะที่ยังอิ่มอยู่และยังไม่ได้อุจจาระ ในความคิดของผม ผมคิดว่า เธอไม่ได้อยู่ในอาการที่ทุกข์โศก ขณะที่เธอจะเสียชีวิต ยังไม่ชัดเจนว่าสาวน้อยตายอย่างไร แต่เธออาจจะยอมจำนนต่อสภาพแวดล้อมอากาศที่เย็นจัด เธออาจจะถูกวางอยู่ในตำแหน่งสุดท้ายของเธอ ในขณะที่เธอยังมีชีวิตอยู่ หรือไม่นานหลังจากเธอตาย “ Wilson ให้สัมภาษณ์กับ LiveScience

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น