วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2558

แผนสารภาพ! หัวหน้าชุดมือระเบิดในกลุ่มนักศึกษา 3 จุดนราธวาส



        แผนสารภาพ! หัวหน้าชุดมือระเบิดในกลุ่มนักศึกษา 3 จุดนราฯ เมื่อ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บกว่า 17 คน บ้านเรือนเสียหาย...

           จากกรณีเจ้าหน้าที่เข้าค้นหอพักนักศึกษาหลังจากพบเบาะแสความเชื่อมโยงกับเหตการณ์ระเบิด 3 จุดในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 58 ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 17 คน และอาคารบ้านเรือนของชาวบ้านได้รับความเสียหายอย่างหนัก เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ในหอพักนักศึกษาจำนวน 11 คน โดยหอพักที่เข้าตรวจค้นได้แก่


  • 1) หอพักบริเวณเยื้องโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์
  • 2) หอพักนักศึกษาบริเวณกำปงตาโก๊ะ
  • 3) หอพักนักศึกษาบริเวณวิทยาลัยสารพัดช่าง
  • 4) หอพักนักศึกษาซอยนรากุล

        ในเวลาต่อมานักศึกษากลุ่ม PerMAS ได้ออกมาแถลงการณ์เรียกร้องให้ปล่อยตัวนักศึกษาอย่างไม่มีเงื่อนไข และโจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างหนัก พร้อมยื่นข้อเรียกร้อง 5 ข้อ ดังนี้

  • 1) ให้ปล่อยตัวนักศึกษาทั้งหมดทันที และหยุดคุกคามเยาวชนนักศึกษา 
  • 2) ให้รัฐบาลไทยยกเลิกกฎอัยการศึกที่ประกาศใช้ในพื้นที่ปาตานีซึ่งมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนจำนวนมาก 
  • 3) ให้ปล่อยตัวนักศึกษาทั้งหมด รวมทั้งยุติการคุกคามบุคคลและครอบครัวของเขา 
  • 4) ทหารไทยต้องเคารพทุกเงื่อนไขที่เป็นหลักประกันด้านสิทธิมนุษยชนตามกฎของสหประชาชาติ 
  • 5) ทหารไทยควรพิจารณายกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่บังคับใช้ตลอดระยะเวลา 10 ปี ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากมีหลายครั้งที่ใช้กฎหมายนำไปใช้ในทางมิชอบ

        ในขณะที่กลุ่มโจรใต้สายต่างประเทศอย่าง PULO กลุ่มที่มีแนวความคิดแบ่งแยกดินแดนอย่างชัดเจนได้ออกมารับลูกกลุ่ม PerMAS เรียกร้องความเป็นธรรมให้นักศึกษากลุ่มนี้

       ต่อมาผู้ต้องสงสัยในกลุ่มนักศึกษาได้ให้การสารภาพว่าพวกตนเป็นผู้มีส่วนร่วมในการระเบิดครั้งนี้โดยมีนายรีดวน สุหลง ให้การยอมรับว่าเคยผ่านพิธีสาบานตน (ซูมเปาะ) จากนายอับดุลเล๊าะ ตะตีนาลาฮา (เลาะ) ซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้ว ตนเองได้ผ่านการฝึกขั้นพื้นฐาน ยอมรับมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุลอบวางระเบิดแสวงเครื่องในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาสเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558

        นาย รีดวน สุหลง ยังให้การต่อไปว่าตนเองได้ร่วมประชุมวางแผนกำหนดเส้นทางพื้นที่เป้าหมายในการก่อเหตุ และได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ควบคุมนำพากลุ่มปฏิบัติการเข้าพื้นที่เป้าหมาย โดยได้รับคำสั่งจากนายตอเฮ (ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) ให้ทำหน้าที่ประสานงาน นำทาง พร้อมทั้งจัดหาพื้นที่เก็บซ่อนรถยนต์/รถจักรยานยนต์ซ่อนระเบิดแสวงเครื่องเพื่อเตรียมในการก่อเหตุ จำนวน 2 คัน  เป็นผู้ควบคุมผู้ร่วมก่อเหตุไปรับรถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก มิตซูบิชิ สตราดา ตอนครึ่งสีบรอนซ์เงิน และรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีดำ-แดง ที่ซ่อนระเบิดแสวงเครื่องแล้ว ไปเก็บซุกซ่อนไว้ก่อนนำไปก่อเหตุ และได้ประสานการปฏิบัติตรวจสอบเส้นทางก่อนการปฏิบัติก่อนจะนำรถยนต์/รถจักรยานยนต์เข้าไปก่อเหตุยังสถานที่ที่กำหนดไว้ โดยได้มีการตั้งระบบจุดชนวนระเบิดด้วยการตั้งเวลาห่างกันประมาณ 10 นาที



         นาย รีดวน สุหลง เป็นผู้ควบคุมดูแลการปฏิบัติการทั้งหมดในการลอบวางระเบิดแสวงเครื่องถนน ณ นคร ตำบลบางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาสผ่านโทรศัพท์มือถือตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน การนำรถยนต์-รถจักรยานยนต์ที่ประกอบระเบิดแสวงเครื่องไปซ่อนไว้ และในวันเกิดเหตุได้นำเข้าพื้นที่เป้าหมายถนน ณ นคร

ชัดหรือยัง! PerMAS, BRN, PULO, RKK คือกลุ่มเดียวกัน!
หรืออาจเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า "โจรใต้สายนักศึกษา"....

วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558

ปืนที่ยึดได้จากโจร เป็นปืนที่โจรชิงไปจากเจ้าหน้าที่เมื่อ 4 ปีก่อน



           เมื่อ เวลา 08.00 น. วันที่ 21 มี.ค. พ.ต.อ.ปัตตะ มะดาวา ผกก.สภ.จะแนะ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ทหารชุดลาดตระเวนเส้นทางสังกัด ร้อย ร.9011 ฉก.นราธิวาส 34 ปะทะกับคนร้ายบริเวณเนินดินบ้านไอร์ซือระ หมู่ 3 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 2 นาย จึงพร้อมด้วย พ.ท.กุลพัชร์ ฐานสมบูรณ์ ผบ.ฉก.นราธิวาส 34 เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ภ.จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด นปพ.ภ.จว.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารและฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุ





            เจ้าหน้าที่พบศพเจ้าหน้าที่ทหารจำนวน 2 นาย นอนจมกองเลือดเสียชีวิตอยู่บนเนินดิน ทราบชื่อต่อมาคือ ส.อ.ชเนรินทร์ กันทะ อายุ 25 ปี หัวหน้าชุด และ พลทหารนเรศ เพชรรัตน์ อายุ 22 ปี สังกัด ร้อย ร.9011 ฉก.นราธิวาส 34 สภาพถูกยิงพรุนไปทั้งร่าง ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนสงคราม เอ็ม.16 และอาก้า. ของคนร้ายตกอยู่ที่บริเวณพงหญ้ารกทึบจำนวนกว่า 60 ปลอก จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่จะนำศพทหารที่เสียชีวิตทั้ง 2 นาย ส่ง รพ.จะแนะ เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง

           จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ส.อ.ชเนรินทร์ กันทะ หัวหน้าชุด ได้นำกำลัง รวม 8 นาย ขี่รถ จยย. 4 คัน เป็นพาหนะออกจากฐาน ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 1 ก.ม. เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยบนเส้นทาง ให้ชาวบ้านสัญจรไปมาได้อย่างปลอดภัย เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งสองฟากถนนเป็นเนินดิน ส.อ.ชเนรินทร์ จึงได้สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาจอดรถ จยย. แล้วแบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด ชุดละ 4 นาย เพื่อเดินขึ้นไปตรวจสอบที่บริเวณเนินดิน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริเวณดังกล่าวกลุ่มคนร้ายมักจะแฝงตัวใช้อาวุธปืนสงคราม ดักซุ่มยิงเจ้าหน้าที่จนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายครั้ง ขณะที่ ส.อ.ชเนรินทร์ หัวหน้าและลูกน้องกำลังเดินขึ้นไปตรวจสอบบนเนินดินอยู่นั้น ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนซึ่งแฝงตัวอยู่บนเนินดิน ใช้อาวุธปืนสงครามอาก้า และเอ็ม 16 ยิงใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่ทหาร จนทั้ง 2 ฝ่ายได้เปิดฉากยิงปะทะกันเป็นระลอก นานกว่า 10 นาที เมื่อเสียงปืนสงบลงพบว่า ส.อ.ชเนรินทร์และพลทหารนเรศ เสียชีวิตรวม 2 นาย ส่วนทหารที่เหลือปลอดภัย จึงได้วิทยุประสานไปยังฐานนำกำลังมาสนับสนุน แต่คนร้ายอาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหนีไปได้.


             ข่าวนี้เป็นข่าวเก่า ที่นำมาเล่าให้ฟังใหม่อีกครั้งหนึ่ง โจรใต้ซุ่มยิงถล่มชุดชุดลาดตระเวนเส้นทางสังกัด ร้อย ร.9011 ฉก.นราธิวาส 34 ที่จะนะ ก่อนปะทะเดือดนานกว่า 10 นาที ทหารกล้าพลีชีพ 2 นาย ...สาเหตุที่ต้องนำมาเล่าใหม่ เนื่องจาก


            วันที่ 27 เม.ย.2558 เวลา 14.00 น. เจ้าหน้าาที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมจังหวัดนราธิวาส ร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 ปฏิบัติภารกิจขยายผลซักถาม นาย ซอบรี สือแม ป.วิอาญา 1 หมาย กรณีถูกจับกุมพร้อม นาย อาซีซัน มะดาแฮ และพวก รวม 8 คน เมื่อวันที่ 25 เม.ย.2558 ที่ผ่านมา ่โดย นาย ซอบรีฯ ไดให้ข้อมูล สถานที่ซุกซ่อนอาวุธปืนยาว 2 กระบอกซึ่งถูกฝังไว้ในพื้นที่ หมู่ 2 ตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการชั่วคราว ห่างจากบ้านที่ถูกจับกุม ประมาณ 700 เมตร




            อาวุุธปืนยาวที่เจ้าหน้ายึดมาได้ทั้งสองกระบอกเป็นอาวุธปประจำกายของ ส อ ชเนรินทร์ กันทะ ที่เสียชีวิตที่อำเภอจะแนะ

ระเบิดทำร้ายเด็กที่เจ๊ะเห ตากใบ คือความเพลี่ยงพล้ำของขบวนการ BRN







         เป็นความขมขื่นที่โจรใต้ฟาตอนียัดเยียดให้...จากกรณีคนร้ายลอบวางระเบิดริมถนนทางเข้าหาดเสด็จ จ.นราธิวาส พ่อ - ลูกขี่รถจักรยานยนต์กลับจากออกกำลังกายเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านพัก ต้องรับเคราะห์บาดเจ็บ จำนวน 4 ราย เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบระเบิดอีกลูกหนัก 10 กก. ห่างเพียง 60 เมตร เก็บกู้ทำลายสำเร็จ


        เมื่อวันที่ 24 เม.ย.58 เวลา 08.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตากใบ รับแจ้งมีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดริมถนนทางเข้าหาดเสด็จ หมู่ 1 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เหตุระเบิดทำให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 4 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งจึงรุดไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ


        เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงบริเวณที่เกิดเหตุพบเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายบรรจุใส่ไว้ในถังแก๊สปิกนิก น้ำหนัก 20 กก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสารตกกระจายเกลื่อนพื้นถนน และห่างไป 20 เมตร พบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สีแดง ทะเบียน 1กก 450 นราธิวาส ล้มตะแคงอยู่ในสภาพถูกสะเก็ดระเบิดเป็นรูได้รับความเสียหาย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บพลเมืองดีนำตัวส่งรักษาตัวโรงพยาบาลตากใบ ไปก่อนหน้านี้แล้วทราบชื่อคือ 
  • 1.นายมูอารีรัน ลายอเงาะ 
  • 2.ด.ญ.อูนาเดีย ลายอเงาะ
  • 3.ด.ช.ไมฮาดี ลายอเงาะ และ
  • 4.ด.ช.นาซาฮี ลายอเงาะ 
         ทั้งหมดเป็นพ่อลูกกัน โดยมีบาดแผลถูกสะเก็ดระเบิด ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย


           จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายมูอารีรันฯ พร้อมด้วยลูกๆ รวม 4 คน ได้ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างออกจากบ้านพักเพื่อไปออกกำลังกายที่ชายหาดเสด็จ เมื่อออกกำลังกายเสร็จได้ขี่รถจักรยานยนตร์พ่วงข้างคันดังกล่าวเพื่อจะกลับบ้านพัก ครั้นมาถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่นำไปซุกซ่อนไว้ในกระถางดอกไม้ข้างโคนเสาไฟฟ้าริมถนน จนเกิดระเบิดขึ้น ขณะนายมูอารีรันฯ และลูกๆ กำลังขับรถผ่านมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุพอดี


           อย่างไรก็ตามในระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุนั้น พบวัตถุระเบิดที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็กอีกลูก น้ำหนัก 10 กก. จุดชนวนด้วยระบบดึงเลิกดึง ที่นำไปผูกติดไว้กับโคนเสาไฟฟ้าริมถนน ห่างจากจุดเกิดเหตุจุดแรก ประมาณ 60 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้ปืนแรงดันน้ำพลังสูงยิงทำลาย


         นายมูอารีรัน ลายอเงาะ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่ตนเพิ่งได้ประสบเจอมาว่า จุดที่เกิดเหตุเป็นทางตรงและเป็นสถานที่โล่ง หากมองจากไกลๆ ใครผ่านไป-มา จะสังเกตเห็นจึงเป็นไปไม่ได้ที่มือกดระเบิดจะไม่เห็นตนเองและเด็ก เป็นความจงใจที่คนร้ายต้องการกดชนวนระเบิดเพื่อทำร้ายตนและลูกทั้งสามคนที่กำลังขับรถผ่านมา


         จากคำบอกเล่าของนายมูอารีรัน ลายอเงาะ จะเห็นได้ว่าการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ของกลุ่มขบวนการโจรใต้ยังคงเป็นรูปแบบยุทธวิธีเดิมๆ เป็นแผนชั่วของโจรใต้ฟาตอนีที่จงใจทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ เพื่อลวงให้เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบยังสถานที่เกิดเหตุ เป้าหมายคือระเบิดลูกที่สองต้องการทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วยการประกอบระเบิดน้ำหนัก 10 กก.จุดชนวนด้วยระบบดึงเลิกดึง แต่มีการตรวจเจอและทำลายเสียก่อน..นี่คือความสุดโต่ง ของขบวนการโจรใต้อีกครั้งหนึ่งที่มุ่งทำร้ายต่อเด็ก...


           พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ที่พยายามสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ ถือว่าเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม แสดงความโหดเหี้ยม ไม่เลือกเป้าหมาย แม้กระทั่งเด็กเล็กก็ไม่เว้นสมควรให้ทุกภาคส่วนช่วยกันประณามคนร้ายด้วย


          ผู้เขียนอยากจะสื่อไปยัง กลุ่มนักศึกษา PerMAS, นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผอ.มูลนิธิผสานวัฒนธรรม และกลุ่มภาคประชาสังคมปากดีทั้งหลายทำไมเงียบล่ะ!!! 

        หรือดีแต่คอยตั้งแง่กับเจ้าหน้าที่เพียงฝ่ายเดียว แต่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับบุคคลกลุ่มนี้ ใครต่างรู้ดีว่าเป็นลิ่วล้อของกลุ่มขบวนการ BRN ไม่ได้มีอิสระในการดำเนินกิจกรรมเพื่อเป็นปากเป็นเสียงให้กับประชาชนในพื้นที่ จชต. อย่างที่พูดเลย...แต่กลับเคลื่อนไหวตามใบสั่งของระดับแกนนำขบวนการโจรใต้

        เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึงแม้เด็กต้องได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิด แต่อย่างน้อยในความเจ็บปวดที่ได้รับการยัดเยียดนั้น ได้กระชากหน้ากากของผู้ร้ายตัวจริงที่มุ่งทำลายชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ สื่อให้เห็นธาตุแท้ของผู้ที่ยกย่องตัวเองว่าเป็นนักรบ ขบวนการโจรใต้ไม่ได้เคลื่อนไหวเพื่อประชาชนชาวปาตานีอย่างแท้จริง เป็นความเพลี้ยงพล้ำทางการเมืองอีกครั้งหนึ่งของขบวนการ BRN อีกทั้งเป็นการก่อเหตุที่ไม่เลือกเป้าหมายทั้งไทยพุทธ-ไทยมุสลิม….


--------------------------

วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2558

สื่อโจรใต้เชิดชูสมาชิกแนวร่วมตายเป็นนักรบชาฮีด




          เว็บเพจ Voice of Patani เผยแพร่ข่าวสารที่เนื้อหาถูกบิดเบือนไปจากความจริง
จากเหตุระเบิดที่ ต.กายูบอเกาะ อ.รามัน จ.ยะลา  มีผู้เสียชีวิต คือ "นายกอมารูซซะมาน เด็งสาแม"
สื่อโจรระบุยอมรับว่าได้สูญเสียพลพรรคไป 1 ราย ใจความว่า

         "คนของเราตายในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา ขณะนำระเบิดไปวางในพื้นที่เพื่อก่อเหตุต่อทหารไทย แต่เกิดความผิดพลาด พร้อมเชิญชวนให้แนวร่วมรำลึกถึงนายกอมารูซซะมาน เด็งสาแม ที่เสียชีวิตในครั้งนี้"
          สุดท้ายกลุ่มขบวนการก็ออกมายอมรับความจริงว่าผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิดใส่ตัวเองตาย คือโจรใต้ฟาตอนี เหตุระเบิดที่ผ่าน ๆ มาไม่เคยยอมรับว่าเป็นฝีมือของฝ่ายตนเป็นคนก่อ โยนผิดให้กับเจ้าหน้าที่ว่าเป็นคนสร้างสถานการณ์เพื่อดึงงบประมาณ

            สื่อโจรเผยให้เห็นว่ามีการบิดเบือนหลักคำสอนศาสนาเกี่ยวกับ ชาฮีด (ตายเพื่อศาสนา) ซึ่งในความเป็นจริงเป็นการหลอกสมาชิกแนวร่วมโดยการอ้างศาสนาให้ทำการก่อเหตุ เป็นการเข้าใจผิดอย่างร้ายแรง และการรู้ไม่จริงของผู้ที่ถูกหลอก

           แต่ที่น่าสมเพศคือมีการเชิดชูให้เป็นนักรบชาฮีด ตายขณะที่นำระเบิดมาฝังเพื่อลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์ แต่เวรกรรมมีจริงกลับระเบิดก่อนเวลาใส่ตัวเองจนร่างเละ อีกทั้งเว็บเพจ Voice of Patani เชิญชวนให้แนวร่วมรำลึกถึงนายกอมารูซซะมาน เด็งสาแม ที่เสียชีวิตในครั้งนี้ 

           อ้า!!! พวกเราร่วมรำลึกถึง "คุณงามความเลวให้กับเค้าซะหน่อย....."

  • ฮิ้ว ๆๆๆๆๆๆ

วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2558

โอ้อนาคต เยาวชน ฟาตอนี น้องชาย เปเล่(ดำ) กลายเป็นเศษชิ้นส่วน

    

             วันที่ 21 เม.ย. เมื่อเวลา 00.30 น. เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ริมถนนโค้งแม่ชี ม.3 ต.กายูบอเกาะ อ.รามัน จ.ยะลา ใกล้เสาสัญญาณของ DTAC ที่เกิดเหตุบริเวณถนนเข้าสวนยาง ห่างจากถนนสายโกตา - รามัน ประมาณ 5 เมตร พบหลุมที่เกิดจากแรงระเบิดกว้างประมาณ 3 เมตร ลึกประมาณ 1 เมตร พบเศษสะเก็ดระเบิดเป็นเหล็กเส้นตัดขนาด 1 เซนติเมตร ตกอยู่จำนวนมาก รวมทั้งเศษถังแก๊ส เศษวงจรอิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์มือถือ เบื้องต้น เป็นระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊สน้ำหนักประมาณ 15 กก. ส่วนการจุดชนวนอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ นอกจากนั้นยังพบเศษชิ้นเนื้อ เส้นผมมนุษย์ และรอยเลือด คาดว่าเป็นคนร้ายที่เตรียมก่อเหตุลอบวางระเบิดอย่างน้อย 2 ราย กระจายเกลื่อนใกล้จุดเกิดเหตุ เบื้องต้นคนร้ายจำนวนไม่ต่ำกว่า 2 คน ซึ่งเป็นแนวร่วมกลุ่มก่อเหตุความไม่สงบได้นำระเบิดมาฝังตรงจุดเกิดเหตุเพื่อหวังทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารที่จะนำรถยนต์หุ้มเกราะวีว่า มาจอดตรวจจุดดังกล่าวทุกวันในช่วงเช้า ซึ่งในขณะที่กำลังดำเนินการฝังระเบิดเกิดความผิดพลาด เกิดระเบิดขึ้น ทำให้คนร้ายถูกระเบิดจนเสียชีวิตดังกล่าว






















วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

เหรียญอีกด้านเหตุการณ์โต๊ะชูด (ที่ไม่ได้รับการเปิดเผย)



‘อิมรอน’

http://pulony.blogspot.com/2015/04/blog-post_20.html

ย้อนกลับไปดูเหตุการณ์เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2558 กรณีเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจได้สนธิกำลังเพื่อเข้าพิสูจน์ทราบหลังจากได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีการรวมตัวของกลุ่ม ผกร. เพื่อเตรียมก่อเหตุในพื้นที่ หมู่ 6 บ้านโต๊ะชูด ตำบลพิเทน อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี


จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์สามวันก่อนหน้านั้นหน่วยงานความมั่นคงได้รับแจ้งข่าวสารความเคลื่อนไหวของสมาชิกแนวร่วม ผกร.ระดับปฏิบัติการ RKK จำนวน4 คน ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน เป็นยานพาหนะ คาดว่าเป็นนายอันวาร์ ดือราแม, นายมากูรอซี แมเลาะ, นายอุสมัน สะมะ และอีกคนไม่ปรากฏชื่อ


จากการวิเคราะห์ข่าวสารคาดว่ากลุ่ม ผกร. ดังกล่าวจะเข้ามาในพื้นที่เพื่อเตรียมการก่อเหตุต่อเป้าหมายฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ซึ่งมีความอ่อนแอ หรือเตรียมก่อเหตุลอบวางระเบิด, ลอบซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งลอบยิงราษฎรชาวไทยพุทธ ตลอดจนเป้าหมายอ่อนแอ


และในเวลาต่อมามีการสนธิกำลังของเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ เพื่อบังคับใช้กฎหมายในการติดตามจับกุมบุคคลต้องสงสัยลงในพื้นที่ทันที จนเกิดเหตุการปะทะมีผู้เสียชีวิต 4 คน จับกุมตัว 22 คน ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางของกลุ่ม องค์กรต่างๆ มีการออกมาเคลื่อนไหวจนกระทั่งนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงให้ปรากฏ โดยมีกำหนดเวลาการทำงาน 7 วัน


เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2558 เวลา 10.00 น. ที่ห้องพิมพ์มาดา โรงแรมปาร์ควิว รีสอร์ท ปัตตานี นายวีรพงค์ แก้วสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี และคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีบ้านโต๊ะชูด อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี ได้ร่วมกันเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงผลการสอบข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ดั เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2558 โดยที่คณะกรรมการดังกล่าวได้รับแต่งตั้งจากผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงอย่างมีเหตุผล ถูกต้อง และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบตามหลักนิติธรรมและคุณธรรม


คณะกรรมการมีความเห็นว่าจุดเริ่มต้นของการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นครั้งนี้ชอบด้วยเหตุผลในการปฏิบัติการ เนื่องจากมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกและพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารสามารถปฏิบัติการได้ทันทีเมื่อมีเหตุจำเป็น โดยไม่ต้องมีหมายค้น


คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีบ้านโต๊ะชูดได้ตั้ง 3 ประเด็นในการสอบ





  • 1. ผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงหรือไม่? “ในชั้นนี้ คณะกรรมการมีความเห็นเชื่อว่า ผู้ตายทั้ง 4 คน ไม่ใช่ผู้ก่อเหตุรุนแรงและไม่ใช่แนวร่วมกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงแต่อย่างใด”
  • 2. ปืนเป็นของผู้ตายหรือไม่? “ในชั้นนี้คณะกรรมการจึงไม่สามารถวินิจฉัยในประเด็นการต่อสู้กับเจ้าพนักงาน โดยให้เป็นหน้าที่ของการแสวงหาพยานหลักฐานในชั้นกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจะต้องถูกแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกฎหมาย”
  • 3. ดำเนินคดี, เยียวยา และปรับนโยบาย

  • ประการแรก เนื่องจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าวข้างต้น ก่อให้เกิดความเสียหายและเกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประชาชน ดังนั้น เจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำจะต้องถูกดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม
  • ประการที่สอง กรณีที่เกิดขึ้น อันเป็นเหตุให้มีผู้ถึงแก่ความตาย จำนวน 4คน เนื่องจากเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐกระทำต่อผู้บริสุทธิ์ และเป็นเหตุสืบเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงเห็นสมควรเสนอให้มีการเยียวยาตามระเบียบดังกล่าวโดยเร็ว


           และในวันดังกล่าวแม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งมีการใช้ความรุนแรงที่ไม่สามารถทำตามนโยบายที่ได้มอบหมายให้ ขออภัยต่อพี่น้องประชาชน, ขออภัยต่อผู้ที่เป็นญาติของพี่น้องผู้สูญเสีย และขออภัยต่อท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นจะนำไปแก้ไข
กระบวนการสอบข้อเท็จจริงได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว แต่ยังมีกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีได้พยายามทำลายยุทธศาสตร์การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนกล่าวหาว่านโยบายทุ่งยางแดงโมเดล เป็นยุทธวิธีที่ต้องการสร้างความขัดแย้งระหว่างคนมลายู ฆ่าประชาชนแล้วไม่มีความผิด ฆ่าประชาชนแล้วโยนผิดให้RKK ทำเรื่องเน่าๆ แล้วโยนให้โจรใต้


          มีการทิ้งใบปลิวต้องการสื่อให้ประชาชนรับรู้ มีความพยายามให้มีการทบทวนหรือยุติการดำเนินงานการมีส่วนร่วมของประชาชน เนื่องจากกลุ่มขบวนการกลัวเสียมวลชนจึงมีใช้วิธีการทุกรูปแบบในการปลุกระดมประชาชนให้ลุกขึ้นมาต่อต้านนโยบายทุ่งยางแดงโมเดล โดยชี้ให้เห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นผลมาจากนโยบายทุ่งยางแดงโมเดล


           ข้อเท็จจริงนโยบายทุ่งยางแดงโมเดล กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่บ้านโต๊ะชูด เป็นคนละส่วนกัน นโยบายทุ่งยางแดงโมเดล เป็นนโยบายที่มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนด้วยกันเองโดยมีเจ้าหน้าที่รัฐคอยเป็นพี่เลี้ยง ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ้านโต๊ะชูดนั้นเป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายในการติดตามจับกุมบุคคลเป้าหมาย จึงขอให้พี่น้องประชาชนแยกแยะว่ามีบุคคลบางกลุ่มพยายามทำลาย สร้างความแตกแยกขึ้นในสังคมมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ต้องการให้ประชาชนให้ความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่รัฐ




         จากข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับจากเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่ง (ขอสงวนนาม) ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจแต่กลับไม่มีหน่วยงานไหนกล้าพอที่จะหยิบยกออกมาสื่อให้สาธรณชนได้รับรู้เนื่องจากหลังเกิดเหตุการณ์ กระแสน้ำกำลังเชี่ยวกราก เกรงว่าหากนำเรือไปขวางกั้นจะเกิดการพลิกคว่ำของลำเรือง่ายๆ


         ผลการพิสูจน์หลักฐาน ของนายซัดดัม วานุ ผู้ตายมีความเชื่อมโยงต่อเหตุการณ์ และเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีความมั่นคงที่มีการเก็บข้อมูลไว้เมื่อ 9 ธันวาคม 2556โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี


  •  ผลการพิสูจน์หลักฐาน 5 ใน 22 คน พบความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง และนายสมาน วาเด็ง มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ระเบิดที่ อำเภอกะพ้อ จังหวัดปัตตานี เมื่อปี 56
  • 1 ใน 22 มีหมายจับ ป.วิอาญาแต่อยู่ในระหว่างการประกันตัวคือ นายฮำรี หะยีจิ อายุ 30 ปี เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ
  • จากการตรวจสอบมากกว่า 11 คน มีความเชื่อมโยงกับแนวร่วมผู้ก่อเหตุรุนแรง และที่น่าตกใจคือ 18 คน จาก 22 คน เมื่อมีการตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดมีฉี่เป็นสีม่วง


         แต่กลุ่มบุคคลผู้ไม่หวังดียังมีหน้าทิ้งใบปลิวในพื้นที่ด้วยการกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ขายยามอมเมาประชาชนมลายู กลุ่มขบวนการต่างหากที่มีการใช้ยาเสพติดในการมอมเมาเยาวชนแล้วใช้ในการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ อีกทั้งกลุ่มขบวนการยังมีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติดซึ่งเป็นปัญหาภัย


         แทรกซ้อนที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลายครั้งด้วยกันเมื่อมีการจับกุมยาเสพติด น้ำมันเถื่อน สินค้าลอบหนีภาษี จะมีการซัดทอดผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือระดับแกนนำกลุ่ม ผกร. ซึ่งรายได้ที่เป็นกอบเป็นกำจากการกระทำผิดกฎหมายเหล่านี้จะเป็นแหล่งเงินทุน เป็นท่อน้ำเลี้ยงสนับสนุนการจัดซื้ออาวุธ รวมทั้งอุปกรณ์ในการประกอบระเบิดเพื่อใช้ในการก่อเหตุ


        ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นข้อมูลอีกด้านหนึ่งที่ไม่ได้รับการเปิดเผยที่ใดมาก่อน ซึ่งหากเป็นจริงดังผลการพิสูจน์หลักฐาน ย่อมเป็นสิ่งยืนยันว่าการรวมตัวของกลุ่มคนสามสิบกว่าคนย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน ไม่ใช่เป็นการรวมกลุ่มเพื่อเสพยาเสพติด แต่เป็นการวางแผนเพื่อก่อการอะไรสักอย่าง ที่สำคัญจากการพิสูจน์หลักฐาน ย่อมชี้ชัดบวกกับการแจ้งของแหล่งข่าวว่ามีการเคลื่อนไหวของแกนนำระดับสั่งการ แต่ความพลาดพลั้งของเจ้าหน้าที่ในการวิสามัญ 4 ศพ ได้สร้างเงื่อนไขขึ้นมาก่อน มิเช่นนั้นน้ำหนักในกระบวนการซักถามจะนำไปสู่ความจริงทั้งหมด


        จากเหตุการณ์บ้านโต๊ะชูด ตำบลพิเทน อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี จะเป็นบทเรียนให้กับหน่วยงานความมั่นคงในการทบทวนใช้กำลังให้มีความรอบคอบในการปฏิบัติยิ่งขึ้น การออกมากล่าวคำขอโทษของท่านแม่ทัพภาคที่ 4 ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งมีการใช้ความรุนแรงที่ไม่สามารถทำตามนโยบายที่ได้มอบหมายให้ต่อพี่น้องประชาชน ญาติของพี่น้องผู้สูญเสีย และต่อท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นและจะนำไปแก้ไข ถือได้ว่าลดกระแสต้านไปได้บางส่วนแต่ยังมีกลุ่มบุคคลที่พยายามจ้องทำลายหาโอกาสปลุกระดมมวลชนอยู่


          สุดท้ายผู้เขียนอยากจะฝากให้ท่านผู้อ่านได้ตั้งข้อสังเกต มีองค์กร NGOs บางกลุ่มได้อาศัยความผิดพลาดในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐในการปลุกกระแสสร้างความเกลียดชัง สร้างความขัดแย้งแบ่งเขาแบ่งเรา ยุยงประชาชนไม่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐ พยายามทุกวิถีทางในการบ่อนทำลายนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาล โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษา PerMAS ที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางสันติ ไม่ต้องการให้มีการพูดคุยสันติสุขเกิดขึ้นตั้งแต่ต้น...

  • แล้วพวกเขาต้องการอะไร?..
  • คอยจับตามองกันต่อไป!!!
------------------------

วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2558

จำคุกตลอดชีวิตโจรใต้‘อับดุลเลาะ ปูลา’ต้องสิ้นอิสรภาพ



http://pulony.blogspot.com/2015/04/blog-post.html
‘อิมรอน’



การบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ที่กระทำความผิดเริ่มเห็นผล คนชั่วไม่ลอยนวลอีกต่อไป ซึ่งก่อนหน้านี้การดำเนินคดีส่งตัวจำเลยฟ้องศาลเพื่อเอาผิดต่อผู้ก่อเหตุรุนแรง ศาลได้พิจารณายกฟ้องเกินครึ่งของคดีความทั้งหมด เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ


ในปัจจุบันความเจริญด้านวิทยาศาสตร์ได้มีบทบาทในการติดตามหาตัวคนร้ายด้วยการตรวจหาสารพันธุกรรมดีเอ็นเอ (DNA) เพื่อใช้ในการยืนยันตัวบุคคล โดยมีหน่วยงานนิติวิทยาศาสตร์ของตำรวจ เป็นหน่วยงานหลักในการพิสูจน์หลักฐานวัตถุพยานต่างๆ และหาความเชื่อมโยงกับคดีความต่างๆ ที่ได้มีการเก็บไว้ในสารบบ ซึ่งจะเป็นหลักฐานสำคัญในการส่งตัวผู้ต้องสงสัยฟ้องต่อศาล


และนับว่าคงเป็นนิมิตหมายที่ดีนับต่อจากนี้ไปการติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุรุนแรง เมื่อส่งตัวฟ้องศาลดำเนินคดี สามารถเอาผิดจำคุกเพื่อให้บุคคลเหล่านั้นได้ชดใช้กรรมจากการกระทำความรุนแรงต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน


และล่าสุดศาลจังหวัดยะลาได้พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต‘นายอับดุลเลาะ ปูลา’หัวหน้าชุดปฏิบัติการ RKK รวมถึงครูฝึกหลักสูตรให้แก่ผู้ก่อเหตุรุนแรงรุ่นใหม่ เป็นบุคคลที่หน่วยงานภาครัฐต้องการตัวเนื่องจากมีหมายจับ ป.วิอาญา จำนวน 5 หมาย


โดยเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2558 ศาลจังหวัดยะลา ได้มีคำพิพากษาคดีก่อการร้าย เลขคดี 151/58 โดยศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต‘นายอับดุลเลาะ ปูลา’แกนนำผู้ก่อเหตุรุนแรง ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่อำเภอธารโต จังหวัดยะลา


เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้เปิดเผยว่า ‘นายอับดุลเลาะ ปูลา’ เคยถูกจับกุมตัวมาแล้วถึง 2 ครั้งด้วยกัน


ครั้งที่ 1 ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2556 โดยสถานีตำรวจภูธรธารโต ร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดน 441 รวบตัวนายอับดุลเลาะฯ ได้ในพื้นที่ตำบลบ้านแหร อำเภอธารโต จังหวัดยะลา ส่งตัวดำเนินกรรมวิธีซักถาม ณ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ตำบลวังพญา อำเภอรามัน จังหวัดยะลา


พฤติกรรมของ นายอับดุลเลาะฯ เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ RKK และมีหน้าที่ในการควบคุมคอมมานโดในพื้นที่ตำบลบ้านแหร อำเภอธารโต จังหวัดยะลา


จากผลการซักถาม นายอับดุลเลาะฯ ยังเป็นครูฝึกหลักสูตร RKK ให้กับผู้ก่อเหตุรุนแรงรุ่นใหม่ สามารถปฏิบัติการได้ทั้ง มือปืน การลอบวางระเบิด และเป็นบุคคลตามหมายจับ ป.วิอาญา จำนวน 5 หมาย


นายอับดุลเลาะฯ ยังให้การยอมรับกับเจ้าหน้าที่ชุดซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 และให้การซัดทอดผู้ที่ร่วมก่อเหตุลอบวางระเบิดชุดปฏิบัติการลาดตระเวน หน่วยเฉพาะกิจยะลา 16 ในพื้นที่ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2554


ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ออกหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ส่งควบคุมตัวต่อ ณ ศูนย์พิทักษ์สันติ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้
เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2556 นายอับดุลเลาะ ปูลา ประกันตัว เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งกลับภูมิลำเนาในเวลาต่อมา


ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่43 ร่วมกับสถานีตำรวจภูธรธารโต ได้เชิญตัวนายอับดุลเลาะ ปูลา ผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับเหตุลอบวางระเบิดชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรธารโต เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2557


เจ้าหน้าที่ส่งดำเนินกรรมวิธีซักถาม ณ หน่วยซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ผลการซักถามนายอับดุลเลาะ ปูลา ได้ให้การปฏิเสธเหตุลอบวางระเบิดชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรธารโต แต่ให้ข้อมูลว่าน่าจะเป็นฝีมือกลุ่มของ นายซายูตี สูเด็ง เป็นผู้ลงมือก่อเหตุ
และในเวลาต่อมาเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2557 นายอับดูลเลาะ ปูลาได้ถูกปล่อยตัวกลับภูมิลำเนา ซึ่งอยู่ในระหว่างประกันตัว





และเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2558 ศาลชั้นต้นพิพากษา “จำคุกตลอดชีวิต” นายอับดุลเลาะ ปูลา และปัจจุบันฝากขังที่เรือนจำกลางจังหวัดยะลา


การดำเนินการติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรงของเจ้าหน้าที่ ได้มีการปฏิบัติเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งหน่วยงานภาครัฐได้เปิดช่องทางและเปิดโอกาสให้กับผู้หลงผิดในการเข้าร่วม “โครงการพาคนกลับบ้าน” หันหลังให้กับขบวนการกลับมารายงานตัวแสดงตนกับเจ้าหน้าที่ เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุขไม่ต้องหลบซ่อนตัวหนีการจับกุมจากเจ้าหน้าที่รัฐ


ในปัจจุบันจากความเจริญทางเทคโนโลยี ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์การยืนยันตัวบุคคลด้วยการตรวจหาสารพันธุกรรม หรือที่เราเรียกว่า “นิติวิทยาศาสตร์” ได้มีบทบาทในการมีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างมาก อีกทั้งกล้องวงจรปิดตามสถานที่สำคัญต่างๆ จะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการมัดตัวส่งฟ้องศาล


หากผู้หลงผิดยังคงก่อเหตุไม่ยอมหันหลังให้กับขบวนการไม่วันใดก็วันหนึ่ง “ประตูเรือนจำ” พร้อมเปิดอ้าต้อนรับคนชั่วได้เข้าไปชดใช้เวรกรรมอย่างเช่น “นายอับดูลเลาะ ปูลา” กับคำพิพากษาของศาล“จำคุกตลอดชีวิต”หมดสิ้นอิสรภาพ...

--------------------------

วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

จับกุม 2 โจรใต้ BRN-ยึดคืนอาวุธปืนปล้นจากฐานพระองค์ดำ





‘อิมรอน’ http://pulony.blogspot.com/2015/04/2-brn.html


          จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2554 เวลาประมาณ 19.30 น.ได้มีคนร้ายประมาณ 40 คน ร่วมกันใช้อาวุธปืนนานาชนิด จำนวนหลายสิบกระบอก และวัตถุระเบิดแสวงเครื่องประกอบขึ้นเอง ได้บุกเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการ ร้อย.ร.15121 (ฐานพระองค์ดำ) ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบลมะรือโบตก อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส


         การเข้าโจมตีฐานพระองค์ดำของผู้ก่อเหตุรุนแรงในครั้งนั้น ยังได้ทำการปล้นอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ทหารไปด้วยทั้งสิ้น 61 กระบอกด้วยกัน ส่วนหนึ่งเป็นปืนกลเบามินิมิ โดยมีพลทหารยาห์ยา บือราเฮง เป็นไส้ศึก ซึ่งขณะเกิดเหตุเป็นทหารกองประจำการได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานปฏิบัติการที่ 4 และได้เป็นผู้นำแนวร่วมเข้าโจมตีฐานพระองค์ดำ ส่งผลให้กำลังพลภายในฐานปฏิบัติการ เสียชีวิตจำนวน 4 นาย ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 11 ราย ด้วยกัน


         ผู้ที่เสียชีวิตในครั้งนั้นประกอบด้วย ร้อยเอกกฤช คัมภีรญาณ หรือ “ผู้กองบอย” ผู้บังคับกองร้อยทหารราบที่ 15121, สิบเอกเทวารัตน์ เทวา หัวหน้าชุดยิง, สิบเอกดุลเลาะ ดะหยี และพลทหาร ประวิทย์ ชูกลิ่น


         เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2555 ศาลจังหวัดนราธิวาสได้มีคำพิพากษาตามคดีหมายเลขแดงที่ 3508/2555 พิพากษาให้จำคุกจำเลย คนละ 35 ปี 12 เดือน จำนวน 3 ราย ด้วยกันคือ นายมะตอฮา เซะ, นายอารีย๊ะ มะแซ และนายอาบัส สือแต ในคราวเดียวกันนี้ได้มีคำพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตจำเลย 1 ราย คือ นายอุษมาน ยาแต


         ศาลได้พิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยซึ่งเป็นไส้ศึก ขณะเกิดเหตุยังเป็นพลทหารประจำการภายในฐานพระองค์ดำ แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต จำนวน 1 ราย คือ นายยาห์ยา บือราเฮง และได้พิจารณาให้ยกฟ้องจำเลย จำนวน 9 รายเนื่องจากพยานหลักฐานโจทย์ไม่เพียงพอ แต่ให้ขังไว้ในระหว่างอุทธรณ์คดีความ


            ถึงแม้เหตุการณ์กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงบุกโจมตีฐานพระองค์ดำได้ผ่านไป 4 ปีเศษแล้วก็ตาม ความความคืบหน้าในการติดตามตัวผู้ก่อเหตุรุนแรงมาลงโทษดำเนินคดียังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเจ้าหน้าที่รัฐยังมีความพยายามติดตามอาวุธปืนที่ถูกแย่งชิงกลับคืนมายังได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง


          เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2558 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 ตั้งจุดสกัดในพื้นที่ บ้านไอร์ซูซง บ้านย่อย บ้านไอร์จูโจ๊ะ อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ได้ควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัย จำนวน 2 คน และตรวจยึดอาวุธปืน จำนวน 2กระบอก ซึ่งอาวุธปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืนที่ถูกแย่งชิงมาจากเหตุผู้ก่อเหตุรุนแรงบุกเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการ ร้อย.ร.15121 (ฐานพระองค์ดำ) จำนวน 1 กระบอก


            ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ติดตามอาวุธปืนที่ถูกแย่งชิงกลับคืนมาได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากยอดอาวุธปืนที่ถูกแย่งชิงจำนวนทั้งสิ้น 61 กระบอก ณ ปัจจุบันสามารถยึดคืนได้แล้ว จำนวน 22 กระบอก คงเหลือต้องติดตามกลับคืนมาอีก 39 กระบอก


           ในส่วนผลของการซักถามผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือนายนาวาวี ยะโก๊ะ และนายอับดุลฮาเล็ง ฮาแว ได้ให้การยอมรับว่าเมื่อ 10 เมษายน 2558 ได้เดินทางไปรับอาวุธปืนกับ นายอับดุลการี หะแว และนายอิสมาแอ มะนุ ในพื้นที่บ้านบือแนนากอ หมู่ 6 ตำบลตะมะยูง อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส เพื่อนำมาใช้ในการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในพื้นที่

          จากแหล่งข่าวได้เปิดเผยพฤติกรรมของ นายอับดุลการี หะแว บุคคลที่ผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน ได้กล่าวพาดพิงว่าได้ไปรับอาวุธปืนมานั้น เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับหัวหน้า Compi ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส
         เมื่อมีการตรวจสอบความเชื่อมโยงจากผลการซักถาม นายมูฮำหมัดสักรี ไซซิง ซึ่งถูกจับกุมตัวเมื่อ 12 สิงหาคม 2557 นั้นเคยให้การว่า นายอับดุลการี หะแว เป็นผู้สั่งการและร่วมก่อเหตุในพื้นที่ อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาสมาแล้ว ถึง 9 เหตุการณ์

        ผลการซักถาม นายนาวาวี ยะโก๊ะ ได้ให้การยอมรับว่าเคยรับฟังประวัติศาสตร์รัฐปัตตานี, ผ่านการสาบานตน (ซูมเปาะ) และ ผ่านการฝึกร่างกายขั้นต้นมาแล้วซึ่งมีผู้ร่วมทำการฝึก 3 คน โดยมี นายอิสมาแอ มะนุ เป็นผู้ฝึก


         เมื่อ 12 เมษายน 2558 นายนาวาวี ยะโก๊ะ และนายอับดุลฮาเล็ง ฮาแว มีความประสงค์ขอถอนคำสาบานตน (ซูมเปาะ) เจ้าหน้าที่ได้เชิญ บาบอ มาดำเนินการถอนซูมเปาะให้เป็นที่เรียบร้อย




           หลังจากถอนคำสาบาน หรือ ซูมเปาะห์ นายนาวาวี ยะโก๊ะ ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ผู้ต้องสงสัย ให้การยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ นายนาวาวีฯ ให้การเพิ่มเติมอีกว่าหลังจากเข้าเป็นสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรง และได้ผ่านการฝึกหลักสูตร RKK แล้ว ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ตำบลศรีสาคร อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส จำนวน 3 เหตุการณ์ด้วยกัน ดังนี้


  • เหตุการณ์ที่ 1 ร่วมก่อเหตุลอบยิงเจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 37 ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 5 นาย เมื่อ 31 มกราคม 2556 มีผู้ร่วมก่อเหตุ จำนวน 9 คน โดยตนเองทำหน้าที่เป็นคนซุ่มยิง
  • เหตุการณ์ที่ 2 ร่วมก่อเหตุขว้างระเบิด และยิงใส่จุดตรวจร่วมเฉลิมชัย ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย เหตุเกิดเมื่อ 16 เมษายน 2556 มีผู้ร่วมก่อเหตุ จำนวน 3 คน โดยตนเองทำหน้าที่ยิงรบกวน
  • เหตุการณ์ที่ 3 ร่วมก่อเหตุซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ทหารพราน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 เสียชีวิต 2 นาย และ บาดเจ็บ 5 นาย เมื่อ 22 มิถุนายน 2557 มีผู้ร่วมก่อเหตุ 3 คน โดยตนเองทำหน้าที่ซุ่มยิง

          สำหรับอาวุธปืนที่ถูกตรวจยึดทั้ง 2 กระบอก นายนาวาวี ยะโก๊ะ ยอมรับว่า รับมาจากนายอับดุลการี หรือโต๊ะแช หะแว ผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับหัวหน้า COMPIบริเวณบ้านไอร์กาแซ ตำบลศรีสาคร อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ซึ่งนายอับดุลการีฯ ได้สั่งการให้ตนเองกับนายอับดุลฮาเล็ง ฮาแว ใช้ก่อเหตุรุนแรง ในวันที่ 10 ถึง 15 เมษายน 2558 เพื่อสร้างสถานการณ์ในพื้นที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส


       หลังจากรับคำสั่งแล้ว ตนเองพร้อมด้วย นายอับดุลฮาเล็งฯ ซึ่งถูกจับกุม ได้เดินทางไปยังบ้านบือแนนากอ ตำบลตะมะยูง อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส เพื่อที่จะไปพบกับนายอาบัส หรือ บาซิ เจ๊ะหะ ผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ ซึ่งเคยถูกเจ้าหน้าที่ทำการจับกุมตัว แต่ปัจจุบันอยู่ระหว่างหนีประกัน เพื่อร่วมกันวางแผนเตรีมการก่อเหตุรุนแรง แต่มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวเสียก่อน


         ซึ่งในขั้นต้น นายนาวาวี ยะโก๊ะ ได้วางแผนเตรียมการที่จะก่อเหตุซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรอำเภอศรีสาคร ระหว่างเดินทางสับเปลี่ยนเวรยาม บริเวณสี่แยกในพื้นที่ตำบลศรีสาคร อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ในคืนวันที่ 10 เมษายน 2558




          ในส่วนของการพิสูจน์หลักฐานความเชื่อมโยงทางคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 ได้มีการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ของอาวุธปืน จำนวน 2 กระบอกที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจยึด พบว่ามีความเชื่อมโยงกับการการก่อเหตุ 6 คดี ด้วยกัน กล่าวคือ


         อาวุธปืนกระบอกที่ 1 ปืนกลมือ (UZI) ขนาด 9 มม. LUGER เลขหมายประจำปืน 36400157 พร้อมซองกระสุนปืน จำนวน 2 อัน จำนวน 1 กระบอก ตรวจพบประวัติในสารบบของ ศพฐ.10 จำนวน 4 คดี ด้วยกัน

  • คดีที่ 1 เมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2554 เหตุคนร้ายลอบยิงนายชัยภัทร นกเขาแดง (เสียชีวิต) นางแดง นกเขาแดง (ไม่ได้รับบาดเจ็บ) เหตุเกิดบริเวณสวนยางพาราบ้านไอร์วอ หมู่ 1 ตำบลกาหลง อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส
  • คดีที่ 2 เมื่อ 20 มีนาคม 2554 เหตุคนร้ายยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีสาคร (ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ) เหตุเกิดบริเวณจุดตรวจถาวนเฉลิมชัย หมู่ 1 ตำบล/อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส
  • คดีที่ 3 เมื่อ 16 เมษายน 2556 เหตุลอบยิงจุดตรวจถาวนเฉลิมชัย หมู่ 1 ตำบล/อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส
  1. คดีที่ 4 เมื่อ 14 พฤษภาคม 2556 เหตุคนร้ายซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ทหารพราน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 ขณะขับรถปิดท้ายขบวนรักษาความปลอดภัยคณะแพทย์กองทัพบก จังหวัดชายแดนภาคใต้ บนถนนสายบ้านอีนอใน หมู่ 2 ตำบล/อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส


         อาวุธปืนกระบอกที่ 2 ปืนพกออโตเมติก (NORINCO) ขนาด 9 มม. LUGERเครื่องหมายทะเบียน กท 4402220 เลขหมายประจำปืน 6008739 พร้อมซองกระสุนปืน จำนวน 2 อัน ตรวจพบประวัติในสารบบของ ศพฐ.10 จำนวน 2 คดี ด้วยกัน 
 
  • คดีที่ 1 เมื่อ 13 กันยายน 2556 เหตุคนร้ายลอบยิงราษฎรหาของป่า และมีการยิงปะทะกัน (ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต) เหตุเกิดบริเวณถนนบ้านจือกอ หมู่ 3 ตำบลศรีบรรพต อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส
  • คดีที่ 2 เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2557 เหตุคนร้ายลอบยิงนายจรูญ ศรีจันทร์ (เสียชีวิต) นางเตือนใจ บุญเกลี้ยง (ได้รับบาดเจ็บ) ขณะกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์บนถนนสายศรีสาคร-บ้านกาหลง หมู่ 5 ตำบล/อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส


         ที่กล่าวมาคือผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ของอาวุธปืน จะเห็นได้ว่าอาวุธปืนทั้ง 2 กระบอก มีการใช้ในการก่อเหตุและอยู่ในบัญชีคดีความมั่นคงอย่างชัดเจน


           นั่นคือหลักฐานการตรวจสอบกระสุนปืน อาวุธปืนในสารบบของตำรวจ ที่มีความเชื่อมโยงกับการก่อเหตุคดีสำคัญที่ผ่านมา แต่หลักฐานชิ้นสำคัญคือการที่ นายนาวาวี ยะโก๊ะ ได้ให้การยอมรับสารภาพเป็น RKK กับเจ้าหน้าที่โดยไม่มีการบังคับขู่เข็ญ และใช้ความรุนแรงใดๆ ไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนการปฏิบัติอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ได้เชิญบิดา มารดา ของนายนาวาวีฯ เข้าร่วมรับฟังการซักถามครั้งนี้ด้วยตลอดทุกขั้นตอนเพื่อความโปร่งใส




            แต่สิ่งหนึ่งที่จะต้องยอมรับความเป็นจริงเมื่อบิดา มารดา ของ นายนาวาวี ยะโก๊ะ ได้รับรู้จากคำรับสารภาพของบุตรชายตนเองว่าเป็นสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรง มีความรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากในห้วงที่ผ่านไม่เคยทราบพฤติกรรมของบุตรชายตนเองมาก่อนเลยว่าเป็นสมาชิก RKK

            บิดา มารดา นายซาวาวี ยะโก๊ะ ได้กล่าวว่าบุตรชายของตนเองเป็นคนดีของครอบครัว ขยันทำงานเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบ ซึ่งเมื่อรู้ว่าเป็นสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรง เคยก่อเหตุสร้างสถานการณ์ ด้วยการใช้อาวุธปืนลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์ รู้สึกตกใจ และเสียใจที่บุตรชายเข้าร่วมกับขบวนการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นส่วนรวม


           จะมีอีกกี่ครอบครัวในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เด็กหนุ่มเหล่านี้ได้เดินทางผิดหันหน้าเข้าร่วมกับขบวนการ มุ่งก่อเหตุสร้างสถานการณ์โดยที่พ่อแม่ ลูกเมียไม่เคยรับรู้เลยว่าเป็นแนวร่วมขบวนการโจรใต้ เมื่อรู้อีกทีโดนเจ้าหน้าที่จับกุม และเมื่อมีการถอนคำสาบานตน (ซูมเปาะ) ยอมรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ต่อหน้าพ่อแม่ ลูกเมีย ต่อหน้าผู้นำศาสนา ว่าตนเองเป็นนักรบ RKK เคยก่อเหตุเข่นฆ่าเจ้าหน้าที่ และประชาชนผู้บริสุทธิ์มาอย่างโชกโชน


          และสุดท้ายเมื่อโดนจับกุมตัวดำเนินคดี ติดคุกติดตาราง ครอบครัวพลอยได้รับความเดือดร้อน มีแต่หน่วยงานภาครัฐเท่านั้นที่คอยดูแลญาติพี่น้องที่อยู่เบื้องหลัง แล้วขบวนการล่ะ!!! ที่เคยหลอกใช้งานได้ช่วยเหลืออะไรครอบครัวสมาชิกRKK เหล่านี้บ้าง?..มีแต่ลอยแพให้รอรับยถากรรมอยู่ในเรือนจำอย่างเดียวดายไร้การเหลียวแล..สมแล้วหรือ? กับการทุ่มเททั้งชีวิตยอมแม้กระทั่งตัวตาย แต่คนที่สุขสบายกลับกลายเป็นผู้สั่งการเสวยสุขอยู่เมืองนอก..อนิจจา!! ขบวนการปริ้นปร้อนหลอกลวง หลอกผู้คนให้หลงผิดคิดแบ่งแยกผืนแผ่นดินไทย หลอกให้สมาชิกแนวร่วม RKK ทำการเข่นฆ่าพี่น้องมลายูปาตานีกันเอง....

หลักฐานขนาดนี้ รองประธานออกมาพูดเอง (ขบวนการเอกราชปาตานี)



         กลุ่ม นักศึกษา PERMAS พวกเขารู้ถึงรากฐานอุดมการณ์ของ กลุ่มโจรกบฏจัง แถมกล้าพูดนะ ขบวนการเอกราชปาตานี คงเข้าใจนะว่าพวกเดียวกัน หลักฐานขนาดนี้ รองประธานออกมาพูดเอง (ขบวนการเอกราชปาตานี)


       16 เม.ย. 2015 นายฮากิม พงติกอ รองประธานสหพันธ์นักเรียนนิสิตนักศึกษาและ­ประชาชนปาตานี หรือ กลุ่ม PERMAS ให้สัมภาษณ์ผ่าน skype กับ คุณจอม เพชรประดับ ในรายการ Thaivoicemedia

        เกี่ยวกับ เหตุคาร์บอมบ์ที่เกาะสมุย เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา  นายฮากิม วิเคราะห์ว่า ผู้ปฎิบัติการเป็นผู้ที่มีศักยภาพในปฎิบัติการมาก โดยผู้ที่มีความสามารถในการปฎิบัติการดังกล่าวนั่นมีเพียง 4 กลุ่ม

  • 1. ขบวนการเอกราชปาตานี,
  • 2. หน่วยงานพิเศษของทหารไทย
  • 3. กลุ่มที่เรียกร้องให้เกิดการเลือกตั้ง

          และ 4 กลุ่มที่กล่าวอ้างว่าต่อต้านระบอบทักษิณ  แต่ทั้งนี้ นายฮากีม วิเคราะห์ให้น้ำหนักไปทาง กลุ่มที่ 1 คือขบวนการเอกราชปาตานี,มากที่สุด เนื่องจากมีปัจจัยมาจาก เรื่องรถที่ใช้ในการก่อเหตุที่นำมาจากพื้นที่ จังหวัดยะลา และวิธีการที่ไม่บอกกล่าวว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำ ซึ่งเป็นลักษณะของผู้ที่ก่อความไม่สงบในพื้นที่ โดยวิเคราะห์ว่า เพื่อสร้างอำนาจการต่อรองทางการเมือง และปฎิเสธการเข้าร่วมการพูคคุยสันติสุขที่จะมาถึง เนื่องจากข้อเสนอจากการพูคคุยที่ผ่านมายังไม่ได้รับการปฎิบัติจากรัฐไทย หรือเป็นเพราะ


         ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในสภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลกทางการเมือง ก็สามารถมองได้ว่า เพื่อให้ประเทศไทยมองถึงการเรียกร้องสิทธิทางการเมือง ก็เป็นได้


          ทั้งนี้ นายฮากีมก็ยังวิเคราะห์อีกว่า หากเป็นฝีมือของกลุ่ม ขบวนการเอกราชปาตานีจริงที่ปฎิบัติการ ก็ไม่ใช่เพราะถูกจ้างจากฝ่ายการเมืองของกลุ่ม­ทักษิณ หรือ นปช. เพราะอุดมการณ์ของขบวนการเอกราชปาตานี แตกต่างจากกลุ่มการเมือง แต่หากจะมีความร่วมมือกันในระดับหนึ่งเพื่­อเป้าหมายเฉพาะหน้าก็เป็นไปได้

วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558

PerMAS หน้าแหกอีกครั้ง หลังผู้ต้องหาสารภาพ





จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558 ผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ทำการลอบวางระเบิดแสวงเครื่องในพื้นที่ ตำบลบางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส บริเวณถนน ณ นคร จำนวน 3 จุด ซึ่งจากการกระทำดังกล่าวของโจรใต้ฟาตอนีในวันนั้นได้สร้างความเดือดร้อน ความเสียหายเป็นวงกว้างอีกทั้งได้สร้างผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก


จากเหตุระเบิด 3 จุด ซึ่งจุดที่ 1 กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงใช้ลูกระเบิดชนิดขว้าง ได้ขว้างเข้าไปในร้านต้นท้อน แต่โชคดีระเบิดไม่ทำงาน จุดที่ 2 ได้ทำการลอบวางระเบิดแสวงเครื่องซุกซ่อนในรถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก มิตซูบิชิ สตราดา บริเวณหน้าร้านโดโด้คาราโอเกะ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ 2 นาย และประชาชนได้รับบาดเจ็บ 15 คน จุดที่ 3 โจรใต้ฟาตอนี ได้ทำการลอบวางระเบิดแสวงเครื่องซุกซ่อนในรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ เอส 125 สีเทา-ดำ บริเวณหน้าร้านติ๊กหมูกระทะ เจ้าหน้าที่ EOD สามารถเก็บกู้ไว้ได้


ต่อมาเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2558 หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสได้สนธิกำลังร่วม 3 ฝ่ายทำการติดตามจับกุมและปฏิบัติตามกฎหมายต่อผู้ต้องสงสัยเหตุลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง ถนน ณ นคร อำเภอเมืองจังหวัดนราธิวาส จำนวน 4 เป้าหมายด้วยกัน คือ
  • 1) หอพักบริเวณเยื้องโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์
  • 2) หอพักนักศึกษาบริเวณกำปงตาโก๊ะ
  • 3) หอพักนักศึกษาบริเวณวิทยาลัยสารพัดช่าง
  • 4) หอพักนักศึกษาซอยนรากุล

           ผลการปฏิบัติเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 11 คน เป็นนักศึกษา 4 คน และเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2558 ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติมอีก 2 คน รวมทั้งสิ้นที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว 13 คน โดยอาศัยกฎอัยการศึก พ.ศ.2457 ส่งตัวบุคคลต้องสงสัยทั้งหมดไปทำการควบคุมตัวเพื่อดำเนินกรรมวิธีซักถามขยายผลหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายบ้านเมืองต่อไป


           ทันทีที่กระแสข่าวเจ้าหน้าที่ตรวจค้นหอพักนักศึกษาเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยเหตุลอบวางระเบิดเมืองนราธิวาสได้แพร่สะพัดออกไป ในฝากฝั่งผู้ที่เป็นปีกการเมืองของขบวนการ BRN ได้ออกมาเคลื่อนไหวกดดันการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รัฐในทันที



         โดยเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2558 กลุ่ม PerMAS ได้ออกแถลงการณ์ เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน และคุกคามเยาวชนนักศึกษา อ้างว่าการติดตามจับกุมและปฏิบัติตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่บริเวณหอพักนักศึกษา นักกิจกรรม รวมทั้งควบคุมตัวเยาวชนนักศึกษาเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะเดียวกันพบว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนจำนวนมากตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา พร้อมกับเรียกร้อง 5 ข้อด้วยกันกล่าวคือ 
  • 1) ให้ปล่อยตัวนักศึกษาทั้งหมดทันที และหยุดคุกคามเยาวชนนักศึกษา 
  • 2) ให้รัฐบาลไทยยกเลิกกฎอัยการศึกที่ประกาศใช้ในพื้นที่ปาตานีซึ่งมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนจำนวนมาก 
  • 3) ให้ปล่อยตัวนักศึกษาทั้งหมด รวมทั้งยุติการคุกคามบุคคลและครอบครัวของเขา 
  • 4) ทหารไทยต้องเคารพทุกเงื่อนไขที่เป็นหลักประกันด้านสิทธิมนุษยชนตามกฎของสหประชาชาติ 
  • 5) ทหารไทยควรพิจารณายกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่บังคับใช้ตลอดระยะเวลา 10 ปี ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากมีหลายครั้งที่ใช้กฎหมายนำไปใช้ในทางมิชอบ 


          ความเคลื่อนไหวยังมีตามมาอีกอย่างเช่น นายกัสตูรี มะโกห์ตา แกนนำกลุ่ม PULO ได้ออกมากล่าวหาว่านักศึกษาถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวอย่างไม่เป็นธรรม, นายมูฮัมหมัด เซาฟีร อาแซ ผู้ช่วยผู้ประสาน PerMAS พร้อมนักศึกษา ม.รามคำแหงร่วมแถลงการณ์ให้มีการยกเลิกการใช้กฎอัยการศึก และปล่อยตัวนักศึกษาทั้งหมดทันที, เครือข่ายนักศึกษามุสลิมอยุธยา Ayutthaya Muslim Student Network ได้รวมตัวถือป้ายปล่อยตัวเพื่อนเรา “Free Patani Student”คืนอิสรภาพแก่นักศึกษา หยุดคุกคามนักศึกษา แด่สันติภาพปาตานี เช่นเดียวกับนักศึกษา มอ.ปัตตานี ออกแถลงการณ์คัดค้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการคุกคามการทำกิจกรรมของนักศึกษา


           กระแสเรียกร้องของกลุ่มองค์กรต่างๆ ที่เกิดขึ้น เป็นความพยายามของกลุ่ม PerMAS ในการปลุกเร้าในเครือข่ายสังคมออนไลน์ อีกทั้งมีการประสานงานกับกลุ่มนักศึกษาสถาบันต่างๆ ให้มีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันเพื่อกดดันในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ อีกทั้งมีความพยายามให้มีการยกเลิกการใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้


        เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องสงสัยทั้งหมด 13 คน ไปเข้าสู่กระบวนการซักถาม และได้ทำการปล่อยตัวผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกลับภูมิลำเนาในทันที 5 คน เนื่องจากผลการดำเนินกรรมวิธีซักถามบุคคลดังกล่าวให้การปฏิเสธว่าไม่เคยถูกชักชวนเข้าร่วมเป็นสมาชิก ผกร. และไม่เคยผ่านขั้นตอนการกระทำพิธีสาบานตน (ซูมเปาะ) และไม่ได้ร่วมก่อเหตุลอบวางระเบิดแสวงเครื่องในพื้นที่เมืองนราธิวาสแต่อย่างใด คงเหลือผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวต่อเพื่อทำการซักถามขยายผลจำนวน 8 คน


          กลุ่ม PerMAS รวมทั้งเครือข่ายนักศึกษาที่ได้ดำเนินการเคลื่อนไหวเรียกร้องว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการคุกคามการทำกิจกรรมของนักศึกษา อีกทั้งมีความพยายามให้มีการยกเลิกการใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาฟังคำสารภาพของบุคคลที่ถูกจับกุมกันว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่สมเหตุสมผลหรือไม่!! อย่างไร และสิ่งที่ได้เรียกร้องผ่านสื่อนั้นสมควรหรือไม่ในการช่วยเหลือผู้กระทำผิด



         ผลการซักถาม นายอัมรีย์ วรรณมาตร ได้ให้การรับสารภาพว่าตนเองถูกชักชวนให้เข้าร่วมขบวนการเมื่อประมาณกลางเดือน มกราคม 2558 เคยเข้ารับฟังประวัติศาสตร์รัฐปัตตานีจาก นาย ซุลกิปลี มะสะ แต่ไม่เคยผ่านพิธีสาบานตน (ซูมเปาะ) และให้การต่อไปอีกว่าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง บริเวณถนน ณ นคร ตำบลบางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส โดยมีผู้ร่วมก่อเหตุที่จำได้คือ นายซุลกิปลี มะสะ ซึ่งเป็นผู้สั่งการ (กลังหลบหนี), นายรีดวน สุหลง (เป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ซุกซ่อนระเบิดแสวงเครื่องเข้าไปก่อเหตุ), นายอิสมะแอ เจ๊ะโซะ เป็นผู้ดูต้นทางร่วมกับตนเองให้นายรีดวน สุหลง ขับขี่รถจักรยานยนต์ซุกซ่อนระเบิดแสวงเครื่องเข้าไปก่อเหตุที่ถนน ณ นคร


          นายรีดวน สุหลง ให้การยอมรับว่าเคยผ่านพิธีสาบานตน (ซูมเปาะ) จากนายอับดุลเล๊าะ ตะตีนาลาฮา (เลาะ) ซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้ว ตนเองได้ผ่านการฝึกขั้นพื้นฐาน แต่ไม่ผ่านขั้นวาตอน ปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์อื่นๆในห้วงที่ผ่านมา แต่ยอมรับมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุลอบวางระเบิดแสวงเครื่องในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาสเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558


        นายรีดวน สุหลง ยังให้การต่อไปว่าตนเองได้ร่วมประชุมวางแผนกำหนดเส้นทางพื้นที่เป้าหมายในการก่อเหตุ และได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ควบคุมนำพากลุ่มปฏิบัติการเข้าพื้นที่เป้าหมาย โดยได้รับคำสั่งจากนายตอเฮ (ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) ให้ทำหน้าที่ประสานงาน นำทาง พร้อมทั้งจัดหาพื้นที่เก็บซ่อนรถยนต์/รถจักรยานยนต์ซ่อนระเบิดแสวงเครื่องเพื่อเตรียมในการก่อเหตุ จำนวน 2 คัน


       เป็นผู้ควบคุมผู้ร่วมก่อเหตุไปรับรถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก มิตซูบิชิ สตราดา ตอนครึ่งสีบรอนซ์เงิน และรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีดำ-แดง ที่ซ่อนระเบิดแสวงเครื่องแล้ว ไปเก็บซุกซ่อนไว้ก่อนนำไปก่อเหตุ และได้ประสานการปฏิบัติตรวจสอบเส้นทางก่อนการปฏิบัติก่อนจะนำรถยนต์/รถจักรยานยนต์เข้าไปก่อเหตุยังสถานที่ที่กำหนดไว้ โดยได้มีการตั้งระบบจุดชนวนระเบิดด้วยการตั้งเวลาห่างกันประมาณ 10 นาที นายรีดวน สุหลง ยังได้ใช้โทรศัพท์ติดต่อพูดคุยกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้สั่งการให้ก่อเหตุอีกหลายคน


        นายรีดวน สุหลง เป็นผู้ควบคุมดูแลการปฏิบัติการทั้งหมดในการลอบวางระเบิดแสวงเครื่องถนน ณ นคร ตำบลบางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาสผ่านโทรศัพท์มือถือตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน การนำรถยนต์-รถจักรยานยนต์ที่ประกอบระเบิดแสวงเครื่องไปซ่อนไว้ และในวันเกิดเหตุได้นำเข้าพื้นที่เป้าหมายถนน ณ นคร


        นายอัมรีย์ วรรณมาตร ทำหน้าที่นำชุดระเบิดเข้าพื้นที่ก่อเหตุ โดยเป็นคนนำทางพารถยนต์-รถจักรยานยนต์ที่ประกอบระเบิดแสวงเครื่อง รอรับคำสั่งจากนายรีดวน สุหลง ว่าเส้นทางและพื้นที่พร้อมแล้ว ให้ดำเนินการนำทางจากจุดนัดพบไปยังสถานที่ก่อเหตุ


          นายอิสมาแอ เจ๊ะโซะ ทำหน้าที่เป็นคนนำชุดระเบิดชนิดขว้างไปคอยอยู่ใกล้กับสถานที่ก่อเหตุ โดยจะรอคำสั่งจากนายรีดวน สุหลง ว่าระเบิดทั้ง 2 จุด เปิดสวิสซ์ตั้งเวลาเรียบร้อยแล้วห่างกันประมาณ 10 นาที ให้ดำเนินการได้เลย หลังจากนั้น นายอิสมาแอ เจ๊ะโซะ ได้นำชุดปฏิบัติการจากจังหวัดปัตตานีใช้ระเบิดชนิดขว้างไปยังบริเวณสถานที่ที่กำหนดไว้ หลังจากปฏิบัติการเสร็จสิ้นแล้วได้แยกย้ายออกนอกพื้นที่ และทำการปิดโทรศัพท์มือถือ


        นี่คือคำสารภาพจากปากของผู้ที่ถูกจับกุมตัวที่เข้าไปหลบซ่อนในหอพักนักศึกษา นี่คือบุคคลที่กลุ่ม PerMAS และองค์กรนักศึกษาเครือข่ายรวมไปถึงผู้นำองค์กร PULO ต่างดาหน้าออกมาปกป้องกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่สำคัญยังชี้ว่าเป็นการคุกคามการทำกิจกรรมของนักศึกษา


        ไม่น่าเชื่อว่านักศึกษาเดี่ยวนี้มีการทำกิจกรรมในการระเบิดบ้านระเบิดเมือง สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ การจับกุมตัวบุคคลต้องสงสัยทั้ง 13 คน มีการตั้งเงื่อนไขเรียกร้องของกลุ่มต่างๆ ที่คอยฉกฉวยโอกาสข้อผิดพลาดของภาครัฐเข้ามาแสวงประโยชน์จากความผิดพลาดนั้นๆ เข้าดำเนินการในสิ่งที่ทางกลุ่มตนต้องการ มุ่งหวังให้เกิดอำนาจเพื่อใช้ต่อรองผลประโยชน์ของกลุ่มตนเองเพียงฝ่ายเดียว


        กลุ่ม PerMAS รวมทั้งกลุ่มภาคประชาสังคมอีกหลายกลุ่มมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มขบวนการ BRN อย่างชัดเจนกระทำตนเป็นฝ่ายตรงข้ามกับหน่วยงานภาครัฐมาโดยตลอด ไม่เห็นด้วยกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เห็นด้วยกับการก่อเหตุรุนแรงของนักรบฟาตอนี ออกมาเคลื่อนไหวแถลงการณ์เพื่อชักจูงปลุกระดมอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดทอนอำนาจบทบาทของภาครัฐ เพราะการที่เจ้าหน้าที่ได้ติดตามจับกุมและปฏิบัติตามกฎหมายต่อผู้ที่กระทำการก่อเหตุแทบทุกครั้ง กลุ่มนักศึกษาเหล่านี้กลับมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน


          ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านผู้อ่านคงจะเข้าใจต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐในการติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยมาเข้าสู่กระบวนการซักถาม ได้กระทำไปด้วยเหตุและผลและอยู่ภายใต้กฎหมาย ซึ่งได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานและความเชื่อมโยงที่ชัดเจนทุกครั้งก่อนเข้าทำการติดตามจับกุม ที่สำคัญในครั้งนี้คำรับสารภาพที่ออกจากปากของผู้ที่ทำการก่อเหตุลอบวางระเบิดเมืองนราธิวาส เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558 นั้น ถือว่าที่สุดแล้ว และอยากจะฝากให้ประชาชนได้ใช้วิจารณญาณในการเสพข้อมูลข่าวสาร ลองชั่งน้ำหนักสิ่งไหนควรเชื่อ ไม่ควรเชื่อ อย่าให้กลุ่มหรือองค์กรใดมาชี้นำ ปลุกกระแสเพื่อทำลายในสิ่งที่ถูกต้อง 

         อย่าตกเป็นเครื่องมือให้บุคคลเหล่านั้นใช้ประโยชน์ในการมาลอบทำร้ายพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ต่อไปอีกเลย...

วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2558

วันเสาร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2558

สร้างสันติสุขที่ปลายด้ามขวาน ด้วยความพอเพียง





วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2558

มุสลิมเหล่านี้ลงมือเข่นฆ่ามุสลิมด้วยกันเอง เพื่ออะไร


          ทุกๆฝ่าเท้าที่แตะลงบนท้องถนน บนแผ่นดินถิ่นไทย ไม่มีใครสามารถอ้างถึงความเป็นเจ้าของได้ แผ่นดินที่ ๆ มีให้อยู่ร่วมกัน ไม่มีการแบ่งแยกไม่ว่าชนชั้นหรือศาสนา เราอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข 

           โอ้อัลลอฮ เหตุใดเล่า นักรบปาตานีถึงได้ต้องการดุนยา ทำไมเล่านักรบปาตานีต้องต่อสู้ต้องเข่นฆ่าผู้คนดั่งผักปลา

          โอ้อัลลอฮ ขอพระองค์ทรงเปิดใจ เหล่านักรบปาตานีด้วยเถิด 
          เปิดทางให้เขาหยุดการเข่นฆ่า เข่นฆ่า เพื่อแลกกับ คำหลอกลวงเรื่องเอกราชปาตานี 
          พระองค์จงหยุดพวกเขาด้วยเถิด

          เพราะแผ่นดินปาตานี เป็นเพียงแค่ดุนยาเท่านั้น 
          ดั่งที่เขาพุดว่า เขาไม่ได้ต้องการอะไรเลยจากโลกใบนี้ แล้วที่แสวงหากันอยู่คือ เอกราช เพื่อแบ่งแยกดินแดน นั่นหมายความว่ายังไงหรือ 

          มุสลิมเหล่านี้ลงมือเข่นฆ่ามุสลิมด้วยกันเอง ญาติพี่น้องกันเอง 
          ท่านไม่รู้สึกบาปบ้างหรือ 
          แผ่นดินที่เราอยู่ด้วยกันอย่างสันติสุขมาช้านาน ไม่มีใครต้องการล้มตาย ศาสนาทุกศาสนาต่างสอนทุกคนให้เป็นคนดี อยู่ร่วมกันได้โดยไม่บิดเบียนกัน

          โอ้ อัลลอฮ ทำไม่เล่านักรบปาตานีถึงไม่รู้สำนึก ซะที
           รถที่หรูหราบ้านที่ใหญ่โต ล้วนแล้วแต่ดุนยาทั้งสิ้น 
           ท่านศาสดามูฮัมหมัด (ซ)ได้ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ท่านศาสดามูฮัมหมัด(ซ)ไม่ต้องการให้อุมมัติของท่าน ต้องมาเข่นฆ่ากันเอง โอ้ อัลลอฮ จงเปิดใจเดินทางที่ถูกต้องกับบรรดานักรบปาตานีด้วยเถิด ทุกวันนี้พวกเขาก็หลงดุนยา บ้าอำนาจ จนลืมบุญคุณคน จนลืมหลักคำสอนของศาสนาโดยสิ้เชิง 
         โอ้ อัลลอฮ ผู้ทรงรับรู้และเมตตาขอพระองค์ทรงเปิดใจใส่อิหม่ามที่ถูกต้องแก่พวกเขาเหล่านั้นด้วยเถิด อามีน
Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม