วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ชายชาวอิหร่าน รณรงค์เรียกร้องสิทธิให้กับผู้หญิงที่ถูกบังคับให้สวมฮิญาบออกจากบ้าน





            เว็บไซต์เมโทร รายงานเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ระบุว่า ชายชาวอิหร่านร่วมรณรงค์เรียกร้องสิทธิให้กับผู้หญิงที่ถูกจำกัดสิทธิด้วยกฎหมายบังคับคลุมผมด้วยฮิญาบในที่สาธารณะ ด้วยการโพสต์ภาพตัวเองใส่ฮิญาบคู่กับภรรยาและญาติฝ่ายหญิงในโลกโซเชียล




         การเรียกร้องสิทธิของผู้หญิง ซึ่งถูกบังคับโดยกฎหมายที่เขียนไว้หลังการปฏิวัติอิสลามตั้งแต่ปี 2522 ที่ระบุว่าผู้หญิงทุกคนต้องสวมผ้าคลุมผม หรือ ฮิญาบ หากฝ่าฝืนจะถูกปรับเงิน หรือแม้แต่อาจถูกตัดสินรับโทษจำคุก อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้แม้ว่าจะมีความเสี่ยงที่จะต้องรับโทษจำคุก มีผู้หญิงจำนวนหนึ่งร่วมในการแสดงออกด้วยการออกจากบ้านโดยไม่สวมฮิญาบแล้ว ขณะที่บางรายถึงกับโกนศีรษะด้วย


          ล่าสุด ชายชาวอิหร่านได้ร่วมแสดงออกในแคมเปญ “มายสเตลธีฟรีดอม” หรือ “อิสรภาพลับๆของฉัน” แคมเปญที่ริเริ่มโดย มาซิห์ อาลีเนจาด หญิงนักเคลื่อนไหวอาศัยในนครนิวยอร์ก ที่เรียกร้องให้ผู้ชายร่วมโพสต์ภาพและแฮชแท็ก  หรือชายสวมฮิญาบ

         
         โดยล่าสุด อาลีเนจาด ได้ภาพที่มีผู้ส่งเข้าร่วมแคมเปญแล้วกว่า 30 ภาพนับตั้งแต่เริ่มโครงการเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยอาลีเนจาด ระบุว่า ชายส่วนใหญ่เหล่านี้อาศัยอยู่ในอิหร่าน และได้เห็นความทุกข์ของผู้หญิงจากตำรวจและการบังคับให้ต้องใส่ฮิญาบ


         ขณะที่ชายอิหร่านรายหนึ่ง โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า “ผมใส่ฮิญาบระยะเวลาหนึ่งเพื่อจะได้เข้าใจความรู้สึกของภรรยาที่ต้องใส่ฮิญาบเป็นประจำทุกวัน”

วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ผลพิสูจน์กระสุนปืนคนร้ายใช้ก่อเหตุยิงชาวบ้าน 2 แห่ง ในวันเดียวกัน ที่ อ.มายอ เผยเคยก่อคดีมาแล้วในพื้นที่



Posted on 08/08/2016 by admin


           กรณีเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 59 เกิดเหตุคนร้ายประชาชนเสียชีวิต ที่ริมคลองชลประทาน หลัง อบต.ลางา ม.2 ต.ลางา อ.มายอ ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ล้มอยู่ริมน้ำคลองชลประทาน และพบศพลอยอยู่ในคลองสภาพคว่ำหน้า ทราบชื่อ นายมะซาฟวัน อาแซ อายุ 34 ปี ที่อยู่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนปืนขนาด 9 มม.เข้าที่ศีรษะและลำตัว ทราบว่า ผู้ตายขับขี่รถ จยย.ออกจากหมู่บ้านที่เกิดเหตุ เพื่อจะกลับบ้านสายบุรี พอออกมาเพียง 500 เมตร ได้มีคนร้าย 2 คนขับขี่ จยย.ตามประกบและคนร้ายที่ซ้อนท้ายใช้อาวุธปืนยิง ทำให้เสียชีวิต

          เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบลูกระสุนปืนที่เกิดเหตุ พบว่า อาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุเป็นกระสุนปืนขนาด 9 มม.ตกอยู่ที่เกิดเหตุจำนวน 2 ปลอก มีความเกี่ยวเนื่องกับคดีที่มีประวัติคนร้ายเคยก่อเหตุในพื้นที่มาแล้วจำนวนหลายคดีด้วยกัน ประกอบด้วย

