วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เมื่อ 3 NGOs ถูกรัฐฟ้องดำเนินคดี บรรดาสื่อแนวร่วมปากดีต่างวิ่งพล่านหางจุกตูด



          การนำเสนอข่าวเรื่อง กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า แจ้งความดำเนินคดีกับ 3 นักสิทธิมนุษยชนชายแดนใต้ LEMPAR และ ฮิวแมนไรท์วอทช์ ขาดการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านสุ่มเสี่ยงต่อการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้กฎหมู่ให้อยู่เหนือกฎหมาย

          LAMPAR และ ฮิวแมนไรท์วอทช์ รวมไปถึงบรรดาเครือข่ายเว็บเพจ: Wartani เว็บเพจ: Suara Patani ได้นำเสนอข่าวเรื่อง กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า แจ้งความดำเนินคดีกับ 3 นักสิทธิมนุษยชนชายแดนใต้ โดยเฉพาะ LEMPAR ซึ่งมี นายตูแวดานียา ตูแวแมแง เป็นอำนวยการสำนัก ได้ออกแถลงการณ์พิเศษ จี้ภาครัฐให้ความเป็นธรรมต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชน

          ในเวลาต่อมาโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ชี้การออกมาเรียกร้องของกลุ่ม LEMPAR และ ฮิวแมนไรท์วอทช์ โดยขาดการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านจะสุ่มเสี่ยงต่อการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้กฎหมู่ให้อยู่เหนือกฎหมายซึ่งจะเป็นบัญหาและอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้

          สำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา (LEMPAR) และองค์กรภาคี อ้างเหตุผลเรียกร้องเพื่อไม่ให้สถานการณ์ความขัดแย้งด้วยอาวุธในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ตึงเครียดไปมากกว่าที่เป็นอยู่ เนื้อหาใจความเรียกร้องไปยังเครือข่ายนักสิทธิมนุษยชนทั้งในและระหว่างประเทศ ช่วยกันรณรงค์ปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนทั้ง 3 คน และขอให้ภาครัฐให้ความเป็นธรรมและเคารพในหลักสิทธิมนุษยชนว่าด้วยสิทธิของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนนั้นจะต้องได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายแห่งรัฐ

          การอ้างเหตุผลเรียกร้องเพื่อไม่ให้สถานการณ์ความขัดแย้งด้วยอาวุธในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ตึงเครียดไปมากกว่าที่เป็นอยู่ของ LAMPAR เป็นสิ่งที่สวนทางกับความจริง เหตุไฉน!!การอ้างเหตุผลฟังดูสวยหรู แต่พฤติกรรมการกระทำกลับซ่อนเงื่อนดึงเครือข่ายนักสิทธิมนุษยชนทั้งในและระหว่างประเทศ ช่วยกันรณรงค์ปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนทั้ง 3 คน

         ทั้งๆ ในความเป็นจริงบุคคลทั้ง 3 ร่วมกันกระทำความผิดอย่างชัดเจน บางคนเคยได้รับโอกาสจากรัฐมานับครั้งไม่ถ้วน อย่างเช่น นางสาว พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผอ.มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เคยบิดเบือนข้อมูลกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐซ้อมทรมานผู้ต้องสงสัย หน่วยงานที่ถูกกล่าวหาได้ดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นไปตามที่ นางสาวพรเพ็ญฯ กล่าวหา สุดท้ายมีการยอมความถอนฟ้องเพื่อเห็นแก่ลูกผู้หญิงเพศแม่

        ผิดแล้วกลับไม่หลาบจำยังคงเดินหน้าสร้างความร้าวฉาน ด้วยการเปิดเผย เผยแพร่ข้อมูลการซ้อมทรมานจังหวัดชายแดนภาคใต้อันเป็นเท็จสร้างความเสื่อมเสียให้กับภาครัฐ ควรเป็นบทเรียนและเป็นตัวอย่างของการรายงานมั่ว รวมไปถึงการเคลื่อนไหวใดๆ ที่มุ่งสร้างความเสื่อมเสียด้วยการบิดเบือนความจริง มิเช่นนั้นกลุ่มบุคคลเหล่านี้ยังคงเคลื่อนไหวในลักษณะเช่นนี้อยู่ต่อไป

BRN อาชญากรนอกรีต ล้างผลาญทุกคน ไม่เลือกเป้าหมาย





         การที่มีอาชญากรใจสกปรก ไร้ศาสนา แต่อ้างว่าเป็นการกระทำเพื่อศาสนาอิสลามในการก่อเหตุร้ายต่างๆ สร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องในพื้นที่ปลายด้ามขวานของเราอยู่เป็นระยะๆในทุกวันนี้ เพราะเขาไม่ต้องการให้บ้านเมืองของเรามีความสงบสุข และหวังข่มขู่ หวังสร้างความหวาดกลัวให้พี่น้องผู้บริสุทธิ์ซึ่งส่วนใหญ่มีความเห็นไม่ตรงกับกลุ่มของเขา

        จากกรณี เว็บเพจ Suara Patani  ได้ทำการโพสต์ ยกย่องผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะว่าเป็น “วีรบุรุษ” และกล่าวอ้างคนปัตตานีภูมิใจในตัวพวกคุณ


        อยากรู้เหมือนกันว่า 
  • คนในพื้นที่ 3 จชต.ภูมิใจในตัวกลุ่มโจรใต้จริงหรือ? หรือว่า
  • แอดมินเว็บเพจ Suara Patani แค่นั่งมโนไปเอง!!! 
         ทั้งที่ความเป็นจริงการตายของกลุ่มโจรใต้ทั้ง 4 ราย แผ่นดินแห่งนี้จะได้สูงขึ้น เพราะตอนมีชีวิตอยู่กลุ่มไซตอนชั่วได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนมาโดยตลอด

          “วีรกรรม” ล่าสุดของ “วีรบุรุษ” ของขบวนการโจรใต้คือการบุกยึดโรงพยาบาลเจาะไอร้องจับพนักงานของโรงพยาบาลเป็นตัวประกัน ทำการกราดยิงเจ้าหน้าที่ทหารพรานซึ่งตั้งฐานอยู่ใกล้โรงพยาบาล การบุกยึดโรงพยาบาลดังกล่าวเป็นการละเมิดกฎกติกาสากล

          เราไม่อาจกล่าวโทษผู้ก่อเหตุเหล่านี้ฝ่ายเดียวได้หรอก หากขบวนการ BRN ไม่นำเอาแนวคิดที่ผิดเพี้ยนมาบรรจุใส่สมองของเขา เขาก็จะยังคงเป็นบุตรหลานที่น่ารักของพ่อแม่ และเป็นคนดีของสังคม 

แต่...ด้วยการบิดเบือนประวัติศาสตร์และหลักศาสนาของ“อูลามา”จอมปลอมของขบวนการจัดตั้งขึ้นมา ทำให้เยาวชนหลงเชื่อจนไม่เห็นความสำคัญของการเป็นชาติพันธุ์ไทยมลายูปัตตานี จนต้องเอาชีวิตคนมลายูปัตตานีคนแล้วคนเล่า มาแลกกับการสร้างสถานการณ์เพื่อประโยชน์ ความร่ำรวย ตลอดจนความอยู่รอดของกลุ่มตน

  •  ท่านยังจะเชื่อว่าขบวนการจะทาเพื่อท่านและศาสนาอิสลามที่งดงามของเราอยู่อีกหรือ? 
  • ทุกวันนี้ยังมีสิ่งใดที่จะสามารถบ่งบอกได้ว่า ขบวนการนอกรีตพวกนี้จะไม่ทำร้ายท่านในอนาคต? 
  • แล้วท่านยังจะต้องปกป้องเขาให้พ้นจากกฎหมายอยู่อีกหรือ?

เพื่อดำรงไว้ซึ่งศาสนาอิสลามที่ศักดิ์สิทธิ์‬ อย่าหลงผิด คิดช่วยคนเลว

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2559

โลกนี้ปฏิเสธอิสลาม ถ้า ดอนัลด์ ทรัมพ์ ได้เป็นประธานาธิบดี ภาพนี้คงได้เกิดขึ้นในสหรับอเมริกาแน่นอน


       กลุ่มต่อต้านอิสลามพกอาวุธออกมาด้วย ภาพนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2015 จากเว็บไซท์ http://clashdaily.wpengine.netdna-cdn.com/wp-content/uploads/2015/10/Screen-Shot-2015-10-12-at-7.20.28-AM-300x180.jpg


          ชาวอเมริกัน 20 เมืองประกาศออกมาต่อต้านอิสลามเสาร์ที่ 17 ตุลาคม เผยพกอาวุธออกมาด้วยอ้างรัฐธรรมนูญมาตราแรก หวั่นลุกลาม เจ้าหน้าที่เตรียมรับมือ ขณะที่มุสลิม-อเมริกันออกประกาศให้จับตา

         สำนักข่าว MSNBC รายงานว่าวันที่ 17-18 ตุลาคม 2558 นี้จะมีกลุ่มต่อต้านอิสลาม ออกมาประท้วงบริเวณหน้าสุเหร่าของ 20 เมืองในสหรัฐอเมริกา บางกลุ่มประกาศพกอาวุธออกมาด้วย การประท้วงครั้งนี้ใช้ชื่อว่า “การประท้วงของโลกเพื่อมนุษยชาติ” (Global Rally for Humanity) พร้อมด้วยสโลแกนว่า “โลกนี้ปฏิเสธอิสลาม” (The world is saying no to Islam) โดยหวังว่าจะเป็นพลังขับชาวมุสลิมออกจากอเมริกา

        ในเฟซบุ๊กของกลุ่มต่อต้านระบุว่า “ทุกคนจงลุกขึ้นมาต่อต้านอิสลาม การกระทำครั้งนี้ไม่ถือว่าเป็นการเหยียดผิว แต่เป็นความหมายง่ายๆว่าคุณไม่ใช่คนปัญญาอ่อนและมองเห็นความเป็นจริงของอิสลามทั่วโลก....โลกนี้ปฏิเสธอิสลาม”

        เฟซบุ๊กของกลุ่มต่อต้านอิสลามยังเขียนไว้อีกว่าการรณรงค์ต่อต้านสุดสัปดาห์นี้ด้วยเหตุผลที่ว่าอิสลามหัวรุนแรงเปิดโจมตีมนุษยชาติทุกวัน และการต่อต้านจะเกิดขึ้นในทุกประเทศ ทุกสุเหร่า

         รายงานข่าวเปิดเผยว่ากำหนดการประท้วงจะมีขึ้นใน 20 เมืองของสหรัฐอเมริกา เป้าหมายคือการประท้วงบริเวณหน้าสุเหร่า

        ขณะที่สภาความสัมพันธ์อเมริกัน-อิสลาม (the Council on American-Islamic Relations =CAIR) เป็นกลุ่มนำด้านสิทธิมนุษยชนมุสลิมได้ติดต่อเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายท้องที่เพื่อรักษาความสงบเพราะกลุ่มประท้วงระบุว่าจะมีการพกพาอาวุธออกมาประท้วงด้วย  พร้อมกับเรียกร้องให้ชุมชนมุสลิมอยู่ในความสงบเพียงให้จับตาดูการประท้วง

การประท้วงอิสลามเมื่อเดือนพฤษภาคม
          เมื่อเดือนพฤษภาคม 2015 มีคนอเมริกันประมาณ 200 คนรวมตัวกันประท้วงอิสลามและพระมะหะหมัด ศาสดาของอิสลามบริเวณหน้าสุเหร้าเมืองฟีนิกซ์ รัฐอริโซนา จัดโดยนายจอน ริทซ์ไฮเมอร์ ( Jon Ritzheimer) อดีตทหารผ่านศึกสงครามอิรัก เขาปรากฎตัวขึ้นสวมเสื้อยืดสีดำเขียนไว้ว่า “F—k Islam.”

         นายริทซ์ไฮเมอร์เปิดเผยว่าเขาได้แรงจูงใจนี้มาจากการประท้วงมุสลิมที่เท็กซัส ในสุดสัปดาห์นี้เขาก็จะเข้าร่วมโดยใช้แนวเดียวกับที่เคยประท้วงที่ฟีนิกซ์ มีการโบกธงต่อต้านอิสลามด้วย เป็นการเปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ โดยไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของบัญชีทวิตเตอร์นี้

         ขณะที่ CAIR ออกคำแถลงผ่าน Newsweek ว่ากลุ่มผู้จัดการต่อต้านอิสลามเป็นเรื่องของการจงเกลียดจงชัง (hate rallies) พร้อมกับแจ้งว่าจะพกพาอาวุธที่ถือว่าทำถูกกฎหมาย และอาจจะมีการนำหมูและคัมภีร์อัล-กุรอานออกมาดำเนินการด้วย

         “ขบวนการต่อต้านอิสลาม เกิดขึ้นในช่วงนี้มีแรงจูงใจเป็นเรื่องอาชญากรรมของความจงเกลียดจงชัง (hate-motivated crimes)ที่เพิ่มขึ้น เป็นเรื่องของความอคติที่มีเป้าหมายไปทั่วประเทศทั้งในส่วนบุคคลและทรัพย์สินที่กระทำต่ออิสลามและชุมชนมุสลิมอเมริกัน” คำแถลงกล่าว

        ในขณะที่วันที่ 17 ตุลาคมนี้ นายเบน คาร์สัน ผู้สมัครชิงชัยเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2016 เปิดเผยว่าเขาจะแสดงให้เห็นว่าทำไมเขาต่อต้านมุสลิมอเมริกันไม่ต้องการให้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ

         พร้อมทั้งยังอ้างอิงไปยังคณะ “บิดาผู้ก่อตั้งสหรัฐ” (the Founding Fathers)ที่ประกาศห้ามไม่ให้บุคคลบางกลุ่มขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี โดยมีความกลัวว่าจะทำให้ความซื่อสัตย์ต่อสหรัฐนั้นแตกต่างไป

         ไม่เพียงเฉพาะนายคาร์สันเท่านั้น แต่ผู้สนใจเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันอีกคนคือนายดอนัลด์ ทรัมพ์ กล่าวเมื่อเดือนกันยายนในระหว่างการหาเสียงที่รัฐนิว แฮมเชอร์ ประกาศว่า “เรามีปัญหาของประเทศ ที่เรียกว่ามุสลิม”

        นายดอนัลด์ ทรัมพ์ เคยตั้งคำถามเกี่ยวกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา นับถือศาสนาอะไรและมีพันธกรณีต่ออเมริกาอย่างไร

        “เขาไม่มีใบเกิด แต่อาจมีใบหนึ่ง และมีอะไรอยู่ในนั้น อาจจะเป็นเรื่องศาสนา เขาอาจเป็นมุสลิม”ทรัมพ์ให้สัมภาษณ์ผ่านทีวีฟ็อกซ์ เมื่อปี 2011 “ผมไม่รู้ บางทีเขาก็อาจไม่ต้องการอะไร”

        ขณะที่สถานีทีวี CBS Detroit รายงานจากเมืองเดียร์บอร์น รัฐมิชิแกนรายงานว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดียร์บอร์น ,เอฟบีไอและ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของกระทรวงความมั่นคงสหรัฐพร้อมที่จะรับมือการเดินขบวนประท้วงที่เรียกว่าGlobal Rally for Humanity โดยเฉพาะช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 17 จะมีการประท้วงที่สุเหร่าชื่อ the Islamic Center of America ซึ่งเป็นสุเหร่าใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือบนถนน Ford


         The Arab American National Museum in Dearborn มิชิแกนเปิดเมื่อมกราคม 2005 เพื่อเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์ของชาวอาหรับในสหรัฐอเมริการวมทั้งการมีส่วนทำให้อเมริกาเจริญรุ่งเรืองในเขตที่พวกเขาอยู่อาศัย (ภาพวิกิพีเดีย)

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

         เมือเดียร์บอร์น รัฐมิชิแกนเป็นเมืองหนึ่งที่เป็นที่อยู่อาศัยของชาวยุโรปและตะวันออกกลาง สืบเนื่องมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ชนชาติยุโรปประกอบด้วยเยอรมัน,โพลิส,ไอริช,และอิตาเลียน ส่วนชาวตะวันออกกลางที่มารวมตัวกันเป็นชุมชนใหญ่ประกอบด้วย ชาวเลบานอน,เยเมน,อิรัก,ซีเรียและปาเลสไตน์  เฉพาะชาวอาหรับ-อเมริกันมีประมาณ 40,000 คน เป็นเจ้าของห้องอาหารและธุรกิจต่างๆ ใช้ภาษาอังกฤษและอาหรับ


        เมืองเดียร์บอร์นมีประชากรอาหรับเพิ่มมากขึ้นเมื่อปี 2003 เป็นต้นมา หลังจากสหรัฐไปทำสงครามในอิรักเป็นเหตุให้เกิดผุ้อพยพชาวอิรักที่จะต้องเลี้ยงดู ทำให้เดียร์บอร์นกลายเป็นเมืองใหญ่สุดของชาวอาหรับ-อเมริกันและนับถือศาสนาอิสลาม

วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2559

วันทุกวันในโลกนี้ ล้วนเป็นวันประเสริฐทั้งนั้น ถ้าทำความดีต่อกัน



          เดือนรอมฎอนเป็นช่วงเวลาที่มุสลิมถือว่าเป็นเดือนอันประเสริฐ เป็นเดือนที่มุสลิมถือศีลอดเพื่อจะรำลึกถึงคนที่ยากไร้และการให้ นอกจากนั้นยังเป็นเดือนที่อัลกุรอานได้ถูกประทานลงมาเป็นทางนำ ทุกแห่งมุสลิมต่างถือศีลอดทั้งสิ้น



           วันนี้ บีบีซีไทยจะพาไปที่กรุงธากาของบังกลาเทศ ที่ซึ่งคนต่างศาสนาสนับสนุนเกื้อกูลกันในการที่อีกฝ่ายจะปฎิบัติศาสนกิจ ที่นั่นมุสลิมบางส่วนมีฐานะยากจน แต่พวกเขาไม่ละความพยายามที่จะถือศีลอดและอ่านคัมภีร์อัลกุรอาน อย่างไรก็ตาม ความยากจนทำให้พวกเขาไม่มีอาหารในยามละศีลอดแต่ละวัน พระสงฆ์ ณ วัดธรรมราชิกาในกรุงธากาก็ได้เอื้อเฟื้อด้วยการแจกจ่ายอาหารเพื่อการละศีลอดแก่มุสลิมราว 500 คน ตลอดทั้งเดือนรอมฎอน สะท้อนวิถีการอยู่ร่วมกันของผู้ที่มีศรัทธาทางศาสนาที่แตกต่างกัน

ผลตรวจอาวุธปืน ผกร.เหตุปะทะ 4 ศพจะแนะ เชื่อมโยงคดีสำคัญ 29 คดี เสียชีวิต 15 ราย บาดเจ็บ 9 ราย

13349069_1291088330924106_564315534_n_Fotor


Posted on มิถุนายน 11, 2016 by admin


         กรณีเหตุการณ์เมื่อ 1 มิ.ย.59 เวลา 06.00 เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ทพ.46 สนธิกำลังร่วมกับ นปพ.ร่วม จ.นราธิวาส, นย.ตข.ขว.ทอ.นธ.กกล. ทอ.ฉก.9, ชปข.ขกท.พล.ร.15 ,ชปพ.ชค.543 , ชป.พิเศษ ร้อย.ทพ.4603 , บก.ควบคุม 4 , ชุดซักถาม ฉก.ทพ.46 , ชุดสืบสวน ภ.จว.นราธิวาส , และ สภ.จะแนะ เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นพิสูจน์ทราบแหล่งที่พักพิงหลบซ่อนตัวฐานปฏิบัติการ เพื่อติตามจับกุมบุคคลเป้าหมายกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ในพื้นที่ป่าถูเขา บ้านไอร์กิส บ้านย่อยบ้านไอร์โซ หมู่ที่ 5 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส พิกัด QG 883646



           ขณะเจ้าหน้าที่เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นได้ปะทะกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ทำให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต 4 ราย และตรวจยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ 7 กระบอก ประกอบด้วยอาวุธปืน AK-47 จำนวน 3 กระบอก, อาวุธปืน M-16 จำนวน 2 กระบอก, อาวุธปืนลูกซองยาว ขนาด 12 จำนวน 1 กระบอก และอาวุธปืน HK-33 จำนวน 1 กระบอก อีกทั้งทำการตรวจพบที่พักแรมจำนวน 18 หลัง มีรอยเลือดคาดว่า ผกร.บาดเจ็บ 3-4 คน หยดอยู่ในที่เกิดเหตุก่อนจะหลบหนีไป


           เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้าไปยังที่เกิดเหตุเก็บรวบรวมหลักฐานต่างๆ เพื่อทำการตรวจหา DNA รายการของกลางทั้งหมด ประกอบด้วย

  • ปืนเล็กกล (AK47) ขนาด 7.62 มม.RUSSIAN เลขหมายประจำปืน 26049847 (หมายเลข 3) จำนวน 1 กระบอก
  • ปืนเล็กกล (AK47) ขนาด 7.62 มม.RUSSIAN เลขหมายประจำปืนถูกขูดลบแก้ไขเป็น 95123 (หมายเลข 4) จำนวน 1 กระบอก 
  • ปืนเล็กกล (AK47) ขนาด 7.62 มม.RUSSIAN เลขหมายประจำปืน 10130898 (หมายเลข 12) จำนวน 1 กระบอก
  • ปืนเล็กกล (M16) ขนาด .223 (5.56 มม.) เลขหมายประจำปืน 7418224 (หมายเลข 2) จำนวน 1 กระบอก
  • ปืนเล็กกล (M16) ขนาด .223 (5.56 มม.) เลขหมายประจำปืน 9537388 (หมายเลข 9) จำนวน 1 กระบอก
  • ปืนเล็กกล (HK33) ขนาด .223 (5.56 มม.) เครื่องหมาย กงจักร และ โล่ ตร. เลขหมายประจำปืน 143488 (หมายเลข 5) จำนวน 1 กระบอก
  • ปืนยาวลูกซองเดี่ยว (ผลิตจากต่างประเทศ) ขนาด 12 ไม่มีเครื่องหมายทะเบียน เลขหมายประจำปืนถูกขูดลบ (หมายเลข 13) จำนวน 1 กระบอก

         ผลการพิสูจน์เบื้องต้นของ ศพฐ.10 พบว่าอาวุธปืนทั้งหมดเคยใช้ทำการก่อเหตุมาแล้วถึง 29 คดี โดยอาวุธปืนรายการที่ 1 ตรวจพบว่าเคยใช้ยิงในคดีที่มีประวัติเก็บไว้ในสารบบของ ศพฐ.10 ถึง 15 คดี ตามด้วย อาวุธปืนรายการที่ 6 จำนวน 6 คดี อาวุธปืนรายการที่ 2 จำนวน 5 คดี อาวุธปืนรายการที่ 3 จำนวน 2 คดี และอาวุธปืนรายการที่ 4 จำนวน 1 คดีตามลำดับ ส่วนอาวุธปืนรายการที่ 7 ยังอยู่ในระหว่างการตรวจพิสูจน์

         อาวุธปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุคดีสำคัญตั้งแต่ปี พ.ศ.2553 จนถึงปัจจุบันพบว่าจะก่อเหตุสร้างสถานการณ์อยู่ในพื้นที่ จ.นราธิวาส ไล่เรียงจากความถี่จากมากไปหาน้อยได้แก่ อ.ระแงะ, อ.เจาะไอร้อง, อ.จะแนะ, อ.เมืองนราธิวาส, อ.สุคิริน และ อ.สุไหง โก-ลก ส่วนความสูญเสียและความเสียหายที่เกิดขึ้นได้สร้างผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ต้องสังเวยชีวิตไป 15 ราย ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 9 ราย.
Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม