การพูดคุยสันติภาพระหว่างสภาความมั่นคงแห่งชาติหรือ สมช.กับผู้แทนของฝ่ายขบวนการที่กำลังมีการเรียกร้องความสนใจ เนื่องจากความวุ่นวายทางการเมืองภายในกรุงเทพมหานครที่ทำให้การพูดคุยสันติภาพมีอันต้องหยุดชะงักโดยฝ่ายแกนนำกลุ่มขบวนการหลักคือ ฮาซัน ตอยิบ ถึงกับต้องงัดลูกไม้เก่าโดยการแถลงผ่านยูทูปว่าเป็นเพราะความไม่พร้อมของรัฐบาลไทย ที่ไม่บริหารจัดการความไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศได้ พร้อมๆกับการการสะกิดฝ่ายความมั่นคงด้วยการระเบิดพื้นที่เศรษฐกิจคือ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวต้องดิ่งลงเหวในหลายวันที่ผ่านมา การเข้าพบแม่ทัพภาคที่ 4 ของ ดร.วันกาเดร์ เจ๊ะมัน มีหลายประเด็นที่น่าสนใจที่ใครหลายคนไม่เคยรู้ แต่ผมอยากนำเสนอให้สังคมได้รับรู้ข้อเท็จจริงของ เรื่องร้ายๆ ในภาคใต้บ้านเรา “บทบาทของมาเลเซียในการพูดคุย ถือว่าไม่รู้จริง ไม่รู้ว่าใครมีบทบาทจริงในพื้นที่ เราคิดผิดหากคุยแบบนี้ต่อให้ 10 ปี ก็ไม่จบ” นี่เป็นคำพูดของ อดีตแกนนำต่อต้านรัฐบาลไทยแบบรู้จริง ด้วยบทบาทการเข้ามาเป็นผู้อำนวยความสะดวกของมาเลเซียซึ่งต้องการสร้างภาพต่อประชาคมอาเซียนในฐานะผู้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งในภูมิภาคซึ่งหากมีเจตนาด้วยความบริสุทธิ์ในแล้วก็น่าจะเป็นที่ได้รับการยอมรับแต่ในความเป็นจริงที่ทุกฝ่ายรับรู้ในวันนี้กับไม่เป็นอย่างที่คิด เรื่องนี้ต้องหาคำตอบ ดร.วันกาเดร์ฯ กล่าวเพิ่มเติม ถามว่าอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนการเรียกร้องเอกราชฟาตอนียังมีอยู่หรือไม่ ตอบได้เลยว่าสำหรับคนที่อายุมากกว่า 50 ปีย่อมมีอยู่บ้างเนื่องจากความรักชาติรักแผ่นดินแต่ปัจจุบันก็ลดบทบาทตัวเอง การก่อเหตุในสมัยนี้ของคนในองค์กรที่มีอุดมการณ์น้อย ไม่ได้มุ่งหวังเรื่องการแบ่งแยกดินแดนหรือความเป็นเอกราช แต่ขึ้นอยู่กับเงินที่ได้จากการก่อเหตุมากกว่า ความแตกแยกในองค์กรนำ ผลประโยชน์ที่ขัดกันและความมุ่งหวังที่จะเป็นผู้นำ เมื่อการแบ่งแยกดินแดนประสบความสำเร็จ เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้หลายกลุ่มชิงการเป็นผู้นำอยู่ในขณะนี้ ที่เห็นได้ชัดคือกลุ่ม BRN ทำให้กลุ่มที่ไม่ได้รับการยอมรับต้องแยกตัวออกจากองค์กรไปก่อเหตุรุนแรงเพื่อสร้างผลงานให้เกิดการยอมรับในกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน สุดท้ายผลกรรมก็ตกไปอยู่ที่ประชาชนตาดำๆ ซึ่งบางครั้งอาจทำไปเพราะความแค้นส่วนตัวหรือเหตุผลส่วนตัว แล้วก็เหมารวมว่าทำเพื่ออุดมการณ์ในที่สุด นี่เป็นเรื่องจริงที่น่าเศร้าสำหรับคนในพื้นที่ นอกจากนี้ ดร.วันกาเดร์ฯ ยังกล่าวว่า การพูดคุยสันติภาพที่ผ่านมา ๓ ครั้ง ถือว่าฝ่ายไทยคุยผิดตัว เพราะฮัสซันตอยิบ ไม่มีบทบาทนำและไม่สามารถควบคุมกองกำลังติดอาวุธในพื้นที่ได้ ประกอบกับความไม่เห็นด้วยของกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ยอมรับในความเป็นผู้นำขบวนการรวมทั้งการชิงนำเสนอผ่านสื่อคอมพิวเตอร์หลายครั้งในแบบที่คู่ขัดแย้งในหลายพื้นที่ทั่วโลกไม่เคยทำ ที่ทำให้เครดิตของฮัสซันฯ เริ่มลดน้อยลงบวกรวมกับการกีดกันไม่ให้กลุ่มอื่นเข้ามาร่วมโดยเฉพาะกลุ่ม PULO โดยนายกัสตูรี มะห์โกตา ซึ่งมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาโดนสันติวิธีและขัดกับแนวทางของ BRN ทำให้ยังไม่เกิดการยอมรับจนถึงปัจจุบัน การพูดคุยกับบีอาร์เอ็นรุ่นใหม่และดึงมาให้ครบทุกกลุ่มจึงเป็นแนวทางที่ควรทำ จะเห็นว่าขนาด ดร.วันกาเดร์ เจ๊ะมัน อดีตเคยเป็นถึงประธานกลุ่มขบวนการ PULO คงไม่ต้องพูดถึงอุดมการณ์การต่อต้านรัฐไทย การันตีด้วยตำแหน่งประธานขบวนการ PULO ในเรื่องการต่อต้านรัฐไทยย่อมเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว แต่ในปัจจุบัน ท่านค้นพบว่าความคิดในอดีตที่มุ่งในเรื่องการก่อเหตุรุนแรงไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดี เป็นความคิดที่ผิด และเห็นว่าแนวทางสันติวิธีเป็นหนทางที่ดีที่สุด ท่านผู้อ่านก็คิดและเลือกหนทางของตัวเองก็แล้วกัน อย่าให้เหมือน ดร.วันกาเดร์ฯ ซึ่งคิดผิดมาค่อนชีวิตของตัวเอง...แล้วจะเสียใจเมื่อแก่....! บูเก๊ะ บือซา..... |
วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556
ดร.วันกาเดร์ เจ๊ะมัน ชี้ปัญหาภาคใต้กับผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัว
เหตุระเบิดขึ้นที่ริมถนนสายยะหา หมู่ 1 บ.ปูแล ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา จ.ยะลา
เมื่อเวลา 08.25 น. วันที่ 27 ธ.ค. เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ริมถนนสายยะหา - บาโร๊ะ หมู่ 1 บ.ปูแล ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา จ.ยะลา มีเจ้าหน้าที่ทหารพราน สังกัด ทพ.47 ได้รับบาดเจ็บ ที่เกิดเหตุ ทราบว่าผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชยะหา จำนวน 1 นาย ทราบชื่อคือ อส.ทพ.อ๊อด พัชระกอบชัย อายุ 25 ปี สังกัด ชุดเฉพาะกิจวัดสวนแก้ว (ทพ.47) ถูกแรงระเบิดที่บริเวณขาขวา อาการสาหัส ล่าสุดส่งตัวไป รพ.ยะลา จุดเกิดเหตุที่บริเวณริมถนนพบหลุมที่เกิดจากแรงระเบิดกว้างประมาณ 1 ฟุต ลึก 10 ซม. โดยพบเศษกล่องเหล็ก เศษสายไฟ และเศษวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ตกกระจายอยู่ นอกจากนั้น ยังพบสายไฟลากยาวเข้าไปในสวนยาง ยาวประมาณ 100 เมตร เชื่อเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องบรรจุในกล่องเหล็กน้ำหนักประมาณ 3-5 กก. จุดชนวนด้วยระบบแบตเตอรี่ ก่อนเกิดเหตุทราบว่า ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจวัดสวนแก้ว หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 จำนวน 8 นาย มี ส.อ.อำมอญ ที่ปรักษ์พันธ์ เป็นหัวหน้าชุด ปฏิบัติหน้าที่เดินเท้าดูแลรักษาความปลอดภัยเส้นทางครู เมื่อเดินมาถึงจุดเกิดเหตุ คนร้ายซึ่งนำระเบิดมาซุกเอาไว้ในพงหญ้าริมถนน ได้จุดชนวนระเบิดขึ้นทันที เป็นเหตุให้ อส.ทพ.อ๊อด ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนกำลังที่เหลือมีอาการหูอื้อ |
ระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารชุดลาดตระเวนเส้นทาง สังกัดกองร้อยปืนเล็กที่ 3 ฉก.นราธิวาส 33 ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย
|
||||
ระเบิดทางโค้งบันนังสตา เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ 5 นาย
วันที่ 26 ธ.ค.เกิดเหตุระเบิดที่ทางโค้งบนถนน บ้านทรายแก้ว หมู่ 3 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารร้อย ร.1752 ฉก.ยะลา 15 ขณะลาดตระเวนดูแลรักษาความปลอดภัย ด้วยรถยนต์บรรทุกจีเอ็มซี มีเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งสิ้น 5 นาย ประกอบด้วย
|
วางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 31 บริเวณเกาะกลางถนนสายตากใบ - นราธิวาส
วันที่ 25 ธ.ค. เมื่อเวลา 08.00 น.เกิดเหตุคนร้ายวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 31 บริเวณเกาะกลางถนนสายตากใบ - นราธิวาส ขาออก ช่วงบริเวณบ้านเกาะสวาท ม.5 ต.ไพรวัน ห่างจากจุดตรวจไพรวัน ประมาณ 800 เมตร ที่เกิดเหตุ พบที่บริเวณริมเกาะกลางใกล้พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีหลุมระเบิดลึก 1 ฟุต กว้าง 5 ฟุต และมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็ก หนัก 5 กก. จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ ตกกระจายเกลื่อนพื้นถนน และพบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าสีขาว ทะเบียน บฉ 207 นราธิวาส ซึ่งเป็นของเจ้าหน้าที่ทหารชุด ฉก.นราธิวาส 31 จอดอยู่ที่บริเวณจุดตรวจไพรวัน มีคราบดิน และเศษหญ้าจำนวนหนึ่งติดอยู่ที่บริเวณตัวถังด้านขวา รวมทั้งร่องรอยถูกสะเก็ดระเบิด ก่อนเกิดเหตุทราบว่า ในระหว่างที่รถกระบะของเจ้าหน้าที่ทหารชุด ฉก.นราธิวาส 31 มีกำลังพล จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ กำลังนั่งโดยสารเพื่อลาดตระเวนตรวจสอบความเรียบร้อยเส้นทางให้แก่คณะครู ถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในป่ารกทึบริมทาง ได้ใช้โทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิด และเกิดระเบิดขึ้นในขณะรถยนต์กระบะแล่นผ่าน แต่โชคดีรัศมีการทำลายล้างของระเบิดได้หักเหไปคนละทาง ทำให้เจ้าหน้าที่รอดตายไปได้อย่างหวุดหวิด |
วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556
สรุปเหตุบึ้มสะเดา กู้ระเบิดภูเก็ต เชื่อมโยงไฟใต้
สรุปเหตุบึ้มสะเดา กู้ระเบิดภูเก็ต เชื่อมโยงไฟใต้
เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. วันที่ 22 ธ.ค. เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด 4 จุด ในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา
จุดแรกหน้า สภ.ปาดังเบซาร์ จุดที่ 2 ภายใน สภ.สะเดา จุดที่ 3 หน้าโรงแรมโอลิเวอร์ จุดที่ 4 ในชอยใกล้ ร้าน mc ด่านนอก ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย โดยทั้ง 3 จุด คนร้ายได้ใช้ระเบิดซุกไว้ในรถจักรยายนต์ แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต เหตุคาร์บอมบ์ ข้างโรงแรมโอลิเวอร์ ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. ซึ่งเป็นระเบิดลูกที่ 3 หลังจากเกิดเหตุ จยย.บอมบ์ ที่ภายในลานจอดรถของ สภ.สะเดา และที่หน้า สภ.ปะดังเบซาร์ ซึ่งทั้ง 2 จุด ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่เหตุคาร์บอมบ์ที่โรงแรมโอลิเวอร์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บแล้ว จำนวน 27 คน
สรุปสถานการณ์ความไม่สงบ ทั้ง 3 จุด
เริ่มจุดแรกเมื่อเวลา 11.00 น. เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ และจักรยานยนต์บอมบ์ ในเวลาไล่เลี่ยกัน 3 จุด โดยจุดแรกเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ป้อมจุดตรวจหน้า สภ.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา คนร้ายได้ขับรถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อ และทะเบียนไปจอดไว้ข้างจุดตรวจ ก่อนจุดชนวนระเบิดรถจักรยานแหลกทั้งคัน ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ ไม่ได้รับความเสียหาย
จุดที่สอง เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ลานจอดรถจักรยานยนต์ภายใน สภ.สะเดา เขตเทศบาลเมืองสะเดา โดยคนร้ายได้นำรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีแดงไปจอดไว้ แรงระเบิดทำให้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ข้างเคียงเสียหาย 3 คัน และรถยนต์กระบะอีก 1 คัน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
จุดที่สาม ซึ่งเป็นจุดที่หนักที่สุด ได้เกิดคาร์บอมบ์ขึ้นที่โรงแรมโอลิเวอร์ เขตเทศบาลตำบลสำนักขาม ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางแหล่งท่องเที่ยว บ้านด่านนอกชายแดนไทย - มาเลเซีย โดยคนร้ายได้นำรถยนต์กระบะ เข้าไปจอดไว้ด้านข้างของโรงแรม ก่อนที่จะชุดชนวนระเบิด ส่งผลให้โรงแรมเสียหายอย่างหนัก กระจกทั้ง 8 ชั้นแตก ล๊อบบี้โรงแรมเสียหาย รวมทั้งร้านค้าสถานบริการและสถานบันเทิงที่อยู่รอบๆ โรงแรมเสียหายกว่า 20 แห่ง โดยเฉพาะสถานบันเทิงพารากอน ถูกไฟไหม้บริเวณด้านหน้าเสียหาย รวมทั้งรถยนต์อีก 9 คัน และรถจักรยานยนต์ 3 คัน รถซาเล้ง 2 คัน ซึ่งจอดอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ ถูกไฟไหม้และแรงอัดระเบิดเสียหาย เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถดับเพลิงเข้ามาควบคุมไฟ มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งถูกแรงอัดและเศษกระจกบาดถูกนำส่งโรงพยาบาลสะเดา และโรงพยาบาลปาดังเบซาร์ ซึ่งเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นได้สร้างความแตกตื่นให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และผู้คนที่พากันวิ่งหนีตายกันอลหม่านออกจากโรงแรม และปั่นป่วนไปทั้งเมือง โดยเฉพาะการเข้าออกพรมแดนไทย - มาเลเซีย รถติดยาวเหยียด
สรุปเหตุวางระเบิดเมืองชายแดนสะเดา จ.สงขลา ระเบิด 3 จุด บาดเจ็บ 27คน พบคาร์บอมบ์เป็นรถของชาวบ้านที่ถูกฆ่าที่อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ส่วนที่ภูเก็ตเจ้าหน้าที่กู้ระเบิดในรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้ในโรงพัก พบเป็นรถของคนที่ถูกฆ่าในพื้นที่อ.สายบุรี จ.ปัตตานี
23 ธ.ค. 2556 ส่วนปฏิบัติการและรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน ศูนย์ปฏิบัติการร่วมทางยุทธวิธี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า รายงานสรุปเหตุการณ์ระเบิดในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมาว่า มี 3 จุด ดังนี้
รายชื่อผู้ได้บาดเจ็บ นำส่ง รพ.สะเดา ได้แก่ นายสุทิน จำเริญศรี อายุ 42 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่งต่อโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (รพ.มอ.) นางสุภาภรณ์ ดำขำ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่งต่อ รพ.หาดใหญ่ น.ส.ทิพย์ พม่า (ชาวไทยใหญ่) ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่งต่อ รพ.มอ. นางกัลยา ถาวรรักษ์ อายุ 31 ปี รักษาตัวที่ รพ.สะเดา นางพนิดา เสนาวงศ์ อายุ 43 ปี รักษาตัวที่ รพ.สะเดา น.ส. นันทยา นามทิพย์ อายุ 25 ปี รอดูอาการที่ รพ.สะเดา น.ส.ไสว สีสันงาม กลับบ้านแล้ว นายพิรุณ บึงชัยภูมิ ชาวจังหวัดชัยภูมิ บาดเจ็บที่ศีรษะกลับบ้านแล้ว รายชื่อผู้บาดเจ็บ นำส่ง รพ.ปาดังเบซาร์ ได้แก่ นายอำพล เลาลี่ อายุ 30 ปี ที่อยู่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ นาย NAN WAN WAN อายุ 37 ปี ชาวมาเลเชีย น.ส.บัวดำ ชิตติวงศ์ อายุ 21 ปี หญิงไม่ทราบชื่อ ชาวมาเลเซีย อายุ 25 ปี นางสุมาลี จันเลน อายุ 46 ปี นายศุภกร มั่งมีถาวร อายุ 62 ปี นายปองพน ไชยสาร นายโฟซา กิตติศักดิ์ดำรง อายุ 60 ปี ที่อยู่ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย น.ส. พิศสมัย อินทวงศ์ อายุ 23 ปี น.ส.วรรณภา เฮงชวน อายุ 24 ปี นายธวัชชัย ศรีสงฆ์ทอง อายุ 35 ปี ด.ญ.ซ่าอิ ไม่ทราบนามสกุล อายุ 6 ปี นายอาเฉิน ไม่ทราบนามสกุล อายุ 29 ปี น.ส.สุวิณี ศรีพาลอ้าย อายุ 26 ปี นายวงศ์ตะขัน งามแป้น อายุ 30 ปี นางดวงใจ ศรีคำคง อายุ 25 ปี นายสมศักดิ์ ปราบจิต อายุ 46 ปี นางเนาวรัตน์ เกิดนิยม อายุ 46 ปี ส่งต่อ รพ.มอ. นาง CHACI CAMLY อายุ 25 ปี ชาวเวียดนาม ส่งต่อ รพ.มอ. ส่วนความเสียหายที่เกิดจากเหตุระเบิดที่ตรวจสอบได้ในขั้นต้น ได้แก่ รถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้าง 6 คัน โดย เสียหายทั้งคัน 2 คัน รถจักรยานยนต์ 4 คัน โดยเสียหายทั้งคัน 2 คัน รถยนต์ 7 คัน โดยเสียหายทั้งคัน 1 คัน บริเวณโรงแรมโอลิเวอร์ เสียหายบริเวณกระจกด้านหน้าของโรงแรม กระจกด้านข้างโรงแรม ประตูเหล็กด้านหลังโรงแรม อาคารพารากอน KPK ผนัง และหลังคา ได้รับความเสียหาย อาคารพาณิชย์ด้านหน้าโรงแรม กระจก, ประตู ได้รับความเสียหาย จำนวน 10 คูหา อาคารพาณิชย์ด้านหลังโรงแรม กระจก, ประตู ได้รับความเสียหาย 10 คูหา จากการตรวจสอบรถที่คนร้ายนำมาก่อเหตุ ทราบว่าเป็นรถของราษฎรที่ถูกยิงเสียชีวิต พื้นที่บ้านแคนา ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อ 3 ธันวาคม 2556 แล้วถูกคนร้ายนำรถคันดังกล่าวไปด้วย โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์หลักฐานความเชื่อมโยง หาผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป เก็บกู้วัตถุระเบิด พื้นที่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ในวันเดียวกัน เวลา 12.05 น.ได้รับแจ้งว่าพื้นที่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ตรวจพบรถยนต์กระบะประกอบวัตถุระเบิด ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่น ดีแมค ตอนครึ่ง หมายเลขทะเบียน บท 4840 นนทบุรี จอดอยู่บริเวณถนนหลัง สภ.เมืองภูเก็ต หลังได้รับแจ้ง ทางศูนย์ฯ ได้ประสานไปยัง สภ.เมืองภูเก็ต เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2556 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมระดมกำลังปล่อยแถวกวาดล้างอาชญากรรมช่วงเทศกาลคริสต์มาสและส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ลานจอดรถ เมื่อเจ้าหน้าที่เคลียร์ถนน จนกระทั่งเหลือรถยนต์กระบะอยู่เพียงคันเดียว ซึ่งไม่มีผู้ใดเข้ามาแสดงตนเป็นเจ้าของ ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด พบว่าได้ขับมาจอดตั้งแต่ วันที่ 8 ธันวาคม 2556 จึงตรวจสอบจากหมายเลขทะเบียน (ป้ายทะเบียนปลอม) จากการตรวจสอบในสาระบบ เป็นรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีเทา สภาพปกติ ซึ่งมีนางสุนันทา กฤษณเสนีย์ ชาว อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เป็นผู้ครอบครอง ซึ่งไม่ตรงกับตัวรถ เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบจากหมายเลขตัวถัง พบว่าเป็นรถยนต์กระบะยี่ห้อ อีซูซุ รุ่น ดีแม็ค ตอนครึ่งสีเทา หมายเลขทะเบียน ผฉ 708 สงขลา ซึ่งเป็นของ นายวิธาน ยาชำนาญ อายุ 34 ปี ชาว ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต ในพื้นที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2556 และถูกคนร้ายนำรถคันดังกล่าวไปด้วย ต่อมาเมื่อช่วงสายวันที่ 22 ธันวาคม 2556 พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต สั่งการให้ลากรถคันดังกล่าวไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัย และประสานมายัง ศชต.จัดเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เดินทางมาตรวจสอบ ผลการตรวจสอบ พบเป็นวัตถุระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊สหุงต้ม ขนาดบรรจุ 15 กก. ไม่ทราบการจุดชนวน ต่อพ่วงกัน จำนวน 2 ถัง ซุกซ่อนไว้ใต้ที่นั่งแค๊ป หลังเบาะคนขับ ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่สพฐ.10 ตรวจพิสูจน์หลักฐานความเชื่อมโยงหาผู้กระทำ ความผิดต่อไป |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)