  • – คดียิงและเผานางเบญจพร เกื้อตุ้ง เสียชีวิต ขนาดออกไปซื้อของในตลาดนัด ถนนราตาปันยัง-ม่วงหวาน อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี

  • – คดียิง อส.ทพ.จิรศักดิ์ กิจตานนท์ และอส.ทพ.ธนเลิศ เสพสุข เสียชีวิตทั้ง 2 คน บนถนนภายในหมู่บ้านปือ-ท่าด่าน ต.หน่องแรด อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี

  • และก่อนหน้านี้วันเดียวกัน (27 ก.ค. 59) คนร้ายยิง นายซาตา เจะมามะ อายุ 42 ปี บ้านอยู่ ต.ลูโบะยิไร อ.มายอ จ.ปัตตานี ขับขี่รถ จยย.ออกไปดื่มน้ำชาในหมู่บ้าน ระหว่างทาง บริเวณ ม.4 ต.ปะโด อ.มายอ ได้มีคนร้าย 2 คน ขับขี่ รถ จยย.ตามประกบ และคนร้ายใช้อาวุธปืนสั้นไม่ทราบชนิดยิงถูกลำตัว 1 นัด และรถเสียหลักล้มลง บาดเจ็บ

  • ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบลูกกระสุนปืนที่เกิดเหตุพบลูกกระสุนปืนรีวอลเวอร์(ทองแดงหุ้มตะกั่ว) ขนาดประมาณ .38 จำนวน 1 ลูก ผลการตรวจพิสูจน์เบื้องต้นพบว่าลูกกระสุนปืนของกลาง ใช้ยิงมาจากปืนกระบอกเดียวกันกับคดีที่มีประวัติในสารบบ ของ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 จำนวนรวม 13 คดี อาทิ

  • – ยิง นายศรัทธา มะเด็ง (ลูกจ้างโครงการจ้างงานเร่งด่วนหน่วยเฉพาะกิจ ปัตตานี 25-เสียชีวิต),บริเวณถนนสายมายอ – ปาลัส ม.3 ต.ถนน อ.มายอ จ.ปัตตานี

  • – ยิงนางปิยะนันท์ ชูปาน ตำแหน่งเจ้าหน้าที่พนักงาน อบต.แป้น อ.สายบุรีฯ (เสียชีวิต) , ภายในตลาดนัดบ้านตาแบะ ม.3 ต.ลางา อ.มายอ จ.ปัตตานี

  • – ยิงนางฮามีดะห์ สุหลง (อายุ 61 ปี เสียชีวิต) , บ้านเลขที่ 102 ม.3 ต.บาโลย อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี

  • – ยิงนายอับดุลรอเซะ แมะดอเม็ง (ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง ม.2 ต.ท่าน้ำอ.ปะนาเระ(เสียชีวิต) ,บริเวณถนนสายบ้านราวอ ม.4 ต.กระหวะ อ.มายอ จ.ปัตตานี

  • – ยิง ว่าที่ ร.ต.สมาน มะแซ (หัวหน้าสถานีอนามัยตำบลถนน อ.มายอฯ- เสียชีวิต) ,บ้านเลขที่ 1/2 ม.5 ต.กระเสาะ อ.มายอ จ.ปัตตานี

           จากการตรวจสอบวัตถุพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ของ ศพฐ.10 ล่าสุด แสดงให้เห็นว่า กรณีคนร้ายยิงประชาชน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เพื่อลอบดักสังหารชาวบ้านผู้บริสุทธิ์รายวัน และพยายามสร้างสถานการณ์เพื่อให้คนทั่วไปเข้าใจผิด และถือว่าเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม และผู้ก่อเหตุเองก็มีคดีหลายคดีด้วย เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจและสร้างความกระจ่างต่อประชาชนในพื้นที่ อย่าหลงผิดและเชื่อในการกระทำบางอย่างของผู้ไม่หวังดีอาจนำไปบิดเบือนข้อเท็จจริง

———————-

วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ทัพช้างศึกเตรียมวุ่นกันถ้วนหน้า หลังประเทศซาอุฯสั่งห้ามผู้เล่นไทยพกเครื่องรางของขลังเข้าประเทศเป็นอันขาด




            สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา ณ อาคารพงษ์สุภี วิภาวดี โดยสมาคมฟุตบอลฯได้เรียกประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันอุ่นเครื่องกับ ทีมชาติกาตาร์ ในวันที่ 25 สิงหาคม และการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 3 นัดแรก ที่จะพบกับ ทีมชาติซาอุดิอาระเบีย ในวันที่ 1 กันยายน 2559

        โดยการประชุมดังกล่าวมีการหารือเรื่องที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ได้จำกัดจำนวนในการเดินทางเข้าสู่ประเทศ รวมถึงสั่งห้ามนำเข้าสิ่งของที่อาจผิดกฎหมายเข้าสู่ประเทศซาอุฯ

         “โค้ชซิโก้” กุนซือใหญ่ช้างศึก กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ที่ผ่านมาเป็นการประชุมภาพรวมทั้งหมดในการเตรียมทีมชาติไทย รอบ 12 ทีมเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเดินทาง, อาหารการกิน, รวมถึงเรื่องทั้งหมดตลอดการเดินทางที่เราไปอยู่กาตาร์และซาอุ นอกจากนี้ที่ต้องเน้นอีกเรื่องคือข้อจำกัดในการเดินทางไปซาอุฯ เราจะกำชับทั้งนักกีฬาและผู้สื่อข่าวว่าอะไรที่เอาไปได้หรือไม่ได้ เพราะหากอะไรที่เอาไปไม่ได้ แล้วเราเอาไปมันเสี่ยงผิดกฏหมายเขา”


         ทั้งนี้เเหล่งข่าวใกล้ชิดกับ “โค้ชซิโก้” ยังได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า “สิ่งต้องห้ามที่ประเทศซาอุฯ กำชับนักกีฬาเเละผู้สื่อข่าวชาวไทย อาทิ สิ่งที่เกี่ยวกับหมู ประเภทของกินเช่น หมูสด, น้ำมันหมู นอกจากนี้มีพวก รูปเปลือย, เหล้า เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งจะถูกโยนทิ้งทันที เช่นเดียวกับอะไรที่เกี่ยวกับศาสนาอื่นก็จะถูกสั่งห้ามเช่นกัน ยกเว้นศาสนอิสลาม ไม่เว้นกระทั้งพระเครื่อง สิ่งเครื่องรางของขลังที่ติดตัวไปบูชา หากตรวจพบ ก็จะถูกยึดนำไปทิ้งทันที เนื่องจากซาอุฯเป็นประเทศที่ใช้ศาสนาผูกกับกฎหมายบ้านเมือง”

วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เบื้องหลังความชั่ว อัสมีน กาเต็มมาดี มือระเบิดตำรวจดับเดือนรอมฏอน





           จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2559 เวลาประมาณ 19.05 น. คนร้ายทำการลอบวางระเบิด บริเวณม้าหินอ่อนระหว่างหน้าร้านศรีปุตรี เลขที่ 84 กับ หจก.อัลฮิจญ์เราะฮ ถนนยะรัง ต.อาเนาะรู อ.เมือง จ.ปัตตานี ผลจากแรงระเบิดเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ราษฎรได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ทรัพย์สินได้รับความเสียหายหลายรายการ


           รายละเอียดของเหตุการณ์เมื่อวันที่ 3 ก.ค.59 เวลาประมาณ 19.00 น. ขณะที่ จนท.ตำรวจจราจร สภ.เมืองปัตตานี ซึ่งเป็นชุดบริการจราจร โดยมี ร.ต.ต.มยูนุ จูเฮง เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ ให้กับผู้ที่เดินทางมาละศีลอดและละหมาดดอรอเวียะ ที่มัสยิดกลางปัตตานี และระหว่างที่ประชาชนร่วมรับประทานอาหารในบริเวณมัสยิดกลาง จนท.ตำรวจจราจรก็ไปรอให้บริการประชาชน จึงไปนั่งที่บริเวณม้าหินอ่อนระหว่างหน้าร้านศรีปุตรี เลขที่ 84 กับ หจก.อัลฮิจญ์เราะฮ ถนนยะรัง ต.อาเนาะรู อ.เมือง จ.ปัตตานี ซึ่งอยู่ห่างจากมัสยิดกลางปัตตานี ประมาณ 17 เมตร จากนั้นได้เกิดระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 1 ราย และได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 ราย


          ซึ่งผู้ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บในครั้งนั้นประกอบด้วยเจ้าหน้าที่และประชาชนโดย จ.ส.ต.อนุรักษ์ รักบุตร อายุ 34 ปี ได้เสียชีวิต ส.ต.ต.วิชชากร เอกกุน อายุ 27 ปี, ส.ต.ต.สุรศักดิ์ปาสังข์ ได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งราษฎรได้รับบาดเจ็บ 1 ราย คือ นายยา มอลอ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41/1 ม.4 ต.ตาเซะ อ.เมือง จ.ยะลา ได้รับบาดเจ็บแผลถลอกบริเวณศีรษะ


         เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานที่ตรวจพบจากที่เกิดเหตุได้แก่ ชิ้นส่วนท่อเหล็ก(ภาชนะบรรจุ) สะเก็ดระเบิด (เหล็กตัดท่อนคละขนาด) ชิ้นส่วนวิทยุสื่อสาร ชิ้นส่วนวงจร DTMF ชิ้นส่วนแบตเตอรี่ ขนาด 1.5 และ 9 โวลต์


        ความเสียหายต่อทรัพย์สินรถจักยานยนต์ จำวนวน 3 คัน (คันของเจ้าหน้าที่ทีบาดเจ็บ) ร้าน หกจ.อัลฮีจญ์เราะ และร้านศรีปุตรี




           ความคืบหน้าของคดี เมื่อวันที่ 22 ก.ค.59 พนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี ได้รวบรวมพยานหลักฐานและได้ขอออกหมายจับ พรก.ฉุกเฉินฯ นายอัสมีน กาเต็มมาดี อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 ซอย 5 ถนนนาเกลือ ต.อาเนาะรู อ.เมือง จ.ปัตตานี ตามหมายจับ ที่ ฉฉ.71/59 ลง 22 ก.ค.59


          การออกหมายจับในครั้งนี้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานีได้ให้พยานดูภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ พยานจำได้ยืนยันว่านายอัสมีนฯ เป็นหนึ่งในคนร้ายที่ทำการก่อเหตุลอบวางระเบิด
นายอัสมีนหรือมีน กาเต็มมาดี หมายเลขบัตรประจำตัว 1-9499-00081-74-9 เกิดเมื่อ 18 ก.ค. 2530 อายุ 20 ปี ภูมิลำเนา 6 ซ.5 ม.5 ถ.นาเกลือ ต.อาเนาะรู อ.เมือง จ.ปัตตานี


      พฤติกรรมนายอัสมีนหรือมีน กาเต็มมาดี ที่ผ่านมามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดร้านน้องเฟิร์น เมื่อ 4 ธ.ค. 50 เวลาประมาณ 18.40 น. ทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 ราย บาดเจ็บ 25 ราย



        นายอัสมิน กาเต็มมาดี เป็นผู้ชักชวน นายซุกรี สุหลง ซึ่งถูกจับกุมเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 59 ตามหมายจับของศาลจังหวัดปัตตานีที่ 204/2559โดยนายสุกรีฯ ให้การ ยอมรับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อวันที่1 เมษายน 2557 เวลา 14.10 น. เหตุลอบยิง ร.ต.ต.วัลลภ เจษฎารมย์ เสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณ ถ.กะลาพอ ต.อาเนาะรู อ.เมือง จ.ปัตตานี

วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

โจร จิ้ม โจร ของแท้มาแล้วครับ ​กลุ่มก่อการร้ายไอเอสหรือดาอิชปล่อยคลิปวิดีโอประกาศสงครามกับมาเลเซียและอินโดนีเซีย



             กลุ่มก่อการร้ายไอเอสหรือดาอิชปล่อยคลิปวิดีโอประกาศสงครามกับมาเลเซียและอินโดนีเซีย ซึ่งในคลิปวิดีโอมีผู้ชายที่รายล้อมไปด้วยเด็ก และมีวัยรุ่นที่ยืนถือปืนไรเฟิล AK-47 โดยผู้ชายในคลิปพูดด้วยภาษาบาฮาซามลายูปนกับภาษาอาหรับ ขอพรจากพระอัลเลาะห์ จากนั้นก็พูดพร้อมถือพาสปอร์ตมาเลเซียว่า จงรู้ไว้ว่า เขาไม่ใช่พลเมืองของมาเลเซียแล้ว เขาได้ปลดปล่อยตัวเองออกจากมาเลเซีย และกลุ่มไอเอสจะยกทัพไปบุกมาเลเซียและอินโดนีเซียแบบที่ไม่มีใครสามารถต่อกรได้ โดยย้ำว่านี่คือพระประสงค์ของพระเจ้า นอกจากนี้ ยังกล่าวว่า กลุ่มไอเอสจะโค่นล้มรัฐบาลที่ไม่ทำตามหลักของศาสนาอิสลาม หรือไม่ส่งเสริมให้ใช้ศาสนาอิสลามปกครองประเทศ


           นอกจากคลิปวิดีโอนี้ ยังมีอีกหลายคลิปที่พูดเป็นบาฮาซา เพื่อมุ่งเป้าสื่อสารกับผู้สนับสนุนกลุ่มไอเอสในมาเลเซียและอินโดนีเซีย โดยมีภาพเด็กๆเรียนศาสนา ตอบคำถามเกี่ยวกับคำสอนทางศาสนา มีการกล่าวสรรเสริญพระเจ้า และฝึกซ้อมทักษะการต่อสู้ รวมไปถึงฝึกการใช้ปืนอีกด้วย

           ก่อนหน้านี้ กลุ่มไอเอสก็เพิ่งประกาศให้สาวกพุ่งเป้าโจมตีไปที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกเหนือจากการสู้รบในอิรักและซีเรีย และเมื่อวานนี้ (4 ก.ค.) ทางการมาเลเซียเพิ่งออกมายืนยันว่า เหตุระเบิดไนท์คลับเป็นฝีมือไอเอส






การบิดเบือนความจริงโดยพวกฟาตอนีในโลกออนไลน์ !!!




            หลายวันมานี้มีเหตุการณ์มากมาย ทั้งยิงผู้บริสุทธิ์ ลอบวางระเบิดคาร์บอม จนมีผู้เสียชีวิตมากมาย สิ่งหนึ่งที่แอดมินเห็นชัดเจนมาก ๆ คือ การบิดเบือนข้อมูล การเบี่ยงเบนประเด็น และการไม่ยอมรับว่าพวกตัวเองทำผิด ซึ่งหลายวันมานี้ชัดเจนมาก ๆ แทบทุกเหตุการณ์จะมีพวกฟาตอนีมาบิดเบือน อาทิเช่น


  • 1. เหตุการณ์ยิงผู้หญิง 2 คนที่ตากใบ ตอนแรกแอดมินนั้งอ่านคอมเม้นตามเพจต่าง ๆ พวกบิดเบือนมาทันที พวกมันโยนไปเรื่องอื่นทันที บอกว่าระวังนะเค้าเป็นลูกตำรวจ EOD อาจเป็นเรื่องอื่นอย่าให้เค้าเสียชีอเสียง พอแอดอ่านคอมเม้นต่อมีคนว่ามันทันที เรื่องส่วนตัวอะไร ยิงแล้ววางระเบิดด้วย สุดท้ายคอมเม้นนั้นรีบลอบออกทันทีเมื่อความจริงปรากฏ
  • 2. เหตุการณ์ต่อมาเหตุคาร์บอมอันนี้ชัดเจนมาก มีพวกบิดเบือนเยอะมาก อย่างแรกที่แอดมินเจอ คือ วาทะกรรมเดิม ๆ ของคนพวกนี้นั้น คือ " เหตุสงบงบไม่มา " แถมพูดว่าใกล้จะถึงปีงบประมาณใหม่ต้องรีบสร้างสถานะการณ์ คนพวกนี้พยามโย่งเป็นอย่างมาก ที่แอดมินเห็น คือ มันบอกว่าเจ้าหน้าที่ในด่านมันรู้กัน

          เพราะไม่มีใครตาย ซึ่งตรงนี้เรายังไม่ทราบว่ามีตำรวจเสียชีวิต แต่พอเห็นภาพความเสียหาย ร่วมทั้งมีตำรวจพลีชีพ ร่วมทั้งพฤติกรรมโจรฟาตอนีด้วย ทำให้เรารู้เลยว่าฝีมือโจรฟาตอนีทำแน่นอน 100 % เมื่อความจริงปรากฏคนกลุ่มนี้จะรีบลบคอมเม้นทิ้งทันที

         ความคิดแอดมินคนพวกนี้ถูกปลูกฝังให้เกียดชังคนพุทธ และเจ้าหน้าที่รัฐเป็นอย่างมาก และพวกมันพยามโพสย่ำ ๆ ไปให้คนเห็นและเชื่อตามกัน ซึ่งมีคนไม่น้อยทีเดียวทีเชื่อเนื่องด้วยไม่มีการคิดวิเคราะห์นั้นเอง

          เรื่องการปล่อยข่าวลือ และการบิดเบือนข้อเท็จจริง มันคู่กับสังคม 3 จชตบ้านเรา และแก้ยากหากรัฐไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา หน่วยงานไซเบอร์ที่ตั้งขึ้นก็มั่วแต่ไปเล่นกลุ่มการเมือง แต่ไม่จัดการพวกบิดเบือนใน 3 จชต

         ทางเราก็ไม่ทราบว่าจะปล่อยให้มันบิดเบือนทำไม กลับกลายเป็นพวกเรากันเองที่ต้องออกมาจัดการพวกบิดเบือนพวกนี้ในการเปิดเผยความจริง ถ้าท่านไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาก็จงออกไปทำอย่างอืนซะ ที่แห่งนี้เป็นสถานที่สำหรับคนเสียสละจริง ๆ ทั้งเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อย ผู้ใหญ่ และทุกคนในพื้นที่ฝาก ๆ ให้คิดกันครับ

‘โรงเรียนอิสลามบูรพา’..กับความเชื่อมโยงกลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็น




โดย : ‘ลมใต้ สายบุรี’

           เมื่อกล่าวถึง “โรงเรียนปอเนาะ” รวมไปถึง “โรงเรียนสอนศาสนาเอกชน” ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คนในพื้นที่ต่างรู้จักกันเป็นอย่างดีเนื่องจากส่งบุตรหลานเข้ารับการศึกษาจากสถาบันเหล่านั้นซึ่งมีอยู่มากมายหลายพันโรง แต่สำหรับคนทั่วไปแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่รัฐกลับมองว่า “โรงเรียนปอเนาะ” หรือ “โรงเรียนสอนศาสนาเอกชน” เป็นแหล่งบ่มเพาะ ซ่องสุมกำลัง ซุกซ่อนอาวุธของกลุ่มขบวนการที่สู้รบปรบมืออยู่กับรัฐ

           อะไร? คือสาเหตุที่คนทั่วไปและเจ้าหน้าที่รัฐ มอง “โรงเรียนปอเนาะ” หรือ“ โรงเรียนสอนศาสนาเอกชน” เหล่านั้นในแง่ลบ ซึ่งจะต้องมีเหตุและผลถึงความเป็นมาจะต้องมีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้มีความเชื่อแบบนั้น

        เนื่องจากการจัดการเรียนการสอนของ “โรงเรียนปอเนาะ” เหมือนกับโรงเรียนประจำ กินอยู่หลับนอนอยู่ภายในโรงเรียน การควบคุมดูแลของสถาบันการศึกษาเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง อีกทั้งที่ผ่านมาการเข้าไปตรวจสอบดูแลกระทำได้ยากเพราะมีบุคคลบางกลุ่มพยายามกล่าวอ้างว่า “โรงเรียนปอเนาะ”เป็นสถานที่สอนศาสนา การเข้าไปทำการตรวจสอบเป็นการคุกคามและไม่ให้เกียรติสถานที่ เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปสอดส่อง กลุ่มขบวนการได้ฉวยโอกาสใช้ “โรงเรียนปอเนาะ” บางแห่งใช้เป็นแหล่งบ่มเพาะ ซ่องสุมกำลังทำการก่อเหตุในพื้นที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมา “โรงเรียนปอเนาะ” ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนการและได้มีการสั่งปิดกิจการและเพิกถอนใบอนุญาต ที่รู้จักกันดีคือ โรงเรียนญีฮาดวิทยา (ปอเนาะญีฮาด) และโรงเรียนอิสลามบูรพา“ปอเนาะสะปอม”

          “ปอเนาะญีฮาด” ถูกศาลแพ่งพิพากษายึดที่ดินเนื้อที่ 14 ไร่ 1 งาน 42 ตารางวา ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงเรียนให้ตกเป็นของแผ่นดินเมื่อที่ 15 ธันวาคม 2558 ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่สนับสนุนเกี่ยวกับการกระทำการก่อการร้าย

         ส่วน โรงเรียนอิสลามบูรพา“ปอเนาะสะปอม”มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนการ เนื่องจากมีการใช้บริเวณโรงเรียนเป็นสถานที่ฝึกอาวุธและเป็นแหล่งหลบซ่อนของผู้ก่อเหตุร้ายหลังปฏิบัติการ จึงมีเหตุอันควรเพิกถอนใบอนุญาต มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2550 แต่คณะผู้บริหารโรงเรียนอิสลามบูรพา และผู้บริหารมูลนิธิอัดดีรอซาตอัลอิสลามียะห์ชุดใหม่ ยังมีความพยายามที่จะจัดตั้งโรงเรียนขึ้นมาใหม่ โดยใช้ชื่อโรงเรียนว่า “โรงเรียนมิฟตาฮุลอูลูมอนุสรณ์”

ย้อนรอย“โรงเรียนอิสลามบูรพา”

         “โรงเรียนอิสลามบูรพา” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า “ปอเนาะกาปงบารู, ปอเนาะสะปอม หรือ ปอเนาะบูเกะตันหยง” ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านใหม่ หมู่ 5 ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส ถูกสั่งปิดเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2550 ภายหลังฝ่ายความมั่นคงได้เข้า ตรวจค้นภายในโรงเรียนเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ปีเดียวกัน และสามารถจับกุมผู้ต้องหา ผู้ต้องสงสัยรวมทั้งสิ้น 7 คน พร้อมด้วยของกลางวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง และอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนมากจากบ้านร้างซึ่งตั้งอยู่ในเขตโรงเรียน หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้คือ นายมะนาเซ ยา แกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบที่มีความเชี่ยวชาญด้านการต่อวงจรระเบิด และยังเป็นครูฝึกให้กับแนวร่วมรุ่นใหม่

“โรงเรียนอิสลามบูรพา”กับความเชื่อมโยงกลุ่มขบวนการ

          จากข้อมูลเชิงลึก “โรงเรียนอิสลามบูรพา” มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับเครือข่ายกลุ่มขบวนการ B.R.N.Coordinate เป็นส่วนหนึ่งในโครงสร้างโรงเรียนโฆษณาชวนเชื่อของขบวนการ B.R.N. โดย เมื่อเดือนธันวาคม 2533 แกนนำกลุ่ม B.R.N.Coordinate ในพื้นที่ จชต.จำนวน 12 คน ได้เข้าร่วมประชุมกับกลุ่ม BKPP ที่“โรงเรียนอิสลามบูรพา”เนื่องจากได้รับการร้องขอ ให้ นายฮาซัน ตอยิบ แกนนำ B.R.N.Coordinate ที่หลบหนีอาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซีย ให้เข้าร่วมกับกลุ่ม BKPP ซึ่งผลการประชุมปรากฏว่ามีมติไม่เข้าร่วม


เหตุระเบิดนำไปสู่การเข้าตรวจสอบ“โรงเรียนอิสลามบูรพา”

           เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2550 เวลาประมาณ 00.30 น. ได้เกิดเหตุระเบิดบริเวณสวนยางพาราของ นายสุข คงจันทร์ ริมถนนสาย บ้านสะปอม – บ้านจาเราะสะโตร์ หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังร่วมกับตำรวจ, ฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุพบรอยเลือดที่คาดว่ากลุ่มคนร้ายได้รับบาดเจ็บ จากการลอบวางระเบิด โดยระเบิดของกลุ่มคนร้ายเอง และพบว่าต้นยางพารา ของ นายสุข คงจันทร์ ถูกตัดโค่นได้รับความเสียหาย ประมาณ 300-400 ต้น โดยคนร้ายได้ลอบวางระเบิดไว้ที่บริเวณทางเข้าแต่ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นก่อน

           จากเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ติดตามตรวจสอบขยายผลพิสูจน์ทราบ บริเวณพื้นที่โรงเรียนอิสลามบูรพา และจับกุมผู้ต้องหาคดีก่อเหตุความไม่สงบพร้อมอาวุธ ยุทโธปกรณ์ และอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนมาก

         หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัว นายอุเซ็ง ปุโรง เจ้าของ/ผู้จัดการโรงเรียนอิสลามบูรพา ไปให้ข้อมูลโดย นายอุเซ็งฯ ยอมรับว่า ตนเองมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาฝ่ายอูลามา(ผู้รู้ทางศาสนา)ในสภาองค์การนำ (DPP) ของ BRN และเป็นที่ปรึกษาฝ่ายอูลามา ของคณะกรรมการเขต (กัส) จ.นราธิวาส ตามโครงสร้างของ DPP

ผลการตรวจค้น“โรงเรียนอิสลามบูรพา”นำไปสู่การเพิกถอนใบอนุญาต

         หลังจากเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจค้น “โรงเรียนอิสลามบูรพา ”นายอุเซ็ง ปุโรง เจ้าของ/ผู้จัดการโรงเรียนอิสลามบูรพา ยอมรับมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนการ ในเวลาต่อมาได้มีการประชุมด่วนผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ซึ่งที่ประชุมมีมติลงความเห็นว่าทาง “โรงเรียนอิสลามบูรพา” เป็นแหล่งที่มีการประชุมวางแผนการก่อการร้าย การปลูกฝังอุดมการณ์ที่เป็นภัยต่อประเทศชาติ หรือมีการใช้บริเวณโรงเรียนเป็นสถานที่ฝึกอาวุธและเป็นแหล่งหลบซ่อนของผู้ก่อเหตุร้ายหลังปฏิบัติการ จึงมีเหตุอันควรเพิกถอนใบอนุญาต มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2550

         ทั้งนี้ คณะผู้บริหารโรงเรียนอิสลามบูรพา และผู้บริหารมูลนิธิอัดดีรอซาตอัลอิสลามียะห์ ชุดใหม่ ยังมีความพยายามที่จะจัดตั้งโรงเรียนขึ้นมาใหม่ โดยใช้ชื่อโรงเรียนว่า“โรงเรียนมิฟตาฮุลอูลูมอนุสรณ์” และได้ยื่นหนังสือถึงสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดนราธิวาส เขต 1 แต่ถูกผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส สั่งระงับ และให้ปิดการเรียนการสอนไว้ก่อน เพื่อขอเวลาพิจารณาในเรื่องคดีความมั่นคง โดยพยายามชี้แจงให้เห็นว่า “โรงเรียนอิสลามบูรพา” ยังมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุร้าย ในพื้นที่อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจากผลการปิดล้อมตรวจค้น และการตรวจสอบของชุดนิติวิทยาศาสตร์ ของ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ด้วยเครื่องมือพิเศษ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2551 และ วันที่ 5 พฤษภาคม 2551 เนื่องจากได้รับเบาะแสจากประชาชนว่ามีกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเข้าไปซุกซ่อนในโรงเรียน และมีการใช้สถานที่ป่ายางด้านหลังเป็นที่ฝึกซ้อมในการผลิตระเบิด ผลการตรวจสอบ พบสารปนเปื้อนในการประกอบวัตถุระเบิดในระดับเกี่ยวข้องและสัมผัส จากสิ่งของในห้องพักภายในโรงเรียนอิสลามบูรพา ซึ่งสารปนเปื้อนที่ตรวจพบครั้งนี้ เป็นสารใหม่ที่เพิ่งตรวจพบจากโรงเรียนอิสลามบูรพา จึงเชื่อว่า โรงเรียนแห่งนี้ยังมีผู้ก่อความไม่สงบเข้ามาเคลื่อนไหวอยู่

ความพยายามในการเปิด“โรงเรียนมิฟตาฮุลอูลูมอนุสรณ์”หลังถูกสั่งปิดไป 4 ปี


        เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2554 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาสเขต 1 ได้มีหนังสืออนุญาตให้เปิดการเรียนการสอน “โรงเรียนมิฟตาฮุลอูลูมอนุสรณ์” หรือ “โรงเรียนอิสลามบูรพา” โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550

       เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 โรงเรียนอิสลามบูรพาได้จัดงานพบปะผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา และศิษย์เก่าโรงเรียนอิสลามบูรพา ก่อนจะถูกคำสั่งปิดไปตั้งแต่เมื่อปี 2550 โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนใต้ในขณะนั้นเดินทางมาเป็นประธานมอบใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนอิสลามบูรพาด้วยตนเอง

ศาลจังหวัดนราธิวาสตัดสินประหารชีวิตอุสตาสโรงเรียนอิสลามบูรพา พร้อมพวก 5 คน

        เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2555 ศาลจังหวัดนราธิวาส พิพากษาตัดสินประหารชีวิตอุสตาสโรงเรียนอิสลามบูรพา พร้อมพวก 5 คน ในข้อหาคดีความมั่นคง เนื่องจากเป็นการกระทำความผิดที่อุกอาจ ร้ายแรง เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศชาติ และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม จึงเห็นสมควรลงโทษสถานหนักด้วยการประหารชีวิต 
  • นายมะนาเซ ยา, 
  • นายแวอัสมิง แวมะ, 
  • นายโมหะหมัดซอฮีมี ยา, 
  •  นายมะฟารีส บือราเฮง, 
  • นายฮารงหรืออารง บาเกาะ 
  • ส่วนนายรุสลี ดอเลาะ ศาลสั่งให้จำคุก มีกำหนด 27 ปี และ
  • นายมามะคอรี สือแม ได้ทำการหลบหนีในระหว่างการปล่อยชั่วคราว (ประกันตัว)

         “โรงเรียนอิสลามบูรพา”
ยังไม่พ้นพงหนามเสียทีเดียว เพราะวันที่ 21 กรกฎาคม 2559 ที่จะถึงนี้ ศาลแพ่งจะมีการพิจารณาในส่วนของคดีความ ซึ่งก่อนหน้านั้นเมื่อ 28 สิงหาคม 2555 พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สั่งอายัดทรัพย์ตามมติคณะกรรมการธุรกรรม ที่ให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน จำนวน 3 รายการ มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ในความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการก่อการร้าย โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง จะมีผลคำสั่งเป็นเช่นไร? น่าติดตามอย่างยิ่ง..

———————–
Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม